ถ้าอยากขยายช่องว่างนั้นให้กว้างขึ้น เย่ซิวลองศึกษาดูแล้ว พบว่ามันน่าจะเกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะพลังของตัวเองเพราะแบบนี้ แผนหาเงินของเขาจึงต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆแม้ตอนนี้ปริมาณที่ดูดซับได้ต่อวันจะยังไม่มากแต่เมื่อเขาทะลวงสู่ระดับปฐมญาณ หรือระดับที่สูงกว่านั้นเมื่อไหร่ปริมาณพลังที่ดูดซับได้ในหนึ่งวันอาจพุ่งถึงสิบล้าน ร้อยล้าน หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำเย่ซิวจึงเก็บเกล็ดมังกรปฐมกาลเข้าไปในจุดตันเถียน แยกพลังจิตบางส่วนไว้คอยควบคุมตลอดเวลาปล่อยให้มันปล่อยพลังวิญญาณออกมาเรื่อย ๆเท่ากับว่าต่อให้เขาไม่ทำอะไรเลย วันหนึ่งก็มีรายได้เทียบเท่าศิลาวิญญาณหนึ่งล้านก้อนโดยอัตโนมัติ“เดี๋ยวก่อน พาฉันไปด้วย” เมื่อเห็นเย่ซิวทำท่าจะไป เฉินเยียนจือรีบร้องเรียกทันที“รีบไปซะ ฉันจะเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุด ไม่อยากพาตัวถ่วงอย่างเธอไปด้วยหรอก”เย่ซิวไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีทางทำตัวเอาใจเธอเหมือนคนอื่นแน่ใบหน้าของเฉินเยียนจือร้อนผ่าวถ้าเป็นนิสัยเก่าของเธอ เธอคงเอาเรื่องเย่ซิวไปแล้วแต่ตอนนี้เธอกลับอ้อนวอนว่า “ขอร้องล่ะ พาฉันไปด้วยเถอะ ฉันอยากแข็งแกร่งขึ้น อยากกุมชะตาชีวิตของตัวเองได้”
“ทำไม…พลังของนายถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ค่อย ๆ รั่วไหลออกจากร่าง เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นทุกขณะ ดวงตาของหนานกงอู๋ซวงเต็มไปด้วยความไม่ยอมรับชะตากรรมทั้งที่เขาคือบุตรแห่งสวรรค์ มีอนาคตไร้ขีดจำกัด แล้วทำไมถึงต้องมาตายที่นี่ด้วย?!เย่ซิวไม่ได้มีหน้าที่ต้องตอบคำถามนี้คนแบบนี้ต่อให้ตายไป ก็ไม่คู่ควรจะได้เกิดใหม่ด้วยซ้ำเขาสะบัดมือจุดไฟเผาร่างหนานกงอู๋ซวงให้กลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา จากนั้นก็ปล่อยวิญญาณนักรบทั้งสามออกมา เพียงไม่กี่อึดใจ พวกนั้นก็กลืนกินวิญญาณของหนานกงอู๋ซวงจนหมดสิ้นเฉิยเยียนจือน้ำตาไหลพรากอยู่ไม่ไกลออกไป ความรู้สึกในใจตอนนี้ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้เย่ซิวเดินไปเก็บแหวนผนึกของของหนานกงอู๋ซวงขึ้นมา รวมถึงสมบัติเวทมนตร์ที่อีกฝ่ายเพิ่งใช้ไปเมื่อครู่ด้วยมันเป็นแผ่นสีขาวขุ่นขนาดเท่าฝ่ามือขอบของมันดูไม่สม่ำเสมอ ดูเหมือนเกล็ดของสัตว์ชนิดหนึ่งเย่ซิวลองส่งพลังวิญญาณเข้าไปในนั้นทันใดนั้น แผ่นเกล็ดก็ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เสี้ยวหนึ่งของพลังจิตเขาถูกดึงเข้าไปด้วยข้างในเกล็ดนี้มีพลังวิญญาณมหาศาล จนเย่ซิวเองยังอดตกตะลึงไม่ได้พลังจิตของเ
เขาได้สมบัติจากข้างในนั้นมาเพียบ รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นอีกขั้น พอได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะเยาะไม่หยุด“ก็ไม่ถึงกับโกหกทั้งหมดหรอกนะ ตอนนั้นฉันก็ชอบเธอจริง ๆ ตั้งใจอยากแต่งกับเธอจริง ๆ แต่…”สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นโหดเหี้ยม “นางแพศยาอย่างเธอทรยศฉัน ด้วยการไปยุ่งกับผู้ชายข้าง ๆ เธอนั่นไง!”“นายพูดบ้าอะไร? ฉันไปยุ่งกับเขาตอนไหน!”“งั้นก็บอกมาสิ ว่าความบริสุทธิ์ของเธอหายไปไหนแล้ว!”เสียงตะโกนของหนานกงอู๋ซวงทำให้เฉินเยียนจือตกใจจนยืนอึ้ง ก่อนจะเผลอถามออกมาอย่างลนลานว่า “นายรู้ได้ยังไง?”พอหลุดปากออกมา เฉินเยียนจือก็นึกเสียใจทันที เพราะนั่นเท่ากับยอมรับกลาย ๆ ไปแล้วไม่ใช่หรือ?หนานกงอู๋ซวงยิ่งหัวเราะเยาะ “ฉันนึกมาตลอดว่าเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วเป็นแค่คนไร้ค่า ช่างน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ!”หน้าของเฉินเยียนจือซีดเผือด “นายทิ้งฉันเพราะเรื่องนี้เหรอ ที่จริงแล้วนายก็ยังรักฉันอยู่ใช่ไหม? ฟังฉันอธิบายก่อน มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ…”“หุบปากไปซะ!” หนานกงอู๋ซวงตะคอกขัดคำพูดของเฉินเยียนจือ เขาดูคุ้มคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว“ฉันหน้าโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?
หนานกงอู๋ซวงไม่มีทางหนีรอดได้แน่นอนเพราะเย่ซิวได้วางค่ายกลไว้ตามเส้นทางที่ต้องผ่านหมดแล้ว เลยไม่รีบร้อนอะไรรอให้เขากวาดสมบัติในรังของแรดขาวเสร็จเรียบร้อย ก็คงช่วยประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อยจากนั้น เย่ซิวก็หันไปบอกกับทุกคนว่า “ที่นี่อันตราย พวกเราควรรีบออกไปก่อน”เขายังตั้งใจจะไปสำรวจบางจุดในพื้นที่ลึกกว่านี้ แต่ก็พาเหล่าตัวถ่วงพวกนี้ไปด้วยไม่ได้ทุกคนรีบพยักหน้าทันที ไม่มีใครอยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวหลังจากพ้นเขตอันตรายมาได้ เย่ซิวก็หันมายิ้มกว้างให้พวกเขา “เอาของทั้งหมดที่พวกนายได้มาตลอดสองสามวันนี้มาให้ฉันซะ”สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปทันที แต่ละคนต่างคิดว่าเย่ซิวเป็นคนดีแท้ ๆไม่คิดเลยว่าจะหนีเสือปะจระเข้เช่นนี้เย่ซิวไม่สนใจสีหน้าพวกเขา ยังคงยิ้มละไมเหมือนเดิม “จริง ๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันตามพวกนายอยู่ตลอดแต่ละคนได้ของอะไรไป ฉันรู้หมด ใครใจกล้าคิดจะโกงก็ลองดูได้เลย แล้วอย่าหาว่าฉันไม่ปรานีล่ะ”คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเย่ซิว ทำลายความคิดเล็ก ๆ ในใจของบางคนจนหมดสิ้นแต่ละคนทำหน้าเจื่อน ๆถึงในใจจะไม่เต็มใจสุดขีดแต่คนตรงหน้าคือคนที่กำจัดอสูรระดับถอดจิตขั้นสูงได้
“ศิษย์พี่เย่?!”“มาที่นี่ได้ยังไง!”“ถึงเขามาก็เท่านั้นแหละ แค่พลังระดับสร้างรากฐานปราณ เปลี่ยนสถานการณ์อะไรไม่ได้หรอก…”แต่เพียงวินาทีถัดมา บรรดาศิษย์ล้วนพากันเบิกตากว้าง โลกทั้งใบของพวกเขาโดนกระแทกอย่างรุนแรงเพราะพวกเขาได้เห็นพลังปราณในตัวเย่ซิวพุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับตะวันยามแรกแย้ม ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะเขาพุ่งสู่ระดับจินตาน ระดับวิญญาณก่อกำเนิด และสุดท้ายก็พุ่งขึ้นถึงระดับถอดจิต ก่อนจะหยุดลงเฉินเยียนจือเบิกตาโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นสุดขีด “ระดับถอดจิต เป็นไปได้ยังไง!”เย่ซิวอายุแค่นี้เองนี่นา!ถึงจะเริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ ก็ไม่น่าจะไปถึงระดับนี้ได้เร็วขนาดนี้สิ?!ทุกคนช็อกกันอย่างหนัก ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแต่ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกกังขาแค่ไหน ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วเย่ซิวเพียงคนเดียวก็สามารถประคองค่ายกลไว้ได้อย่างมั่นคงจากนั้นเขายกมือขึ้น จากนั้นก็มีกระบี่สายฟ้าสามสิบหกเล่มพุ่งออกมา ก่อตัวเป็นเมฆสายฟ้าขนาดมหึมากระบี่แต่ละเล่มพุ่งตัดไปมา สร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้แก่แรดขาวตัวนั้นอย่างหนักมันคำรามด้วยความเดือดดาลไม่หยุดหย่อนจา
หนานกงอู๋ซวงเร่งพลังจนถึงขีดสุด เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังรังของแรดขาวยักษ์ตัวนั้นทันที!เขาเคยเป็นแกนกลางของค่ายกล แต่เมื่อเขาหนีไป แรงกดดันมหาศาลก็ถาโถมใส่ศิษย์ที่เหลือทันทีแถมพลังของค่ายกลกระบี่ก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มสบถด่ากันระงม“เขาเอาพวกเราไปเป็นเหยื่อล่อเนี่ยนะ”“สารเลว เขาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ได้ยังไงกัน”“แล้วเราจะทำยังไงต่อ? พวกเราจะไปสู้กับปีศาจระดับถอดจิตได้ยังไงกันเล่า!”……ในหมู่ศิษย์ที่เหลือ ส่วนใหญ่ยังอยู่เพียงแค่ระดับสร้างรากฐานปราณ มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่อยู่ในระดับจินตานเฉินเยียนจือรู้สึกราวกับเลือดในกายเย็นเฉียบ เธอยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้น หัวสมองว่างเปล่าไปหมดก่อนจะพึมพำกับตัวเองอย่างไม่รู้ตัวว่า “ไม่จริง ไม่จริงน่า นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ พี่อู๋ซวงไม่มีทางทอดทิ้งฉันได้ลงหรอก”“แค่ก!”ทันใดนั้น เฉินเยียนจือก็ไอเป็นเลือดพุ่งออกมาอึกใหญ่ ทำให้สติกลับคืนมาในบัดดลแรดขาวยักษ์ยังคงพุ่งชนค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง ค่ายกลพร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ ศิษย์หลายคน
“อายุแค่นี้ก็ฝึกเจตจำนงแห่งกระบี่จนไปถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว”“แบบนี้อีกไม่นานก็คงหลอมรวมจิตวิญญาณแห่งกระบี่ขึ้นมาได้แน่”“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ศิษย์พี่ใหญ่ก็คงได้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแน่นอน”“ยินดีด้วยครับพี่ใหญ่ ขอแสดงความยินดีด้วย”เฉินเยียนจือเองก็มองหนานกงอู๋ซวงด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความเลื่อมใสหนานกงอู๋ซวงรู้สึกพอใจกับคำชมของทุกคนมากแต่พอเห็นสีหน้าของเฉินเยียนจือ เขาก็รู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาดจนชุ่มถึงแม้เธอจะแสดงท่าทีชื่นชมเหมือนเดิมแต่ในสายตาเขาตอนนี้มันดูเสแสร้งสิ้นดี น่าขยะแขยงสุดๆในใจเขาแอบสาบานไว้เงียบ ๆถ้าตัวเองได้มีอำนาจเมื่อไร จะต้องให้เฉินเยียนจือได้รับบทลงโทษที่สาสม!!!หลังจากที่หนานกงอู๋ซวงแสดงพลังให้เห็นแบบนั้น ทุกคนก็มั่นใจและเดินตามเขาเข้าไปยังชั้นในสุดของเขตลับผ่านไปสักพัก เย่ซิวจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาคิดในใจว่าพวกนี้ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ กล้าดียังไงถึงเข้าไปในนันแม้แต่เขาเองยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายที่แผ่ออกมาจากภยาใน พลังแต่ละสายล้วนเป็นสิ่งที่เขาเองยังไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเขาจึงเสริมอาคมอำพรางลงบ
หนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือ รวมถึงศิษย์คนอื่น ๆ อีกเจ็ดถึงแปดสิบคนก่อตัวเป็นกลุ่มใหญ่ตอนนี้พวกเขาอยู่ริมทะเลสาบ กำลังหยิบเบ็ดตกปลาที่ออกแบบพิเศษขึ้นมาปลาสีขาวขุ่นราวกับหยกขาวถูกตกขึ้นมาทีละตัวทุกครั้งที่มีคนตกปลาได้ ก็จะมีเสียงเฮดังขึ้น“ฮ่า ๆ ๆ ฉันตกได้อีกตัวแล้ว”“พวกเราโชคดีสุด ๆ ไปเลย”“เนื้อปลาวิญญาณพวกนี้อร่อยมาก แถมยังมีพลังงานบริสุทธิ์สูง ถ้าทำอาหารด้วยวิธีเฉพาะล่ะก็ กินแค่ตัวเดียวก็เพิ่มพลังบำเพ็ญได้ตั้งสามสิบถึงสี่สิบปีเลยนะ”“ตอนนี้พวกเราน่าจะตกได้เกินร้อยตัวแล้วมั้ง”“ถ้าเอาไปขายข้างนอกล่ะก็ อย่างน้อยก็ได้ตั้งยี่สิบสามสิบล้านศิลาวิญญาณเลยล่ะ รวยเละแน่”……หนานกงอู๋ซวงเองก็อดยิ้มออกมาจากใจไม่ได้ ความหม่นในใจก่อนหน้านี้เหมือนจะจางหายไปบ้างแล้วปลาเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเจอของล้ำค่าขนาดนี้ตั้งแต่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานเย่ซิวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมองดูภาพตรงหน้าก็หัวเราะออกมาเบา ๆของพวกนี้เดี๋ยวก็เป็นของเขาอยู่ดีก่อนจะเข้ามาในนี้ เย่ซิวก็วางแผนไว้แล้วเขาแอบสะกดรอยตามพวกหนานกงอู๋ซวงมาอย่างเงียบ ๆ เพราะคนกลุ่มนี้มีข้อมูลมากกว่าเขาหลายเท่าข
หนานกงอู๋ซวงหันไปมองเย่ซิว ก่อนจะผายมือเชิญ “ศิษย์น้องเย่ เชิญก่อนเลย”เย่ซิวรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ หมอนี่ตั้งใจจะรุมเล่นงานเขาน่ะสิเขาส่ายหน้า “พวกนายเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอเข้าไปเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน”หนานกงอู๋ซวงยังไม่ยอมแพ้ อยากจะจัดการเย่ซิวให้เร็วที่สุดจึงเอ่ยต่อ “แบบนั้นไม่เหมาะนะ ด้วยสถานะของศิษย์น้องเย่ ถ้าเข้าเป็นคนสุดท้ายจะดูเสียมารยาทเกินไป”ตอนนั้นเอง ภรรยาเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยเรียบ ๆ “พวกนายเข้าไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาสักหน่อย”หนานกงอู๋ซวงหรี่ตาลง มองสลับไปมาระหว่างสองคนนี้อย่างเสียไม่ได้พวกเขาไปสนิทกันตอนไหน?แม้จะสงสัย แต่ตอนนี้เขายังไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของภรรยาเจ้าสำนัก ทำได้แค่เดินนำเข้าไปก่อน“รอด้วยสิคะ พี่อู๋ซวง” เฉินเยียนจือรีบเดินตามไปติด ๆลูกศิษย์คนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเข้าไปตามลำดับจนเหลือแค่เย่ซิวคนเดียว จากนั้นภรรยาเจ้าสำนักก็ขยับริมฝีปากถามเบา ๆ “เรื่องที่ฉันคุยกับนายเมื่อคืน ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว”เย่ซิวแอบขำอยู่ในใจ เมื่อคืนเธอเป็นคนที่ต้องการโอสถแบบนั้นแท้ ๆ แต่กลับอ้างว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ต้องการความจริงเย่ซิวรู้ว่ามีตำรับล