[2]
เพราะรักจึงยอม
________________
เกล็ดมุกตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ คือเสื้อโปโลสีครีมอ่อนกับกางเกงผ้านิ่มสีเดียวกัน มันถูกคาดทับด้วยเข็มขัดหนังริ้วเล็กๆ สานจนเป็นเส้นโต เส้นผมสีนิลสนิทเป็นลอนสวยถูกเจ้าของจับยกช่อขึ้นไปลวกๆ ลูกผมบางส่วนเลยคลอเคลียที่ลำคอเรียวระหง
วาคิมยืนนิ่งที่หน้าประตู นัยน์ตาสีนิลของเขาถูกตรึงไว้ด้วยวงหน้าหวานหยดและเรือนร่างนาฬิกาทรายตรงหน้า ใบหน้าเนียนใสของหล่อนเกลี้ยงเกลาดุจสาวรุ่น จมูกโด่งรั้นได้รูป พวงแก้มแดงระเรื่อน่าดมดอม และท้ายสุดริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบสีชมพูเหลือบมุกมันวาว มันช่างน่าจุมพิตหนักๆ ให้หนำใจสักที
“เธอจะไปไหน”
เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นเมื่อได้สติ ความน่ารักน่าใคร่ของหล่อนกำลังปลุกบางส่วนในร่างกายเขาให้ตื่นเพริดพร้อมรบ
เกล็ดมุกสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไป
“ไป...ไปวัดค่ะ ไปทำบุญวันเกิด”
เขาพยักหน้ารับรู้ เกล็ดมุกลอบถอนหายใจ หันไปจัดการกับสำรับอาหารที่เตรียมไปใส่บาตร หัวใจดวงน้อยแห้งเหี่ยวอับเฉา บางทีเธอก็แอบหวังจะได้ยินเขาพูดว่า...ให้ฉันไปส่งไหมมุก หรือว่า ตอนกลับเดี๋ยวฉันไปรับนะ อะไรประมาณนี้ ทว่าเธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ มันไม่มีทางเป็นไปได้
“รอสักสิบนาทีได้ไหม เดี๋ยวฉันพาไป”
มือเรียวที่กำลังหยิบข้าวของลงตะกร้า หยุดชะงัก ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มส่งมาให้เขาด้วยยินดี ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอ่ยประโยคนั้น ทั้งๆ ที่วันนี้เขามีนัดสำคัญกับคนพิเศษ บางทีอาจเป็นรอยยิ้มของเกล็ดมุก มันทำให้เขากลับคำไม่ลง
“โอ...จริงหรือคะ ขอบคุณค่ะคุณวา เป็นของขวัญวันเกิดที่วิเศษที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณจริงๆ” เกล็ดมุกพร่ำบอกวาคิมด้วยความตื้นตัน หยดน้ำใสๆ ไหลมาขังคลอในหน่วยตาคู่สวยของหล่อน หัวใจดวงเดิมที่แห้งเหี่ยวอับเฉาอยู่เมื่อครู่ ก็พลันชุ่มฉ่ำเพียงเพราะคำพูดประโยคนั้น
‘สักวันหนึ่งเกล็ดมุกบางๆ อย่างฉัน จะละลายน้ำแข็งในใจคุณให้ได้ วาคิม!’
_________________
วันคล้ายวันเกิดปีนี้เกล็ดมุกมีความสุขเหลือเกิน ไม่มีนักข่าว ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีสายตาอยากรู้อยากเห็นกึ่งเย้ยหยันของพนักงานที่บริษัท ที่สำคัญสามีทางพฤตินัยผู้เฉยชา ยังแอบอมยิ้มให้เธอได้เห็นบ่อยๆ เธออยากให้เขาเป็นแบบนี้ อยากเห็นเขายิ้มเพราะมีเธอเป็นต้นเหตุ
‘ขอให้บุญกุศลที่ลูกได้ทำในวันนี้ ช่วยหนุนนำให้ความรักของลูกสุขสมหวังทีเถิด หากแม้ว่าหนทางข้างหน้าลูกต้องเผชิญต่ออุปสรรคใดๆ ลูกก็พร้อมจะสู้ ขอเพียงให้ลูกและชายที่รักได้ครองคู่อยู่กันจนแก่เฒ่า...สาธุ’
เกล็ดมุกตั้งจิตอธิษฐาน ยกขันข้าวขึ้นเหนือกระหม่อม วาคิมอาสาเป็นคนคดข้าว เธออมยิ้มยินดี เมื่อวาคิมยินยอมให้มือของเธอเกาะกุมมือเขาเหนือด้ามทัพพี พวกเธอบรรจงตักข้าวสวยหอมกรุ่นลงในบาตร ตามด้วยสำรับคาวหวานที่เตรียมมา หลังจากนั้นก็ไปถวายสังฆทาน ตบท้ายด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา ตามแต่เจ้าของวันเกิดอย่างเธอจะบัญชา
วันนี้วาคิมช่างมีความอดทนเป็นเลิศ แม้ว่าเปลวแดดแรงร้อนจะลามเลียเนื้อตัวขาวผ่องจนแดงเรื่อ เขาก็ไม่แยแส ไม่มีปริปากบ่น ชายหนุ่มยอมทนในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะทนได้ด้วยซ้ำ
เกล็ดมุกมองตามแผ่นหลังกว้างของวาคิม เมื่อเขาบอกว่าต้องกลับไปเอาของที่ลืมไว้บนศาลา แต่ทว่าตอนที่เธอหันหลังกลับเพียงเสี้ยววินาที...
โครม!
“ว้าย!” ถึงกับหวีดร้องเมื่อร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งมาชนเสียเต็มรัก เธอเจ็บจุกลุกไม่ขึ้นไปหลายนาที แต่เสียงร้องของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้เธอต้องข่มความเจ็บแล้วลุกไปดู
วาคิมรีบวิ่งมาที่เกิดเหตุ ทันได้เห็นแม่หนูจอมซุ่มซ่ามทำให้คนของเขาต้องเจ็บตัว แต่ที่น่าโมโหคือเกล็ดมุก หล่อนไม่ได้ห่วงอาการบาดเจ็บของตนสักนิด กลับกุลีกุจอช่วยปลอบแม่หนูน้อยที่กำลังร้องระงมนั่นแทน น่าโมโหนัก เขาหรืออุตส่าห์เป็นห่วง
“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะคะคนดี แค่เข่าถลอกเท่านั้นเอง เดี๋ยวพี่มุกเป่าคาหายเจ็บให้นะ ฟู่ๆ เพี้ยง! หายแล้ว”
เกล็ดมุกเป่าลมเบาๆ ลงบนเข่าของแม่หนู มือเรียวปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากกระโปรงให้สาวน้อยขี้แย โดยรวมแล้วร่างกายภายนอกไม่มีอะไรน่าห่วง แม่หนูคงแค่ตกใจ แต่เอ...รองเท้าน้องหายไปไหนก็ไม่รู้
“คุณวาคะ ช่วยมุกหารองเท้าแตะให้น้องทีสิ” ออกคำสั่งกลายๆ เมื่อวาคิมยังยืนนิ่งไม่ยอมเข้าช่วยเหลือ เขาคงสนุกละมั้งที่ได้ละลายลมหายใจทิ้งกลางแดดเปรี้ยงๆ
สั่งกันอีกแล้วนะเกล็ดมุก เขาไม่คุ้นชินกับการรับคำสั่ง แต่ก็ยังทนฝืน ร่างสูงใหญ่ออกเดินตามหารองเท้าแตะ ก้มๆ เงยๆ ทั่วบริเวณ ทั้งพุ่มไม้ใบหนาและพงหญ้าเตี้ยๆ ข้างทาง เพียงชั่วครู่ก็เดินกลับมาหาสองสาวอีกครั้ง เขายื่นรองเท้าเจ้ากรรมให้เกล็ดมุก ไม่รู้ว่าเดินชนกันท่าไหน รองเท้าแตะบ้าๆ คู่นี้ ถึงได้กระเด็นเข้าป่าเข้าพง เดือดร้อนเขา
เจ้าชายน้ำแข็งละลายทีละนิดแล้ว ความอดทนของเขาเริ่มต่ำลงๆ ยิ่งกลางแดดเปรี้ยงๆ อย่างนี้ พระเพลิงแห่งโทสะมันยิ่งพร้อมจะทะลุจุดเดือด
ชายหนุ่มใบหน้าตึงเรียบไร้อารมณ์ มีเพียงนัยน์ตาเขียวขุ่นของเขาเท่านั้นที่บ่งบอกเกล็ดมุกว่าเขากำลังไม่พอใจ หญิงสาวหน้าม่อย เมื่อครู่นี้ก็ยังดีอยู่แท้ๆ ความผิดใครล่ะทีนี้ หรือว่าเป็นเพราะดวงตะวันสาดแสงใส่เจ้าชายน้ำแข็งจนเริ่มละลายเข้าใกล้จุดเดือด
เธอสวมรองเท้าให้แม่หนูแล้วพาเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ รอคอยกระทั่งแม่หนูน้อยมีผู้ปกครองมารับ ก่อนจะหันกลับมาสนใจวาคิมอีกครั้ง ใบหน้าบึ้งตึงของเขายังคงสภาพอยู่เช่นเดิม ราวกับว่าเจ้าของพยายามรักษามันเอาไว้
“คุณวาเป็นอะไรคะ หรือว่าโกรธที่มุกทำให้เสียเวลา ขอโทษนะคะ...นะ” เธออ้อนหน้าซื่อตาใส สองมือเกาะกุมแขนแกร่งอย่างประจบ
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง”
เขาถามเสียงขุ่น ใบหน้าบึ้งตึงเปลี่ยนเป็นเรียบสนิทเมื่อรู้ตัวว่าเอาเรื่องของหล่อนมาเป็นอารมณ์
เกล็ดมุกคลี่ยิ้มสดใส เมื่อรู้ถึงสาเหตุของเสียงขุ่นๆ นั้น
“ที่แท้คุณวาก็ห่วงมุก”
“อย่าสำคัญตัวเองมากไป ฉันไม่เคยมีความรู้สึกบ้าๆ แบบนั้น ฉันแค่เวทนาที่เธอไม่รู้จักประมาณตน เสนอตัวช่วยเด็กนั่นทั้งที่ตัวเองก็เจ็บมากกว่าด้วยซ้ำ เธอคิดว่าตัวเองเป็นแม่พระผู้อารีหรือไง!” เขากล่าวโทษในความดีที่หล่อนกระทำ
เกล็ดมุกยิ้มค้างหน้าชา ประหนึ่งถูกฉีดยาชาสักร้อยเข็ม ทำไมคำตอบที่ได้ฟังมันถึงห่างไกลเหลือเกินกับที่เธอคิดเอาไว้ ห่างไกลราวคนละซีกโลก
“ขอโทษค่ะ มุกพูดไร้สาระไปหน่อย มุกสำนึกอยู่เสมอว่าความห่วงใยของคุณไม่เคยเหลือเผื่อแผ่มาถึงมุก มุกคิดไปเองว่าคนที่นอนเตียงเดียวกันก็คงจะมีความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ให้กันบ้าง แต่มุกคงลืมคิดไปว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่คุณ” เอ่ยวาจาประชดประชันด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะความรักตัวเดียวแท้ๆ ที่ทำให้เธอต้องอดทน ทนกับวาจา ท่าที และสายตาของเขาที่ไม่เคยสะท้อนเงาของเธอเลย
วาคิมล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อมันส่งเสียงกรีดร้อง ยังผลให้เจ้าของร่างบางที่ยืนคอแข็งเมื่อครู่เดินหนีไปขึ้นรถ เขาเดินตามไปติดๆ ขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยในขณะที่มือถือเครื่องบางยังแนบหู
“ได้สิ...อย่างเดียวใช่ไหม น้องจะเอาอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า” เขาถามคนปลายสาย ทั้งสีหน้าและแววตาอ่อนโยนจนคนที่นั่งเบาะข้างๆ นึกอิจฉา
“ได้จ้ะ เย็นนี้เจอกันนะคนสวย”
วาคิมวางสายน้องสาวสุดที่รัก สองมือขาวจัดจับหมุนพวงมาลัยรถยนต์เพื่อให้มันได้เคลื่อนออกจากตัววัด และเมื่อผ่านไปหลายนาทีความเงียบงันก็ยังเป็นเสียงเดียวที่หูของเขาได้ยิน
ดวงตาคู่คมเหลือบแลเกล็ดมุกเล็กน้อย เขาอยากรู้นักว่าต้นไม้รายทางนอกหน้าต่างรถ มันมีอะไรดี หล่อนถึงได้มองมันแทนที่จะหันมามองเขา
“วันนี้ฉันค้างที่บ้าน เธอคงรู้ใช่ไหม” ถามเสียงเรียบ ความไม่พอใจลดลงไปกว่าครึ่งเมื่อแลเห็นเสี้ยวหน้าหงอยๆ ของหล่อน มันคงเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขายังคุยโทรศัพท์กับน้องสาว
“ค่ะ มุกว่าจะขออนุญาตคุณวากลับบ้านเหมือนกัน ถ้ายังไงวันจันทร์เจอกันที่ GB เลยก็แล้วกันนะคะ” เธอหันมามองหน้าเขา แต่เขากลับเพ่งสายตาตรงไปยังถนนเบื้องหน้า
“อืม...ก็ได้ ความจริงเธอไม่จำเป็นต้องขออนุญาต อยากไปไหนก็ไป เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใส่ใจ” เขาพูดโดยไม่หันมองคนที่นั่งข้างๆ สายตายังจดจ่ออยู่กับท้องถนนเบื้องหน้า
เกล็ดมุกน้ำตาซึม ต้องหันหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง เก็บเอาความเศร้าความสุขที่เกิดขึ้นภายในวันเกิดปีนี้ บันทึกเอาไว้ในความทรงจำเพื่อรอวัน...ทวงคืน!
เปลือกตาอันหนักอึ้งของเกล็ดมุกเปิดขึ้นช้าๆ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาล โชยเข้าจมูกจนเธออยากจะอาเจียน เธอขยับกายด้วยความเมื่อยล้า แต่ร่างกายที่ผิดปกติทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบแตะที่หน้าท้อง“ลูก...ลูกจ๋า...ฮือออ...”“หนูเล็ก อย่าร้องลูกอย่าร้อง”เจ้าสัวใหญ่รีบเข้าปลอบบุตรสาวที่เริ่มโวยวายด้วยความเข้าใจผิด“คุณป๋าขา...ฮึกๆ ลูก...”“เขายังอยู่ลูก หลานของป๋าเขาเข้มแข็งมากรู้ไหม”คำบอกเล่าเพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้คนกำลังจะเป็นแม่ยิ้มได้ทั้งน้ำตา เกล็ดมุกไม่ขออะไรมากมาย เธอขอแค่ให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยเท่านั้น“มุก! คุณฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกผลักเข้ามา เจ้าสัวหน้าตึงใส่โทนี่ที่ไม่สามารถรั้งหมาบ้าตัวนี้เอาไว้ได้ การ์ดหนุ่มได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าประตู“มุก...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม คุณปลอดภัยแล้วนะที่รัก”วาคิมพร่ำพูด เข้าไปเกาะขอบเตียง จับมือแม่ของลูกมากุมไว้อย่างแสนรักเกล็ดมุกใจเสีย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลทำเอาเ
[12]น้ำตาของวาคิม___________ร่างอวบท้วมของนมน้อมเดินออกมาจากห้องของนายเหมืองหนุ่ม นางถือกะละมังใบเล็กมีผ้าผืนหนึ่งวางพาดบนปากขอบ มันเป็นภาพที่เมฆาเฝ้ามองมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วารินทร์เป็นไข้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย“เสียใจด้วยนะคะคุณชาย ดิฉันยืนยันว่าแม่หนูคนนั้นยังมีลมหายใจ”นางน้อมค้อนให้เจ้านายอย่างเคย แต่วันนี้มีหน้างอง้ำและคำแทนตัวประชดประชันแถมมาด้วย นางรู้เรื่องที่เจ้านายทำกับวารินทร์เมื่อเช้า หลังจากคะยั้นคะยอว่าไปแกล้งเจ้าหล่อนท่าไหนถึงได้ป่วยนอนซม แล้วความจริงก็ทำให้นางอดเคืองไม่ได้ คุณชายใหญ่ของนางทำเกินไปจริงๆเมฆามัวแต่กังวลเรื่องคนที่นอนซมตั้งแต่เมื่อวาน เลยมองผ่านการประชดประชันของแม่นมคนดี เขากลับเข้าห้องอีกครั้ง หลังจากรบกวนแม่นมให้ช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วารินทร์ หล่อนยังนอนแบ็บอยู่บนเตียง ดวงตาสีนิลปิดสนิท มีคราบน้ำตาจางๆ ติดอยู่ที่พวงแก้ม สีหน้าหล่อนดีขึ้นมาก ลองเอามืออังที่หน้าผากก็พบว่าหล่อนไม่มีไข้แล้วนายเหมืองหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก กวาดไล้สาย
เมฆายิ้มร้าย มัดเชือกที่ข้อมือน้อยแน่นหนึบ ชนิดที่ว่ามันไม่มีวันหลุดออกหากว่าไม่มีคนแกะมัน“ทีนี้ก็เดินลงไปในน้ำ”วารินทร์งุนงง น้ำตายังไหล กลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า น้ำไหลเชี่ยวมาก และเธอ...ว่ายน้ำไม่เป็น“ฝนมันกำลังจะตกหนัก น้ำก็ไหลเชี่ยว ฉันกลัว” วารินทร์สารภาพ แม้จะอยากตายแต่ความกลัวก่อนตายมันก็รังแกหัวใจเธออยู่ดี“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ลงไปเดี๋ยวนี้!”วารินทร์กัดฟันแน่น เดินลุยน้ำลงไปอย่างน้อยใจ เขาอยากให้เธอเจ็บปวด อยากให้เธอกลัว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว สายน้ำช่างเย็นเฉียบและไหลแรงเหลือเกิน น้ำตกก็ร่วงหล่นอย่างหนักแน่นราวกับจะทับถมมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเธอ“เดินลงไปอีก อย่างนั้น เดินลงไปเรื่อยๆ หันหน้ามาทางนี้ด้วย”เขาสั่งอยู่บนท่าน้ำ วารินทร์ร่ำไห้ หันหน้ากลับมาหาเขา น้ำลึกลงไปทุกคราที่ก้าวถอยหลัง เธอถอยลงไปจนระดับน้ำปริ่มที่ริมฝีปาก น้ำเย็นมากและไหลแรงจนขาเธอแทบจะยืนไม่ติดพื้น ด้านล่างฝ่าเท้ามีแต่ก้อนหิน ทั้งลื่นทั้งแหลม เจ็บเท้าไปหมด“ยกมือซ้ายขึ้นมาให้ฉันเห็น”
“เอาเลยหมอ ชีวิตลูกสาวผมสำคัญกว่า”เจ้าสัวตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด อย่างไรเสียชีวิตของบุตรสาวต้องมาก่อน“ไม่! เอาไว้ทั้งสองคนเถอะ ขอร้อง”วาคิมสวนเสียงกร้าว ไม่นำพาต่อสายตาขุ่นเคืองของเจ้าสัว“ลื้อไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง นั่นมันลูกสาวอั๊ว” โวยลั่นด้วยความโกรธ มันเริ่มปะทุตั้งแต่เห็นสีหน้าท่าทางของคนจองหองอวดดีคนนี้“นั่นก็เมียกับลูกผมเหมือนกัน มุกรักลูกมากแค่ไหนเจ้าสัวน่าจะรู้ ถ้าไม่มีลูกก็เหมือนฆ่าเธอทั้งเป็น”เจ้าสัวไม่อยากฟัง แทบจะเบือนหน้าหนี“คนไข้อาการแย่มาก แถมเลือดของเธอก็เป็นเลือดกรุ๊ปหายาก หมอเกรงว่าถ้าช่วยเด็กด้วย....”“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเธอ! ผมจะให้เลือดเธอเอง เร็วเข้าสิครับหมอ!” ชายหนุ่มเร่งเร้าในที่สุดก็ไม่มีใครขัดประกาศิตเจ้าชายน้ำแข็งได้ ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจึงได้มานอนให้เลือดแก่หญิงสาวในขณะนี้ หยาดโลหิตจากตัวเขาถูกถ่ายเทให้เกล็ดมุกหยดแล้วหยดเล่า กระทั่งใบหน้าซีดเซียวเริ่มซับสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา เร่งป
[11]ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา______________________‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อยบอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ______________ภายในห้องพักฟื้นร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง