ณ กองถ่ายของเพิร์ล จังหวัดสตูล
“โอเค! เยี่ยม! นางแบบเปลี่ยนชุดครับ” เสียงตากล้องร่างท้วมดังขึ้น ประหนึ่งเสียงสวรรค์สำหรับนางแบบสาวนามว่า แพรวรุ้ง อัศวนนท์
บ่าไหล่ของหญิงสาวลู่ลงในบัดดลทั้งที่เมื่อครู่ตั้งเด่นเป็นสง่าดุจนางหงส์อยู่หน้ากล้อง เธอถูกทีมงานพาลงเรือไปขึ้นฝั่ง หลังจากยืนตากแดดอยู่บนโขดหินใหญ่กลางทะเลอยู่นาน เมื่อมาถึงฝั่งก็เข้าไปหลบแดดในเต็นท์ที่พัก มือเรียวสวยปัดไล่มวลอากาศร้อนอบอ้าวที่แผ่ไอร้อนอยู่รอบกาย
“เจ๊แจง! เมื่อไหร่จะเสร็จซะที แพรวเหนื่อยแล้วนะ!”
คนสวยโอดครวญ เจ๊แจงของเธอเบะปากให้หน่อยหนึ่งก่อนจะตอบว่า
“อีกแค่ชุดเดียวเท่านั้นน่า หล่อนจะบ่นทำไมให้เหนื่อยเปล่าๆ มาเปลี่ยนชุดดีกว่ามา เร็วเข้า” กะเทยร่างกระทิงรบเร้าลูกคุณหญิง ไม่เข้าใจว่าแพรวรุ้งจะมาแหกแข้งแหกขาให้ชาวบ้านดูทำไม หล่อนอยู่สุขสบายบนกองเงินกองทองแท้ๆ
“โธ่ เจ๊แจงไม่ได้ไปยืนตากแดดนุ่งลมห่มฟ้า มีเศษผ้าปิดกายแค่คืบสองคืบอย่างแพรวนี่นา รู้อย่างนี้ไม่รับงานนี้หรอก ไหนบอกว่าถ่ายที่น้ำตกไง เอาเข้าจริงๆ ถ่อมาทำไมที่สตูลเนี่ย ตอนคุยงานกับคุณวาก็ตกลงกันดิบดีแล้วนะ”
แพรวรุ้งบนไม่เลิก หน้างอหักเป็นจวักตักแกง
“จุ๊ๆ บ่นมากไม่สวยนะยะ” เจ๊แจงค่อนขอด แพรวรุ้งเบะปาก
“แพรวอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง มันน่าโมโหนัก! แกล้งกันเห็นๆ ก็รู้อยู่ว่าเราแพ้แดดเดี๋ยวผิวเสียกันพอดี”
“อ้าว...ยัยคุณแพรว หล่อนไม่รู้หรือยะว่า คุณกวิน ได้รับคำสั่งให้มาดูแลงานครั้งนี้ คุณวาเขาไม่ว่างมาดูแลหรอกต้องพาเมียไปฮันนีมูนรอบสอง” เจ๊แจงว่า วาคิมเป็นอดีตว่าที่คู่หมั้นของแพรวรุ้งและเป็นเจ้าของ บริษัทเพิร์ล เขาให้กวิน น้องชายบุญธรรมของเขามาช่วยดูแลงานถ่ายแบบครั้งนี้
“ห๊า! ตานั่นเองเหรอ!? ว่าแล้วเชียว เขาต้องหาเรื่องแกล้งแพรวแน่ๆ คอยดูนะแม่จะขึ้นค่าตัวเสียให้เข็ด”
นางแบบสาวเดือดปุดๆ ใบหน้างามแดงก่ำด้วยแรงแดด เธอเร่งเปลี่ยนชุดที่สวมอยู่เพื่อจะได้ไปถ่ายต่อให้เสร็จไวๆ เสร็จจากถ่ายแบบยังมีถ่ายโฆษณาอีกหลายตัว หวังว่ากองถ่ายจะยกกองไปถ่ายที่อื่นบ้าง ไม่อย่างนั้นผิวเธอเกรียมแดดแน่ๆ
“เอามือมาสิยะ เดี๋ยวเจ๊จะสวมสร้อยให้”
เจ๊แจงร่างชายใจหญิงที่ทำงานด้วยกันมานานร้องสั่ง เพราะเห็นยัยคุณหนูผู้ดีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว มันน่าอิจฉาแม่ลิงค่างบ่างชะนีตัวนี้จริงๆ หล่อนเอาหน้าอกหน้าใจมาจากไหนมากมายขนาดนั้น กะเทยอิจฉา!
“นี่ก็อีก จะหวงจะงกอะไรนักหนา กล้าเอาของปลอมมาให้แพรวใส่ได้ไง คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้ผื่นขึ้น แพรวจะให้แม่ฟ้องเพิร์ลซะให้เข็ด”
คนสวยบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยื่นมือขวาให้พี่แจงแต่โดยดี ก่อนที่เธอจะถูกพี่แจงลากลงเรือเพื่อไปยืนบนโขดหินที่อยู่กลางทะเลอีกรอบ
“เอียงซ้ายหน่อยครับน้องแพรว”
ตากล้องมือทองนามว่าพี่โอ้ร้องสั่งมาตามสายลม แพรวรุ้งคิดว่าพี่โอ้ร่างท้วมคงอยากให้เธอลงไปว่ายน้ำทะเลเล่นกระมัง ถึงได้ให้เอียงซ้าย ขยับซ้าย จวนจะตกโขดหินอยู่รอมร่อ
“ค่า พี่คะมันขยับได้เท่านี้นะ มันสุดแล้วจริงๆ”
แพรวรุ้งร้องบอกพร้อมเอียงซ้าย ขยับซ้าย ตามที่ตากล้องมือทองร้องสั่ง นับเป็นครั้งที่สิบแล้วในฉากนี้ที่เธอต้องยืนทำท่าสวย ถ่ายสร้อยข้อมือกับสร้อยคอซึ่งมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนแขนแทบหัก เอ...แล้วนั่นใช่โจทก์ของเธอหรือเปล่านะ ยืนหน้าขาววอกอยู่ใต้เต็นท์บนฝั่ง ใช่! มากับ เจ้าหนูมีน ตัวแสบเสียด้วย
สายตาคมมองไปยังบนฝั่งและได้เห็นว่าเป็นโจทก์ของเธอจริงๆ เธอทำงานไปเกือบสองชั่วโมงแต่ผู้ดูแลผลประโยชน์ของวาคิมเพิ่งจะมาดูงาน เจริญล่ะ ไหนว่ารักคุณวานักหนา เชอะ!
“นี่คุณ! ขยับซ้ายอีกหน่อยได้ไหม เพชรมันจะได้ล้อแสงขึ้นมาอีกหน่อย”
กวิน กิติบวร ร้องสั่งทั้งที่อุ้มบุตรชายตัวไม่เล็กเอาไว้ นัยน์ตาภายใต้แว่นสีชาระยิบระยับขึ้นมาเมื่อแลเห็นนวลเนื้อของคู่ปรับตลอดกาลอะร้าอร่ามท่ามกลางสายลมแสงแดดและท้องทะเลสีคราม
“ปะป๊าคับ มินจากินติม” หนูน้อยวัยสี่ขวบกว่าๆ ร้องบอกบิดา
“เดี๋ยวสิครับลูก ปะป๊าทำงานก่อน” กวินบอกบุตรชายเสียงอ่อนโยน
“ไม่เอา ป๊า...มินจากินเดี๋ยวนี้”
หนูน้อยหน้ามุ่ย ส่งภาษากายย้ำชัดว่าขัดใจอย่างแรง
“โอเคๆ เอ่อ พี่แจงครับ พี่แจง”
“ขา...ว่ายังไงคะคุณกวินของเจ๊”
ผู้จัดการของนางแบบสาวขานรับหน้าระรื่น
กวินกลอกตาขึ้นฟ้าเมื่อเสียงหวานหยดที่ขานรับมันไม่เข้ากับหน้าตาของพี่แจงเอาเสียเลย
“เอ่อ...ผมวานพี่แจงช่วยพาเจ้ามีนไปร้านไอติมได้ไหมครับ ผมขอเคลียร์ฉากนี้ก่อน จะได้เสร็จๆ ไปเสียที”
“ได้สิคะคุณกวิน สำหรับคุณกวินน่ะเจ๊ยินดีบริการค่ะ มาค่ะน้องมีนสุดหล่อมาหาเจ๊มาลูก เดี๋ยวเจ๊อุ้มนะมาๆ”
หนูน้อยส่ายหน้าดิก เบะปากเล็กน้อย แค่สีลิปสติกของเจ๊ มีนก็กลัวจนหัวหดแล้ว
“ม่าย มินจาเดิน ป๊าๆ มินมะอยู่ห้ามจ้องหญิงนา มะงั้นมินจาฟ้องแม่จริงๆ ด้วย” หนุ่มน้อยขู่ฟ่อ กวินอมยิ้ม มีความสุขที่ถูกหวงจากคนเป็นลูก
“แน่นอนลูกรัก ปะป๊าจะไม่มองใครเลยครับผม”
เขายืนยันแล้ววางเจ้าหนูตัวแสบลงกับพื้น แต่หางตาก็ยังลอบมองแม่เนื้อนวลขาวผ่อง หล่อนยืนเด่นอยู่กลางทะเลสีครามในชุดที่ล่อเสือล่อตะเข้สุดๆ
“นี่ฉากสุดท้ายแล้วใช่ไหมพี่”
เขาถามตากล้องมือทองเมื่อเจ๊แจงพามีนาเดินออกจากเต็นท์ไปแล้ว
“ครับคุณกวิน ถ้าคุณแพรวขยับซ้ายไปทางปลายชะง่อนหินอีกหน่อย ภาพจะสวยมากเลย รับรองดูไม่ออกว่าเราใช้ของเทียมมาถ่าย”
“เฮ้อ! ทำไมต้องเอาคุณแพรวด้วยก็ไม่รู้ ถ้าเป็นนางแบบคนอื่นถ่ายเสร็จไปนานแล้ว” เขาบ่นกับตากล้องแต่สองตาแลจ้องแต่แพรวรุ้ง
“นี่คุณ! ผมบอกให้ขยับไปทางซ้ายอีกหน่อย!”
คนบนฝั่งยังร้องบอก แพรวรุ้งหน้าบึ้งทันตาก่อนจะโต้ไปว่า
“ฉันก็เหนื่อยเป็นนะ! สั่งอยู่นั่นล่ะ ทำไมไม่แหกตาดูบ้างว่าฉันจะตกทะเลอยู่แล้ว” นางแบบสาวร้องบอกเสียงขรม ขาสองข้างไม่มีแรงจะยืน แต่ก็ไม่สามารถนั่งลงได้ เพราะกระโปรงเจ้ากรรมมันสั้นเกินกว่าจะนั่งยองๆ บนโขดหินอันแสนขรุขระ โล่งเตียนไร้สิ่งกำบัง
“เรื่องมาก! ขยับเดี๋ยวนี้เลยเร็วเข้า”
“ไม่!”
แพรวรุ้งต่อต้านไม่ยอมทำตาม กวินส่ายหน้า หันมาเจรจากับตากล้องมือทอง
“เลิกกองเถอะครับ สงสัยจะไม่ยอมถ่าย แดดแรงแล้วด้วย เลือกเอาภาพสวยๆ ที่ถ่ายไปก่อนหน้านี้แล้วกัน”
“โอเคครับ ผมจะได้สั่งเลิกกอง”
กวินพยักหน้าแล้วเดินไปลงเรือเล็กเพื่อขับมันเข้าไปใกล้โขดหิน ตรงที่นางแบบจอมเรื่องมากยืนอยู่
เสียงเรือยนต์แล่นมาจอดใกล้ๆ แพรวรุ้งหันมามอง หล่อนเห็นเขาส่งกุญแจเรือให้ทีมงานที่มาเซฟความปลอดภัยรอบๆ โขดหินใหญ่ สั่งเสียงดังได้ยินว่าให้ไปพักเที่ยงได้ พวกเขาจากไปพร้อมด้วยเรือยนต์ ทิ้งไว้เพียงผู้ชายตัวโตกวนประสาทกับเรือยางลำน้อย
“คุณนายจ้างคะ ทำไมปล่อยพวกนั้นไปกินข้าว แล้วฉันล่ะ ยืนเอียงซ้ายเอียงขวาจวนจะแห้งตายกลางทะเล ทำไมไม่ให้ฉันพักซะที สองมาตรฐานชัดๆ”
คนสวยสวดใส่หน้าน้องชายบุญธรรมของอดีตว่าที่คู่หมั้น
“ถ้าอยากกินข้าวก็อย่าเรื่องมาก ผู้กำกับเขาร้องสั่งให้คุณขยับไปอีกหน่อยไม่ได้ยินหรือไง!?” เขาว่าหล่อน ขยับร่างสูงโปร่งรุกเข้าไปใกล้ร่างอรชรเพรียวลม
“ก็มันขยับไม่ได้แล้ว ไม่เห็นหรือไงเล่า”
แพรวรุ้งชี้มือไปที่ปลายสุดของชะง่อนหิน ปลายเท้าเธออยู่ห่างจากมันไม่ถึงสองก้าวด้วยซ้ำ
“ก็แค่นิดเดียว เรื่องมากไปได้ เร็วเข้า! ถ้าไม่ยอมดีๆ ผมจะทำให้คุณขยับด้วยวิธีของผม อยากลองไหมล่ะ” เขาท้าทายหล่อน นัยน์ตาคมกรุ้มกริ่มใต้แว่นสีชา การได้แกล้งแพรวรุ้งหรือความสุขที่เขาเพิ่งค้นพบ
แพรวรุ้งหวาดหวั่น กลัวใจอีตาหื่นขึ้นมาในทันที ตอนที่ไปเซ็นสัญญาที่บริษัทเธอจำได้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ก็ได้! คอยดูนะ ถ้าฉันร่วงลงน้ำละก็ ฉันจะ...กรี๊ด!”
ตูม!
ส้นสูงสี่นิ้วพลิกเสียจังหวะ ส่งผลให้ร่างสวยสะคราญของนางแบบสาวหงายหลังร่วงหล่นลงสู่ผิวน้ำ
“เฮ้ย! ฮ่าๆๆ เป็นไงบ้างครับคุณ น้ำข้างล่างเย็นดีไหมฮ่าๆๆ”
กวินหัวเราะหน้าดำหน้าแดงอยู่บนโขดหินใหญ่ ขณะที่นางแบบสาวกระเสือกกระสนเอาตัวรอด เพราะว่ายน้ำไม่แข็ง และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่รู้
“ช่วยด้วย! อึกๆ ช่วย...”
แพรวรุ้งกลืนน้ำทะเลลงไปอึกใหญ่ เธอว่ายน้ำไม่แข็ง อีกทั้งเรี่ยวแรงก็เหลือน้อยเต็มที สองตาเห็นโจทก์ตัวดียืนหัวเราะร่าอยู่ข้างบนแล้วอยากจะร้องไห้ เธอได้ตายเป็นผีเฝ้าทะเลก็คราวนี้ ความหวาดกลัวแล่นเข้าสู่จิตใจ ร่างกายจึงฮึดสู้ขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด
“ช่วยด้วย!”
เธอร้องขออีกครั้งก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้าหา กลืนกินร่างงามจนหายไปใต้เกลียวไหลเชี่ยวของมัน
“นี่คุณ พอแล้วน่าอย่ามาอำเสียให้ยาก โผล่ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวผมจะเอาเรือยางไปรับ”
กวินร้องบอก ชะโงกหน้าลงไปดูก็เห็นเพียงชายผ้าของชุดบางเบาที่หล่อนสวมใส่ มันกำลังถูกเกลียวคลื่น กลืนกิน
“ฉิบหายแล้ว!”
ชายหนุ่มสบถ ดึงแว่นกันแดดทิ้งไปแล้วกระโจนลงสู่ทะเลกว้าง เขาดำผุดดำว่ายด้วยหัวใจที่เต้นระทึกเร็วแรง ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบที่เขามุดอยู่ใต้ผิวน้ำ จวบจนได้ยินเสียงเรือยนต์ของทีมงานใกล้เข้ามา เขาจึงคว้าร่างหล่อนเอาไว้ได้ในนาทีนั้น
“แพรวรุ้ง! แพรว!” เขาร้องเรียกชื่อ แต่ยังไร้วี่แววขานรับ
“คุณกวิน! เป็นไงบ้าง พาน้องแพรวขึ้นมาก่อนเร็วเข้า”
ตากล้องมือทองร่างท้วมร้องสั่ง ทีมงานชายอีกสองคนที่ติดเรือมาด้วยรีบเข้าช่วยเหลือ เมื่อเห็นนายจ้างพาร่างนางแบบสาวขึ้นจากน้ำด้วยความทุลักทุเล
“แพรว!”
เขาตบหน้าหล่อนเบาๆ เรียกสติ แต่สติคงหูตึงกระมังหล่อนจึงยังไม่ฟื้น
“โธ่เว้ย! เอาก็เอาวะ!”
สามคนที่ยืนอยู่บนเรืองงงัน คุณกวินจะ เอา อะไร? ความสงสัยใคร่รู้กระจ่างชัดในเสี้ยววินาที เมื่อคุณกวินของพวกเขาก้มลงผายปอดให้นางแบบสาว
ครั้งแรก...ไม่ฟื้น
ครั้งที่สอง...ก็ยังไม่ฟื้น
ครั้งที่สาม...โอ...ริมฝีปากร้ายๆ ที่ปะทะคารมกับเขาทุกครั้งที่เจอหน้า เหตุใดมันถึงหอมหวานปานนี้...
‘หยุด! ไอ้บ้าเอ๊ย หล่อนกำลังจะตายนะกวิน นายคิดเรื่องบ้าๆ ได้ยังไง! ได้โปรดฟื้นเถอะคุณแพรว ผมขอโทษจริงๆ’
“แค่กๆๆ แฮ่กๆๆ ช่วยด้วย! แค่กๆ ฉันกลัว ฮึกๆ ช่วยฉันด้วย ฮือ...”
แพรวรุ้งโผเข้ากอดเขาทันทีที่ได้สติ ความหวาดกลัวแผ่ซ่านในหน่วยตาก่อนจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาเม็ดใส
นางแบบสาวปล่อยโฮกับแผงอกเปียกชุ่มของโจทก์เบอร์หนึ่ง
กวินรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทาของหล่อน ไม่น่าเชื่อ! มันกำลังบีบคั้นหัวใจเขาอย่างหนักหน่วงจนเจ็บร้าวไปหมด คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดแน่ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแบบนี้ เพราะถ้าเขาไม่แกล้ง หล่อนก็คงไม่ตกลงไปแน่นอน
“ผมว่าเข้าฝั่งดีกว่านะ น้องๆ ออกเรือเลย”
เสียงตากล้องมือทองร้องสั่งลูกน้องอีกครั้ง
กวินพยายามไม่มองร่างในอ้อมแขน แพรวรุ้ง! ให้ตายสิเขาไม่อยากคิดอกุศลกับคนจมน้ำนะ แต่ชุดหล่อนมันทั้งบาง ทั้งแนบเนื้อจนร่างกายเขามัน...
“เอ่อ...ฮึกๆ ขอโทษทีฉัน...”
แพรวรุ้งขืนตัวออกจากอ้อมกอดของกวิน ลมแรงพัดมาปะทะใบหน้าจนสติของเธอกลับมาเกือบครบ จึงบังเกิดความกระดากอายอย่างยิ่งที่กอดเขาแน่นอย่างนี้
“อย่าได้คิดออกไปจากอ้อมกอดผม ถ้ายังไม่อยากถูกแทะโลมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก” เขาขู่หล่อน ปรายตาขุ่นขวางไปทางทีมงานสองคน ขนาดอีกคนขับเรืออยู่แท้ๆ ยังหันหน้ากลับมามองบ่อยๆ มันน่าควักลูกตาให้ฉลามกินนัก ฮึ่ม!
แพรวรุ้งก้มลงมองสภาพของตัวเองแล้วก็ให้ตกใจ เธอดีกว่านางเงือกหน่อยหนึ่งก็ตรงที่มีวงแขนกับแผ่นอกของเขาช่วยกำบังร่างกายไม่ให้มันอุจาดตา แต่ก็นั่นล่ะ เขาเปียกเธอก็เปียก หน้าอกหน้าใจเธอก็ถูไถกับแผ่นอกแกร่งของเขาขึ้นลงตามแรงคลื่น มันเร่งเร้าให้ขนในกายตั้งชันโดยมิอาจต้านทาน
กวินจับจ้องใบหน้างามของแพรวรุ้งด้วยความลุ่มหลง หากไม่เพราะเขาและหล่อนเป็นคู่กัดตลอดกาล เขาคงตีมึนจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีกสักครั้ง...แค่คิดร่างกายมันก็มีปฏิกิริยาทันที
“นี่คุณ!?”
แพรวรุ้งร้องเรียกชื่อเขา มีบางสิ่งบางอย่างดุนดันบั้นท้ายของเธอขึ้นมาจนไอร้อนผะผ่าวซึมผ่านเนื้อผ้าให้รู้สึก
“คุณยั่วผมเองนะ ให้ตายเถอะ”
เขาเถียงหน้าตายทั้งที่หล่อนยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ
“สาบานว่าฉันไม่ได้ทำ!” เธอทำท่าจะผละออกอีกครั้ง ขนลุกขนพองเพราะรู้ดีว่าไอ้สิ่งแข็งๆ และร้อนผ่าวที่นั่งทับอยู่มันคืออะไร
“ถ้าคุณกล้าลุกจากตักให้ผมได้อายทีมงานละก็ ผมจะจับคุณปล้ำซะตรงนี้ให้อายชาวบ้านเหมือนกัน คอยดู!”
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได