เมื่อความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้นเพราะแรงปรารถนา หาใช่ ความรัก ดังนั้น การรับผิดชอบด้วยการแต่งงานมันจึงเป็นไปไม่ได้! เผียะ! “เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด!” หญิงสาวให้พรชายหนุ่ม หลังจากฟาดฝ่ามือใส่แก้มสากของเขาไปเต็มรัก นัยน์ตาดำดุของ กวิน จ้องหน้านางแบบสาวเขม็ง แน่นอนว่าไม่เคยมีใครกล้าตบเขาอย่างนี้ทำไม แพรวรุ้ง ถึงไม่เหมือนดารานางแบบคนอื่นๆ ที่เขาเคยควงนะ หากอยากได้อะไรก็บอกมาสิข้าวของ เงินทอง รับรองว่าหล่อนจะอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเร่แก้ผ้าถ่ายแบบอย่างนี้ “ฉันไม่ใช่อีตัว! ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ สายตานายมันฟ้องสายตาดูแคลนเหยียดหยามไม่เห็นค่าพรหมจรรย์ของฉัน อย่าคิดว่าฉันจะเหมือนผู้หญิงของนายที่ตั้งหน้าตั้งตารอท่าโดดขึ้นเตียง พอเสร็จกิจแล้วก็ถีบหัวส่ง ถึงฉันต้องแก้ผ้าหาเงินเลี้ยงตัวฉันก็ไม่มีวันเป็นนางบำเรอของใคร! จำเอาไว้!”
View More[1]
คู่กัด
- เจ็ดปีที่แล้ว -
“กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องหอรอรักของพ่อเลี้ยงวัยเลยหนุ่ม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอีกสิบกว่าคู่ที่วิ่งกรูมาออยังหน้าห้องดังกล่าว ความตื่นตกใจเกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้น
ปัง!
ประตูห้องหอเปิดผางออกอย่างเร็วแรงด้วยแรงกระแทกจากบาทาของบุรุษมาดเข้มหนึ่งในนั้น
“หนูเปล่านะ! หนูเปล่า...ฮึกๆ เขาจะปล้ำหนู ฮือ...”
น้ำเสียงอู้อี้เจือน้ำมูกน้ำตาดังเล็ดลอดออกมาจากปากเจ้าสาววัยกระเตาะที่กำลังขวัญเสีย หล่อนนั่งอยู่ข้างเตียง เข่ามนงอขึ้นชิดอก ผมเผ้าหลุดลุ่ยรุงรัง แม้แต่ชุดเจ้าสาวก็ขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวใสในวัยขบเผาะ
บนเตียงกว้างปรากฏร่างอ้วนกลมของเจ้าบ่าวนอนคว่ำอยู่ ใบหน้าอวบอูมจมอยู่กับฟูกหนาที่โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ
“คุณลุง!” บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ ขานเรียกบิดาของเพื่อนรักด้วยความตกใจอย่างที่สุด ใจเต้นระรัวด้วยกลัวว่าสิ่งที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง
“เสี่ย!” เสียงเรียกเสี่ยวัยดึกเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายดังระงมไปทั่วห้องหอ บรรดาญาติๆ และเพื่อนสนิทต่างกรูเข้ามาห้อมล้อมร่างที่ไร้ลมหายใจของท่าน บ้างก็ช่วยปั๊มหัวใจ บ้างก็ช่วยผายปอด ด้วยพวกเขารู้ดีว่าเสี่ยมีโรคประจำตัว แต่มันสายไปแล้ว เสี่ยสูงวัยสิ้นใจในวันเข้าหอโดยที่ท่านยังไม่ได้เชยชมเจ้าสาวอย่างที่ใจปรารถนา
“หนูเปล่านะ! หนูเปล่า เขาจะปล้ำหนู ฮึกๆ แล้วเขาก็เจ็บหน้าอก แล้ว...เขาก็ฟุบไปเลย หนูไม่ได้ทำอะไร...นะ ฮือ...” เจ้าสาวค่อนคืนละล่ำละลักบอก ใบหน้าชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา แววหวาดกลัวยังเจืออยู่ในดวงตาอันไร้เดียงสา
“สวมเสื้อก่อนนะ เอ้าพี่ให้” นายเหมืองหนุ่มว่าแล้วก็ถอดเสื้อสูทของตนให้เจ้าสาวที่น่าสงสาร เมฆา ไม่รู้ว่าเหตุใดสาวน้อยวัยสิบเจ็ดอย่าง ชมจันทร์ ต้องมาแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ มิหนำซ้ำสามีก็มาสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาในวันเข้าหออีก น่าเวทนานัก แล้วตอนนี้เพื่อนรักของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ทัศเทพ ผิดหวังและเสียใจอย่างที่สุดเมื่อบิดาแต่งงานใหม่กับสาวคราวลูก ทั้งสองทะเลาะกันบ้านแทบแตก สุดท้ายก็หนีหน้าหายไป หากทัศเทพรู้เรื่องเข้าคงใจสลาย เพราะแม้แต่คำขอโทษ นายนั่นก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยกับบิดาอีกแล้ว
ปัจจุบัน...
ณ คฤหาสน์เทพมณี
“ส้มๆ ไปปลุกคุณเทพซิเร็วเข้า วันนี้ฉันมีประชุมเช้านะเนี่ย ตาบ้าเอ๊ย! จะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง ฮึ่ม!”
ชมจันทร์ เทพมณี ร้องสั่งสาวใช้ ใบหน้าสวยงอหงิกขัดใจเมื่อเจ้าของบริษัทยังนอนอุตุอยู่บนที่นอน ขณะที่ แม่เลี้ยง คนนี้ต้องรีบตื่นมาชงกาแฟให้ เหตุเพราะใครชงให้ก็ไม่ถูกใจเขา
“สงสัยคงได้ช้อนวิเศษคนละมั้งถึงไม่ยอมใช้คนอื่น ว่าแล้วก็คนมันสักนิดแล้วกัน คุณลูกเลี้ยง” ชมจันทร์พูดเองเออเองกับถ้วยกาแฟ เธอจิ้มนิ้วชี้ลงไปในถ้วยกาแฟตามที่ใจคิดเพื่อจะพบว่ามัน...
“โอ๊ย ซวยฉิบ! ทำไมวันนี้มันร้อนวะ ทุกทีแค่อุ่นๆ สงสัยน้ำจะเดือดมากไป โอยๆ เดี๋ยวนิ้วเรียวๆ ของฉันพองพอดี หึๆ แต่ก็สะใจพิลึก อยากใช้ฉันดีนัก แม่ไม่บ้วนน้ำลายใส่ก็บุญหัวแล้ว ตาปีศาจจอมหื่นเอ๊ย”
ชมจันทร์บ่นๆๆ ให้ลูกเลี้ยงที่อายุมากกว่าตนอยู่หลายปี ตั้งแต่บิดาของทัศเทพสิ้นลมในวันเข้าหอ เธอก็ต้องติดอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ในฐานะแม่เลี้ยง แน่นอนว่าเธอยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่งยวด ที่อยู่ที่กินสุขสบาย มีเงินใช้ ได้เรียนหนังสือ จบมาก็มีงานทำ ที่สำคัญไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านที่พ่อแม่อยากจะจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วเอาไปประเคนให้อาเสี่ยคนอื่น เธอเบื่อและรังเกียจหากมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าไม่เพราะบุญคุณของบิดามารดาท่วมหัว จ้างให้เจ็ดปีก่อนเธอก็ไม่ยอมแต่งงานกับบิดาของทัศเทพหรอก
“ชมจันทร์! เธอว่าใครห๊ะ! แล้วนั่นอะไร ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”
ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม หล่อเหลา ในชุดสูทสีดำพอดีตัวเอื้อมมือไปควานหาบางอย่างที่ด้านหลังแม่เลี้ยงสาว เจ้าหล่อนซ่อนช้อนพิเศษที่ใช้คนกาแฟให้เขาเอาไว้ตรงนั้น เขาแอบมาเงียบๆ เลยได้เห็นอะไรดีๆ
“ปะเปล่าอย่ามาหาเรื่องนะ ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกลิ่น ผู้ชายป้ายเหลือง มันจะติดฉัน!” ตวาดแหวผลักเขาออกห่าง แต่ชายหนุ่มก็ไวทายาทคว้าเอามือข้างเจ้าปัญหามาพิจารณาได้ทันท่วงที
“ปากดี! เมื่อกี้เธอใช้อะไร คนกาแฟ ห๊ะ!?”
ทัศเทพ เทพมณี ถามเสียงขุ่น ดึงนิ้วชี้ของชมจันทร์มาจ่อใกล้ๆ จมูก กลิ่นหอมของกาแฟที่เพิ่งบดจากเครื่องใหม่ๆ ยังกรุ่นออกมาจากซอกเล็บสะอาดสีชมพูอ่อน
“ถามได้ ก็ช้อนน่ะสิ” ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะท่องจำจนขึ้นใจทุกเช้า ตาโง่เอ๊ย ฉันใช้นิ้วชี้คนกาแฟให้นายมาตั้งชาติหนึ่งแล้ว เพิ่งจะมาสงสัย เหอะๆ รู้จักชมจันทร์น้อยไปซะแล้ว
“แน่ใจ!?” ถามเสียงสูง หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างแคลงใจ เขาดึงนิ้วเรียวเข้ามาใกล้อีกนิด เพื่อพิสูจน์กลิ่นอีกครั้ง ชัดเลย! ยัยนี่เอานิ้วชี้คนกาแฟ
ชมจันทร์พยักหน้า ขืนตัวออกห่าง แต่เขากลับดึงเธอเข้าไปแนบชิด ให้ตายเถอะ เดี๋ยวคนใช้มาเห็นได้นินทาเจ้านายกันสนุกล่ะ
“งั้นฉันขอพิสูจน์”
เขาไม่พูดเปล่า แต่ไล้ลิ้นเรียวตวัดปลายนิ้วชี้ของแม่เลี้ยงสาว แทะเล็มและดูดดึงจนชมจันทร์ร้อนวูบวาบถึงปลายเท้า
“คะ...คุณเทพ ปล่อยนะ...ดะ...เดี๋ยวนี้” เธอร้องขอเสียงสั่นเมื่อความวาบหวิวปั่นป่วนวิ่งวนในช่องท้อง ทัศเทพขบเม้มปลายนิ้วของเธอราวกับมันอร่อยนักหนา แถมมือข้างที่ว่างก็ยังไล้วนบนท่อนขาของเธอด้วย
“เธอโกหก ต้องโดนลงโทษ” เขาว่าแล้วก็ปล่อยมือหล่อน มือข้างนั้นเกี่ยวเอาท้ายทอยระหงให้เข้ามาใกล้ บังคับใบหน้างามให้แหงนเงยเพื่อรอรับจุมพิตร้อนๆ
ชมจันทร์ดิ้นขลุกขลัก เธอทำได้เพียงเท่านั้นเมื่อเขาพันธนาการร่างเธอไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งและรสแห่งจุมพิตอันซาบซ่าน
“อย่านะ!”
แม่เลี้ยงสาวร้องบอกเมื่อปากเป็นอิสระ แต่ไม่อาจยุติฝ่ามือแกร่งที่วางอยู่ตรงท้ายทอย ฝ่ามือร้อนลากไล้เลื่อนต่ำลงไปถึงแนวขอบกระโปรง ก่อนจะดึงทึ้งเสื้อเชิ้ตตัวในของเธอออกแล้วรุกรานเข้าไปสัมผัสเนื้อในอย่างอุกอาจ
ปัง!
มันคือเสียงของลูกเลี้ยงจอมหื่นใช้ปลายเท้าเตะประตูห้องครัวเล็กดังสนั่น เป็นสัญญาณว่าห้ามรบกวนจากคนบุคคลภายนอก บรรดาสาวใช้แตกฮือจากหน้าประตู ต่างนึกสงสัยในใจว่าคุณเทพคงจะมีตาทิพย์กระมังถึงได้รู้ว่าพวกหล่อนแอบดูอยู่ ตอนนี้บ่าวรับใช้จึงได้แต่มองหน้ากันแล้วทำตาปริบๆ เพราะถูกขังจากคนที่อยู่ข้างใน สงสัยต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าบ้าน หากอยากดูฉากอันเร่าร้อนของนายทั้งสองต่อ
“คุณเทพ! ฉันบอกให้หยุด!”
ชมจันทร์แหวลั่นเมื่อเขาซุกใบหน้าลงกับทรวงอกอวบอิ่ม มือเรียวจับรวบเส้นผมเขาได้ก็ออกแรงดึงศีรษะเขาอย่างแรง
“โอ๊ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ!”
ลูกเลี้ยงจอมหื่นโอดครวญ ชมจันทร์ชักสีหน้าใส่
“สาบานเลยว่าเช้านี้คุณไม่ได้เมา เอาสิ! จะแก้ตัวว่ายังไงคุณเทพที่ลวนลามแม่เลี้ยงของตัวเองห๊ะ!”
ชมจันทร์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่อยากฟัง
ทัศเทพปล้ำจุมพิตแม่เลี้ยงอีกครั้ง แล้วยกร่างหล่อนไปวางบนบาร์เครื่องดื่มซึ่งสูงเท่าหน้าขา กระโปรงผ้านิ่มสีเขียวมะนาวถูกถกขึ้นมากองเหนือสะเอว ชั้นในตัวจิ๋วถูกเขารูดลงพร้อมๆ กับนิ้วร้ายๆ เริ่มปฏิบัติการลงโทษคุณแม่เลี้ยงเหมือนที่เขาได้คาดโทษไว้ล่วงหน้า
“คุณเทพ! ฟังฉันก่อนได้โปรด”
ชมจันทร์วิงวอนเสียงแหบพร่า ไม่อาจห้ามปรามเขาได้ หรือว่าคราวนี้เธอจะชะตาขาด! ต้องตกเป็นเมียลูกเลี้ยงเข้าแล้วจริงๆ
ทัศเทพแทบกระอัก เมื่อความคับแน่นตอดรัดที่ปลายนิ้วเขา โอ...หรือว่าเรื่องที่เพื่อนรักอย่างนายเหมืองเมฆาบอกจะเป็นเรื่องจริง ชมจันทร์แต่งงานกับบิดาเขาแต่ยังไม่ได้ เข้าหอ แต่อย่ากระนั้นเลย หล่อนไม่ใช่สาวสิบเจ็ดอย่างวันวานสักนิด ดีไม่ดีเขาอาจจะเป็นผู้ชายอีกคนที่ช่วยเติมสีสันให้กับชีวิตหล่อนก็ได้
คิดได้ดังนั้นหัวเข็มขัดสีเงินวาววับก็หลุดออกจากรอบเอวสอบ เขารูดซิปลงอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา แต่ทว่า!
ก๊อกๆๆ
“เอ่อ...คุณเทพขา คือ...คือว่านายเหมืองเมฆามาค่ะ”
เสียงกล้าๆ กลัวๆ ของนางจวง แม่บ้านก้นกรุของเสี่ยใหญ่ดังขึ้น ยังผลให้ทัศเทพต้องถอดถอนจุมพิตออกอย่างน่าเสียดาย เขาจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย ในใจก็บ่นเพื่อนรักกลายๆ ว่าทำไมมาเร็วนัก ยังไม่ถึงเวลานัดด้วยซ้ำ
“ถ้าคราวหน้าเล่นพิเรนทร์อย่างนี้อีก ฉันจะ รีดนมเธอ ด้วยปากของฉัน แล้วเอามันมาใส่กาแฟ!”
เขาขู่เสียงกระเส่า ส่งสายตาโลมเลียไปยังแม่เลี้ยงสาว หล่อนเร่งใส่ชั้นในตัวจิ๋ว มือไม้สั่นระริก
“ปากหมา!” ชมจันทร์ให้พรลูกชาย เธอมีน้ำนมที่ไหนกันเล่า อีตาบ้าเอ๊ย!
“อะไรนะ? ฉันได้ยินนะจันทร์”
“เปล่าๆ เปล่าจ้า แบบว่าจันทร์บอกว่าคุณเทพรีบไปดีกว่า เฮียเมฆคงคอยนานแล้ว” แก้ต่างพลางเร่งติดกระดุมเสื้อ แต่เพราะมือไม้สั่นมันเลยติดผิดๆ ถูกๆ ลูกเลี้ยงอดใจไม่ไหวเลยยื่นมือมาติดให้
“อย่าให้รู้นะว่าแอบด่าฉัน ไม่งั้นฉันจะเฉดหัวเธอออกไปจากบ้านนี้ซะ!”
เขาขู่จริงจัง และแทนที่ติดกระดุมเสร็จจะละมือจากร่างหล่อน เขากลับฝังปลายจมูกคมๆ บนแก้มนวล สูดดมกลิ่นหอมรัญจวนฟอดใหญ่ๆ เป็นของแถม ก่อนจะจากไป
ชมจันทร์มองตามร่างเขาแล้วเศร้าใจนัก สามวันดีสี่วันไล่คือทัศเทพนี่แหละ เขาจะไล่เธอไปอยู่ที่ไหน เขาก็รู้ว่าเธอไม่มีที่ไป ไม่มีจริงๆ
“โธ่เอ๋ย...ชมจันทร์ ถามจริงๆ เถอะ เธออยู่ที่นี่เพราะอะไร!? อยู่เพราะได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยง หรือว่าอยู่เพราะหัวใจตัวเองมันเรียกร้องกันแน่”
แม่เลี้ยงคนงามจับแก้มที่ถูกลูกเลี้ยงดอมดม เธอค่อยๆ ปีนลงจากเคาน์เตอร์บาร์ในใจเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่า เพราะอะไร?
************* นิยายวางขายอีบุ๊กแล้วที่ M*B ปกสีแดงค่ะ ส่วนปกคน จะอัปเดตไฟล์ใหม่แล้วค่อยเปลี่ยนปกทีเดียว ตอนแก้สำนวนเรียบร้อย แก้สำนวนเพียงเล็กน้อย นักอ่านที่อ่านอีบุ๊ก สามารถอัปเดตไฟล์ทีหลังได้ค่ะ
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได
Comments