ในชาติก่อนนางถูกคำว่ารักของเขาพันธการเอาไว้ ทว่าก่อนนางสิ้นลมจึงได้รู้ว่าตัวเองช่างโง่เขลา! เมื่อสวรรค์ให้โอกาสเกิดใหม่อีกหน นางขอสาบานว่าสามีผู้นี้นางไม่ขอร่วมผูกผมด้วยเป็นอันขาด แม้ตายก็ไม่ยอม!!
View Moreงานเลี้ยงจวนตระกูลมู่หลังจากที่ตระกูลมู่เดินทางมายังเมืองหลวงได้เกือบ 1 เดือน มู่อู๋ซวนก็ได้จัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองให้กับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ประจำเมืองหลวงที่เขาได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาท งานเลี้ยงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทว่ายังคงให้ความหรูหราในเรื่องของอาหาร น้ำชา และสุราที่เอามารับรองแขก ทุกอย่างล้วนเป็นของชั้นเลิศทั้งสิ้น สิ่งนี้เองที่ทำให้ชนชั้นสูงในเมืองหลวงต้องมองตระกูลมู่ในสายตาที่เปลี่ยนไป"คารวะท่านแม่ทัพใหญ่มู่ ยินดีด้วยนะขอรับ"รองเสนาบดีกรมคลังนำของขวัญมามอบให้กับมู่อู๋ซวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สายตาที่มากเล่ห์เลยมองไปทางด้านหลังยังตำแหน่งของมู่เสี่ยวชิง เขาเห็นว่าอายุของนางใกล้เคียงกับบุตรชายของตน ภายในใจจึงกำลังดีดลูกคิดรางแก้วว่าควรจะเกี่ยวดองกับตระกูลมู่เลยดีหรือไม่"ขอบคุณ ๆ เชิญท่านรองเสนาบดีชุนด้านใน"มู่อู๋ซวนยิ้มรับทว่าหางคิ้วกับกระตุกไปมา เขาที่เห็นสายตามากเล่ห์ของอีกฝ่ายจะไม่รู้เลยหรือว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด แม้เขาจะเอาแต่กรำศึกในสนามรบ แต่ใช่ว่าเรื่องการเมือง เรื่องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในราชสำนักเขาจะไม่รู้เรื่องเลย เพียงแต่เขายังตั้งตนอยู่ตรงกลาง ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดทั้
บทที่ 3งานเลี้ยงตระกูลมู่ทันทีที่มู่เสี่ยวชิงกลับมาถึงเรือนหยกงาม นางก็ปิดประตูเรือนขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาเป็นอันขาดแม้แต่ชงเหยาก็ยังต้องรออยู่ด้านนอก"ชงเหยา พี่ใหญ่เล่า" มู่ห่าวหรานเอ่ยถามสาวใช้ที่ยืนกระสับกระส่ายไปมาด้วยความสงสัย"คุณหนูอยู่ในเรือนเจ้าค่ะ บ่าวรู้สึกไม่ดีเลยเหมือนคุณหนูกำลังปิดบังอะไรอยู่เลย แววตาของคุณหนูก็น่ากลัวมากเจ้าค่ะ" "เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำอย่างอื่นก่อนเถิด""เจ้าค่ะ"คล้อยหลังที่ชงเหยาเดินจากไปแล้ว มู่ห่าวหรานมองไปยังประตูที่ยังปิดสนิทด้วยความกังวลใจ เพียงไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมา แม้จะเบาบางแต่เพราะเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์จึงได้ยินอย่างชัดเจน "พี่ใหญ่... เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านกันแน่ เหตุใดในแววตาของท่านถึงได้มีความเศร้าหมองแฝงเอาไว้อยู่ตลอดเวลา" มู่ห่าวหรานเอ่ยกับตัวเอง แล้วจึงเดินล่าถอยออกไปอีกคน เขาคิดมานานแล้วว่าตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงพี่สาวของเขาก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างสังเกตได้โดยเฉพาะท่านพ่อที่ถึงกับเรียกเขาไปพบในห้องส่วนตัว"แววตาของเสี่ยวชิงและอุปนิสัยที่ร่าเริงอ่อนโยนของนางเปลี่ยนไปราวกับมีเรื่องอะไรในใจ เจ้าที
"ทะ ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ โปรดไว้ชีวิตของข้าด้วย ฮือ ๆ ข้ายอมท่านทุกอย่างเลย ขอเพียงปล่อยน้องชายที่อายุแค่ 5 หนาวของข้าไปก็พอเจ้าค่ะ" นางเอ่ยต่อรองด้วยสีหน้าที่ชวนให้ผู้คนรู้สึกสงสารจับใจ"เจ้าไม่ต้องคิดมาใช้แผนหญิงงามกับข้า ตัวเจ้าหาได้งดงามจนข้ารู้สึกพิศวาสไม่ เอาตัวนางไปขังคุก!!""ทะ ท่านแม่ทัพ..."สตรีผู้นั้นผงะไปด้วยความตกตะลึง นางงามไม่พอหรือ... เหตุใดเขาถึงไม่แม้แต่จะชายตาแลนางเลยสักนิด หรือว่าเขามีสตรีในดวงใจเสียแล้ว?ซานเย่ที่รู้ดีว่าท่านแม่ทัพกำลังจะเกิดโทสะ เขาจึงรีบลากตัวสตรีผู้นั้นออกไปทันที นางทำได้แต่มองแม่ทัพใหญ่ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเสียดายและเสียใจ การเป็นอนุของเขาย่อมดีกว่าการต้องเป็นเชลยที่มิอาจจะรู้ได้ว่าชีวิตของนางจะไปยังจุดไหน อาจจะต้องตกต่ำอย่างถึงขีดสุด จนแม้แต่ตัวนางเองอยากตายก็เป็นได้...คล้อยหลังที่สตรีนางนั้นจากไปแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่จึงได้ถอดชุดเกราะอันหนักอึ้งของตนออกไป ใบหน้าที่เคยสุขุมเย็นชาพลันยกยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างช้า ๆ'รอข้าก่อน... แล้วข้าจะรีบกลับไปหาเจ้า เสี่ยวชิงของพี่...'คิ้วกระบี่ที่รับกับดวงตาคมกริบดั่งใบมีดหลับ
บทที่ 2แม่ทัพใหญ่ผู้กระหายเลือดครอบครัวตระกูลมู่ได้เข้าไปสำรวจในเรือนหลังใหม่ด้วยความตื่นเต้น มู่อู๋ซวนพักยังเรือนหลักอันเป็นเรือนของท่านประมุขตระกูล ส่วนมู่ห่าวหรานนั้นได้พักยังเรือนฝั่งขวาข้างเรือนหลักของบิดา ทว่ามู่เสี่ยวชิงที่ควรจะพักเรือนฝั่งซ้ายกลับขอไปพักยังเรือนที่อยู่เกือบหลังจวน เนื่องจากนางไม่ต้องการจะเดินซ้ำรอยกับอดีตของตน นางจึงคิดจะเริ่มใหม่ตั้งแต่การเลือกเรือนพักของตน ซึ่งเรือนนี้ถือว่าใหญ่โตโอ่อ่ามิต่างกัน ทั้งยังมีแมกไม้ล้อมรอบเรือนที่ให้ความร่มรื่นเป็นอย่างมาก ถือว่าสงบเป็นอย่างยิ่ง"เสี่ยวชิง เจ้าแน่ใจหรือที่จะพักเรือนหลังนั้น" มู่อู๋ซวนเอ่ยถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง "เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกชอบเรือนหลังนั้นมาก ทั้งสงบและร่มรื่นเป็นที่สุดเลยเจ้าค่ะ" มู่เสี่ยวชิงเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"แต่พ่อคิดว่ามันไกลจากเรือนหลักมากไปนะ ให้พ่อจ้างช่างมาต่อเติมเรือนฝั่งซ้ายดีหรือไม่""หรือพี่ใหญ่จะเอาเรือนของข้าก็ได้นะขอรับ" มู่ห่าวหรานเอ่ยขึ้นมาบ้าง"ข้าพอใจเรือนหลังนี้เจ้าค่ะ และข้าก็ตั้งชื่อเรือนว่าเรือนหยกงามแล้วเจ้าค่ะ" มู่เสี่ยวชิงหันมาลูบศีรษะน้องชายด้วยความเอ็นดู "เรือนฝั่งขว
'การเกิดใหม่หนนี้ของข้าจะไม่ยอมให้เสียเปล่าเป็นอันขาด ทุกคนที่ทำชั่วจะต้องได้รับผลกรรมนั้น และข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่าข้ามู่เสี่ยวชิงจะไม่ขอแต่งงานร่วมผูกผมกับเฉิงอี้เทาเป็นอันขาด แม้ตายก็ไม่ยอม!!'เปรี้ยง เปรี้ยง!"กรี๊ดดด! เหตุใดถึงมีฟ้าผ่าลงมาได้กันเจ้าคะ น่ากลัวยิ่งนัก" ชงเหยาหดคอหลบด้วยความหวาดกลัว ขนกายของนางขนลุกซู่ด้วยความขลาดกลัวทั้งที่ท้องฟ้าด้านนอกยังคงสว่างไสว ไม่มีแม้แต่เมฆฝนเลย ทว่ากับมีฟ้าผ่าลงมาเสียได้ ไม่รู้ว่ามีผู้ใดทำให้ฟ้าพิโรธหรือไม่"แค่ฟ้าผ่าไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอกชงเหยา" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นจากร่างบอบบางของมู่เสี่ยวชิงนางหลับตาลงอีกครั้งเพื่อพักผ่อน ในเมื่อได้มีชีวิตใหม่เป็นครั้งที่สองแล้ว แน่นอนว่านางย่อมไม่ทำให้สวรรค์ต้องผิดหวังเป็นอันขาด!!ขบวนรถม้ากว่าห้าสิบคันของจวนตระกูลมู่ได้มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง สร้างความสนใจให้กับชาวเมืองหลวงเป็นอย่างมาก ด้วยขบวนรถม้าที่มีขนาดใหญ่ และทหารที่สวมชุดเกราะเหล็กที่ให้ความน่าเกรงขามนี้ มองอย่างไรขบวนรถม้านี่จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตเป็นแน่แท้"รถม้าผู้ใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ใหญ่โตยิ่งนัก"'เฉิงอี้เทา' บุตรชายเพียงคนเดียวของ
บทที่ 1เกิดใหม่อีกหนดวงวิญญาณของมู่เสี่ยวชิงล่องลอยอยู่ในอากาศโดยที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ นางมองดูทุกอย่างที่เป็นไปพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความยินดียิ่ง ชีวิตนี้ของนางได้รับความยุติธรรมแล้ว ทั้งบิดาและน้องชายรวมถึงพี่ชายท่านนั้นได้ทวงแค้นกับนาง ฉะนั้นนางจึงสามารถจากไปโดยไร้ซึ่งความทุกข์ใจอีก "ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณจริง ๆ เจ้าค่ะ" มู่เสี่ยวชิงร่ำไห้ออกมาอย่างมีความสุข ในตอนนั้นเองที่ดวงวิญญาณได้ถูกดูดออกไปจากภพนี้!"คุณหนูเจ้าคะ... ใกล้ถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ" น้ำเสียงดีใจที่ฟังดูคุ้นหูเรียกให้มู่เสี่ยวชิงลืมตาตื่นขึ้นมาจากนิทราอันแสนยาวนานของตน"เฮือก!"นางสะดุ้งเฮือกตกใจกับสิ่งรอบข้าง ดวงตาคู่สวยกวาดตามองโดยรอบอย่างพิจารณา และเพราะการกระทำนี้นี่เองที่ทำให้ 'ชงเหยา' สาวใช้ข้างกายมองดูคุณหนูของตนด้วยความฉงน"คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ เหตุใดถึงเหงื่อแตกเช่นนี้"ชงเหยารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หน้าผากมนของเจ้านายสาวด้วยความกังวลใจ "ข้าไม่เป็นอะไร แต่ว่า... ที่นี่คือที่ใดงั้นหรือ""เข้าสู่เมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ เราใช้เวลาเดินทางจากเมืองเหลียงซานมาเมืองหลวงก็หนึ่งเดือนกว่าเลยเจ้าค่ะ คุณหนูค
Comments