จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เย่ซิวมีพลังบำเพ็ญตนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเทียบเท่ากับการบำเพ็ญเพิ่มขึ้นถึงหกร้อยกว่าปี“อาจารย์ รอผมด้วย”เย่ซิวหยิบสมบัติเวทมนตร์สำหรับบินธรรมดา ๆ ออกมาใช้งาน หลังจากกระตุ้นพลัง เขาก็บินไล่ตามรั่วอวิ๋นไปทันทีด้านรั่วอวิ๋นเองก็ก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง ก่อนที่คิ้วเรียวขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจ “พลังวิญญาณของฉันหนาแน่นขึ้นมากเลย ตอนนี้ฉันเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูงได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือเย่ซิว“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีร่างกายที่พิเศษอะไรบางอย่าง…”แต่แล้วรั่วอวิ๋นก็รีบส่ายหน้าเบา ๆ สลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวทันทีเธอไม่มีทางลงมือพิสูจน์อะไรพวกนั้นแน่ยามเย็น รั่วอวิ๋นก็พาเย่ซิวกลับถึงสำนักอวิ้นหลิงสำนักแห่งนี้กว้างใหญ่โอ่อ่าและตั้งอยู่บนยอดเขาสูงหมอกเมฆลอยอ้อยอิ่งทั่วบริเวณ มีนกกระเรียนขาวบินร่อนอย่างสง่างามบรรยากาศทั้งสงบขรึมและยิ่งใหญ่ เปี่ยมด้วยพลังอันลึกล้ำเย่ซิวรู้สึกได้ทันทีว่าภายในสำนักนี้แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังอันทรงพลังกดดันอย่างแผ่วเบาที่กระจายอยู่ทั่วและเพื่อไม่ให้ใครจับได้ถึ
ตอนแรกนึกว่ามาถึงสำนักอวิ้นหลิงแล้วจะสามารถรับช่วงดูแลสำนักนี้ได้เลยกะว่าจะใช้ทุนสะสมที่พวกเขาเก็บมาเป็นสิบ ๆ ปี เพื่อเร่งพัฒนาพลังของตัวเองให้เร็วที่สุดแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้นตอนนี้พวกอนุรักษนิยมกับกลุ่มจอมยุทธ์กระบี่สัดส่วนพลังอยู่ที่สองต่อแปดฝ่ายอนุรักษ์มีแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของพลังทั้งหมด พื้นที่ในการอยู่รอดแคบลงทุกทีโดยเฉพาะปัญหาการขาดช่วงระหว่างรุ่น คนรุ่นใหม่ที่รับเข้ามาในรอบร้อยปีแทบไม่มีใครโดดเด่นเลยแต่พอมาดูทางฝ่ายจอมยุทธ์กระบี่กลับรับเด็กฝึกมีพรสวรรค์เข้ามาหลายร้อยคนในช่วงไม่กี่ปีนี้แถมในนั้นยังมีคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะจอมยุทธ์กระบี่ที่หาได้หนึ่งครั้งในรอบพันปียิ่งเก่งก็ยิ่งได้ทรัพยากรมากขึ้นเป็นธรรมดาในหัวของเย่ซิวเริ่มมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มวางแผนคร่าว ๆ ถ้าอยากให้ฝ่ายอนุรักษ์มีเสียงมากขึ้นในสำนัก ก็ต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นก่อนแต่ตอนนี้ก็ยังแค่เป็นแนวคิด ยังต้องสังเกตการณ์อีกสักพักเย่ซิวก้าวขึ้นสู่เขาแห่งโอสถที่นี่เป็นพื้นที่เฉพาะของรั่วอวิ๋นข้างนอกมีค่ายกลป้องกัน คนทั่วไปเข้าไปไม่ได้จริง
ในสำนักอวิ้นหลิง มีกฎห้ามเหล่าศิษย์ประลองกันเองโดยพลการหากฝ่าฝืนจะถูกทำลายพลังบำเพ็ญจึงไม่มีใครกล้าละเมิดกฎนี้หญิงสาวมองแผ่นหลังของเย่ซิวที่เดินจากไปด้วยความโกรธจนศีรษะเหมือนมีไอร้อนพวยพุ่งสองมือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด ฟันขาวขบกันจนได้ยินเสียงกรอด ๆ“ไอ้บ้านี่ คอยดูเถอะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”เย่ซิวไม่ใส่ใจกับคำขู่ของเธอ ก่อนจะเดินขึ้นไปถึงบริเวณกึ่งกลางของภูเขาตรงนี้มีถ้ำสำหรับอยู่อาศัยมากมาย และหลายแห่งก็ยังว่างอยู่เย่ซิวเลือกถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและมีพลังวิญญาณไหลเวียนหนาแน่นที่สุด ก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลที่นี่ใหญ่มาก มีพื้นที่เกือบหมื่นตารางเมตรมีห้องอาบน้ำ ห้องนอน ห้องอ่านหนังสือและยังมีห้องปรุงยา ห้องฝึกฝน การตกแต่งก็หรูหราอลังการอุปกรณ์ความบันเทิงทันสมัยก็ครบทั้งเครื่องร้องคาราโอเกะ ทีวีจอยักษ์ และอื่น ๆ เย่ซิวเดินตรวจดูทั่วทั้งถ้ำจนแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงเริ่มจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆอย่างแรกคือวางค่ายกลป้องกันรอบถ้ำในโลกของผู้บำเพ็ญตน ความปลอดภัยของที่พักคือสิ่งสำคัญมากบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิตได้เลยทีเดียว เย่ซิวจึงลงแรงกับเรื่องนี้เต็มที่เ
เย่ซิวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้รับข้อความจากรั่วอวิ๋นดูจากน้ำเสียงแล้ว การไปครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆเขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากถ้ำ แล้วมุ่งหน้าไปยังยอดเขาตอนนี้ตัวเขายังไม่เหมาะจะเปิดเผยตัวตนเพราะจอมยุทธ์กระบี่ในสำนักยังมีผู้บำเพ็ญตนระดับปฐมญาณอยู่หลายคน ซึ่งเย่ซิวไม่อาจรับมือได้หากถูกเปิดโปงก็มีแต่จะนำความยุ่งยากมาไม่สิ้นสุดและอาจถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตลำดับขั้นของการบำเพ็ญตนตั้งแต่ต่ำไปสูง ได้แก่ ระดับหลอมปราณ สร้างรากฐานปราณ ระดับจินตาน ระดับวิญญาณก่อกำเนิด ระดับถอดจิต ระดับปฐมญาณ ระดับรวมกายา ระดับทะลวงสุญตา ระดับมหายาน และระดับฝ่าด่านเคราะห์ดังนั้นตอนนี้เขาต้องวางตัวให้เงียบไว้ก่อนตากนั้นเย่ซิวก็เดินทางมาถึงบนยอดเขาทันทีที่มาถึง เย่ซิวก็เห็นด้านหน้าถ้ำของรั่วอวิ๋นมีสิงโตหินทรงสง่าอยู่ข้างละตัวดูจากรูปลักษณ์แล้วคงเป็นหุ่นเชิดทรงพลังที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาขณะนั้นเอง เสียงของรั่วอวิ๋นก็ดังออกมาจากด้านใน “เข้ามาสิ”เย่ซิวเดินเข้าไปรั่วอวิ๋นนั่งอยู่ในห้องรับแขกชุดลำลอง ผมยาวครึ่งหนึ่งปล่อยลงมาด้านหน้า ดูกระเซอะกระเซิงนิด ๆ แต่กลับมี
แถมพวกมันยังมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และบางตัวยังมีความสามารถติดตัวอีกหนึ่งหรือสองอย่างรวม ๆ แล้ว สิงโตหยกขาวหนึ่งตัวสามารถมีพลังต่อสู้เทียบเท่าผู้บำเพ็ญตนระดับจินตานขั้นกลางถึงสูงถ้ามีตัวไหนพรสวรรค์โดดเด่นมาก ๆ ก็สามารถพัฒนาไปถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้เลยรวมทั้งหมดมีแปดตัว ถ้าสามารถเลี้ยงให้โตเต็มวัยได้ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นกำลังรบที่ไม่น้อยเลยทีเดียวเย่ซิวเดินมาถึงภูเขาหลังสำนักแล้วบังเอิญเจอสาวน้อยที่ไม่มีต้นทุนความเป็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งพอเห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ส่วนเย่ซิวก็ไม่คิดจะทักทายอะไรเช่นกันทั้งสองเดินสวนกันไปเงียบ ๆเธอมองแผ่นหลังของเย่ซิวและทิศทางที่เขาไป ก่อนจะยิ้มเย็น“ดูเหมือนอาจารย์จะให้เขาเป็นคนดูแลสิงโตหยกขาวสินะ เจ้าพวกตัวเล็กพวกนั้นแต่ละตัวอารมณ์ร้ายไม่ใช่เล่นเลยตอนฉันเลี้ยงมันเมื่อก่อน พวกมันยังเล็กอยู่แท้ ๆ ยังต้องใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะสนิทกันได้ตอนนี้พวกมันโตขึ้นขนาดนี้ แถมยิ่งโตก็ยิ่งไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า ถ้าหมอนี่เข้าไปต้องโดนพวกมันเล่นงานยับแน่นอน ถ้าไม่ถลอกปอกเปิกก็คงออกมาไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็เปลี่ยนใจและ
ในกระดาษที่รั่วอวิ๋นให้มามีเขียนรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องปรุงอาหารให้เจ้าพวกนี้อย่างไรส่วนวัตถุดิบก็มีครบอยู่ภายในลานนี้แล้วเย่ซิวเพียงแค่ผสมตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ก็สามารถจัดอาหารให้พวกมันได้ทันทีระหว่างที่เย่ซิวกำลังปรุงอาหารอยู่นั้น สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวก็นอนหมอบอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตรแต่ละตัวทั้งหน้าบวม ปากแตก ตัวเขียวช้ำ สายตาที่เคยมองเขาอย่างอาฆาตตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงกับพวกตัวแสบที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดก็แค่ซัดให้ยับสักรอบก็พอแม้ร่างกายของสิงโตหยกขาวจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วก็ไม่ต่างจากจอมเวทฝึกหัดเจอกับจอมเวทระดับปรมาจารย์เมื่อกี้ยังทำเป็นกร่างใส่เขาอยู่เลยแต่หลังจากเย่ซิวโชว์พลังให้เห็นแค่เล็กน้อยแล้วซัดพวกมันไปชุดใหญ่ เจ้าตัวแสบทั้งแปดก็เชื่องสนิทไม่นาน เย่ซิวก็ปรุงอาหารเสร็จแล้วนำไปวางตรงหน้าพวกมัน “เสร็จแล้ว มากินเร็ว ๆ”สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระวัง จ้องมองสีหน้าเย่ซิวอย่างละเอียดก่อนจะเริ่มกินแต่ทันทีที่กัดคำแรก พวกมันทั้งหมดก็ชะงักค้างไปพร้อมกันรสชาติไม่เหมือนกับที่ผู้ดูแลหญิง
ก่อนหน้านี้รั่วอวิ๋นก็เคยกลั่นโอสถหลายชนิดให้พวกมันกินเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลยจริง ๆเย่ซิวเห็นความภักดีสะท้อนในแววตาของเจ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัว!ในใจก็อดขำไม่ได้ถ้ารั่วอวิ๋นรู้ว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงสุดรักทั้งแปดตัวของเธอแปรใจภายในวันเดียว ไม่รู้จะโมโหจนกระอักเลือดไหมนะแค่คิดถึงภาพนั้น เย่ซิวก็รู้สึกแอบตั้งตารอขึ้นมาพอป้อนอาหารให้เจ้าพวกนี้เสร็จ เย่ซิวก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไปพวกมันก็กระดิกหางเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่ายจนกระทั่งเห็นว่าเขาเดินจากไปไกลแล้ว พวกมันถึงได้ทิ้งตัวลงกับพื้นและหอบหายใจหนักหน่วงน่ากลัวชะมัด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาทันทีที่เย่ซิวเดินออกมาก็เจอผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่เดิมเธอเคยตั้งตารอว่าจะได้เห็นเย่ซิวเดินออกมาในสภาพหน้าบวมตัวช้ำ เลือดโชกเต็มตัวดูน่าสมเพชแต่พอเห็นเย่ซิวในตอนนี้ เธอก็ชะงักไปทันที “เป็นไปได้ยังไง ทำไมนายถึงไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว”เย่ซิวเย่ซิวไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ จึงเดินจากไปทันที“ไม่จริงน่า มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด” เธอเบิกตากว้าง หน้าตาเต็มไปด้วยความงงงวยคิดได้ไม่นานเธอก็วิ่งเข้
พอเห็นว่าเย่ซิวกำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ เธอก็แค่นเสียงใส่เบา ๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามารบกวน เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นห้านาทีต่อมาเย่ซิวก็เลิกบำเพ็ญ พลังวิญญาณในร่างยิ่งแน่นและมั่นคงกว่าเดิมอีกระดับหนึ่งพออยู่ข้างนอกแบบนี้ ความเร็วในการฝึกของเขากลับเร็วขึ้นกว่าเดิมถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกประมาณหนึ่งเดือนก็น่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้แล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรสุด ๆ อยู่ตรงหน้า“มีอะไร?” หญิงสาวแค่นเสียงแล้วพูดว่า “อาจารย์ให้ฉันพานายออกไปเก็บสมุนไพรข้างนอกจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ตามฉันมาสิ”เย่ซิวลุกขึ้นพลางพยักหน้าเธอสะบัดผมแล้วหมุนตัวเดินนำหน้าไปทันทีเอวคอดกิ่วที่ส่ายไปมานั่น พอมองจากด้านหลังก็มีเสน่ห์ใช่ย่อยถ้าไม่มองหน้าก็ถือว่าดูมีความเป็นผู้หญิงอยู่พอตัวเย่ซิวเดินตามหลังเธอไปปกติแล้วศิษย์ทั่วไปถ้าจะออกนอกสำนักต้องรายงานก่อนแต่สำหรับศิษย์สายในแบบเย่ซิวนั้นไม่จำเป็น จะออกไปตอนไหนก็ย่อมได้แต่สำหรับเธอคนนี้ยังคงต้องรายงานอยู่พอมาถึงจุดหนึ่ง เธอก็ยื่นเอกสารแล้วได้รับป้ายอนุญาตออกนอกสำนักชั่วคราวมาเย่ซิวก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเธอชื่ออะไรจางเสี่
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ