อวี้จิ่นบอกลาเพื่อนบ้าน หลังจากผ่านงานศพของยายเฒ่าลิ่ว
ได้เจ็ดวัน โดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปตามหาบุตรหลานของยายเฒ่าลิ่วเท่านั้น เพื่อนบ้านต่างอวยพรให้อวี้จิ่นปลอดภัยและทำภารกิจสำเร็จ บางคน มีมอบอาหารให้นางนำติดตัวไปคนละเล็กละน้อย ทำเอาอวี้จิ่น ถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นความมีน้ำใจจากชาวบ้านเพราะหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากตำบล จึงใช้การเดินเท้าอวี้จิ่นสำรวจสองข้างทางไปเรื่อย ๆ เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งในโลกใบใหม่ แต่ถ้านางต้องการเข้าเมืองย่อมไม่อาจเดินเท้าไปเองได้ ด้วยระยะทางที่ไกลจึงอาศัย
การนั่งเกวียนหรือรถม้าเท่านั้น ยังดีที่อวี้จิ่นมีเงินติดตัวมาห้าตำลึงเงิน กับเศษเหรียญอีแปะอีกเล็กน้อย นางถึงได้นั่งเกวียนวัวเข้าเมือง จ้าวโจวรอบสุดท้ายพอดี กว่าจะมาถึงเมืองจ้าวโจวก็เป็นเวลาพลบค่ำอวี้จิ่นอาศัยอารามร้างนอกเมืองเป็นที่หลับนอน เนื่องจากตอนนี้นางต้องประหยัดเงินไว้ก่อน ซึ่งที่นี่มีชาวบ้านที่นำของป่าที่ดูมีราคามาขายในเมือง พวกเขาก็เลือกที่จะพักในอารามร้างเช่นเดียวกัน แต่เป็นข่าวดีสำหรับอวี้จิ่นเมื่อชาวบ้านที่นั่งผิงไฟ เริ่มพูดถึงบุตรสาวของท่านเจ้าเมือง
ที่หายออกจากจวน แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตามหาก็ยังไม่พบตัว“นี่เจ้าว่าบุตรสาวท่านเจ้าเมืองหายไปที่ใดรึ หลายวันแล้ว
ที่เจ้าหน้าที่ออกตามหาแต่ยังไร้วี่แวว”“ข้าว่านะคุณหนูว่านต้องถูกคนลักพาตัวไปแน่ ๆ”
“หรือว่าจะมีโจรภูเขาออกอาละวาดปล้นฆ่า และฉุดสตรีที่งดงาม พากลับไปปรนเปรอบำเรอกาม ในกลุ่มโจรหรือไม่ถึงไม่มีใครตามหา
ตัวนางพบนี่ก็ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วนะ”‘หืม ลูกสาวเจ้าเมืองหายตัวไปงั้นเหรอน่าสนใจดี ไว้พรุ่งนี้เช้า เข้าเมืองได้ค่อยไปถามผู้คนในเมืองอีกรอบก็แล้วกัน’
“แต่ข้าว่านางอาจจะหนีตามคนรัก ที่ฐานะยากจนก็เป็นได้นะ
หากเป็นข้อนี้ก็น่าสงสารฝ่ายบุรุษที่ฐานะต่ำต้อย มิใช่คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจทำเช่นนี้ะ”“นั่นน่ะสิหากฐานะเช่นพวกเรา นั่นคงเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง ระหว่างบุตรสาวขุนนางกับชาวนายากจนแน่นอน”
“เฮ้อ โชคชะตาช่างเล่นตลกร้ายกับมนุษย์อย่างเราเสียจริง”
อวี้จิ่นนั่งอยู่ในมุมหนึ่งเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ยังดีที่เสื้อผ้าค่อนข้างเก่าจึงไม่มีใครสนใจนางเท่าใดนัก จนกระทั่งคนอื่น ๆ นอนพัก
เอาแรงกันหมดแล้ว อวี้จิ่นถึงได้แอบเข้าไปในมิติเพื่อหาของกินให้อิ่มท้องภายในมิติแห่งนี้กว้างใหญ่สมกับเป็นตลาดครอบจักรวาล
ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ ร้านขายยาหน้าตาแปลก ๆ ที่บอกว่าเป็นยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค อวี้จิ่นหยุดชะเง้อมองเข้าไปด้านในเล็กน้อย แต่เพียงประเดี๋ยวก็เดินไปหาของกินต่ออีกทางอวี้จิ่นเดินไปหาร้านซาลาเปาที่ยังคงความร้อนอยู่ และร้านติดกันก็เป็นร้านหมูปิ้ง ที่กลิ่นหอมของมันชวนให้ท้องร้องหนักมาก อวี้จิ่นใช้เวลาเติมพลังอยู่ในมิติเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น จึงกลับออกมานอนที่เดิม
ยามเหม่าของวันต่อมา อวี้จิ่นตื่นทีหลังชาวบ้านคนอื่นเล็กน้อย ก่อนจะล้างหน้าบ้วนปาก เตรียมตัวไปต่อแถวเข้าเมืองจ้าวโจว หากไปสายต้องยืนต่อแถวยาวเหยียดตากแดดร้อน ๆ กันพอดี
เมื่อผ่านการตรวจป้ายประจำตัวเข้าเมืองมาได้ อวี้จิ่นไม่รอช้า
รีบหาลู่ทางสืบข่าว เกี่ยวกับบุตรสาวของจวนเจ้าเมืองทันที แต่รายละเอียดของเรื่องราวมิได้มีใจความสำคัญเท่าใดนัก เพราะฉะนั้นอวี้จิ่นจึงตัดสินใจ ที่จะไปพบท่านเจ้าเมืองที่ศาลาว่าการแทน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ไม่ยอมให้นางได้พบท่านเจ้าเมือง“พี่ชายเจ้าคะไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมือง ยังต้องการคนช่วยตามหาบุตรสาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“หืม เจ้าถามไปทำไม เป็นสตรีจะช่วยเรื่องตามหาคนได้อย่างไร เจ้าเข้าเมืองมาหางานทำก็ไปหาที่อื่น อย่าได้มาสร้างความวุ่นวายที่นี่”
“พี่ชายข้าสามารถช่วยตามหาคุณหนูว่านได้จริง ๆ นะเจ้าคะ
ท่านช่วยพาข้าไปพบท่านเจ้าเมืองด้วยเถิด หากปล่อยเวลาให้ผ่านไป เรื่อย ๆ เช่นนี้อาจจะไม่ทันการณ์ได้นะเจ้าคะ” อวี้จิ่นยังคงยืนกราน จะขอเข้าพบท่านเจ้าเมือง“เอ๊ะ! เจ้าฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไร อย่าได้วุ่นวายอีก
รีบไปเสีย เพราะเรื่องคนที่จะช่วยตามหาคุณหนูว่าน พวกเรารับเฉพาะ บุรุษเท่านั้นไม่รับสตรีมาเป็นภาระหรอกนะ”“ทำไมพวกท่านถึงดะ”
ขณะที่อวี้จิ่นถกเถียงกับเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้าประตู ก็มีเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน ทุกคนจึงหันไปทางต้นเสียง พอได้เห็นท่าทาง
ของเจ้าหน้าที่อวี้จิ่นจึงเดาได้ว่า เจ้าของเสียงนี้คือท่านเจ้าเมือง อย่างแน่นอน“มีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังไปถึงด้านใน ใครพอจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้างไหม” ว่านเหิงหลวนได้รับรายงานจากคนสนิท ว่ามีเด็กคนหนึ่งยืนถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าประตู เพราะต้องการพบตนเอง
เกี่ยวกับเรื่องของบุตรสาว“เรียนใต้เท้าเด็กสาวคนนี้บอกว่าต้องการพบท่าน เนื่องจากนางสามารถช่วยตามหาคุณหนูได้ขอรับ ข้าได้บอกไปแล้วว่าจะรับเฉพาะ
บุรุษเท่านั้นไม่รับสตรี แต่นางก็ไม่ยอมยืนกรานที่จะพบใต้เท้าให้ได้ขอรับ”“หืม เจ้าบอกว่า สามารถช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้เช่นนั้นรึ ทุกคนออกตามหาอยู่หลายวัน ยังไร้วี่แววว่าจะพบตัว แล้วเจ้ามีวิธีใด
ที่จะช่วยตามหาตัวนางให้พบได้เล่า” ใต้เท้าว่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งมิได้โมโหแต่อย่างใด“แน่นอนว่าข้าย่อมมีวิธีที่ใครก็ไม่อาจทำได้ ขอเพียงท่านเจ้าเมืองอนุญาตให้ข้าได้พบฮูหยิน และสาวใช้คนสนิทของคุณหนูว่าน รับรองว่าวันนี้ท่านเจ้าเมือง จะได้ตัวคุณหนูว่านกลับมาอย่างปลอดภัย แต่หากท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องไร้สาระของเด็กสาวคนหนึ่ง ท่านกับฮูหยิน
จะไม่ได้พบกับบุตรสาวคนนี้อีกตลอดกาล” อวี้จิ่นไม่ได้พูดล้อเล่น กับเจ้าเมืองว่าน เพราะความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้นจริง ๆ“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้ง ตามข้าไปพบฮูหยินที่จวนเถิด
หากเจ้าช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้จริง เงินรางวัลห้าสิบตำลึงทอง จะเป็นของเจ้า แต่หากกลับกันเจ้าคงรู้นะว่า จะเกิดอะไรหากทำไม่ได้อย่างที่พูดเอาไว้”“เจ้าค่ะเรื่องนั้นข้าย่อมรู้และเข้าใจดี”
“อืม”
อวี้จิ่นตามเจ้าเมืองว่านไปยังจวนหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับตำแหน่งเจ้าเมืองจ้าวโจวแห่งนี้ เจ้าเมืองว่านให้พ่อบ้านไปเชิญฮูหยินเอกของตน และสาวใช้ของบุตรสาวอีกสองคนมายังห้องรับแขกของจวน
“ท่านพี่ให้พ่อบ้านไปตามข้ากับสาวใช้ของชิงเอ๋อร์มาที่นี่ หรือว่า
มีเรื่องเกี่ยวกับลูกของเราแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” หั่วฮูหยินเป็นห่วงบุตรสาวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน เอ่ยถามกับสามีเมื่อได้ยินจากพ่อบ้านว่าสามีต้องการพบนาง“น้องหญิงใจเย็น ๆ นั่งลงก่อนเถิดนะ ที่พี่ให้คนไปตามเจ้ามาพบ เนื่องจากเด็กสาวคนนี้นางบอกว่าสามารถช่วยตามหาชิงเอ๋อร์ได้”
“คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ” อวี้จิ่นทำความเคารพอย่างที่เคยดูในซีรี่ย์จีนโบราณเรื่องโปรด
“เจ้าพูดจริงหรือไม่ เรื่องการตามหาชิงเอ๋อร์ของข้าน่ะ เจ้าไม่ได้โกหกให้ข้ากับสามีดีใจเก้อใช่ไหม” หั่วฮูหยินได้ยินสามีพูดถึงอวี้จิ่นเช่นนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“เรียนฮูหยิน ข้าไม่คิดสร้างเรื่องโกหกให้ตนเองต้องเดือดร้อน
ทีหลังแน่เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคนไหนคือสาวใช้ของคุณหนูว่านหรือเจ้าคะ”“อ้อ เป็นนางสองคนอาฟานกับอาส่าง ที่คอยดูแลชิงเอ๋อร์
ของข้าน่ะ” หั่วฮูหยินหันไปชี้ตัวสาวใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างกับอวี้จิ่น“ข้าอาฟาน”
“ข้าอาส่าง”
‘อ้าว ทำไมต้องเสียงแข็งกับข้าล่ะ ท่าทางจะมีพิรุธนะสาวใช้ ที่ชื่ออาส่างนี่ หึ อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้าวไม่ออกแน่’
“สวัสดีพี่สาวทั้งสองเจ้าค่ะ พี่อาฟานข้ารบกวนท่านยื่นมือออกมาให้ข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”
“ได้สิ”
หมับ! วูบ!
อวี้จิ่นยื่นมือไปจับมือของอาฟานไว้ และภาพต่าง ๆ ในวันเกิดเหตุก็ฉายชัดอยู่ในห้วงความคิดของตนทันที เห็นได้ชัดว่าอาฟานซื่อสัตย์
รักและเป็นห่วงเจ้านายอย่างแท้จริง นางปกป้องว่านอี้ชิงจนถูกคนทำร้ายจากด้านหลัง เป็นเหตุให้หมดสติเปิดโอกาสให้คนร้ายได้ตัวของว่านอี้ชิงไป“อืม ต่อไปก็ตาท่านแล้วเจ้าค่ะพี่อาส่าง”
“ฮึ เจ้าเช็ดมือเสียหน่อยเถิดข้าเห็นแล้วขยะแขยง”
“อาส่างอย่าเสียมารยาทนาง แค่จับมือประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น” เจ้าเมืองว่านหันไปอบรมสาวใช้ของบุตรสาว
“เจ้าค่ะนายท่าน”
“หึ ขอบคุณพี่สาวท่านวางใจเถิดมือข้าสะอาดกว่าท่านเยอะ”
และแล้วเหตุการณ์ที่เห็นผ่านการสัมผัสมือของอาส่าง ทำให้อวี้จิ่นค่อย ๆ เม้มปากพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับความโกรธ
อันเกิดจากภาพที่เห็น ช่างเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากจริง ๆ สำหรับเรื่อง ความริษยาของสตรี แต่ที่ทำให้อวี้จิ่นรับไม่ได้ และตัดสินใจหักข้อมือ ของอาส่าง คือการที่สาวใช้คนนี้ใช้แจกันใบใหญ่ ทุบไปที่ศีรษะของอาฟานอย่างแรง เพื่อทำให้แผนการของเจ้านายตัวจริงสำเร็จ“พรึ่บ! กร๊อบบบ!! กรี๊ดดดด!!”
“โอ๊ย เจ้าทำร้ายข้าทำไม ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าทำข้อมือ
ข้าเจ็บไปหมดแล้ว”“จะ จะ เจ้าทำเช่นนั้นกับอาส่างทำไมหรือแม่นาง เหตุใดไม่พูดจากันดี ๆ เล่า” หั่วฮูหยินตกใจรีบลุกขึ้นไปหาสามีทันที ที่อาส่างกรีดร้อง
ด้วยความเจ็บ“เรียนท่านเจ้าเมือง ให้คนของท่านนำเชือกมามัดนางไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เพราะท่านยังต้องทำการลงโทษสาวใช้คนนี้พร้อมกับผู้ร้ายที่เหลือ”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”
“นายท่านนางใส่ร้ายบ่าวเจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้ว่านางพูดถึงเรื่องอันใด นายท่านอย่าได้เชื่อคำพูดไร้สาระของนางนะเจ้าคะ” อาส่างเริ่มกังวลว่าอวี้จิ่นจะมีเบาะแสเกี่ยวกับว่านอี้ชิง จึงพยายามพูดให้ตนเองน่าสงสาร
“หุบปาก!! ข้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อนาง ไม่จำเป็นให้เจ้ามาสอน
ถ้ายังไม่เงียบปากของเจ้าข้าจะให้คนตบปากเจ้าทันที”“มีคนต้องการให้บุตรสาวของตน แต่งงานกับว่าที่บุตรเขย
ของท่าน จึงได้วางแผนลักพาตัวคุณหนูว่าน เพื่อทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ความอิจฉาริษยาของสตรี เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากนะเจ้าคะ ท่านเจ้าเมือง” อวี้จิ่นพูดชี้นำเพราะนางคิดว่าเพียงเท่านี้ เจ้าเมืองว่าน น่าจะพอคาดเดาผู้อยู่เบื้องหลังได้แล้วว่าเป็นใคร“ปัง!! บัดซบ!! นางกล้าดีอย่างไร ถึงวางแผนทำร้ายชิงเอ๋อร์
ได้ถึงเพียงนี้ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางวางแผนสกปรก อยู่ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวานนั่นมาเสมอสินะ” เจ้าเมืองว่านรู้ได้ในทันทีว่า คนที่อวี้จิ่นพูดถึงคือใคร“ยามนี้ท่านเจ้าเมือง ควรไปช่วยคุณหนูว่านออกมาจากที่นั่นเสียก่อน เพราะคณหนูว่านไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว มีเพียงน้ำเปล่าที่ช่วยต่อเวลาชีวิตให้นางเพียงเท่านั้น และนางอยู่ในห้องลับของเรือน
คนที่ท่านเจ้าเมืองได้คาดเดาเอาไว้นั่นแหละเจ้าค่ะ เรื่องอื่นค่อยจัดการ ทีหลังเมื่อคุณหนูว่านปลอดภัยเถิดเจ้าค่ะ” การมีภรรยาหลายคน มักจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่บุรุษยุคโบราณคิดแค่เรื่องการขยาย วงศ์ตระกูลมากกว่า“เช่นนั้นรบกวนเจ้าอยู่กับฮูหยินที่นี่ก่อน ข้าจะพาคนไปจัดการเรื่องนี้แล้วเราค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยรอได้เชิญท่านเจ้าเมืองเถิด”
“อาจู้ร์นำกำลังคนไปล้อมเรือนฮูหยินรองไว้ทุกด้าน ส่วนพ่อบ้านพาคนไปตรวจสอบบ่าวไพร่ในจวนทุกคน ใครที่มีพิรุธจับตัวเอาไว้
แล้วพามาพบข้าทีหลัง” แม้จะอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น แต่เจ้าเมืองว่านก็ยังห่วงฮูหยินเอกของตน“ขอรับนายท่าน/ขอรับนายท่าน”
ในที่สุดการตามหาบุตรสาวก็ได้สิ้นสุดลงเสียที เมื่อเจ้าเมืองว่านนำคนไปค้นจนพบห้องลับในเรือนของฮูหยินรอง ที่บุตรสาวอีกคนของตนกำลังทรมานว่านอี้ชิงอยู่ เมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาฮูหยินรอง
ไม่อาจปฏิเสธได้ นางอ้างถึงความรักและสงสารบุตรสาว จึงได้ทำเรื่อง ชั่วช้าลงไป นางพยายามร้องขอความเห็นใจจากสามี แต่นางคงคาดไม่ถึงว่าบุรุษอย่างเจ้าเมืองว่าน จะเด็ดขาดกับการทำผิดเช่นนี้“นำตัวฮูหยินรองกับบุตรสาวของนาง รวมถึงสาวใช้และบ่าวไพร่
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไปรับโทษโบยยี่สิบไม้จากนั้นเนรเทศไปเป็นทาสในเหมืองของแคว้น เอาตัวไปลงทัณฑ์!” เพราะฮูหยินรองคนนี้ได้มาจากความไม่เต็มใจ เมื่อมีโอกาสกำจัดนางออกไปจากจวนได้ เจ้าเมืองว่าน จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินโทษร้ายแรงให้พวกนาง“นายท่าน!!/ท่านพ่อ!!”
“นายท่านโปรดเมตตาด้วย!” ฮูหยินรองถึงกับรีบร้องขอความเมตตา เมื่อสามีที่นางใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะนี้ ตัดสินโทษหนักให้นางกับบุตรสาว โดยไม่พิจารณาถึงคำว่าภรรยาและลูกสักนิด
“ท่านพ่อ! ข้าเป็นลูกของท่านเช่นกันนะ ท่านพ่อ! ฮือ ๆ ๆ”
เจ้าเมืองว่านไม่เห็นแก่สัมพันธ์ส่วนตัว ในเมื่อกระทำความผิด ย่อมได้รับโทษตามกฎหมายหากเขาเห็นแก่ตัว จะมีชาวบ้านเคารพนับถือว่าเป็นเจ้าเมืองที่มีความยุติธรรมได้อย่างไร
เมื่อจบเรื่องอวี้จิ่นได้เงินรางวัลห้าสิบตำลึงทองมาอยู่ในมือ
จึงเตรียมหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ผลัดเปลี่ยนยามเดินทาง อวี้จิ่นกลับมาใส่ชุดสตรีเนื้อผ้าธรรมดาทั่วไปที่ดูไม่โดดเด่น ถึงอย่างไรร่างนี้เพิ่งจะพ้น วัยปักปิ่นเท่านั้น ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มจึงไม่น่าดึงดูด และมันเป็นการดีซึ่งช่วยให้ไม่มีบุรุษใด มองอวี้จิ่นอย่างเสน่หาถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองถัดไป ด้วยรถม้าที่เจ้าเมืองว่าน
หามาให้ อวี้จิ่นไม่ลืมเตือนให้เจ้าเมืองว่าน ยึดมั่นปณิธานการเป็นขุนนางตงฉินต่อไป เพราะนางได้บอกกับเจ้าเมืองว่านกลาย ๆ ว่าในอนาคต เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง และเจ้าเมืองว่านก็เชื่อว่าที่อวี้จิ่นพูดมาย่อมเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นในเรื่องของบุตรสาวมาแล้วนั่นเองฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า
ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ
หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก
ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ
ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก
หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ