ดวงวิญญาณของหยกถูกพลังงานบางอย่าง ดึงไปอย่างแรง
เธอไม่มีโอกาสบอกลาเพื่อนสนิท เพียงคนเดียวอย่างไพลิน ที่ป่านนี้ คงร้องไห้เป็นเผาเต่า เมื่อรู้ว่าเธอตายในกองเพลิงแห่งนั้นด้วยแรงดึงมหาศาล ดวงวิญญาณของหยกเข้าไปอยู่ในร่าง
ของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ถูกงูพิษกัดที่ข้อเท้าด้วยร่างกายที่อ่อนแอ จึงไม่อาจหาสมุนไพรแก้พิษได้ทัน จึงต้องตายอย่างน่าอนาจ ซึ่งที่นี่เป็นโลกคู่ขนานของยุคจีนโบราณ ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนในประวัติศาสตร์ เมื่อหายใจและลืมตาขึ้นรอบ ๆ ตัวของหยกคือป่าแห่งหนึ่งของหมู่บ้านลิ่วหยางหยกจึงพยายามชันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องล้มลงนอนอีกครั้ง
พร้อมอาการปวดหัวที่ทำเอาเธอตาพร่ามัวไปหมด ภาพในหัวตอนนี้ เป็นความทรงจำของเจ้าของร่างตั้งแต่เด็ก มีหญิงชราคนหนึ่งเลี้ยงดู มาจนเติบโต แต่มักจะมีสายตาที่เศร้าสร้อย ยามมองมาที่ร่างบาง และที่สำคัญ เจ้าของร่างยังเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง“ทำไมคำขอของไอ้หยก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงให้ไม่ได้กันมันน่าโมโหนักโอ๊ย! นี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ หูหนวกตาบอดกันหรือยังไง หนูขอก่อนตายว่าอยากมีพ่อแม่ที่ร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือนะคะ แล้วนี่คืออะไร
ชาติก่อนก็เป็นเด็กกำพร้า ตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่น ก็ยังจะให้ ไอ้หยกเป็นเด็กกำพร้าเหมือนเดิมอีกเหรอเนี่ย”“อ๊าก! น่าโมโหจริง ๆ อย่าให้รู้นะว่าใครพามาเกิดใหม่ในโลกนี้
จะอวยพรให้นั่งไม่ได้นอนไม่ได้ไปร้อยปีพันปีหมื่นปีเลย เพี้ยง!”“ช่างทำกับไอ้หยกเด็กน้อยผู้น่าสงสารได้ลงคอ ตุบ เฮ้อ”
“อ๊ากกก!! ทำไมถึงเจ็บที่ก้นเช่นนี้ เล่าใครหน้าไหนมากลั่นแกล้งข้า โผล่หัวของเจ้าออกมาบัดเดี๋ยวนี้ แล้วนี่เทพจันทราหายไปไหน
ไม่กี่ชั่วยามก่อนยังนั่งดื่มสุราด้วยกันอยู่ หรือจะมีภารกิจผูกด้ายแดง”“พรึ่บ! เพียะ! เข้าให้จะได้ตื่นเต็มตาเสียทีเทพชะตา”
“โอ้ย!! เทพจันทรานี่เจ้าตีข้าด้วยเหตุใดกัน ประเดี๋ยวก็ไม่แบ่ง
สุราดอกท้อให้เสียนี่ อูย มือหนักจริง ๆ”“หึ ตีเจ้าด้วยเหตุใดน่ะหรือ ลองมองลงไปเบื้องล่างนั่นสิ
เด็กสาวคนนั้นร้องขอสิ่งใดแล้วดูเจ้ามอบสิ่งใดให้กับนาง ถ่างตาดู ให้กว้าง ๆ แล้วจะรู้ว่าทำไมเจ้าถึงนั่งหรือนอนไม่ได้”เทพชะตาเมื่อได้เห็นสิ่งที่ตนทำผิดพลาดกับหยกไว้ ถึงกับ
กุมศีรษะอันขาวโพลนจนสำนึกผิดแทบไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าจะมี ดวงวิญญาณ ที่เชื่อมโยงชะตาจากอีกโลกหนึ่งมาที่นี่ ถ้าอยากนั่งหรือนอนโดยไม่เจ็บปวด จำต้องไปขอโทษนางด้วยตนเองเท่านั้น“เฮ้อ ไม่น่าดื่มมากเกินไปจริง ๆ เจ้าก็มีส่วนผิดนะเทพจันทรา
ที่ไม่เตือนข้า ดังนั้นเจ้าต้องมีส่วนรับผิดชอบลงไปพร้อมกัน แล้วพวกเรา ให้พรกับนางคนละหนึ่งข้อเป็นอย่างไร”“จะ จะ เจ้านี่มันไร้ยางอายเสียเหลือเกิน แค่พรหนึ่งข้อข้าไม่หวงหรอกนะ แต่เจ้าต้องให้พรนางสองข้อข้าถึงจะยอมรับผิดชอบกับเจ้า”
“จิ๊ ๆ ๆ ได้ ๆ สองข้อก็สองข้อจะลงไปได้หรือยังเล่า อย่าให้มหาเทพรู้เข้าล่ะไม่ เช่นนั้นเจ้ากับข้ามีหวังไม่ได้ดื่มสุราดอกท้ออีกแน่”
“รู้แล้วน่ารีบไปกันเถิดก่อนที่นางจะลงเขากลับบ้านไปเสียก่อน”
ส่วนหยกที่ยังคงนั่งทำความคุ้นเคยกับร่างใหม่อยู่กลางป่า
ใกล้ ๆ มีตะกร้าที่ขึ้นมาหาสมุนไพร และผักป่ากลับไปทำอาหาร และนำสมุนไพรไปขายเพื่อซื้อยากลับมารักษายายเฒ่าลิ่ว แต่ร่างบาง ก็ต้องหงายหลังหมดสติลงไปอีกครั้ง เมื่อท่านเทพทั้งสองต้องการพบเธอในห้วงความคิด“โอ๊ะ! อะไรวะเนี่ยนั่งเฉย ๆ ก็ตายอีกรอบได้เหรอ แล้วทำไมมันมีแต่ควันขาว ๆ ไม่เห็นมีใครมารับเหมือนในละครล่ะ”
“เจ้ายังไม่ตายอีกรอบจะให้ยมทูตมารับไปได้อย่างไร พวกข้า
อยู่ด้านหลังของเจ้าต่างหากนางหนู” เทพจันทราตอบคำถามของหยก ที่ยืนบ่นโดยหันหน้าไปอีกด้าน“หืม เฮ้ยยย!! มะ มะ มาไงล่ะเนี่ยแล้วแต่งตัวอะไรแปลก ๆ
กำลังถ่ายซีรี่ย์เรื่องไหนกันอยู่อ่ะคุณลุง พระเอกหล่อป่ะแล้วทีมงาน ซ่อนอยู่ตรงไหนพาหนูไปดูเบื้องหลังด้วยคนสิได้ไหมคะ” หยกที่เห็นคนแต่งกายชุดจีนโบราณ ก็คิดว่ากำลังถ่ายทำซีรี่ย์กันอยู่“โป๊ก! อูย เจ็บ ๆ ๆ”
“เจ็บก็ดีผีเจาะปากมาพูดแท้ ๆ เอาล่ะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน
ข้าเทพชะตาส่วนอีกคนคือเทพจันทราสหายข้าเอง เรื่องที่ดวงวิญญาณของเจ้ามาเข้าร่างของเด็กสาวคนนี้ คงต้องขออภัยเจ้าจริง ๆ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่มีสติมากพอ จึงทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทั้งที่เจ้าไม่อยากเป็นเด็กกำพร้าแต่พอได้ร่างใหม่ก็ยังเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดี”“หึ ก็ใช่น่ะสิใครจะอยากเกิดมาลำบากอดมื้อกินมื้อกันเล่า”
“ฟังให้จบก่อนสินางหนู ประเดี๋ยวก็ทำให้เป็นใบ้ชั่วคราวเสียนี่
เอาล่ะตั้งใจฟังให้ดี แม้ร่างที่เจ้ามาเกิดใหม่ตอนนี้จะเป็นเด็กกำพร้า แต่ความเป็นจริงแล้วบิดามารดาของร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจาก เคราะห์กรรมที่เคยทำไว้ จำต้องถูกคนวางแผนทำร้าย ยังดีที่ยายแก่นั่น สงสาร จึงพาเจ้าหนีมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนรายละเอียดทั้งหมด เจ้าก็ไปถามกับยายแก่ที่บ้านเองเถิด คาดว่านางจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ” เทพชะตาเล่าเรื่องราวให้หยกได้รู้เพียงเล็กน้อย“เพราะพวกข้าสองคนทำให้เจ้าต้องมาลำบากอีกครั้ง จึงมีพร
ให้เจ้าขอได้สามข้อลองนึกดูดี ๆ สิ่งที่เจ้าอยากมีไว้เพื่อดูแลตนเอง และสามารถนำมันไปช่วยเหลือผู้อื่นที่ลำบาก มีอะไรที่อยากได้บ้าง เรื่องภาษาของโลกนี้อย่าได้กังวล เจ้าเข้าใจและพูดได้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ ในร่างนี้แล้วล่ะ” เทพจันทราถามความต้องการของหยก“อืม อย่างแรกต้องเกี่ยวกับปากท้อง ซึ่งมันสำคัญมากที่สุด
ในยุคโบราณเช่นนี้ ขอมิติตลาดครอบจักรวาลของโลกเดิม เป็นพร ข้อแรกค่ะ ส่วนข้อที่สองนั้นขอเป็นความสามารถในการทำนายดวงชะตา เพียงแค่เพ่งกระแสจิตหรือสัมผัสแค่ปลายนิ้ว ก็มองเห็นทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตของคนที่ต้องการช่วยเหลือ และคนชั่วที่ต้องได้รับโทษเท่านั้น ส่วนข้อสุดท้ายเทพจันทรามีหน้าที่ผูกด้ายแดงใช่ไหมคะ”“อืม ใช่นั่นคือหน้าที่หลักของข้าเจ้าถามทำไมรึ?”
“เช่นนั้นพรข้อที่สาม ขอเนื้อคู่ที่รักหนูแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ไม่เกรงกลัวอันตรายไม่ว่าคนผู้นั้นจะตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน ขอคนหน้าตาหล่อเหลาฐานะร่ำรวย สายเปย์ด้วยยิ่งดีได้ไหมคะท่านเทพ”“เรื่องแค่นี้เองน่ะหรือ ได้! เนื้อคู่ของเจ้าเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ
แต่จะได้พบพานเมื่อใดนั้น ข้าไม่อาจบอกกับเจ้าได้หวังว่าจะเข้าใจนะ” แต่เทพจันทราที่ลงมือผูกด้ายแดงกลับไม่ได้มองว่า เส้นด้ายเนื้อคู่ ที่มอบให้กับหยกนั้น เป็นบุรุษที่มีนิสัยยิ่งกว่าที่นางร้องขอเสียอีก“แล้วของท่านเทพชะตาล่ะคะจะให้เป็นแบบไหนดี”
“พรึ่บ!! มิติตลาดครอบจักรวาลของเจ้าอยู่ในปานดอกอิงฮวา
หลังใบหูข้างซ้าย ส่วนการทำนายดวงชะตาก็ทำเช่นที่เคยทำ และจะไม่กินพลังชีวิตของเจ้า การช่วยเหลือคนคือการทำความดีคนไหนควรเก็บเงิน ก็เก็บ เรื่องนี้ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจได้ง่ายอยู่กระมัง”“ขอบคุณท่านเทพทั้งสองมาก ขอให้พวกท่านมีพลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอีกหลายพันปีนะคะ สิ่งใดที่เคยพูดจาก้าวล่วงเกินไป ขอให้เป็นโมฆะเสีย ส่วนเรื่องของคนที่คิดร้ายกับเจ้าของร่างจะต้องแก้แค้นเจ้าค่ะ แต่การลงโทษจะมาจากน้ำมือของผู้ใช้กฎหมายของแคว้นเท่านั้น
หากไม่มีใครคิดจะสังหารร่างนี้ หนูสัญญาว่าจะไม่ฆ่าใครเช่นกันค่ะ”“อืม พวกข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี และซื่อตรงกับความต้องการ
ของตนเอง เอาล่ะได้เวลาพวกข้าต้องกลับขึ้นไปทำหน้าที่แล้ว เจ้าเอง ก็จงเดินทางปลอดภัยจัดการปัญหาต่าง ๆ อย่างไร้อุปสรรคเถิด”“ขอบคุณท่านเทพทั้งสองมากค่ะ”
วูบ..!
หลังจากท่านเทพทั้งสองกลับขึ้นสวรรค์ หยกในร่างของ ‘อวี้จิ่น’
ชื่อที่หมอตำแยตั้งให้กับเจ้าของร่าง เมื่อลืมตาและตั้งสติได้อีกครั้ง จึงสะพายตะกร้าลงจากเขา เพื่อกลับไปดูแลยายเฒ่าลิ่วที่เลี้ยงดู นางมาตั้งแต่แบเบาะ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้เป็นยารักษาคนหรือใช้ เพื่อฆ่าคน ยายเฒ่าลิ่วก็สอนให้กับอวี้จิ่นจนหมด ด้วยหวังว่าวันใดที่ตน หมดลมหายใจ อวี้จิ่นสามารถใช้ความรู้เหล่านี้ทำงานหาเลี้ยงตนเองได้“แฮ่ก ๆ ๆ โอย ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ แค่เดินลงจากเขานะ
หรือจะเป็นเพราะยังไม่ชินกับรูปร่างของคนยุคโบราณแน่ ๆ”“อวี้จิ่น!”
“หืม ท่านป้าจูทำไมมาถึงเชิงเขาได้ล่ะเจ้าคะ”
“ป้าก็มาตามเจ้าน่ะสิอวี้จิ่น ลงมาจากเขาเสียทีรีบกลับบ้านไปดูยายเฒ่าลิ่วเถิด ท่าทางจะทนไม่ไหวกับอาการป่วยที่เป็นแล้วล่ะ”
นางจูที่อยู่บ้านติดกันกับอวี้จิ่น อาสามาตามหานาง เนื่องจากในยามนี้ ยายเฒ่าลิ่วอาการป่วยกำเริบหนักกว่าเดิม จนทุกคนที่มาเยี่ยมต่างคิด เหมือนกันว่านางคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว“ท่านยายอาการกำเริบหรือเจ้าคะท่านป้าจู เช่นนั้นข้าขอตัว
วิ่งกลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ ท่านป้าไม่ต้องรีบค่อย ๆ เดินกลับเข้าหมู่บ้าน ก็ได้เจ้าค่ะ” อวี้จิ่นไม่ลืมเป็นห่วงป้าข้างบ้านอย่างนางจูเมื่อมาถึงบ้านหลังเก่า ๆ และมีคนในหมู่บ้านยืนอยู่ จึงแหวกทางเข้าไปดูอาการคนที่กำลังป่วยหนัก ชาวบ้านที่มาเยี่ยมทยอย
เดินออกมาเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน ซึ่งครั้งนี้ยายเฒ่าลิ่วยอมเปิดปากบอกความจริงกับอวี้จิ่น พร้อมมอบหยกรูปกุญแจอายุยืนให้กับนาง ไว้ใช้เป็นหลักฐาน หากเดินทางไปตามหาบิดามารดาในเมืองหลวง“ท่านยายเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านอดทนอีกนิดเถิด
วันนี้ข้าหาสมุนไพรได้เยอะกว่าทุกครั้ง จะไปแลกยามาให้ท่านนะเจ้าคะ”“แค่ก ๆ ๆ อวี้จิ่นอย่าเสียเวลารักษายายแก่อย่างข้าอีกเลย
เจ้าหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ในตู้เก็บของมาให้ข้าที”“นี่เจ้าค่ะท่านยาย”
“อวี้จิ่น แค่ก ๆ ๆ กุญแจหยกอายุยืนนี้ เจ้าจงเก็บเอาไว้ให้ดี
อย่าได้ทำมันหายเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่ แค่ก ๆ ๆ”“ทำไมท่านยายถึงให้ข้าเก็บเอาไว้ล่ะเจ้าคะ มันดูมีราคาแพงมากท่านยายไม่มอบให้กับญาติพี่น้องของท่านเล่า”
อวี้จิ่นยังไม่เข้ามากนัก ว่าเจ้ากุญแจหยกอายุยืนนี้ เกี่ยวข้อง
กับนางในด้านไหน จนกระทั่งยายเฒ่าลิ่ววางมันลงในมือของนาง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในจวนหลังใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว“นะ นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“อวี้จิ่นความจริงแล้ว เจ้าคือบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่
ของแคว้นจ้าว หรือก็คือแม่ทัพเจียงซื่อกุ่ย แต่ยามนั้นเพราะข้าเห็นแก่เงินเล็กน้อย ถึงได้ยอมทำตามคำสั่งของฮูหยินนายท่านรองตระกูลเจียง ที่ได้คลอดบุตรสาวในเวลาไล่เลี่ยกันกับเจ้า และนางต้องการให้บุตรสาว เป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของตระกูลเจียง เพื่อในวันหน้าจะได้เกี่ยวดอง กับเชื้อพระวงศ์ของแคว้น อันที่จริงฮูหยินของนายท่านรอง สั่งให้ข้า กำจัดเจ้าไปเสีย” ยายเฒ่าลิ่วเล่าออกมาด้วยความรู้สึกผิด“แล้วทำไมท่านถึงไม่ทำตามคำสั่งของนางล่ะเจ้าคะ นอกจาก
จะไม่กำจัดข้า ยังเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตจนถึงทุกวันนี้” อวี้จิ่นได้ฟังมาถึงตรงนี้ก็อยากทราบเหตุผล ที่ยายเฒ่าลิ่วไม่ลงมือกำขัดนาง ตามที่ฮูหยินยองนายท่านรองนั่นสั่งไปเสีย“แค่ก ๆ ๆ คงเพราะเสียงร้องไห้ของเจ้ากระมัง ที่เรียกสติให้ข้า
รู้สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไปในยามนั้น อวี้จิ่นหากเจ้าต้องการไปพบบิดา ของเจ้าที่เมืองหลวง จะ จะ จงระวังตัวให้มาก เพราะบ้านรองตระกูลเจียง ล้วนจิตใจคับแคบและเหี้ยมโหดอย่างเงียบ ๆ ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว อวี้จิ่นรักษาตัวด้วยคุณหนูจะ..ตุบ” ยายเฒ่าลิ่วตายตาหลับเมื่อได้บอก สิ่งที่นางเก็บไว้มาตลอดสิบกว่าปี“ท่านยาย! ฮึก ข้าเพิ่งจะมาอยู่ในโลกนี้แท้ ๆ ต้องกลับไปมีชีวิต
ที่โดดเดี่ยวอีกแล้วหรือ ฮึก ๆ ขอบคุณที่ท่านไม่กำจัดข้าในวันนั้น ส่วนเรื่องครอบครัวตระกูลเจียงข้าย่อมไปตามหา และเอาตัวคนชั่วส่งทางการ ให้ได้รับโทษแน่นอนเจ้าค่ะ ขอให้ท่านยายไปสู่สุคตินะเจ้าคะ”อวี้จิ่นก้มคำนับทำความเคารพยายเฒ่าลิ่ว เพื่อขอบคุณที่ดูแลนางมาสิบกว่าปี ชาวบ้านที่ยังรออยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้
ของอวี้จิ่น ก็รู้แล้วว่ายายเฒ่าลิ่วได้จากไปอย่างสงบ ทุกคนจึงช่วยเตรียมงานศพตามพิธีอย่างเรียบง่าย เนื่องจากพวกเขามิได้มีเงินทองมากนัก เพียงแค่หนึ่งวันก็ทำพิธีฝังร่างของยายเฒ่าลิ่วไว้ที่สุสานของหมู่บ้านแห่งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นงานศพ อวี้จิ่นได้ตัดสินใจจะเดินทาง
เข้าเมืองหลวง ซึ่งระยะทางไกลนับพันลี้ นางคิดว่าจะเดินทางไปทีละเมืองเผื่อจะมีลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ แม้เรื่องอาหารจะไม่ต้องกังวล ก็ตาม แต่อย่างไรมีเงินติดตัวไว้ย่อมสบายใจกว่า เพียงแค่การเดินทาง ถึงเมืองแรกอวี้จิ่นก็ได้ใช้ความสามารถที่มีของตนหาเงินทันทีฟู่หลงเหยียนและเจียงหยวนยังคงซ่อนตัวอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าสองพี่น้องจะรับมือคนพวกนี้ เพื่อหาทางเอาตัวรอดอย่างไร “พวกเจ้าเอาตัวเด็กสองคนนั่นลงมา อย่ามัวชักช้ายืดยาด หากงานไม่สำเร็จละก็ จะกลายเป็นพวกเราที่ต้องตายแทน” ซานถูลงไปยืนรอยังจุดที่เลือกไว้ สำหรับการขุดหลุมฝังเจียงข่ายเหวินและฟู่เจียฉี“ถุ้ย!! อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาถูกตัวน้องสาวข้า” เจียงข่ายเหวินตะคอกลูกน้องซานถูทันที เมื่อมือหยาบนั้นกำลังจะดึงตัวฟู่เจียฉี ออกไปจากอ้อมกอดของตน“เหวินเกอไม่ต้องกลัวนะ ฉีเอ๋อร์จะปกป้องท่านเองเจ้าค่ะ” ฟู่เจียฉีมิใช่เด็กหญิงตัวน้อยขี้แย เพราะมีบิดาคอยสอนให้เข้มแข็งมีสติ ถึงจะเป็นเด็กแต่เมื่อมีสติก็สามารถเอาตัวรอดได้“ฮ่า ๆ ๆ ลูกพี่ดูเจ้าเด็กสองคนนี่สิ ช่างเป็นญาติพี่น้องที่รักกันดีเสียเหลือเกิน” เกาจิ่งหัวเราะกับท่าทางของฟู่เจียฉี“เหอะ ก็คงเห็นตัวอย่างจากบิดมารดากระมัง เร็ว ๆ ๆ พาตัวลงจากรถม้าได้แล้ว ยังต้องขุดหลุมอีกพวกเจ้าอย่าลืมสิ” ซานถูเร่งลูกน้องของตนให้ทำตามคำสั่งขณะที่เกาจิ่งหันไปพูดคุยกับซานถู ฟู่เจียเฟยได้หยิบห่อยาพิษที่บิดาเพิ่งมอบให้ ก่อนจะแบ่งให้เจียงข่ายเหวินอีกสองห่อ เด็กชายมองหน้า
ณ จวนตระกูลเจียงหลังจากอวี้จิ่นออกเรือนแต่งเข้าตระกูลฟู่ ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียงอย่างจ้าวเจียเฟย ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ซึ่งในอนาคตเขาขคือผู้สืบทอดตระกูลเจียงต่อจากบิดา ชื่อของหลานชายฮ่องเต้ผู้เป็นเสด็จตา ประทานนามให้ว่า ‘ข่ายเหวิน’ หมายถึง ผู้ชนะและมีความรู้ และชื่อนี้ก็เข้ากับลักษณะนิสัยของเจ้าตัวน้อยได้เป็นอย่างดีนอกจากมารดาจะเป็นที่โปรดปรานแล้ว เมื่อให้กำเนิดหลานชายย่อมได้รับความโปรดปราน ไม่ต่างจากผู้เป็นมารดาเช่นกัน สร้างความอิจฉาริษยาให้กับองค์ชายองค์หญิงที่มีหลานให้กับฮ่องเต้ องค์ชายองค์หญิงที่รู้จักประมาณตน จะอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รักญาติพี่น้อง แต่สำหรับคนที่จิตใจดำมืดเกินเยียวยา ย่อมสั่งสอนและปลูกฝังความริษยาลงในจิตใจของบุตร ตระกูลเจียงมีทายาทแล้ว ทางด้านตระกูลฟู่จะไม่มีได้อย่างไร หลังจากเจียงข่ายเหวินอายุได้สองหนาว อวี้จิ่นแต่งเข้าจวนฟู่ได้ครึ่งปีก็ตั้งครรค์ และให้กำเนิดบุตรสาวนามว่าฟู่เจียฉี หากจะกล่าวว่าญาติผู้พี่เจียงข่ายเหวินหล่อเหลาตั้งแต่เยาว์วัย ญาติผู้น้องอย่างฟู่เจียฉีจะน้อยหน้าได้หรือ เด็กหญิงเกิดมาพร้อมกับดวงหน้ารูปหยดน้ำ จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้า ริ
หลังจากตระกูลฟู่และตระกูลเจียง ได้แลกหนังสือหมั้นหมายของบุตรชายบุตรสาว ข่าวลือเรื่องทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกัน ก็แพร่กระจายไปตามร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว คนที่อวยพรให้ทั้งสองสุขสมก็มีอยู่มาก คนที่อิจฉาริษยาก็มีไม่น้อย ล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกแต่แล้วอย่างไรในเมื่อฟู่หลงเหยียนมิได้สนใจ พวกนางก็เป็นได้แค่เศษฝุ่นที่ลอยไปกับสายลมเท่านั้น เพราะในสายตาของฟู่หลงเหยียน ไม่เคยละไปจากคู่หมั้นที่เริ่มจะเปล่งประกายความงามหลังจากนั้นอีกสามเดือนต่อมา ปรากฏว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งครรภ์ อย่างที่อวี้จิ่นเคยบอกพวกเขาเอาไว้จริง ๆ เจียงหยวนแอบไปพบน้องสาว เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กในครรภ์องค์หญิงใหญ่ เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะได้เตรียมรับมือบุตรคนได้ถูก พอได้รู้ว่าตนเองจะได้บุตรชาย การวางแผนเลี้ยงดูจึงถูกคิดขึ้นทันทีตั้งแต่อวี้จิ่นกลายเป็นคู่หมั้นของหัวสำนักตรวจการ หากไม่มีภารกิจลับและออกเดินทางไปต่างเมือง ข้างกายของอวี้จิ่นย่อมมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ นามว่าฟู่หลงเหยียนอยู่กับนางเสมอ จนเหล่าบุรุษที่มั่นใจว่าตนเองหน้าตาหล่อเหลา ต้องวิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน แค่ฟู่หลงเหยียนจ้องมองพวกเขาก็หายไม่ออกกันแล้วทุก
ฟู่หลงเหยียนพาอวี้จิ่นกลับมาส่งที่จวน ภายหลังที่พลุถูกจุดจนหมดเรียบร้อยแล้ว ด้วยตอนมาร่วมงานเขานั่งรถม้า ยามนี้จำเป็นต้องยืมเจ้าเสี่ยวหงกลับจวนไปก่อน และค่อยนำมันมาคืนอวี้จิ่นทีหลังอวี้จิ่นยืนส่งฟู่หลงเหยียนขี่เจ้าเสี่ยวหง จนแผ่นหลังของเขาหายลับไปจากสายตา ถึงได้เดินเข้าจวนอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนเดินตามหลังอย่างตงลู่กับเฟยอิน เอ็นดูกับท่าทางที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเขินอาย อยากจะหัวเราะแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้แต่พอมาถึงเรือนของตนอวี้จิ่นพบว่า เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ กำลังเดินไปมาชะเง้อมองหาใครอยู่ “หืม นั่นใช่พี่เป่าจูสาวใช้ของพี่สะใภ้ใช่ไหมพี่เฟยอิน”“ใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่นางมาทำอะไรที่เรือนของท่าน ยามนี้มิใช่ต้องอยู่รอรับใช้องค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”เป่าจูเมื่อเห็นอวี้จิ่นกลับมาที่เรือน จึงสาวเท้าไปหานางดั่งพายุ สร้างความงุนงงจนอดคิดไม่ได้ว่า จะเกิดเรื่องอันใดที่เรือนของพี่ชายตนหรือไม่“คุณหนูเจียงในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเป่าจูดูร้อนรนแปลก ๆ“พี่เป่าจูท่านมารอพบข้ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เจ้าคะ”“คือบ่าวมารอพบคุณหนูที่นี่ เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่เ
ซีอ๋องอยู่ร่วมงานเลี้ยงชนะสงครามเท่านั้น อีกสองวันต่อมาจึงออกเดินทางพร้อมหีบยาจำนวนมาก ยังมีเมล็ดพันธุ์ผักที่อวี้จิ่นใจดีมอบให้อีกหนึ่งหีบ ที่สำคัญทรงอยากกลับไปชำระความ กับสตรีชั่วที่ปองร้ายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน ซึ่งตอนนี้นางกำลังตั้งตนเป็นเจ้าของตำหนักอ๋อง จนลืมไปว่านางเป็นแค่ชายารองเท่านั้นข่าวลือที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องฤกษ์มหามงคลที่มีขึ้น ในอีกสามสัปดาห์ต่อจากนี้ ทำเอาวังหลวงวุ่นวายจนเวียนหัว เพื่อเตรียมงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงใหญ่ พระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ให้ออกมาดีที่สุด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียวส่วนตระกูลเจียงถือว่าโชคดีมาก ที่อวี้จิ่นได้บอกมารดาไว้ก่อนหน้านี้ ทุกอย่างในจวนจึงพร้อมต้อนรับสะใภ้ใหญ่ หลังจบงานเลี้ยงวันถัดมายามปลายยามเฉิน ขบวนสินสอดนับร้อยหีบผูกด้วยผ้าสีแดง พร้อมสามหนังสือหกพิธีการนำไปส่งมอบให้กับฮองเฮา ก็ทยอยออกจากจวนตระกูลเจียงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงทันทีชาวบ้านสองข้างทางต่างหยุดมอง และเริ่มพูดถึงเรื่องสมรสพระราชทานอีกครั้ง ตระกูลใดที่รอจัดงานพร้อมแม่ทัพเจียง ต่างเร่งจัดเตรียมข้าวของเรือนหอ อาหารการกินที่ต้องใช้เลี้ยงแขกในงาน เผื่อว่าการแต่งงานในฤก
หลังจากหวาอานส่งจดหมายกลับไปยังเหอหยาง เมื่อแม่ทัพเสียนมู่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย จึงนำกำลังทหารบางส่วนมุ่งหน้าไปยังจวนซีอ๋อง เพื่อรับตัวซื่อจื่อมาดูแลเป็นการชั่วคราว คราแรกพระชายารองไม่ยินยอม แต่พอได้เห็นป้ายผู้แทนของซีอ๋อง ที่อยู่ในมือของแม่ทัพเสียนมู่แล้ว ถึงได้ยอมปล่อยซื่อจื่อให้แม่ทัพเสียนมู่พาตัวกลับจวนส่วนเจ้าของคำสั่งที่พักอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่ ได้เห็นแปลงผักที่หลากหลายก็เกิดความสนใจ ซีอ๋องคิดว่าหากกองทัพหรือราษฎรที่เหอหยาง สามารถปลูกพืชผักได้เช่นจวนแม่ทัพใหญ่ ย่อมมีเสบียงสำรองมากพอยามฤดูเหมันต์มาเยือน ทุกคนต้องผ่านความอดอยากได้แน่เมื่อซีอ๋องถามกับบ่าวไพร่เรื่องการปลูกผัก คำตอบที่ได้ก็เกี่ยวกับบุตรสาวแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว จนกระทั่งได้มานั่งพูดคุยเรื่องการค้า ซีอ๋องจึงถือโอกาสสอบถามอวี้จิ่นเรื่องผักที่ปลูกด้วยเสียเลย“คุณหนูเจียงเรื่องสัญญาการค้ายาสมุนไพร เปิ่นหวางยินดีทำตามข้อเสนอของเจ้า เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่เปิ่นหวางอยากรู้”“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ยอมทำการค้า กับร้านยาเล็ก ๆ ของหม่อมฉันเพคะ ว่าแต่ท่านอ๋องทรงอยากทราบเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เปิ่นหวางอยากถามเกี่ยวกับวิธีปลูกผัก ให้ไ