LOGINณ กองถ่ายของเพิร์ล จังหวัดสตูล
“โอเค! เยี่ยม! นางแบบเปลี่ยนชุดครับ” เสียงตากล้องร่างท้วมดังขึ้น ประหนึ่งเสียงสวรรค์สำหรับนางแบบสาวนามว่า แพรวรุ้ง อัศวนนท์
บ่าไหล่ของหญิงสาวลู่ลงในบัดดลทั้งที่เมื่อครู่ตั้งเด่นเป็นสง่าดุจนางหงส์อยู่หน้ากล้อง เธอถูกทีมงานพาลงเรือไปขึ้นฝั่ง หลังจากยืนตากแดดอยู่บนโขดหินใหญ่กลางทะเลอยู่นาน เมื่อมาถึงฝั่งก็เข้าไปหลบแดดในเต็นท์ที่พัก มือเรียวสวยปัดไล่มวลอากาศร้อนอบอ้าวที่แผ่ไอร้อนอยู่รอบกาย
“เจ๊แจง! เมื่อไหร่จะเสร็จซะที แพรวเหนื่อยแล้วนะ!”
คนสวยโอดครวญ เจ๊แจงของเธอเบะปากให้หน่อยหนึ่งก่อนจะตอบว่า
“อีกแค่ชุดเดียวเท่านั้นน่า หล่อนจะบ่นทำไมให้เหนื่อยเปล่าๆ มาเปลี่ยนชุดดีกว่ามา เร็วเข้า” กะเทยร่างกระทิงรบเร้าลูกคุณหญิง ไม่เข้าใจว่าแพรวรุ้งจะมาแหกแข้งแหกขาให้ชาวบ้านดูทำไม หล่อนอยู่สุขสบายบนกองเงินกองทองแท้ๆ
“โธ่ เจ๊แจงไม่ได้ไปยืนตากแดดนุ่งลมห่มฟ้า มีเศษผ้าปิดกายแค่คืบสองคืบอย่างแพรวนี่นา รู้อย่างนี้ไม่รับงานนี้หรอก ไหนบอกว่าถ่ายที่น้ำตกไง เอาเข้าจริงๆ ถ่อมาทำไมที่สตูลเนี่ย ตอนคุยงานกับคุณวาก็ตกลงกันดิบดีแล้วนะ”
แพรวรุ้งบนไม่เลิก หน้างอหักเป็นจวักตักแกง
“จุ๊ๆ บ่นมากไม่สวยนะยะ” เจ๊แจงค่อนขอด แพรวรุ้งเบะปาก
“แพรวอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง มันน่าโมโหนัก! แกล้งกันเห็นๆ ก็รู้อยู่ว่าเราแพ้แดดเดี๋ยวผิวเสียกันพอดี”
“อ้าว...ยัยคุณแพรว หล่อนไม่รู้หรือยะว่า คุณกวิน ได้รับคำสั่งให้มาดูแลงานครั้งนี้ คุณวาเขาไม่ว่างมาดูแลหรอกต้องพาเมียไปฮันนีมูนรอบสอง” เจ๊แจงว่า วาคิมเป็นอดีตว่าที่คู่หมั้นของแพรวรุ้งและเป็นเจ้าของ บริษัทเพิร์ล เขาให้กวิน น้องชายบุญธรรมของเขามาช่วยดูแลงานถ่ายแบบครั้งนี้
“ห๊า! ตานั่นเองเหรอ!? ว่าแล้วเชียว เขาต้องหาเรื่องแกล้งแพรวแน่ๆ คอยดูนะแม่จะขึ้นค่าตัวเสียให้เข็ด”
นางแบบสาวเดือดปุดๆ ใบหน้างามแดงก่ำด้วยแรงแดด เธอเร่งเปลี่ยนชุดที่สวมอยู่เพื่อจะได้ไปถ่ายต่อให้เสร็จไวๆ เสร็จจากถ่ายแบบยังมีถ่ายโฆษณาอีกหลายตัว หวังว่ากองถ่ายจะยกกองไปถ่ายที่อื่นบ้าง ไม่อย่างนั้นผิวเธอเกรียมแดดแน่ๆ
“เอามือมาสิยะ เดี๋ยวเจ๊จะสวมสร้อยให้”
เจ๊แจงร่างชายใจหญิงที่ทำงานด้วยกันมานานร้องสั่ง เพราะเห็นยัยคุณหนูผู้ดีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว มันน่าอิจฉาแม่ลิงค่างบ่างชะนีตัวนี้จริงๆ หล่อนเอาหน้าอกหน้าใจมาจากไหนมากมายขนาดนั้น กะเทยอิจฉา!
“นี่ก็อีก จะหวงจะงกอะไรนักหนา กล้าเอาของปลอมมาให้แพรวใส่ได้ไง คอยดูนะ ถ้าพรุ่งนี้ผื่นขึ้น แพรวจะให้แม่ฟ้องเพิร์ลซะให้เข็ด”
คนสวยบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยื่นมือขวาให้พี่แจงแต่โดยดี ก่อนที่เธอจะถูกพี่แจงลากลงเรือเพื่อไปยืนบนโขดหินที่อยู่กลางทะเลอีกรอบ
“เอียงซ้ายหน่อยครับน้องแพรว”
ตากล้องมือทองนามว่าพี่โอ้ร้องสั่งมาตามสายลม แพรวรุ้งคิดว่าพี่โอ้ร่างท้วมคงอยากให้เธอลงไปว่ายน้ำทะเลเล่นกระมัง ถึงได้ให้เอียงซ้าย ขยับซ้าย จวนจะตกโขดหินอยู่รอมร่อ
“ค่า พี่คะมันขยับได้เท่านี้นะ มันสุดแล้วจริงๆ”
แพรวรุ้งร้องบอกพร้อมเอียงซ้าย ขยับซ้าย ตามที่ตากล้องมือทองร้องสั่ง นับเป็นครั้งที่สิบแล้วในฉากนี้ที่เธอต้องยืนทำท่าสวย ถ่ายสร้อยข้อมือกับสร้อยคอซึ่งมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนแขนแทบหัก เอ...แล้วนั่นใช่โจทก์ของเธอหรือเปล่านะ ยืนหน้าขาววอกอยู่ใต้เต็นท์บนฝั่ง ใช่! มากับ เจ้าหนูมีน ตัวแสบเสียด้วย
สายตาคมมองไปยังบนฝั่งและได้เห็นว่าเป็นโจทก์ของเธอจริงๆ เธอทำงานไปเกือบสองชั่วโมงแต่ผู้ดูแลผลประโยชน์ของวาคิมเพิ่งจะมาดูงาน เจริญล่ะ ไหนว่ารักคุณวานักหนา เชอะ!
“นี่คุณ! ขยับซ้ายอีกหน่อยได้ไหม เพชรมันจะได้ล้อแสงขึ้นมาอีกหน่อย”
กวิน กิติบวร ร้องสั่งทั้งที่อุ้มบุตรชายตัวไม่เล็กเอาไว้ นัยน์ตาภายใต้แว่นสีชาระยิบระยับขึ้นมาเมื่อแลเห็นนวลเนื้อของคู่ปรับตลอดกาลอะร้าอร่ามท่ามกลางสายลมแสงแดดและท้องทะเลสีคราม
“ปะป๊าคับ มินจากินติม” หนูน้อยวัยสี่ขวบกว่าๆ ร้องบอกบิดา
“เดี๋ยวสิครับลูก ปะป๊าทำงานก่อน” กวินบอกบุตรชายเสียงอ่อนโยน
“ไม่เอา ป๊า...มินจากินเดี๋ยวนี้”
หนูน้อยหน้ามุ่ย ส่งภาษากายย้ำชัดว่าขัดใจอย่างแรง
“โอเคๆ เอ่อ พี่แจงครับ พี่แจง”
“ขา...ว่ายังไงคะคุณกวินของเจ๊”
ผู้จัดการของนางแบบสาวขานรับหน้าระรื่น
กวินกลอกตาขึ้นฟ้าเมื่อเสียงหวานหยดที่ขานรับมันไม่เข้ากับหน้าตาของพี่แจงเอาเสียเลย
“เอ่อ...ผมวานพี่แจงช่วยพาเจ้ามีนไปร้านไอติมได้ไหมครับ ผมขอเคลียร์ฉากนี้ก่อน จะได้เสร็จๆ ไปเสียที”
“ได้สิคะคุณกวิน สำหรับคุณกวินน่ะเจ๊ยินดีบริการค่ะ มาค่ะน้องมีนสุดหล่อมาหาเจ๊มาลูก เดี๋ยวเจ๊อุ้มนะมาๆ”
หนูน้อยส่ายหน้าดิก เบะปากเล็กน้อย แค่สีลิปสติกของเจ๊ มีนก็กลัวจนหัวหดแล้ว
“ม่าย มินจาเดิน ป๊าๆ มินมะอยู่ห้ามจ้องหญิงนา มะงั้นมินจาฟ้องแม่จริงๆ ด้วย” หนุ่มน้อยขู่ฟ่อ กวินอมยิ้ม มีความสุขที่ถูกหวงจากคนเป็นลูก
“แน่นอนลูกรัก ปะป๊าจะไม่มองใครเลยครับผม”
เขายืนยันแล้ววางเจ้าหนูตัวแสบลงกับพื้น แต่หางตาก็ยังลอบมองแม่เนื้อนวลขาวผ่อง หล่อนยืนเด่นอยู่กลางทะเลสีครามในชุดที่ล่อเสือล่อตะเข้สุดๆ
“นี่ฉากสุดท้ายแล้วใช่ไหมพี่”
เขาถามตากล้องมือทองเมื่อเจ๊แจงพามีนาเดินออกจากเต็นท์ไปแล้ว
“ครับคุณกวิน ถ้าคุณแพรวขยับซ้ายไปทางปลายชะง่อนหินอีกหน่อย ภาพจะสวยมากเลย รับรองดูไม่ออกว่าเราใช้ของเทียมมาถ่าย”
“เฮ้อ! ทำไมต้องเอาคุณแพรวด้วยก็ไม่รู้ ถ้าเป็นนางแบบคนอื่นถ่ายเสร็จไปนานแล้ว” เขาบ่นกับตากล้องแต่สองตาแลจ้องแต่แพรวรุ้ง
“นี่คุณ! ผมบอกให้ขยับไปทางซ้ายอีกหน่อย!”
คนบนฝั่งยังร้องบอก แพรวรุ้งหน้าบึ้งทันตาก่อนจะโต้ไปว่า
“ฉันก็เหนื่อยเป็นนะ! สั่งอยู่นั่นล่ะ ทำไมไม่แหกตาดูบ้างว่าฉันจะตกทะเลอยู่แล้ว” นางแบบสาวร้องบอกเสียงขรม ขาสองข้างไม่มีแรงจะยืน แต่ก็ไม่สามารถนั่งลงได้ เพราะกระโปรงเจ้ากรรมมันสั้นเกินกว่าจะนั่งยองๆ บนโขดหินอันแสนขรุขระ โล่งเตียนไร้สิ่งกำบัง
“เรื่องมาก! ขยับเดี๋ยวนี้เลยเร็วเข้า”
“ไม่!”
แพรวรุ้งต่อต้านไม่ยอมทำตาม กวินส่ายหน้า หันมาเจรจากับตากล้องมือทอง
“เลิกกองเถอะครับ สงสัยจะไม่ยอมถ่าย แดดแรงแล้วด้วย เลือกเอาภาพสวยๆ ที่ถ่ายไปก่อนหน้านี้แล้วกัน”
“โอเคครับ ผมจะได้สั่งเลิกกอง”
กวินพยักหน้าแล้วเดินไปลงเรือเล็กเพื่อขับมันเข้าไปใกล้โขดหิน ตรงที่นางแบบจอมเรื่องมากยืนอยู่
เสียงเรือยนต์แล่นมาจอดใกล้ๆ แพรวรุ้งหันมามอง หล่อนเห็นเขาส่งกุญแจเรือให้ทีมงานที่มาเซฟความปลอดภัยรอบๆ โขดหินใหญ่ สั่งเสียงดังได้ยินว่าให้ไปพักเที่ยงได้ พวกเขาจากไปพร้อมด้วยเรือยนต์ ทิ้งไว้เพียงผู้ชายตัวโตกวนประสาทกับเรือยางลำน้อย
“คุณนายจ้างคะ ทำไมปล่อยพวกนั้นไปกินข้าว แล้วฉันล่ะ ยืนเอียงซ้ายเอียงขวาจวนจะแห้งตายกลางทะเล ทำไมไม่ให้ฉันพักซะที สองมาตรฐานชัดๆ”
คนสวยสวดใส่หน้าน้องชายบุญธรรมของอดีตว่าที่คู่หมั้น
“ถ้าอยากกินข้าวก็อย่าเรื่องมาก ผู้กำกับเขาร้องสั่งให้คุณขยับไปอีกหน่อยไม่ได้ยินหรือไง!?” เขาว่าหล่อน ขยับร่างสูงโปร่งรุกเข้าไปใกล้ร่างอรชรเพรียวลม
“ก็มันขยับไม่ได้แล้ว ไม่เห็นหรือไงเล่า”
แพรวรุ้งชี้มือไปที่ปลายสุดของชะง่อนหิน ปลายเท้าเธออยู่ห่างจากมันไม่ถึงสองก้าวด้วยซ้ำ
“ก็แค่นิดเดียว เรื่องมากไปได้ เร็วเข้า! ถ้าไม่ยอมดีๆ ผมจะทำให้คุณขยับด้วยวิธีของผม อยากลองไหมล่ะ” เขาท้าทายหล่อน นัยน์ตาคมกรุ้มกริ่มใต้แว่นสีชา การได้แกล้งแพรวรุ้งหรือความสุขที่เขาเพิ่งค้นพบ
แพรวรุ้งหวาดหวั่น กลัวใจอีตาหื่นขึ้นมาในทันที ตอนที่ไปเซ็นสัญญาที่บริษัทเธอจำได้นะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ก็ได้! คอยดูนะ ถ้าฉันร่วงลงน้ำละก็ ฉันจะ...กรี๊ด!”
ตูม!
ส้นสูงสี่นิ้วพลิกเสียจังหวะ ส่งผลให้ร่างสวยสะคราญของนางแบบสาวหงายหลังร่วงหล่นลงสู่ผิวน้ำ
“เฮ้ย! ฮ่าๆๆ เป็นไงบ้างครับคุณ น้ำข้างล่างเย็นดีไหมฮ่าๆๆ”
กวินหัวเราะหน้าดำหน้าแดงอยู่บนโขดหินใหญ่ ขณะที่นางแบบสาวกระเสือกกระสนเอาตัวรอด เพราะว่ายน้ำไม่แข็ง และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่รู้
“ช่วยด้วย! อึกๆ ช่วย...”
แพรวรุ้งกลืนน้ำทะเลลงไปอึกใหญ่ เธอว่ายน้ำไม่แข็ง อีกทั้งเรี่ยวแรงก็เหลือน้อยเต็มที สองตาเห็นโจทก์ตัวดียืนหัวเราะร่าอยู่ข้างบนแล้วอยากจะร้องไห้ เธอได้ตายเป็นผีเฝ้าทะเลก็คราวนี้ ความหวาดกลัวแล่นเข้าสู่จิตใจ ร่างกายจึงฮึดสู้ขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด
“ช่วยด้วย!”
เธอร้องขออีกครั้งก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้าหา กลืนกินร่างงามจนหายไปใต้เกลียวไหลเชี่ยวของมัน
“นี่คุณ พอแล้วน่าอย่ามาอำเสียให้ยาก โผล่ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวผมจะเอาเรือยางไปรับ”
กวินร้องบอก ชะโงกหน้าลงไปดูก็เห็นเพียงชายผ้าของชุดบางเบาที่หล่อนสวมใส่ มันกำลังถูกเกลียวคลื่น กลืนกิน
“ฉิบหายแล้ว!”
ชายหนุ่มสบถ ดึงแว่นกันแดดทิ้งไปแล้วกระโจนลงสู่ทะเลกว้าง เขาดำผุดดำว่ายด้วยหัวใจที่เต้นระทึกเร็วแรง ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบที่เขามุดอยู่ใต้ผิวน้ำ จวบจนได้ยินเสียงเรือยนต์ของทีมงานใกล้เข้ามา เขาจึงคว้าร่างหล่อนเอาไว้ได้ในนาทีนั้น
“แพรวรุ้ง! แพรว!” เขาร้องเรียกชื่อ แต่ยังไร้วี่แววขานรับ
“คุณกวิน! เป็นไงบ้าง พาน้องแพรวขึ้นมาก่อนเร็วเข้า”
ตากล้องมือทองร่างท้วมร้องสั่ง ทีมงานชายอีกสองคนที่ติดเรือมาด้วยรีบเข้าช่วยเหลือ เมื่อเห็นนายจ้างพาร่างนางแบบสาวขึ้นจากน้ำด้วยความทุลักทุเล
“แพรว!”
เขาตบหน้าหล่อนเบาๆ เรียกสติ แต่สติคงหูตึงกระมังหล่อนจึงยังไม่ฟื้น
“โธ่เว้ย! เอาก็เอาวะ!”
สามคนที่ยืนอยู่บนเรืองงงัน คุณกวินจะ เอา อะไร? ความสงสัยใคร่รู้กระจ่างชัดในเสี้ยววินาที เมื่อคุณกวินของพวกเขาก้มลงผายปอดให้นางแบบสาว
ครั้งแรก...ไม่ฟื้น
ครั้งที่สอง...ก็ยังไม่ฟื้น
ครั้งที่สาม...โอ...ริมฝีปากร้ายๆ ที่ปะทะคารมกับเขาทุกครั้งที่เจอหน้า เหตุใดมันถึงหอมหวานปานนี้...
‘หยุด! ไอ้บ้าเอ๊ย หล่อนกำลังจะตายนะกวิน นายคิดเรื่องบ้าๆ ได้ยังไง! ได้โปรดฟื้นเถอะคุณแพรว ผมขอโทษจริงๆ’
“แค่กๆๆ แฮ่กๆๆ ช่วยด้วย! แค่กๆ ฉันกลัว ฮึกๆ ช่วยฉันด้วย ฮือ...”
แพรวรุ้งโผเข้ากอดเขาทันทีที่ได้สติ ความหวาดกลัวแผ่ซ่านในหน่วยตาก่อนจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาเม็ดใส
นางแบบสาวปล่อยโฮกับแผงอกเปียกชุ่มของโจทก์เบอร์หนึ่ง
กวินรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทาของหล่อน ไม่น่าเชื่อ! มันกำลังบีบคั้นหัวใจเขาอย่างหนักหน่วงจนเจ็บร้าวไปหมด คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดแน่ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแบบนี้ เพราะถ้าเขาไม่แกล้ง หล่อนก็คงไม่ตกลงไปแน่นอน
“ผมว่าเข้าฝั่งดีกว่านะ น้องๆ ออกเรือเลย”
เสียงตากล้องมือทองร้องสั่งลูกน้องอีกครั้ง
กวินพยายามไม่มองร่างในอ้อมแขน แพรวรุ้ง! ให้ตายสิเขาไม่อยากคิดอกุศลกับคนจมน้ำนะ แต่ชุดหล่อนมันทั้งบาง ทั้งแนบเนื้อจนร่างกายเขามัน...
“เอ่อ...ฮึกๆ ขอโทษทีฉัน...”
แพรวรุ้งขืนตัวออกจากอ้อมกอดของกวิน ลมแรงพัดมาปะทะใบหน้าจนสติของเธอกลับมาเกือบครบ จึงบังเกิดความกระดากอายอย่างยิ่งที่กอดเขาแน่นอย่างนี้
“อย่าได้คิดออกไปจากอ้อมกอดผม ถ้ายังไม่อยากถูกแทะโลมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก” เขาขู่หล่อน ปรายตาขุ่นขวางไปทางทีมงานสองคน ขนาดอีกคนขับเรืออยู่แท้ๆ ยังหันหน้ากลับมามองบ่อยๆ มันน่าควักลูกตาให้ฉลามกินนัก ฮึ่ม!
แพรวรุ้งก้มลงมองสภาพของตัวเองแล้วก็ให้ตกใจ เธอดีกว่านางเงือกหน่อยหนึ่งก็ตรงที่มีวงแขนกับแผ่นอกของเขาช่วยกำบังร่างกายไม่ให้มันอุจาดตา แต่ก็นั่นล่ะ เขาเปียกเธอก็เปียก หน้าอกหน้าใจเธอก็ถูไถกับแผ่นอกแกร่งของเขาขึ้นลงตามแรงคลื่น มันเร่งเร้าให้ขนในกายตั้งชันโดยมิอาจต้านทาน
กวินจับจ้องใบหน้างามของแพรวรุ้งด้วยความลุ่มหลง หากไม่เพราะเขาและหล่อนเป็นคู่กัดตลอดกาล เขาคงตีมึนจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอีกสักครั้ง...แค่คิดร่างกายมันก็มีปฏิกิริยาทันที
“นี่คุณ!?”
แพรวรุ้งร้องเรียกชื่อเขา มีบางสิ่งบางอย่างดุนดันบั้นท้ายของเธอขึ้นมาจนไอร้อนผะผ่าวซึมผ่านเนื้อผ้าให้รู้สึก
“คุณยั่วผมเองนะ ให้ตายเถอะ”
เขาเถียงหน้าตายทั้งที่หล่อนยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ
“สาบานว่าฉันไม่ได้ทำ!” เธอทำท่าจะผละออกอีกครั้ง ขนลุกขนพองเพราะรู้ดีว่าไอ้สิ่งแข็งๆ และร้อนผ่าวที่นั่งทับอยู่มันคืออะไร
“ถ้าคุณกล้าลุกจากตักให้ผมได้อายทีมงานละก็ ผมจะจับคุณปล้ำซะตรงนี้ให้อายชาวบ้านเหมือนกัน คอยดู!”
กวินแค่นหัวเราะแล้วหันกลับไปต่อกรกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์พราวพริ้งยืนจังงังอยู่กับที่ นี่นางโดนหลอกอีกแล้วเหรอ ครั้งหนึ่งตาเฒ่าหื่นกามก็ล่อลวงให้นางบำรุงบำเรอความใคร่ให้มัน ตั้งแต่สาวยันอายุปูนนี้ อยากจะเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายเปิดโปงให้ตนเสียหน้าเสียชื่อเสียง พอเวลานี้ กวิน คนที่นางเผลอมีใจให้ ก็โกหกหลอกลวงนางเพื่อ.. เพื่ออะไร!? หรือว่า...แพรวรุ้ง!“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” กวินร้องบอก หน้าตาดุดัน ตาแก่พุงหนาชักปืนออกมาขู่ มองดูลูกน้องที่ถูกต่อยหมดท่าแล้วให้ขัดใจนัก ไร้ฝีมือจริงๆ“อาลายวะ! พูดกันลีๆ ก็ล่าย ทำไมต้องใช้กำลัง หรือว่าลื้ออยากมีเลื่อง นี่มันผู้หญิงของอั๊ว ลื้อม่ายมีสิทธิ์”“เฮอะ! ผู้หญิงของแก แต่นั่น เมียกูโว้ย!”“ไม่จริง! ไม่จริง! กวินโกหก เธอโกหก! เธอเจอยัยแพรวแค่ตอนไปถ่ายแบบเท่านั้น แถมไปไม่กี่วันยังไม่ทันได้ทำงานด้วยซ้ำก็เลิกกองกลางคัน แล้วยัยแพรวจะไปเป็นเมียเธอได้ยังไง!?”“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคุณหญิง ก็ที่เธอหายไปเพราะผมนี่แหละเป็นคนพาเธอไปเอง โจรกระจอกที่ลักพาตัวแพรวรุ
[13]ปิดฉากเมฆากุมมือบางของภรรยาเอาไว้ เฝ้าดอมดมทั้งจูบจุมพิตฝ่ามือบางครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับการทำเช่นนั้นจะทำให้หล่อนตื่นขึ้นมาพูดคุยกับเขาเช่นเมื่อวานนี้ เกือบสามชั่วโมงแล้วที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ คุณหมอบอกว่าไม่เกินชั่วโมงหล่อนคงฟื้น แล้วทำไมผ่านไปตั้งสามชั่วโมง หล่อนยังไม่ลืมตา“วารินทร์ คนขี้เซา ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ เธอยังไม่ได้รดน้ำในแปลงผักเลย วันนี้จะอู้งานใช่ไหม” เมฆาเอ่ยทั้งน้ำตา วันวานที่ผ่านผันแต่ความทรงจำในบางเรื่องยังไม่เลือนหาย เขายังจำได้เมื่อครั้งที่ลักพาตัวศรีภรรยามาจากอกของพี่ชาย ช่างเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่ถ้าถามว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะทำแบบนั้นไหม บอกได้เลยว่า...ทำ เขายอมเป็นคนชั่ว หากว่าวันนี้ได้ครอบครองหัวใจของภรรยา“ปะ...เปล่านะ นายเหมืองจะกลับคำ...ใช่ไหม ไหนบอกว่าจะไม่ใช้แรงงานเมียแล้วไง แค่กๆ”เสียงแหบแห้งของคนป่วยร้องค้าน“วารินทร์...คนดีของนายเหมือง ฟื้นแล้วจริงๆ ผมดีใจเหลือเกิน”นายเหมืองหนุ่มเพียรกดจูบบนใ
“อ๊ะ...กวิน อืม...” แพรวรุ้งส่งเสียงเมื่อเขาเปลี่ยนจากนิ้วร้ายเป็นท่อนลำของความเป็นชายร้อนผ่าว เขาไม่ได้ถอดกางเกงด้วยซ้ำ เพียงแค่รูดซิบลงแล้วควักมันออกมาจากกางเกงชั้นใน เขาพยายามดุนดันแก่นกายร้อนผ่าวเข้ามาในร่างเธอ แต่มันช่างทำได้ยากเย็น“อ๊ะ! กวิน ฉันเจ็บ!”กวินชะงักเมื่อเสียงครางกระเส่าเปลี่ยนเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เขาขยับกายอีกนิดเพื่อจะได้ยกร่างหล่อนขึ้นเหนือท่อนลำอีกหน“ค่อยๆ นั่งทับมัน อย่างนั้นแพรว อย่างนั้น อา....”แพรวรุ้งใบหน้าบิดเหยเก เขาบอกเธอเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่มันหนักหนาทีเดียว ตอนนี้ลำลึงค์ใหญ่โตสมชายชาตรี มุดเข้าไปในร่างเธอได้เพียงส่วนหัว ส่วนที่เหลือยังค้างเติ่งอยู่อย่างนั้นกวินยกร่างหล่อนขึ้นน้อยๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยลงมาช้าๆ ทำอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ กระทั่งความชุ่มฉ่ำนำพาให้ช่องทางสวาทดูดกลืนลำเอ็นขนาดยักษ์จนหมด และมันสามารถลดความเจ็บปวดในการหลอมรวมได้ดีทีเดียว“โอ...ไม่!” แพรวรุ้งร้องเสียงหลงเมื่อเขาช้อนร่างเธอไว้แล้วยกขึ้นลงเป็นจังหวะ ท่อนลำแกร่งกร้าวหา
กวินชะงักเล็กน้อย คุณหญิงเจ้าเล่ห์นัก หนึ่งเดือนมานี้เขาทำทุกวิถีทางที่จะให้พราวพริ้งไว้ใจเขา การร่วมทุนร่วมหุ้นทำฟาร์มไข่มุกที่เกาะมันตรา มันเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เกาะมันตรามีจริงเสียเมื่อไหร่กัน ลายเซ็นของนางต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการ เอกสารฉบับล่าสุดที่เขาเอามาให้นางเซ็น มันไม่ใช่เอกสารทางธุรกิจแบบธรรมดา แต่มีใบโอนทรัพย์สินแทรกมาอย่างแนบเนียน มันถูกทำขึ้นจากทีมงานที่เขาไว้ใจมากที่สุด เพื่องานนี้โดยเฉพาะ“โธ่...ไม่ได้ปากหวานสักหน่อย แค่พูดความจริงเท่านั้น ถ้าพี่พริ้งยังไม่เซ็นก็ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ยังไงซะ เงินที่จะเอามาใช้ในการทำฟาร์มงวดนี้ มันก็เป็นของพี่พริ้งอยู่ดี” กวินว่า“นั่นก็เงินของเธอด้วย ถ้าฟาร์มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอต้องพาพี่ไปดูนะ พี่อยากรู้จริงๆ ว่าเกาะมันตราจะสวยแค่ไหน” พราวพริ้งทำหน้าเคลิ้มฝัน หารู้ไม่ว่า รูปถ่ายที่กวินเคยให้ดูนั้นมันเป็นสวนหนึ่งของเกาะปันรัก มิใช่เกาะมันตรา“แน่นอนครับ ตอนนี้ก็คืบหน้าไปมากแล้ว บ้านของเราสองคนก็สร้างได้ครึ่งหนึ่งแล้วนะครับ อีกเดือนสองเดือนน่าจะเข้าอยู่ได้เลย ผมไม่ไ
ร่างสวยสูงโปร่งอย่างนางแบบของแพรวรุ้ง เดินนวยนาดลงมาตามขั้นบันได เรียวขายาวขาวสะอาดมันสามารถตรึงสายตาของหนึ่งบุรุษให้จดจ้องแน่วนิ่ง แพรวรุ้งใจเต้นโครมคราม ดวงตาเขาที่จ้องมองมาประหนึ่งจะเปลื้องผ้าเธออย่างไรอย่างนั้น“เอ้า? ยัยแพรวมาพอดี”มารดาผู้แสนดีเอ่ยทักบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานผิดปกติ แพรวรุ้งรับรู้โดยสัญชาตญาณ คุณหญิงพราวพริ้ง มารดาผู้ยังงดงามของเธอ กำลังมีความรัก“แพรวไม่รู้ว่าคุณแม่มีแขก ขอโทษที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยค่ะ”เธอกล่าวขอโทษแต่ไม่ได้คิดจะขึ้นไปเปลี่ยนแต่อย่างใด เดินมานั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก แอบปรายตาไปมองกวินอย่างยั่วเย้าอยู่ในที“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” กวินกล่าวเสียงเรียบเรื่อย จ้องมองวงหน้าเนียนของแพรวรุ้งตาไม่กะพริบ หล่อนดูสดใสอิ่มเอิบผิดหูผิดตา และหล่อนกล้ามากที่หนีออกจากเกาะปันรัก มันน่าโมโหจริงๆ“ขอโทษนะจ๊ะกวิน” พราวพริ้งหันไปขออภัยบุรุษในดวงใจ ก่อนจะหันมาสั่งบุตรสาว “เราก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดสิ จะมัวมาขอโทษขอโพยกันทำไม”
[12]เพิ่งเข้าใจ-------------วารินทร์กำลังจัดโต๊ะอาหารค่ำไว้รอนายเหมืองผู้เป็นสามี ร่างอรชรเริ่มอวบอิ่มขึ้นมากเมื่อเธอต้องเร่งอาหารหลักอาหารเสริมเพื่อบำรุงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์ แต่กระนั้น ความน่ารักสดใสของคุณน้องคนงามก็ยังไม่เลือนหายไป“สวัสดีคะพี่วารินทร์ จันทร์มาหาเฮียเมฆค่ะ”วารินทร์ทำหน้าไม่ถูก ด้วยว่าการพบกันครั้งแรก เธอเข้าใจแม่เลี้ยงคนงามผิดไป“สวัสดีค่ะ เอ่อ...นายเหมืองยังไม่กลับเลย คุณ...เอ่อ...น้องจันทร์มาซะค่ำเชียว ทานข้าวด้วยกันนะคะ” ว่าที่คุณแม่เอ่ยชวน แต่ชมจันทร์ตอบกลับมาเพียงรอยยิ้มและยื่นซองเอกสารให้กับนายหญิงแห่งเหมืองวารินทร์“ฝากให้เฮียด้วยนะคะ จันทร์รีบไป ลาเลยก็แล้วกันนะคะพี่ สวัสดีค่ะ” ชมจันทร์ลาพี่สะใภ้ ความอ่อนแอในหัวใจพาให้เธออยากไปให้พ้นๆ จากผู้คน อยากอยู่เงียบๆ อยากนอนร้องไห้ให้สมใจ“เอ้า? จันทร์มาได้ไงมืดค่ำป่านนี้”เมฆาที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมาเอ่ยทักน้องสาวทันที“เฮียเมฆ คือ






![คนดีของเฮียมังกร [ผัวเอวดุ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
