ที่ออฟฟิศชั้นล่าง แม้ยังเช้าอยู่ แต่พนักงานบางก็ส่วนเริ่มมาทำงานกันบ้างแล้ว
“มาแต่เช้าเชียวหนูมุก”
เสียงทุ้มนุ่มเย็นอย่างผู้ใหญ่ใจดีของวัลลภ ผู้รับผิดชอบด้านบัญชีของ GB เอ่ยทักเลขารุ่นลูกอย่างเป็นกันเอง
“ถ้ามาเช้าจริงๆ คุณอาคงไม่ต้องเดินออกมาชงกาแฟดื่มเองอย่างนี้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะน้อยๆ จากบุรุษวัยใกล้เกษียณ เมื่อรู้ว่าถูกเลขาสาวย้อนเข้าให้
“ฮ่าๆๆ จริงๆ เอาเป็นว่าอย่างน้อยๆ เราก็มาเช้ากว่าพนักงานคนอื่น และขยันๆ อย่างหนูมุกนี่ ลูกชายคนแรกยกให้เลยเอาไหม จะได้มาเป็นลูกสะใภ้ของอาไง”
“ขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันค่ะ แต่ถ้าจะให้รอน้องนนท์ มุกคงแก่หง่อมก่อนพอดี” เธอนึกถึงใบหน้าขาวๆ แก้มยุ้ยๆ ของน้องนนท์แล้วก็ต้องอมยิ้ม น้องนนท์ของคุณอาเพิ่งจะสิบขวบเท่านั้นเอง
“ท่าจะจริงอย่างที่หนูมุกว่า ทำไงได้ล่ะ เพิ่งมามีลูกหลงเอาตอนแก่ก็อย่างนี้แหละ ชาตินี้จะได้อุ้มหลานหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“โธ่คุณอาละก็ ไม่จริงหรอกค่ะ คุณอายังหล่อเฟี้ยวขนาดนี้มีน้องให้น้องนนท์อีกคนสองคนยังไหวค่า”
“ฮ่าๆๆ ขอให้จริงเถอะหนูมุก ขอให้จริง”
วัลลภเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเข้าห้องด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงคำยกยอของเลขาสาว เกล็ดมุกมองตามร่างเจ้านายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
ระหว่างนั้นเสียงเพลงจากมือถือเครื่องบางก็ดังขึ้น ไม่บอกก็รู้ว่าใครโทรมา เพราะเสียงเรียกเข้าเพลงนี้เธอจำได้ขึ้นใจ
“นึกว่าคุณป๋าลืมลูกสาวคนนี้ซะแล้ว” เธอส่งเสียงอ้อนไปยังปลายสาย
‘ใครว่า หนูต่างหากล่ะ ป่านนี้คงลืมป๋ากับพี่เมฆแล้ว’ คนปลายสายทำเสียงเง้างอนกลับมา
“โอ๋ๆ อย่างอนสิคะ อีกไม่นานมุกก็กลับไปอยู่บ้านให้คุณป๋าเลี้ยงแล้ว”
‘ขอให้จริงเถอะ ป๋าเสียใจจริงๆ ที่ยอมให้หนูทำแบบนี้ ตาเมฆเองยังเคืองป๋าไม่หาย แล้วตอนนี้ป๋าใกล้จะได้ต้อนรับว่าที่ลูกเขยหรือยังล่ะ นี่มันจะครึ่งปีแล้วนะคนสวย’
“ยังเลยค่ะ คุณวาใจแข็งเป็นหินจนหนูเล็กชักท้อแล้ว บางทีหนูเล็กอาจจะกลับไปอยู่บ้านเร็วกว่ากำหนดก็ได้นะคะ”
‘โธ่เอ๋ย...ลูกรัก ถ้าเขาจะโง่จนมองไม่เห็นความรักของหนู แล้วหนูจะทนไปทำไมลูก ลูกสาวป๋าทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเก่ง จบปริญญาโทจากเมืองนอกเมืองนา ป๋าพาออกงานสังคมสักรอบสองรอบ ขี้คร้านหัวกระไดบ้านจะไม่แห้ง’ คนปลายสายบอกบุตรสาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“โอย...ไม่ไหวหรอกค่ะ รู้ๆ กันอยู่ว่าหนูเล็กไม่ชอบไปงานแบบนั้น ที่สำคัญหัวใจของหนูเล็กมีเจ้าของแล้วนะคะ คุณป๋าชอบทำเป็นลืมอยู่เรื่อย”
‘จ้าๆ ลูกรัก ป๋าไม่เคยลืม แต่หนูก็ห้ามลืมเหมือนกันนะ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ป๋าจะยอมให้หนู และถ้าป๋ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นทำร้ายหนูแม้แต่ปลายก้อย หนูคงรู้นะ ป๋าคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ สัญญาของเราใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว หนึ่งปีก็คือหนึ่งปีไม่มีการผ่อนผัน ถ้ามันจะเจ็บ วันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเจ็บ เตรียมใจไว้บ้างนะลูกนะ’
“ค่ะ หนูเล็กจะทำให้ได้ ไม่ว่าครึ่งปีหลังจากนี้จะเป็นยังไง หนูเล็กก็จะยอมรับมัน ขอบคุณนะคะคุณป๋า ที่ยอมให้หนูเล็กทำเรื่องสิ้นคิดอย่างนี้ หนูเล็กรักคุณป๋านะคะ”
เกล็ดมุกน้ำตาซึม เมื่อความรักและความห่วงใยที่บิดามีให้ มันกำลังบีบคั้นจิตใจของลูกสาวอกตัญญูเช่นเธอ
‘ป๋าก็รักลูก หากครึ่งปีหลังจากนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่หนูหวัง ก็ให้ถือเสียว่าที่หนูได้ทำไปทั้งหมด เป็นการตอบแทนที่เขาเคยช่วยชีวิตหนูไว้ในคราวนั้นก็แล้วกันนะ’
คนปลายสายเอ่ยปลอบอย่างปลงๆ หนุ่มสาวสมัยนี้ช่างรักแรงเกลียดแรงจนพ่อคนนี้ชักกลัวใจ แม้แต่บุตรสาวที่แสนดีนักหนา หล่อนยังกล้ามาขอในสิ่งที่คนเป็นพ่อได้ฟังแล้วแทบกระอัก
ใช่...บุตรสาวท่านร้องขอไปเป็น ‘เมียเก็บของวาคิม’
“ค่ะ อืม...วันนี้ต้องวางสายแล้วค่ะ”
‘ได้ๆ’
“หนูเล็กรักคุณป๋านะคะ..”
“จ้า...ป๋าก็รักลูกนะ”
คนเป็นลูกวางสายบิดาอย่างหนักอกหนักใจ ความรักและห่วงใยยังวอยวนในอก ริมฝีปากอวบอิ่มเผยยิ้มเหยียดหยันตัวเอง ไม่เห็นหนทางเลยสักนิดที่วาคิมจะมารักนางบำเรอไร้ค่าคนนี้ ครึ่งปีที่ผ่านมาเธอมีค่าแค่เครื่องรอรับความใคร่บนเตียง หวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันเขาจะมอบหัวใจมาให้ ทว่าจนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเช่นนั้นเลย
เกล็ดมุกจำต้องหยุดความคิดเรื่อยเปื่อยในเรื่องเดิมๆ ลงเพียงเท่านั้น เมื่อเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น เธอรวบรวมเอกสารที่เตรียมไว้แต่เย็นวาน เพื่อเอาเข้าไปให้เจ้านายใจดีที่ได้สั่งตามสายมาเมื่อครู่
___________________
เหมืองวารินทร์ กาญจนบุรี
เช้าวันนี้ เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายจากกลุ่มขี้เมาประจำเหมือง กำลังรบกวนโสตประสาทของสตรีมากวัยอย่างหนักหน่วง นางน้อม แม่นมร่างท้วม จำต้องลุกจากเก้าอี้หวายตัวโปรดเพื่อมายืนสังเกตการณ์ที่หน้าเรือน สายตาที่เริ่มฝ้าฟางเพ่งไปยังแคร่ไม้ไผ่ที่มีนายเหมืองของนางนั่งอยู่ด้วย ใครบางคนกำลังถูกหามออกจากวงเหล้ามุ่งตรงมายังเรือนของนาง
“นึกว่าวันนี้จะรอดแล้วเชียว” นางน้อมบ่นอย่างระอา เมื่อแลเห็นร่างกำยำสูงใหญ่ของนายเหมืองถูกหิ้วปีกมาแต่ไกลๆ
“ป้าโนมคร้าบ เอื๊อก! โผม...อาวนายมาโส่งคร้าบ! เอื๊อก! กองไว้หนายดี” คนเมาถามเสียงอ้อแอ้ ใจนั้นอยากกองเจ้านายไว้ที่หน้าบันไดเรือนให้รู้แล้วรู้รอด จะได้รีบกลับไปหาเมียเสียที
“ชิชะ! ไอ้แสง นั่นนายแกนะจะกองไว้ได้ยังไง โน่น! เอาขึ้นเรือนไปโน่น เดี๋ยวข้าจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้เอง” นางน้อมเท้าสะเอวสั่งเสียงดังยิ่งกว่าขี้เมา ศีรษะที่มีเส้นผมสีดอกเลาส่ายไปมาอย่างสุดจะทน วันหยุดทีไรได้เมาหยำเปทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง
ขันเงินใบใหญ่ใส่น้ำเย็นจัดพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กถูกประคองด้วยมืออวบๆ ของแม่นมที่นายเหมืองหนุ่มเคารพนักหนา เสียงอ้อแอ้ของนายแสงหัวหน้าคนงานและลูกน้องอีกสองคนที่มาด้วย ค่อยๆ ไกลออกไป แสดงว่าพวกเขาคงลงเรือนไปนานแล้ว
“ทีอย่างนี้ละไปไวนัก นี่ก็อีกคน อีตอนกินก็ไม่ได้สนับสนุน พอตอนเมากลับมาต้องเป็นภาระคนแก่ทุกที” นางน้อมเอ็ดอึงอย่างระอา
“โผม...เอื๊อก! โสงสารหนูเล็ก...โผมจาฆ่าไอ้วาคีม เอื๊อก! ที่มานไม่ล้ากน้องสาวโผม เอื๊อก!”
นมน้อมส่ายหน้าอีกครั้ง นึกเห็นใจคนเมาที่ยังทำใจเรื่องน้องสาวไม่ได้ ความจริงมันก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนปีแล้ว ที่นายน้อยอีกคนของนางได้กระทำในสิ่งที่คนในครอบครัวล้วนแต่ปวดใจ ยิ่งนายเหมืองด้วยแล้วเขาแทบอยากจะฆ่าผู้ชายคนนั้น ค่าที่มันไม่รักน้องสาวของตน
ใบหน้าคมคายภายใต้หนวดเครารกครึ้มของนายเหมืองหนุ่ม ปรากฏร่องรอยของความผิดหวังเสียใจ แม้ยามนิทราหลับใหล หัวคิ้วเข้มของเขาก็ยังขดเป็นปม อีกครั้งแล้วที่ชายหนุ่มใช้น้ำเมาเพื่อดับความขุ่นข้องหมองใจอันเกิดจากน้องสาวที่รัก
“เฮ้อ...คุณท่านนะคุณท่าน ไม่รู้ไปยอมอะไรคุณหนูเล็กนักหนา ไม่เห็นแก่วิญญาณคุณแม้นบ้างเลย” นางกล่าวโทษเจ้าสัวใหญ่ที่ตามใจลูกสาวจนเคยตัว หากวันนี้นายผู้หญิงยังอยู่ ไม่มีทางเสียล่ะที่นายน้อยเกล็ดมุกจะได้ทำเรื่องน่าอับอายอย่างนั้น
นมน้อมทอดถอนใจเช่นทุกครั้งเมื่อนึกถึง ขณะที่มือทั้งสองยังถือผ้าหมาดๆ เช็ดเนื้อตัวให้คุณชายของนางจนเสร็จเรียบร้อย แม้ว่าจะเช็ดไปบ่นไป ถอนหายใจไปสักกี่รอบก็ตาม
_________________
เมฆา ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนใกล้รุ่ง สมองเขาหนักอึ้งและเหมือนจะระเบิด เขาเดินโผเผออกมาหาเหล้าจิบสักอึกแก้เมาค้าง มันช่วยได้มากทีเดียว จิบเหล้าเสร็จก็กลับเข้าห้อง ปีนขึ้นเตียงหมายจะนอนเอาแรง ทว่าความแค้นที่มีอยู่ในอกมันก็ทำให้เขาหลับไม่หลง ไอ้เลววาคิมมันยังคงเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง มันยังไม่ยอมรับความรักจากน้องสาวของเขา เขารู้ว่าเรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้ แต่พอรับรู้สิ่งที่เกล็ดมุกทุ่มเทลงไปแล้วเขาก็อดสงสารน้องไม่ได้เช่นกัน
“ทำไมแกถึงใจแข็งอย่างนี้วะ คอยดูเถอะ ถ้าแกทำให้หนูเล็กต้องเสียน้ำตาละก็ ฉันไม่ปล่อยแกแน่!” เมฆาคำรามลั่นห้อง ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วดึงลิ้นชักข้างเตียงออก หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งออกมาดู ในนั้นมีภาพครอบครัวของวาคิมอยู่หลายภาพ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ถูกพิมพ์ลงในกระดาษ เขาได้มาจากนักสืบที่สั่งให้ไปสืบตั้งแต่ที่เกล็ดมุกมาบอกว่าจะไปอยู่กับมัน เขาจะไม่สนใจมันหรอกหากมันจะไม่ใช่ผู้ชายที่เกล็ดมุกรัก และน้องสาวของมันจะไม่สะดุดตาเขา
“วารินทร์! เธอชื่อวารินทร์งั้นเหรอ เมื่อไหร่เธอจะกลับมานะ ฉันชักอยากเจอแล้วสิ หึๆๆ” เมฆาหัวเราะเจ้าเล่ห์ มองรูปใบหนึ่งอย่างพิจารณา มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในรูปถ่ายใบนั้น หน้าตาจัดว่าสะสวย แม้ไม่เท่าเกล็ดมุกก็ตาม ใบหน้าหวานรูปไข่รับกับดวงตาอันสดใส จมูกโด่งรั้นกับพวงแก้มแดงระเรื่อ มันถูกใจเสียจริง ยิ่งริมฝีปากอวบอิ่มนั่นก็ยิ่งถูกใจ อยากจุมพิตมันสักหนจะได้รู้ว่ามันหวานจริงหรือเปล่า
“ถ้าพี่ชายเธอกล้าทำร้ายน้องสาวฉันแม้แต่ปลายก้อยละก็ มันเจ็บแน่! แต่เธอไม่ต้องกลัวหรอกนะวารินทร์ ฉันไม่ทำร้ายมันหรอก แต่ฉันจะทำเธอแทน เตรียมตัวเอาไว้เถอะ เตรียมตัวไว้ให้ดีๆ หึๆๆ”
เมฆายิ้มร้าย ในใจวางแผนบางอย่างอย่างมุ่งมั่น และเฝ้ารอวันที่วารินทร์จะกลับจากต่างประเทศ ให้ตายเถอะ! เขาแทบจะรอวันนั้นไม่ไหว!
________________
เกล็ดมุกกระแซะร่างเปล่าเปลือยของตนเข้ากับผ้านวมผืนหนา เมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ไอเย็นกระทบผิวอ่อนบางของเธอ อาการขยุกขยิกทำเอาคนที่นอนข้างๆ รู้สึกตัว มือหนามิวายควานหาร่างนุ่มนิ่มนั้นมาแนบอก ความอบอุ่นจากร่างอรชรที่เขาได้กอดอยู่ทุกวันไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง เพราะมันอุ่นซ่านเข้ามาถึงในหัวใจ
เกล็ดมุกรับรู้ถึงมือใหญ่ที่ดึงร่างตนเข้าไปกอด เธอลืมตาในแสงสลัว แอบยิ้มให้กับความอ่อนโยนอันเล็กน้อยนั้น
“วันก่อนคุณถามมุกว่าวันเกิดอยากได้อะไร จำได้ไหมคะ” ทวนความจำเขาเสียงอู้อี้ เนื่องจากริมฝีปากอยู่ชิดแผงอกกว้างของเขา
“ฉันไม่ใช่คนขี้ลืม” เขาตอบสั้นๆ ตามแบบฉบับคนพูดน้อยแต่ชัดเจน เมื่ออดใจไม่ไหวก็จุมพิตกระหม่อมบางของคนในอ้อมกอดไปหนึ่งที ทั้งที่โดยปกติไม่มีหรอกที่คู่นอนของเขาจะได้รับเกียรตินี้ คงเป็นเพราะเกล็ดมุกพิเศษกว่าคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง หล่อนหัวไว เอาอกเอาใจเก่ง ออดอ้อน และร้อนแรงได้ในคราวเดียว เป็นลูกศิษย์ที่น่ารักน่าใคร่ น่าปรารถนาสำหรับครูอย่างเขาคนเดียวเท่านั้น
เขาขยับหาพวงแก้มใสแล้วจูบหนักๆ ไปหนึ่งทีค่าที่มันหอมยั่วใจนัก หารู้ไม่ว่ากำลังเสพติดกลิ่นกายของสาวเจ้าโดยไม่รู้ตัว
“มุกไม่อยากได้ของขวัญ มุก...อยากได้เวลาของคุณ ให้มุกได้ไหมคะ”
ไม่มีคำตอบจากคนที่ถูกถาม บางทีเขาอาจกำลังคิดว่าคำขอของเธอพิกลนัก และคงจะให้ไม่ได้
“ช่างเถอะค่ะ มุกคงขอมากไป รีบนอนดีกว่านะคะ พรุ่งนี้คุณต้องกลับบ้านนี่นา” เอ่ยตัดบทอย่างหงอยๆ พลิกกายหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วแกล้งหลับทันที
วาคิมก็ส่ายหัวให้อย่างระอา ผู้หญิงหนอผู้หญิง กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ได้แตกต่างกันสักนิด คิดเองเออเอง เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกันทุกคน
เขาปล่อยให้เกล็ดมุกนอนหันหลังอยู่อย่างนั้น ให้หล่อนจ่อมจมทะเลน้ำตาเสียให้พอ ในความรู้สึกของเขา เกล็ดมุกก็เป็นเพียงเมียเก็บ นางบำเรอ หรือแค่คู่นอน ไม่ใช่แม่ของลูกที่เขาต้องเอาใจใส่ดูแล
เขาพยายามไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนที่นอนข้างๆ ไม่แคร์ ไม่สน ทว่าก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราไปจริงๆ ผ้านวมผืนหนาก็ถูกดึงมาคลุมกายให้หล่อน แม้ว่าเขาจะหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น และทำไมต้องทำมัน...ทุกคืน
เปลือกตาอันหนักอึ้งของเกล็ดมุกเปิดขึ้นช้าๆ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาล โชยเข้าจมูกจนเธออยากจะอาเจียน เธอขยับกายด้วยความเมื่อยล้า แต่ร่างกายที่ผิดปกติทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบแตะที่หน้าท้อง“ลูก...ลูกจ๋า...ฮือออ...”“หนูเล็ก อย่าร้องลูกอย่าร้อง”เจ้าสัวใหญ่รีบเข้าปลอบบุตรสาวที่เริ่มโวยวายด้วยความเข้าใจผิด“คุณป๋าขา...ฮึกๆ ลูก...”“เขายังอยู่ลูก หลานของป๋าเขาเข้มแข็งมากรู้ไหม”คำบอกเล่าเพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้คนกำลังจะเป็นแม่ยิ้มได้ทั้งน้ำตา เกล็ดมุกไม่ขออะไรมากมาย เธอขอแค่ให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยเท่านั้น“มุก! คุณฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกผลักเข้ามา เจ้าสัวหน้าตึงใส่โทนี่ที่ไม่สามารถรั้งหมาบ้าตัวนี้เอาไว้ได้ การ์ดหนุ่มได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าประตู“มุก...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม คุณปลอดภัยแล้วนะที่รัก”วาคิมพร่ำพูด เข้าไปเกาะขอบเตียง จับมือแม่ของลูกมากุมไว้อย่างแสนรักเกล็ดมุกใจเสีย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลทำเอาเ
[12]น้ำตาของวาคิม___________ร่างอวบท้วมของนมน้อมเดินออกมาจากห้องของนายเหมืองหนุ่ม นางถือกะละมังใบเล็กมีผ้าผืนหนึ่งวางพาดบนปากขอบ มันเป็นภาพที่เมฆาเฝ้ามองมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วารินทร์เป็นไข้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย“เสียใจด้วยนะคะคุณชาย ดิฉันยืนยันว่าแม่หนูคนนั้นยังมีลมหายใจ”นางน้อมค้อนให้เจ้านายอย่างเคย แต่วันนี้มีหน้างอง้ำและคำแทนตัวประชดประชันแถมมาด้วย นางรู้เรื่องที่เจ้านายทำกับวารินทร์เมื่อเช้า หลังจากคะยั้นคะยอว่าไปแกล้งเจ้าหล่อนท่าไหนถึงได้ป่วยนอนซม แล้วความจริงก็ทำให้นางอดเคืองไม่ได้ คุณชายใหญ่ของนางทำเกินไปจริงๆเมฆามัวแต่กังวลเรื่องคนที่นอนซมตั้งแต่เมื่อวาน เลยมองผ่านการประชดประชันของแม่นมคนดี เขากลับเข้าห้องอีกครั้ง หลังจากรบกวนแม่นมให้ช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วารินทร์ หล่อนยังนอนแบ็บอยู่บนเตียง ดวงตาสีนิลปิดสนิท มีคราบน้ำตาจางๆ ติดอยู่ที่พวงแก้ม สีหน้าหล่อนดีขึ้นมาก ลองเอามืออังที่หน้าผากก็พบว่าหล่อนไม่มีไข้แล้วนายเหมืองหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก กวาดไล้สาย
เมฆายิ้มร้าย มัดเชือกที่ข้อมือน้อยแน่นหนึบ ชนิดที่ว่ามันไม่มีวันหลุดออกหากว่าไม่มีคนแกะมัน“ทีนี้ก็เดินลงไปในน้ำ”วารินทร์งุนงง น้ำตายังไหล กลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า น้ำไหลเชี่ยวมาก และเธอ...ว่ายน้ำไม่เป็น“ฝนมันกำลังจะตกหนัก น้ำก็ไหลเชี่ยว ฉันกลัว” วารินทร์สารภาพ แม้จะอยากตายแต่ความกลัวก่อนตายมันก็รังแกหัวใจเธออยู่ดี“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ลงไปเดี๋ยวนี้!”วารินทร์กัดฟันแน่น เดินลุยน้ำลงไปอย่างน้อยใจ เขาอยากให้เธอเจ็บปวด อยากให้เธอกลัว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว สายน้ำช่างเย็นเฉียบและไหลแรงเหลือเกิน น้ำตกก็ร่วงหล่นอย่างหนักแน่นราวกับจะทับถมมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเธอ“เดินลงไปอีก อย่างนั้น เดินลงไปเรื่อยๆ หันหน้ามาทางนี้ด้วย”เขาสั่งอยู่บนท่าน้ำ วารินทร์ร่ำไห้ หันหน้ากลับมาหาเขา น้ำลึกลงไปทุกคราที่ก้าวถอยหลัง เธอถอยลงไปจนระดับน้ำปริ่มที่ริมฝีปาก น้ำเย็นมากและไหลแรงจนขาเธอแทบจะยืนไม่ติดพื้น ด้านล่างฝ่าเท้ามีแต่ก้อนหิน ทั้งลื่นทั้งแหลม เจ็บเท้าไปหมด“ยกมือซ้ายขึ้นมาให้ฉันเห็น”
“เอาเลยหมอ ชีวิตลูกสาวผมสำคัญกว่า”เจ้าสัวตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด อย่างไรเสียชีวิตของบุตรสาวต้องมาก่อน“ไม่! เอาไว้ทั้งสองคนเถอะ ขอร้อง”วาคิมสวนเสียงกร้าว ไม่นำพาต่อสายตาขุ่นเคืองของเจ้าสัว“ลื้อไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง นั่นมันลูกสาวอั๊ว” โวยลั่นด้วยความโกรธ มันเริ่มปะทุตั้งแต่เห็นสีหน้าท่าทางของคนจองหองอวดดีคนนี้“นั่นก็เมียกับลูกผมเหมือนกัน มุกรักลูกมากแค่ไหนเจ้าสัวน่าจะรู้ ถ้าไม่มีลูกก็เหมือนฆ่าเธอทั้งเป็น”เจ้าสัวไม่อยากฟัง แทบจะเบือนหน้าหนี“คนไข้อาการแย่มาก แถมเลือดของเธอก็เป็นเลือดกรุ๊ปหายาก หมอเกรงว่าถ้าช่วยเด็กด้วย....”“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเธอ! ผมจะให้เลือดเธอเอง เร็วเข้าสิครับหมอ!” ชายหนุ่มเร่งเร้าในที่สุดก็ไม่มีใครขัดประกาศิตเจ้าชายน้ำแข็งได้ ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจึงได้มานอนให้เลือดแก่หญิงสาวในขณะนี้ หยาดโลหิตจากตัวเขาถูกถ่ายเทให้เกล็ดมุกหยดแล้วหยดเล่า กระทั่งใบหน้าซีดเซียวเริ่มซับสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา เร่งป
[11]ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา______________________‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อยบอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ______________ภายในห้องพักฟื้นร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง