ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งไม่สามารถออกไปได้โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา จากนั้นเขาก็หันไปเอ่ยกับผู้หญิงสามคนว่า “พวกเธอลงไปก่อน”หากให้เย่ซิวลงไปก่อน เกรงว่าพวกเธออาจจะหนีไปได้เขาได้สำรวจสถานที่นี้มาก่อนแล้วเมื่อเข้าสู่ระยะที่กำหนดจะต้องเผชิญกับพลังงานปั่นป่วนหากพวกเธอทั้งสามกระจายตัวหลบหนี เย่ซิวก็ยากที่จะหาพวกเธอเจอทันที และจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์หญิงสาวทั้งสามต่างพ่นลมหายใจเย็นก่อนจะกระตุ้นพลังป้องกันของตนเองแล้วกระโดดลงไปทีละคนเย่ซิวปล่อยเชือกพลังวิญญาณสามเส้นออกจากฝ่ามือพันรอบเอวของพวกเธอไว้แล้วค่อยกระโดดตามลงไปแม้วิธีนี้จะทำให้พวกเธอรู้สึกเสียหน้าไปบ้างแต่ทั้งสามก็อดทนไว้ในเมื่อพลังสู้เขาไม่ได้ หากยังกล้าปากมากอีก ก็คงโง่เต็มทีหลังจากดำลงไปได้ประมาณหมื่นเมตร เสียงคลื่นซัดกระแทกหินก็ดังขึ้นให้ได้ยินภาพที่เห็นคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่นี่คือหนึ่งในรอยแยกของผนึกที่ปิดสนิทเย่ซิวหยิบสมบัติเวทมนตร์รูปเรือที่สร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ออกมาหลังจากขยายขนาดแล้ว เขาก็ก้าวขึ้นไปเป็นคนแรก จากนั้นหญิงสาวสามคนก็ขึ้นเรือไปโดยไม่ต้องให้เย่ซิวเร่งเร้าแสงสว่างแผ่ก
“ข้างนอกไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป ก่อนออกไปต้องฟื้นฟูพลังให้ถึงขีดสุดก่อน”เมื่อได้ยินแบบนี้ หญิงสาวทั้งสามก็นึกขึ้นได้พวกเธอหยุดส่งพลังวิญญาณเข้าสู่เรือแล้วนั่งลงกลืนโอสถเพื่อฟื้นฟูพลังเย่ซิวมองไปยังทางออกที่อยู่ไม่ไกลด้วยดวงตาเป็นประกาย ขณะที่เขากำลังกินโอสถ เขาก็หยิบกระบี่ห้าขุนเขาออกมาเตรียมพร้อมด้วยเมื่อทั้งสี่คนฟื้นพลังจนเต็มที่แล้ว เรือก็พุ่งฝ่าคลื่นออกไปเมื่อพวกเขาพุ่งออกจากทางออก โลกที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอากาศเต็มไปด้วยพลังวิญญาณเข้มข้นรูขุมขนทั่วร่างเปิดออกอย่างสบาย ดูดซับพลังอย่างเต็มที่นี่ต่างหากคือโลกแห่งการบำเพ็ญตนที่แท้จริงแต่ยังไม่ทันที่เย่ซิวและพวกเขาจะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของโลกนี้กระแสความเย็นยะเยือกก็โหมกระหน่ำเข้ามาพร้อมกับเงาดำขนาดมหึมาทั้งสี่คนเงยหน้าขึ้นก็พบว่าภูเขายักษ์ลูกหนึ่งกำลังถล่มลงมาหาพวกเขาทั้งสี่ออกแรงพร้อมกันทำลายภูเขาลูกนั้นจนแตกกระจายแต่ยังไม่ทันตั้งตัว ภาพตรงหน้าก็พร่าเบลอ พวกเขาถูกล้อมเอาไว้คนที่ล้อมรอบพวกเขาล้วนสวมชุดคลุมยาวสีฟ้า มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือถือโซ่ พวกเขาขี่หมาป่าน้ำแข็งสีขาวพลางจ้องมองพวกเขาด้
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตะลึงงัน!พี่ใหญ่ของกลุ่มนั้นกระตุกเปลือกตารัว ๆ ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “ไอ้หมอนี่มันไม่ธรรมดา รุมฆ่ามันก่อนค่อยว่ากัน!”พลังโจมตีเกือบแปดส่วนของพวกมันทั้งหมดพุ่งตรงมาหาเย่ซิวกระบี่และสมบัติเวทมนตร์มากมายร่วงหล่นลงมาใส่เขาเหมือนฝนห่าใหญ่ดวงตาของหงอีเป็นประกาย ร่างกายเธอสั่นไหว ก่อนจะกระจายตัวออกเป็นเส้นสายโลหิตหลายสิบสายพุ่งแยกย้ายออกไปในทุกทิศทางโซเฟียและหยางชิงเสวี่ยเห็นเช่นนั้นก็รีบใช้วิชาเฉพาะตัวของพวกเธอทันที แต่ละคนเลือกทิศทางหลบหนีของตนเองความเร็วของพวกเธอสูงมากจนยากที่จะไล่ตามได้ทันทำให้พวกศิษย์ที่เหลือต้องหยุดการไล่ล่าแล้วมุ่งมาที่เย่ซิวแทนตูม! ตูม! ตูม!การโจมตีนับร้อยนับพันระดมเข้าใส่เย่ซิวแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีการโจมตีทั้งหมดเมื่อผ่านแสงออร่าเรือนร่างของเขาแล้วกลับแทบจะไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้เลย“ที่แท้ก็พวกขี้โม้ไร้ฝีมือ” เย่ซิวหัวเราะออกมา เมื่อครู่เขายังเสียเวลาเป็นห่วงอยู่ตั้งนานหลังจากการโจมตีรอบแรกที่แสนดุเดือดสิ้นสุดลง สีหน้าของเหล่าผู้บำเพ็ญตรงหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“เป็นไปได้ยังไง ไม่เป็นอะ
เดิมทีในความคิดของเย่ซิว โลกแห่งการบำเพ็ญตนควรจะเหมือนในละครโบราณทุกคนสวมเสื้อคลุมยาว ไว้ผมยาวใช้ปิ่นปักผมเก็บผมให้เรียบร้อย ดูสง่างามและมีรัศมีของเซียนแต่เมื่อเขามาถึงเมืองแห่งนี้กลับพบว่าทุกอย่างแตกต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิงรอบตัวเต็มไปด้วยแสงสีและความคึกคักเสื้อผ้าของผู้คนบนท้องถนนก็ทันสมัยอย่างมากรถยนต์ลอยฟ้าจอดอยู่เต็มไปหมด และยังมีคนขี่สัตว์อสูรที่ดูสง่างามหรือดุร้ายอยู่ทั่วไปเหล่าสาว ๆ หรือที่ควรจะเรียกว่านักบำเพ็ญหญิงต่างสวมกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น กางเกงถุงน่องสีดำ สีขาว สีเนื้อ และรองเท้าส้นสูง ชวนให้สะดุดตามองทันทีที่เย่ซิวก้าวเข้ามาในเมือง เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้างเหตุผลก็ไม่มีอะไรมากก่อนเข้าเมืองเขาได้เปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีขาวเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจพร้อมทั้งใช้พลังเร่งให้เส้นผมยาวขึ้น ทำให้เขาดูเหมือนคนโบราณแบบเต็มตัวแต่ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผลตรงกันข้าม“หมอนี่เป็นอะไรของมัน?”“ยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีคนแต่งตัวแบบนี้อีก”“หรือว่าเป็นนักแสดง?”……เสียงพูดคุยรอบตัวทำให้เย่ซิวรู้สึกอับอายเล็กน้อยเขารีบหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในตรอกข้างทาง ตัดผ
เห็นว่าตัวเองกำลังจะถูกชน เย่ซิวเพียงเอนตัวเล็กน้อย ก่อนจะตบฝ่ามือออกไปหนึ่งทีแม้ว่าเขาจะจงใจปิดบังพลังของตัวเองไว้ที่ระดับสร้างรากฐานปราณขั้นต้นแต่ฝ่ามือนี้ก็ทำให้สัตว์อสูรที่หญิงสาวขี่มาพลิกคว่ำลงกับพื้น เสียงกระดูกแตกดังสะท้อนออกมา ไม่รู้ว่าหักไปกี่ท่อนหญิงสาวหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง“นายอยากตายหรือไง!”เธอโมโหสุดขีดและเงื้อแส้ในมือฟาดลงมาทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแส้นั้นมีตะขอแหลมคมมากมายเมื่อเฆี่ยนออกไป เสียงแหวกอากาศก็ดังก้องหากโดนฟาดเข้าเต็ม ๆ ล่ะก็ ไม่เพียงแต่ผิวหนังเท่านั้น แม้แต่เนื้อก็ต้องถูกฉีกออกมาแน่นอนอีกฝ่ายลงมือหมายเอาชีวิตโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ไม่มีความแค้นกันมาก่อน แต่กลับออกหมัดรุนแรงถึงเพียงนี้ ทำให้ดวงตาของเย่ซิวฉายประกายเย็นเยียบเขาพุ่งมือออกไปอย่างสายฟ้าฟาดจับปลายแส้ไว้ได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะกระตุกสุดแรงร่างของหญิงสาวเสียหลักก่อนจะถูกเหวี่ยงลอยเข้ามาทางเย่ซิวอย่างไม่ทันตั้งตัวสีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันทีแต่ก่อนจะทันได้ตอบสนอง เย่ซิวก็พุ่งตัวเข้าใกล้ ก่อนที่หมัดหนึ่งจะซัดเข้าไปที่หน้าท้องของเธอเต็มแรงร
เย่ซิวพยักหน้า “ดี ใจกล้าดี ฉันชอบนะ”พูดจบ เขาก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวาขึ้นมาชิดกัน ปลดปล่อยปราณกระบี่สายหนึ่งที่เปล่งลำแสงระยิบระยับออกมาหลี่เหยียนเอ๋อร์เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเธอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เปล่งออกมาจากตัวผู้ชายคนนี้แบบไม่ปิดบังแม้แต่น้อยเธอตะโกนลั่นเสียงแข็ง “นายบ้าไปแล้วหรือไง? คิดจะฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ?!”เย่ซิวไม่ตอบอะไรอีก ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วเล็งไปที่หัวของเธอตอนนี้หลี่เหยียนเอ๋อร์ถึงได้แตกตื่นของจริงเขาว่ากันว่าคนโหดแค่ไหนก็ยังต้องกลัวคนไม่กลัวตายที่ผ่านมาเธอเหิมเกริมเพราะรู้ว่าคนรอบตัวต่างหวาดกลัวอิทธิพลของตระกูลเธอ จึงปล่อยให้เธอใช้อำนาจตามใจชอบแต่ถ้าวันหนึ่งมาเจอกับคนที่ไม่แยแสอิทธิพลของตระกูลเธอ นั่นแหละคือหายนะของเธอ“นายฆ่าฉันไม่ได้หรอก พ่อฉันเป็นผู้บำเพ็ญตนระดับจินตานขั้นสูงของตระกูลหลี่”เย่ซิวไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่หยุดเช่นกัน“ตอนนี้ฉันกำลังจะไปสอบเข้าสำนักอวิ้นหลิง ฉันได้รับการชี้ตัวจากท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะรับฉันเป็นศิษย์เอกคนสุดท้ายถ้านายฆ่าฉัน นายจะต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน”
ฝูงชนรอบข้างต่างแตกตื่นจนแทบจะวุ่นวายไปหมดลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลี่ที่ผู้นำตระกูลรักยิ่งนักกลับถูกฆ่าตาย แน่นอนว่าต้องทำให้ตระกูลหลี่เดือดดาลเป็นแน่อีกไม่นานต้องมีคลื่นเลือดซัดกระหน่ำอย่างแน่นอนบางคนที่ไหวตัวทันก็รีบวิ่งไปแจ้งข่าวกับตระกูลหลี่ หวังจะได้รางวัลส่วนอีกกลุ่มก็คอยตามเย่ซิวอย่างลับ ๆ เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาทว่าเย่ซิวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นการที่เขาเลือกที่จะไม่ก่อเรื่อง ไม่ได้แปลว่าเขากลัวตระกูลหลี่อยู่แล้วณ ตระกูลหลี่วันนี้ผู้นำตระกูลหลี่กำลังเตรียมงานเลี้ยงอาหารเย็นรอแค่ให้ลูกสาวของเขาไปทำพิธีให้เรียบร้อยและเข้าเป็นศิษย์ของสำนักอวิ้นหลิงอย่างเป็นทางการแล้วก็จะเชิญอาจารย์และศิษย์พี่ของเธอมากินข้าวด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์บนใบหน้าเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มอย่างชัดเจนตราบใดที่ลูกสาวเขาเข้าไปในสำนักอวิ้นหลิงได้ ตำแหน่งของตระกูลหลี่ก็จะมั่นคงขึ้นอีกขั้นแต่ในตอนนั้นเอง หัวหน้าคนรับใช้ก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด “นายท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ คุณหนูถูกฆ่าตายอยู่กลางถนน!”ในชั่วพริบตา กลิ่นอายอาฆาตรุนแรงก็ม้วนตัวพุ่งออกมาจากตัวผู้นำตระก
“อะไรนะ?!” หลี่เฟิงลุกพรวดขึ้นมาตวัดตามองเย่ซิวอย่างโกรธเกรี้ยว “นายฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์งั้นเหรอ!”เย่ซิวพยักหน้า “ใช่ครับ เธอขับรถพุ่งใส่ผมกลางถนนและตั้งใจจะเอาชีวิตผม ผมแค่ตอบโต้กลับก็เท่านั้น”หลี่เฟิงโกรธจนทั้งร่างสั่นไปหมดหลี่เหยียนเอ๋อร์คือศิษย์คนโปรดที่เขาเลือกไว้ในใจ ยังไม่ทันได้เข้ารับการถ่ายทอดวิชาก็ต้องมาตายเสียก่อนแล้วแต่เขายังพอควบคุมสติไว้ได้ ตอนนี้ดวงตาเขาแดงก่ำไปหมด “แกมาจากตระกูลไหน?!”ในหัวเขากำลังคิดอยู่ว่าคนที่กล้าฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์ได้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่แต่เย่ซิวกลับส่ายหน้า “ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง ไม่มีตระกูลหรืออิทธิพลอะไรหรอกครับ”“เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเดี่ยว กล้าดียังไงมาฆ่าศิษย์รักของฉัน แบบนี้มันหาที่ตายชัด ๆ!”หลี่เฟิงคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็ปะทุขึ้นทันที“ช้าก่อน” เสียงรั่วอวิ๋นดังขึ้นและขัดจังหวะหลี่เฟิงไว้ “ศิษย์พี่ใจเย็นก่อนศิษย์พี่ ดูเหมือนพรสวรรค์ของคนคนนี้จะไม่ธรรมดา ลองให้เขาทดสอบพรสวรรค์ก่อนดีไหม”หลี่เฟิงพยายามอดกลั้นอารมณ์ “แต่ศิษย์น้องหญิง หมอนี่ฆ่าศิษย์รักของข้านะ มันต้องตายสถานเดียว”ร
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ