เย่ซิวและเสวี่ยเหมยนั่งอยู่หลังรถของเธอโซนที่นั่งคนขับกับที่นั่งด้านหลังนั้นแยกจากกัน ดังนั้นคนขับจะไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งใดที่เกิดขึ้นทางด้านหลังเลยนอกจากนี้รถคันนี้ยังมีระบบกันการสั่นสะเทือนแบบอิสระสี่ล้อ ดังนั้นไม่ว่าด้านหลังจะสั่นสะเทือนแค่ไหน ก็ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกภายในรถเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเสวี่ยเหมยไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่เสวี่ยเหมยถอดเสื้อคลุมของเธอออกสวมชุดลูกไม้สีขาวผ้าชีฟองซึ่งเผยให้เห็นรูปร่างที่มีเสน่ห์ของเธออย่างสมบูรณ์แบบหลังจากได้ยินว่าเย่ซิววางแผนที่จะซื้อที่ดิน เธอก็ถามอย่างสงสัย "คุณมีแผนจะทำธุรกิจอะไร?""เครื่องสำอาง"“สายธุรกิจนี้ไม่ง่ายเลยนะ มีคู่แข่งมากเกินไป” เสวี่ยเหมยส่ายหัว เธอไม่มั่นใจในตัวเย่ซิวเท่าไหร่นัก“แค่บริษัทเครื่องสำอางที่จดทะเบียนในประเทศเพียงอย่างเดียวก็เกินห้าสิบบริษัทแล้ว และถ้าคุณนับบริษัทต่างชาติด้วยก็จะมีจำนวนหลายร้อยบริษัทหากคุณไม่มีทักษะและเส้นสาย การแย่งผลประโยชน์จากพวกผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก”เย่ซิวไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้เธอไม่รู้ว่าค
หลังจากพูดถึงคำถามนี้กับเสวี่ยเหมย เธอก็พูดว่า “ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างน่ากลัว นักพัฒนาหลายรายที่ซื้อที่ดินต้องพบกับเรื่องประหลาดก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างด้วยซ้ำ”“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พวกเขาหาพระภิกษุและนักบวชลัทธิเต๋าหลายรูปมาทำพิธี แต่ก็ยังไม่ได้ผล”“ต่อมาที่ดินนี้ก็ได้ถูกรัฐบาลเรียกคืน”“แต่อย่าคิดว่าจะหาราคาต่อรองได้เลย ไม่ว่าที่ดินผืนนี้จะขายไม่ออกแค่ไหน แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย”“ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวคือไม่มีใครสามารถแข่งขันกับคุณได้”เย่ซิวพยักหน้า "คุณน่าจะรู้จักเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่ไหม ให้พวกเขานำสัญญามา ผมจะซื้อที่ดินผืนนี้เอง"แม้ว่าเสวี่ยเหมยจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เธอก็ยังต้องตกตะลึงกับความใจใหญ่ของเย่ซิว“นี่คุณบ้าไปแล้วหรือยังไง? แค่มองแวบเดียวก็จะทุ่มเงินสามล้านหกแสนล้านเพื่อซื้อที่ดินอาถรรพ์เนี่ยนะ คุณรู้ไหมว่าเงินจำนวนนี้คืออะไร?”น้ำเสียงของเธอสูงขึ้นมาก “ถ้าคุณฝากเงินจำนวนนี้ไว้กับธนาคาร ต่อให้เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด ก็ยังสร้างรายได้มากกว่าห้าพันล้านต่อปี!”“คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง? ต่อให้คุณจะ
เสวี่ยเหมยมีศัตรูตัวฉกาจที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เด็กคนคนนั้นชอบที่จะแข่งขันกับเธอไปเสียทุกอย่างอะไรที่เสวี่ยเหมยชอบ เธอคนนั้นก็จะฉกฉวยเอามาให้ได้แต่ถ้าเธอแย่งมาไม่ได้ เธอก็จะทำลายมันซะณ เมืองหลวง ในวิลล่าที่ตกแต่งอย่างหรูหราผู้หญิงประหลาดคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟา มองดูสัตว์เลี้ยงสองตัวของเธอต่อสู้กันด้วยความสนใจสัตว์เลี้ยงสองตัวนั้นไม่ใช่แมวหรือสุนัข แต่เป็นจิ้งจอกสองตัวที่ดุร้ายไม่ธรรมดาด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับวัวและกรงเล็บอันแหลมคม มันสามารถฉีกแผ่นเหล็กออกจากกันได้อย่างง่ายดายผู้หญิงธรรมดา ๆ คงตกใจกลัวแทบตายเมื่อเห็นฉากนี้แต่เธอนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ไม่หวาดกลัวเลยสักนิดในยุทธภพ มีคำกล่าวว่า จิ้งจอกสามารถเอาชนะปรมาจารย์ได้แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดูอ่อนเยาว์ แต่จริง ๆ เธออยู่ในวัยสามสิบแล้วผิวของเธอเรียบเนียนและนุ่มนวลราวกับเต้าหู้ เอวของเธอเล็กเรียวบางเธอสวมกระโปรงสั้นที่ดูเซ็กซี่และร้อนแรงเธอเป็นคนที่น่ากลัวมาก แต่ภายในเมืองหลวง มีน้อยคนนักที่จะรู้จักเธอ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกคำราม!สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวดูเหมือนว่าจะได้ผู้ชนะแล้วตัวที่ชนะเดิน
ผู้หญิงคนนี้มีพลังมหาศาลที่ไม่อาจทำลายได้!อาชูร่าเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็ออกมาและเดินไปอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเมื่อเธอสวมชุดกระโปรงพับจีบและถุงน่องสีขาว คลื่นแห่งความเยาว์วัยที่ไม่อาจต้านทานได้พุ่งเข้ามาหาเธอเธอรวบผมเป็นทรงหางม้า ดูอ่อนเยาว์และน่าหลงใหลยิ่งขึ้นขาสวยคู่นั้นยาวเรียวราวกับตะเกียบรูปลักษณ์นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ชายที่มีความชื่นชอบเป็นพิเศษเธอหัวเราะคิกคักหน้ากระจก จากนั้นหันหลังเดินออกไปใครจะคิดว่า อาชูร่าผู้ครองโลกใต้ดินและทำให้ผู้คนหวาดกลัวเมื่อเอ่ยถึง จะมีรูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาเช่นนี้อีกด้านหนึ่ง เย่ซิวกำลังไปที่โรงงานหินดิบโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองและค่อนข้างไกลในรถ วิชาลับผุดขึ้นมาในใจของเย่ซิววิชาเนตรเทวะ! วิชาลับนี้ทำให้การมองเห็นสามารถมองทะลุผ่านกำแพง เสื้อผ้า และอื่น ๆ ได้ ซึ่งเผยให้เห็นส่วนที่สำคัญที่สุดของสิ่งต่าง ๆเขาคุ้นเคยกับวิธีการฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว แต่มันค่อนข้างยากกว่าทักษะล่องหนแต่สำหรับเย่ซิว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในรถ เย่ซิวล้มเหลวอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบครั้ง กำลังภายในของเขาหมดลงอย่างสิ้นเชิง
เย่ซิวหันหน้าไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอสูงเกือบเท่าไหล่ของเขา ดูฉลาดและน่ารัก ผมของเธอรวบเป็นทรงหางม้า อกอิ่มโดดเด่น เอวเพรียวบาง ขาเรียวเล็ก ความประทับใจแรกพบของเธอนั้นสะดุดตาและน่าทึ่งมาก ผู้ชายหลายคนมองดูเธออย่างหลงใหลและอยากจะกลืนกินเธอลงไปทันทีเย่ซิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "น้องสาวมีอะไรให้ช่วยเหรอ?"ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเขินอาย "ตอนที่ออกมาฉันลืมหยิบเงินมาด้วย คุณให้ฉันยืมสักสองพันห้าร้อยได้ไหม ฉันอยากซื้อหินก้อนนั้น"เธอชี้ไปที่หินที่ไม่เด่นบนแผงลอยเย่ซิวใช้วิชาเนตรเทวะเพื่อดูอย่างเงียบ ๆก้อนหินนั้นไม่มีอะไรเลย เขาจึงแนะนำว่า "น้องสาว คุณควรตั้งใจเรียนนะ อย่าเล่นอะไรพวกนี้เลย การพนันมีแต่จะขาดทุนทั้งนั้น"ผู้หญิงคนนั้นมุ่ย "พี่ชาย ปีนี้ฉันอายุยี่สิบปีแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะคืนเงินให้คุณแน่นอน งั้นเรามาเพิ่มเพื่อนในไลน์กันดีกว่า"ไม่ใช่ว่าเย่ซิวไม่เต็มใจที่จะให้ยืมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ แต่เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย ไม่ว่าเธอจะสวยมากแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะให้ยืมเงินง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวและปฏิเสธดวงตาของผู้หญิงคนนั้นสว่างขึ้นเล
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที และเธอคงคิดไปเอง“หืม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายขี้เหนียวขนาดนี้มาก่อนเลย แค่สองพันห้ายังไม่ให้ยืมด้วยซ้ำ!”เสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้นชายคนหนึ่งแต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ดหลายคนชายคนนี้ดูเหมือนอายุสี่สิบเศษ อ้วนท้วน และมีดวงตาเล็กคล้ายถั่วเขียวที่ส่อแววหื่นกามเขาเดินเข้าไปด้วยร่างกระเพื่อมย้วยและมองไปด้านข้างของเย่ซิว "ดูสิว่าแกยาจกขนาดไหน น้องสาวสุดสวยคนนี้ขอยืมแค่เงินสองพันห้าแกยังไม่ให้เลย แล้วยังมีหน้ากล้ามาเสี่ยงโชคกับหินอีกเหรอ?!"หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปมองอาชูร่าแล้วหัวเราะซุกซน "น้องสาว พี่ชายคนนี้จะให้เธอยืมเอง ถ้าเธอชอบหยกชิ้นไหน ฉันจะซื้อให้หมดเลย"อาชูร่ายิ้ม "ขอบคุณมากนะคะ ฉันอยากได้อันนี้ แล้วก็อันนั้น..."เธอเลือกหินแปดเก้าก้อนติดต่อกัน รวมแล้วมูลค่ามหาศาลชายอ้วนโบกมือใหญ่ เขาซื้อมันโดยไม่ลังเลเลยเย่ซิวมองดูอาชูร่าอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหันหลังกลับไปยังแผงอื่นส่วนชายอ้วนคนนั้นเขาก็ไม่สนใจมังกรจะสนใจเสียงกบเสียงเขียดได้อย่างไร?แน่นอนว่าหากเขากล้ายั่วยุอีก จุดจบก็มีแต่ความอนาถเท่านั้นเย
ชายอ้วนจงใจอวดตัวต่อหน้าอาชูร่า เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็เยาะเย้ยและพูดว่า “แน่นอน ฉันย่อมรักษาคำพูด! แต่ถ้านายไม่สามารถตัดของดีออกมาได้ งั้นนายก็ต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกฉันว่า 'พ่อ' สามครั้ง!”อาชูร่าทำทีไร้เดียงสา มองไปที่ชายอ้วนด้วยไฟโทสะ แทบอยากจะฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามามุงดูไม่ว่าเมื่อใด ความขัดแย้งที่เกิดโดยมีหญิงงามเป็นตัวตั้ง ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเย่ซิวซึ่งเป็นคนธรรมดากำลังซื้อ 'หินขยะ' สามก้อนในคราวเดียว ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเขา แอบนินทาเขาลับหลังว่าสมองคงถูกลาเตะจนไม่สมประกอบ มีเงินเยอะเกินไปเลยไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนการพนันหินย่อมมีผู้เชี่ยวชาญในการตัดหินผู้คนมารวมตัวกันที่แผงขายมากขึ้นเรื่อย ๆชายวัยกลางคนสิบคนที่รับหน้าที่ตัดหิน กำลังถือเครื่องมือและตัดตามคำแนะนำของเย่ซิว โดยตัดหินก้อนที่เล็กที่สุดในบรรดาหินทั้งสามก้อนก่อนหลังจากตัดออกแล้ว ภายในและภายนอกยังคงเหมือนกันทุกประการฉับพลันเสียงโห่ก็ดังขึ้นชายอ้วนหัวเราะลั่น ใบหน้าเข้าเต็มไปด้วยการเสียดสี "ฉันบอกแล้วไง ไม่มีทางเป็นขอ
ในอดีตมีหลายกรณีที่การตัดหินในครั้งแรกเจอหยกที่สวยงาม แต่เมื่อตัดครั้งที่สอง หินนั้นก็กลายเป็นหินขยะก้อนหนึ่ง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็ตัดหินก้อนนี้ออกเป็นเก้าส่วนเท่า ๆ กัน” เย่ซิวพูดคิดที่จะปรับพื้นที่อันตรายนั้น ใช้หยกสีม่วงเก้าชิ้นก็เพียงพอแล้วช่างตัดหินพยักหน้าหนัก ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้นทำงานอยู่ที่นี่มาก็หลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดเจอหยกสีม่วง!ขณะที่เขาตัดหินอย่างระมัดระวัง ทุกคนก็พากันกลั้นหายใจทั่วทั้งสนาม เหลือเพียงเสียงเครื่องตัดเสียงเดียวเท่านั้นเมื่อหินก้อนแรกถูกตัดออกมา สีม่วงที่กว้างใหญ่นั้นก็ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจแม้ว่าหินก้อนส่วนอื่น ๆ จะกลายเป็นหินขยะทั้งหมด แต่แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านแล้ว!ชายอ้วนเบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาซีดลงดวงตาของอาชูร่าเป็นประกาย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่ซิวซ้ำ ๆ ในดวงตา ประกายบางอย่างที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดวาบผ่านเย่ซิวสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอ จึงหันกลับมาและมองตอบไปด้วยรอยยิ้มอาชูร่าก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ดูน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันหินหยกสีม่วง ค่อย ๆ ถูกตัดออกมาทั้งหมดหินหลาย
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน