เมื่อหลินซวงมาถึงบ้านของเย่ซิว เธอก็ตกใจอีกครั้งนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ยังมีสาวงามที่มีเสน่ห์อีกสี่คนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยหลิ่วเมิ่งอิ๋นมีบุคลิกภาพที่เรียบง่าย แต่คุณสมบัติของเธอนั้นน่าทึ่งมากหลิวอวิ้นมีเสน่ห์เหลือล้น ชนิดที่ทำให้คนอยากอยู่ด้วยจนไม่อยากจากไปลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีความงามที่น่าทึ่ง มีบุคลิกสง่างาม เหมือนกับเจ้าหญิงเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์แสนสง่างาม ทั้งสวยและมีความสามารถนอกจากไป๋อวี้เจี๋ยแล้ว ห้าสาวงามนี้ยังสามารถเหล่าคุณชายจากตระกูลมั่งคั่งแห่กันเข้าหาพวกเธอราวกับฝูงเป็ดแต่ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านของเย่ซิวถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้อิจฉาจนคลั่งเลยน่ะสิหลินซวงเข้าใจความแข็งแกร่งของเย่ซิวดีสำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้อง การมาถึงของหลินซวงทำให้พวกเธอต้องแอบระวังเย่ซิวเป็นเพียงคนเดียว และถ้าเธอยากจะอยู่นานกว่านี้ เธอจะต้องเอาชนะผู้หญิงที่เหลือดังนั้นหลินซวงที่เพิ่งมาถึงจึงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังของเธอโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าวันรุ่งขึ้นหลินซวงเริ่มงานก่อสร้างเธอยังมีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงด้วย โครงก
ลูกน้องของเธอพูดด้วยเสียงมั่นใจ "ผมยืนยันหลายครั้งแล้วว่าวันนี้ทุกอย่างที่ไซต์ก่อสร้างเป็นปกติ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเลยครับ'"เสวี่ยเหมยพ่นลมหายใจและพึมพำกับตัวเอง ความคิดที่ไม่ดีเริ่มผุดขึ้นมาในใจของเธอ "หรือว่าเขาจะหาวิธีแก้ได้แล้ว?"เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่อาจหยุดคิดได้เสวี่ยเหมยนึกถึงท่าทีของเย่ซิวตอนที่ซื้อที่ดินแม้ว่าเธอจะบอกเขาอย่างชัดเจนหลายครั้งว่ามีปัญหากับที่ดินผืนนั้น แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะซื้อที่ดินผืนนั้นก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าเย่ซิวถูกความรวยกะทันหันครอบงำจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด“ไม่มีทาง!” เธอนั่งไม่ติดที่อีกแล้วละพูดกับพ่อบ้านทันที “เตรียมรถ!”…… ในอีกด้านหนึ่ง สวีอิงเองก็ตกใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้ไปที่ไซต์ก่อสร้างแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเย่ซิวที่ไซต์ก่อสร้าง สำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญอะไรหากเงินส่วนใหญ่นำไปใช้ในการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน แม้ว่าผลตอบแทนจะมากมายก็ตามแต่ก็อย่าได้คิดว่าจะทำกำไรในปีแรกได้เลยเขามุ่งความสนใจไปที่งานของตัวเองมากกว่า เขามองผู้ช่วยที่มีความสามาร
มืดค่ำแล้ว แต่ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินงานอย่างคึกคักวุ่นวายมีการใช้ระบบสามกะและมีดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการให้เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสวี่ยเหมยมาถึงไซต์ก่อสร้างที่รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดเมื่อเห็นว่า ไฟในบริเวณไซต์ก่อสร้างสว่างไสว และการก่อสร้างดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าตัวเองมองการณ์สั้นเกินไปสองมือประสานกันไว้แน่น และคลื่นแห่งความเสียใจก็แผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธออย่างรวดเร็วเดิมทีเธอคิดว่าเย่ซิวเป็นเศรษฐีใหม่ไร้สมอง การซื้อที่ดินผืนนี้จะนำไปสู่การสูญเสียอย่างรุนแรงอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นกำไรมหาศาลจริง ๆ!หากที่ดินผืนนี้ไม่เคยประสบเหตุร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า มูลค่าก็คงจะเพิ่มสองเท่าเป็นอย่างน้อยซึ่งหมายความว่า ไม่นานหลังจากที่เย่ซิวซื้อที่ดินผืนนี้ เขาจะทำเงินได้มากกว่าเจ็ดล้านล้านบาทสิ่งที่ยากยิ่งกว่าสำหรับเสวี่ยเหมยที่จะยอมรับก็คือ เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแนะนำเย่ซิวผู้มีความสามารถคนนี้ให้รู้จักกับคู่แข่งของเธอเมื่อเธอคิดได้อย่างนั้น เธอก็แทบจะกระอักออกมาเป็
มังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งดันถูกเธอมองว่าเป็นแมลงแล้วพลาดไป แล้วเธอจะปล่อยมันไปแบบนั้นได้อย่างไร?เธอจึงพูดต่อไปว่า "ไปเถอะ ฉันมีเหล้ายาที่ถูกบ่มขึ้นจากสมุนไพรล้ำค่าหลายสิบกว่าชนิดอายุหลายปีขวดหนึ่ง ดื่มเพียงแก้วเดียว ก็สามารถช่วยให้คุณเพิ่มพลังได้เป็นอย่างมาก"เย่ซิวยังคงส่ายหัว "ไม่ไป"บอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเจ้านายของเธอที่เป็นฝ่ายถูกเชิญ ไหนเลยจะมีตอนที่เธอเชิญคนอื่นแล้วถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้?บอดี้การ์ดหญิงคนนี้พลันก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วชี้นิ้วไปที่เย่ซิว "อย่าทำเป็นไม่รู้จักชั่วดีให้มันมากนัก เจ้านายฉันเชิญคุณก็นับว่าเป็นวาสนาหลายชาติของคุณแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ!"แต่เสวี่ยเหมยโกรธมาก เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเย่ซิว แต่ไม่คิดว่าจะถูกคนข้างกายทำลายลงเสียเองแบบนี้เธอตวาดออกไป “หุบปาก!”บอดี้การ์ดหญิงคนนั้นแสดงสีหน้าดื้อดึง "เจ้านายคะ ผู้ชายคนนี้มากเกินไปแล้ว เขาหยิ่งผยองเกินไป ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ"สีหน้าของเสวี่ยเหมยมืดครึ้มลงอย่างน่ากลัว "เมื่อกี้นี้นิ้วไหนที่ชี้ไปที่คุณเย่
เบื้องหน้าเย่ซิว บัดนี้มีโอสถสีเหลืองอร่าม ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่ทั้งสิ้นหกเม็ด และกำลังส่งกลิ่นหอมของยาอย่างรุนแรงโอสถยอดเพชรถูกกลั่นออกมาสำเร็จกับโอสถระดับนี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าหายสาบสูญไปแล้ว สำหรับเหล่าจอมยุทธที่ฝึกกังฟูข้ามสาย มูลค่าของมันนั้นสูงยิ่งกว่าทองคำเป็นหมื่นหมื่นแท่งเสียอีกหนึ่งเม็ด ก็สามารถเพิ่มพละกำลังได้ถึงห้าร้อยกิโลกรัม ซึ่งช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางกายได้เป็นอย่างมากหากใช้ยาสามเม็ด เปลี่ยนเป็นในสมัยโบราณจะสามารถทะลวงไปถึงระดับที่อยู่ยงคงกระพันได้แต่ในยุคปัจจุบันด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ ไม่น่าจะไหวอย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะยกระดับความแข็งแกร่งทางกายของคนคนหนึ่งให้ไปถึงขีดสุดได้แล้วเขาเก็บโอสถแล้วออกจากห้องครัว จากนั้นจึงตะโกนบอกเวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นไปว่า "มาที่ห้องของผมหน่อย"ทันใดนั้น ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในห้องนั่งเล่นก็จ้องมาทางเวินหว่านเอ๋อร์เป็นตาเดียวแม้ว่าเวินหว่านเอ๋อร์จะเคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายมาก่อน กระทั่งคลานออกมาจากกองซากศพ แต่วินาทีนี้เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนังศีรษะชาเล็กน้อยผู้หญิงในห้องนั่งเล
ตรงกันข้ามเรือนร่างกลับสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเสือชีตาห์ในร่างมนุษย์หลังจากสิ่งสกปรกที่ขับออกมาจากร่างถูกชะล้างออกไป ร่างกายเธอก็ส่งกลิ่นหอมสดชื่นและชวนให้คนดอมดมออกมาผิวพรรณเองก็ทั้งเต่งตึงและกระชับ ไม่เห็นรูขุมขนแม้สักนิดเธอมองดูรูปร่างปัจจุบันของตัวเอง เธอก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเนินเขาที่ไร้ซึ่งป่าไม้ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงมากมายอิจฉา และผู้ชายมากมายถวิลหาโอสถยอดเพชรไม่สามารถใช้งานทั้งหมดพร้อมกันคราวเดียวได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยมันได้ทันโดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทุกสามวัน รวมต้องใช้เวลาทั้งสิ้นเก้าวันหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์อาบน้ำเสร็จและเดินออกจากห้องน้ำ ดวงตาของเย่ซิวก็ตื่นตะลึงถ้าต้องใช้คำหนึ่งมานิยามเวินหว่านเอ๋อร์ในปัจจุบันละก็ ‘งามราวเทพธิดา’เวินหว่านเอ๋อร์ดึงเสื้อที่สวมอยู่แล้วพึมพำ “รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแฮะ”ผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ย่อมหวังว่าหน้าอกยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีแต่สำหรับเธอแล้ว ใหญ่เกินไปมีแต่จะกลายเป็นภาระ และไม่เอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ขณะนี้เธอกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดภาระนี้ดีหรือไม่หากผู้ห
โอสถยอดเพชรอีกสามเม็ดที่เหลือ แบ่งให้หลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่ว และลู่เสวี่ยเอ๋อร์สามคนผู้ที่มีวรยุทธสูงสุดในบรรดาสามคนนี้ในตอนนี้คือ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เธอมีวรยุทธขั้นสูงระดับห้าเมื่อการก่อสร้างสวนยาของเย่ซิวเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะสามารถผลิตเครื่องยาสมุนไพรอันมีค่าที่ผ่านกรรมวิธีการทางเทคนิคออกมาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรมาใช้ผลิตยาที่ช่วยเพิ่มวรยุทธเป็นจำนวนมากได้แม้ว่าประสิทธิภาพจะสูญเสียไปบ้างเนื่องจากใช้กรรมวิธีที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถชดเชยได้ด้วยปริมาณลู่เสวี่ยเอ๋อร์ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงไปสู่จอมยุทธขั้นสูงระดับหกและตัวเย่ซิวเองก็สามารถทะลุขีดกำจัดของจอมยุทธก้าวไปสู่ระดับพลังยุทธใหม่ที่สูงขึ้นได้อีกหนึ่งขั้นด้วยเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมีหญิงงามทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวสวยหยาดเยิ้มจนอยากกลืนกินรอบตัวมากมายให้ได้ค่อย ๆ ใช้ให้เพลินใจ จะได้ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำอะไรไปมากกว่าสัมผัสภายนอกอย่างตอนนี้หลังจากทั้งสามสาวกินโอสถยอดเพชรไปแล้ว เย่ซิวก็ให้ทั้งสามสาวไปพักผ่อนในระหว่างนอนหลับ พลังยาจะถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากนั้นเ
ทั้งหมดนี้จะต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากแฟนคลับโง่ ๆ เหล่านั้นในกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาเดียวกัน- “พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ นะคะ เพื่อสนับสนุนพี่ชาย ฉันเอาเงินค่าเล่าเรียนและค่าขนมที่คุณแม่ให้ในภาคเรียนหน้าไปซื้อครีมทาหน้าเอซซี่หมดแล้ว!”- “ฉันก็ขโมยเงินส่วนตัวของคุณพ่อที่ซ่อนไว้ทั้งหมดหนึ่งแสนบาทไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่พี่ชายเป็นพรีเซนเตอร์มาแล้วด้วย”- “พวกเธอต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ฉันกู้เงินสองล้านห้าแสนบาทจากแพลตฟอร์มเงินกู้รายใหญ่ ฉันลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่พี่ชายของฉันจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุด!”“พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ แม้จะต้องทุ่มจนหมดตัว เราก็จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับพี่ชายของเราให้ได้!”……ในกลุ่มแฟนคลับเกือบทุกกลุ่มล้วนมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันเป็นเพราะความบ้าคลั่งของคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่นี้สามารถขายสินค้าได้จำนวนมากภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายดังกล่าวพอ ๆ กับยอดขายตลอดหนึ่งปีของบริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางในประเทศหลงเถิง“รายงานผลการตรวจสอบออกมาแล้ว”ไป๋อวี้เจี๋ยวางกองเอกสารขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ