“เมื่อคืนนี้ หมอนั่นแข็งแกร่งมากจริง ๆ!”ไป๋อวี้เจี๋ยเพิ่งได้ยินเรื่องของเย่ซิวหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าถัดจากเธอ เลขานุการสาวสวยซึ่งกำลังยืนรายงานเธอพูดว่า "นั่นสิคะ กล้าที่จะงัดข้อกับจางรั่วหลิง แถมยังฆ่าลูกน้องมือดีที่สุดของเขาไปอีก ตอนนี้คิดว่าน่าจะกำลังถูกทั้งเมืองตามฆ่าอยู่แน่”ไป๋อวี้เจี๋ยยกมือขึ้นจับแก้มของเธอ ภายในหัวพลันก็ปรากฏภาพของเย่ซิวที่หล่อเหลา สีหน้าของเธอดูซีดลง“จบสิ้นแล้ว ถ้าเขาตายแล้วฉันจะทำยังไง?”“ผมไม่ตายหรอก ไม่ต้องห่วง”จู่ ๆ ก็มีเสียงดังก้องขึ้นในห้อง ทำเอาผู้หญิงทั้งสองคนตกใจสะดุ้งโหยงเย่ซิวปรากฏตัวออกมาราวกับผีดวงตาของหญิงสาวทั้งสองคนเบิกกว้างไป๋อวี้เจี๋ยทำหน้าอย่างกับเห็นผีกลางวันแสก ๆ อย่างไรอย่างนั้น "คุณยังมีชีวิตอยู่?!"เย่ซิวยิ้ม "มันแปลกมากเหรอ?"ไป๋อวี้เจี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้แล้วพูดไปว่า “น่าทึ่งมาก คุณหลบหนีมาจากเงื้อมมือของตระกูลจางได้จริง ๆ ด้วย"เย่ซิวดึงหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก ขยำมันแล้วโยนมันทิ้งไปในถังขยะ เขายืนขึ้นแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ ผมจะฝังเข็มให้คุณ"ไป๋อวี้เจี๋ยก็ยืนขึ้นและพูดก
เมื่อเดินผ่านห้องของไป๋อวี้เจี๋ย ประตูก็เปิดออกเห็นว่าเป็นเลขานุการคนนั้นที่เดินออกมา ข้างหลังเธอคือไป๋อวี้เจี๋ยเจ้าตัวสิ่งที่แปลกพิลึกเล็กน้อยคือใบหน้าของทั้งสองนั้นแดงมากเย่ซิวถามออกไป "พวกคุณเป็นอะไรไป?"ไป๋อวี้เจี๋ยเหมือนหัวขโมยตัวน้อยที่ถูกจับได้ว่าขโมยของบางอย่าง ในดวงตาของเธอฉายแววลุกลี้ลุกลนเลขาค่อนข้างสงบกว่ามาก เธอกระแอมหนึ่งทีแล้วตอบไปว่า "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องของสาว ๆ คุณก็อย่าถามให้มันมากเกินไปนัก"เย่ซิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจ และพูดกับไป๋อวี้เจี๋ยว่า "ผมจะออกไปข้างนอกสักเดี๋ยว"หลังจากนั้นเขาก็สวมหน้ากากอันใหม่คราวนี้รูปลักษณ์ของเขาก็คือชายวัยกลางคนคนหนึ่งเขายังเตรียมหน้ากากอีกอันไว้เผื่อหลิวอวิ้นด้วย“ไป ๆ ๆ จะไปไหนก็รีบไป”ไป๋อวี้เจี๋ยโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากเพิ่งทำบางเรื่องที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้ จู่ ๆ ก็พบเข้ากับเย่ซิว ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนกมากเย่ซิวพูดว่า "ผมขอพาแม่ของเสวี่ยเอ๋อร์มาพักอยู่ที่นี่ด้วยจะได้ไหม?"“ไม่มีปัญหา”ก่อนออกเดินทาง เย่ซิวยังหันกลับไปมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆหลังจากที่เย่ซิวจากไปแล้ว ไป๋อวี้เจี๋ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั
เมื่อชายฉกรรจ์คนนั้นเห็นเย่ซิว พิจารณาจากรูปร่างของอีกฝ่ายที่ผอมบาง หน้าตาก็ธรรมดา แต่กลับกล้าเข้ามาแส่หาเรื่อง ทันใดนั้นเขาก็โกรธจัด “ไอ้แก่ ตรงนี้แกมีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ!"เย่ซิวยังคงตีสีหน้าเย็นชา "ฉันจะพูดอีกครั้ง ไสหัวไปซะ!"จากนั้นชายฉกรรจ์ก็เหวี่ยงหมัดขนาดเท่าหม้อตุ๋นแล้วโจมตีไปที่หน้าของเย่ซิวอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ไอ้แก่ ฉันจะทำให้แกพิการเดี๋ยวนี้!”“อ้า ไม่นะ!”เด็กสาวที่อยู่ข้างหลังเย่ซิวกรีดร้องออกมาคนบนรถเองก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่น ไม่อาจทนมองต่อไปได้ในความคิดของพวกเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่เย่ซิวซึ่งค่อนข้างผอมกว่า จะสามารถเอาชนะชายร่างใหญ่บึกบึนคนนั้น“อ้าก!!”เสียงกรีดร้องดังก้องรถ แต่เสียงนั้นไม่ได้มาจากเย่ซิว ทว่ามาจากชายฉกรรจ์คนนั้นแทนทุกคนนิ่งอึ้งไปแล้วเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็ทำให้ทุกคนต้องเบิกตากว้างเห็นเพียงชายฉกรรจ์ที่เมื่อสักครู่นี้ยังอวดดี บัดนี้ถูกเย่ซิวเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า กรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเสียงพูดอุทานในรถดังสนั่น ดวงตาของเด็กสาวเองก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นเย่ซิวมองไปที่ชายฉกรรจ์ "แกทำให้ผู้ชายอย่า
ณ หอพักหอพักนักศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงซูเสี่ยวเสี่ยวเปิดประตู รูมเมททุกคนไปกินข้าวกันหมดแล้ว จึงไม่มีใครอยู่สักคนเธอวางข้าวของไว้บนเตียงของตัวเอง จากนั้นเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์มือสองที่ซื้อมาในราคาห้าร้อยหยวนล็อกอินเข้าสู่ซอฟต์แวร์ซื้อขายหุ้นอย่างเชี่ยวชาญมีหุ้นสีเขียวอยู่บนนั้นสองสามตัวเธอติดตามหุ้นเหล่านี้มาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีเงินพอที่จะซื้อมันได้ซูเสี่ยวเสี่ยวคลิกที่หุ้นซึ่งอยู่ด้านบนสุด จากนั้นนิ้วทั้งสิบก็รัวลงบนแป้นพิมพ์ เริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็วมากสำหรับคนนอก ภาพลักษณ์เธอในสายตาของพวกเขาก็คือเซ่อ ๆ แต่ตอนนี้ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงถ้าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอจะเป็นนักธุรกิจหญิงที่ปราดเปรียวมากคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากดำเนินการไปได้สักพัก เธอก็หยุดและกระซิบกับตัวเอง "ตอนนี้หุ้นนี้อยู่ในจุดต่ำสุด ถ้าซื้อในตอนนี้ มันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าภายในหนึ่งสัปดาห์!"เธอไม่ลังเลเลยที่จะลงทุนไปทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซึ่งเท่ากับจำนวนเงินที่เย่ซิวโอนให้เธอ!!……เย่ซิวผลักประตูเข้าไป จากนั้นลงกลอนจากด้านในพนักงานก็ไม่แป
หนึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาจะทำให้กิจการของตระกูลเย่ทั้งหมดต้องพังพินาศ!ไม่มีอะไรที่จะทำให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้เร็วเท่ากับการเหยียบซากศพของตระกูลผู้มีอำนาจอีกแล้วหลังจากปลอบใจเธอไปสองสามคำ และบอกให้เธอระวังตัวให้มาก เย่ซิวก็วางสายโทรศัพท์หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถก็ไปถึงจุดหมายเย่ซิวลงจากรถพร้อมถุงหลายใบในมือทั้งสองคนดูธรรมดามากจนไม่มีใครสังเกตเห็นเลยเดินเท้าต่อไปอีกไม่กี่กิโลเมตร ดวงตาของเย่ซิวก็ต้องหรี่ลงเขาเห็น 'คนที่คุ้นเคย' ยืนอยู่ข้างหน้านั่น!ผู้หญิงทั้งสี่คนแต่งตัวเหมือนกันหมด!พวกเธอมีรูปร่างสูงโปร่ง ยิ่งเมื่อสวมชุดออกกำลังกาย ก็ยิ่งยากที่จะปกปิดเรือนร่างอันร้อนแรงเหล่านั้นนี่คือแฝดสี่ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นบอดี้การ์ดของหลี่หรูเฟิง!ในตอนแรกเย่ซิวสนใจพวกเธอมาก และอยากที่จะพิชิตใจพวกเธอให้ได้ต่อมาเพราะมีเรื่องให้จัดการมากเกินไป เขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเห็นแฝดสี่มาปรากฏตัวในเมืองหลวงแบบนี้ เย่ซิวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหรือว่าหลี่หรูเฟิงเองก็มาที่นี่แล้ว?จำได้ว่าตอนนั้นเขาได้ทำให้อีกฝ่ายพิการไปแล้ว หรือจะมาที่เมืองหลวงเพื่อทำการรักษา…ซึ่งความจริงก็เป็นเช
รูปถ่ายที่ไป๋อวี้เจี๋ยส่งมาให้มีทั้งหมดแปดถึงเก้ารูปทุกรูปช่างเซ็กซี่และร้อนแรงและทุกรูปก็สามารถกระตุ้นความปรารถนาในตัวของผู้ชายออกมาได้ในทันทีแน่นอนว่ารูปถ่ายเหล่านี้ไม่ใช่รูปของเธอ แต่เป็นรูปของเลขาเธอ!ในช่วงสุดท้าย ยังทิ้งข้อความไว้ประโยคหนึ่งด้วยว่า‘เป็นไงบ้าง เลขาฯ ของฉันคนนี้หุ่นดีมากเลยใช่ไหม?’เย่ซิวพูดไม่ออกอยู่นานมาก หลังจากอ่านข้อความจบ เขาก็ส่ายหัวแล้วลบรูปภาพทั้งหมดทิ้งภายในห้อง สองแม่ลูกร้องไห้กันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มคุยกันเบา ๆหลิวอวิ้นถามว่า "ลูกกับเขาไปถึงขั้นไหนแล้ว ได้มี..."ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ส่ายหัวอย่างหน้าแดง “ไม่มีค่ะ เรายังมีความสัมพันธ์แบบชายหญิงที่บริสุทธิ์มาก"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่รู้ทำไมหลิวอวิ้นถึงได้ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นเธอก็พูดต่อว่า "ลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เบื้องหลังมีขุมอำนาจใดอยู่บ้าง ทรงพลังมากไหม เขาช่วยลูกออกมาจากเงื้อมมือของเย่ขวงได้จริง ๆ หรือ?”ตอนนี้เธออยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเย่ซิวเป็นอย่างมากลู่เสวี่ยเอ๋อร์เม้มริมฝีปากบาง แล้วเล่าทุกอย่างที่เธอรู้และพูดได้ให้กับหลิวอวิ้นฟังแม้ว่าเธอจะพู
“ตอนนี้พวกเธอก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสามแล้ว งั้นฉันจะช่วยให้พวกเธอทะลวงระดับขึ้นไปกว่านี้”เมื่อแฝดสี่ได้ยินประโยคนี้ ขณะที่ดีใจ ในใจก็บังเกิดความกังขาขึ้นมาการจะยกระดับพลังยุทธ์ของจอมยุทธ์ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนต้องพึ่งพาตัวเอง เขาจะทำได้จริง ๆ หรือ?ทว่าไม่นานพวกเธอก็รับรู้แฝดสี่แซ่เหมย ชื่อเรียงลำดับจากอายุมากไปน้อยได้แก่ ชุน เซี่ย ชิว และตงเย่ซิวเรียกให้เหมยชุนขึ้นมาก่อนสั่งให้เธอนั่งขัดสมาธิ โดยหันหลังให้เขาเย่ซิววางมือลงบนแผ่นหลังของเธอ จากนั้นปลดปล่อยกำลังภายในออกมาอย่างช้า ๆร่างกายอันบอบบางของเหมยชุนก็สั่นไหว เธอสัมผัสได้ว่าที่หลังมีความร้อนสองสายกำลังแทรกตัวเข้ามา จากนั้นไหลไปทั่วทั้งร่างกายของเธอเส้นลมปราณส่วนน้อยที่ยังถูกปิดกั้นอยู่ในร่างกายเธอถูกเปิดออกใช้เวลาเพียงสิบนาที เธอก็ทะลวงขั้นได้สำเร็จในความเป็นจริง เธอไปถึงคอขวดของระดับพลังแล้วแต่ถ้าไม่มีคนนอกช่วยเหลือ อย่างน้อยพวกเธอก็ต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จและในโลกใบนี้ ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้พวกเธอทะลวงระดับไปได้อย่างเย่ซิว“ทะลวงระดับแล้วจร
เสวี่ยเหมยรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "ไม่เอาสิ เมื่อเช้าคุณยังทำแบบนั้นกับฉัน หรือว่าคุณไม่ปวดใจเลย?"น้ำเสียงของเธอฟังดูน้อยใจมาก แต่ในใจจับเย่ซิวกดแล้วหั่นเขาด้วยมีดเป็นพัน ๆ ชิ้นไปแล้วยอดฝีมือที่เธอส่งออกไปเองก็กลับกันมาหมดแล้ว ตอนนี้กำลังดูข้อมูลของเย่ซิวแค่จอมยุทธระดับห้า ในห้องนี้ก็มีมากถึงยี่สิบกว่าคน!เธอยังเรียกตัวยอดฝีมือด้านคอมพิวเตอร์มาด้วยอีกจำนวนมาก เพื่อระบุตำแหน่งปัจจุบันของเย่ซิวด้วยเหตุนี้ เพื่อยืดเวลาถือสายของเย่ซิวให้นานกว่านี้ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออดอ้อนอย่างไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์แต่เธอคงไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของเย่ซิวนั้น ถูกตั้งรหัสการเข้าใช้งานเป็นพิเศษอย่าว่าแต่ระดมยอดฝีมือด้านคอมพิวเตอร์มาจำนวนมากเลยต่อให้แฮกเกอร์ระดับประเทศเป็นคนลงมือเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถถอดรหัสของเขาได้ในระยะเวลาอันสั้นในขณะนี้ ไฟสีแดงบนโทรศัพท์ของเย่ซิวก็กะพริบไม่หยุดการกะพริบหนึ่งครั้ง นั่นหมายถึงการสกัดกั้นการโจมตีจากศัตรูหนึ่งครั้งเสวี่ยเหมยคิดว่าเขาไม่มีทางรู้เรื่องที่เธอกำลังทำอยู่ แต่จริง ๆ แล้วเย่ซิวค้นพบเรื่องนี้นานแล้วขณะที่เขาเดินกลับ เขาก็ล้อเธอ "ผมยุ่งมา
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน