ทั้งหมดนี้จะต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากแฟนคลับโง่ ๆ เหล่านั้นในกลุ่มแฟนคลับของพวกเขาเต็มไปด้วยเนื้อหาเดียวกัน- “พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ นะคะ เพื่อสนับสนุนพี่ชาย ฉันเอาเงินค่าเล่าเรียนและค่าขนมที่คุณแม่ให้ในภาคเรียนหน้าไปซื้อครีมทาหน้าเอซซี่หมดแล้ว!”- “ฉันก็ขโมยเงินส่วนตัวของคุณพ่อที่ซ่อนไว้ทั้งหมดหนึ่งแสนบาทไปซื้อผลิตภัณฑ์ที่พี่ชายเป็นพรีเซนเตอร์มาแล้วด้วย”- “พวกเธอต่อสู้แบบนี้ไม่ได้เรื่องหรอก ฉันกู้เงินสองล้านห้าแสนบาทจากแพลตฟอร์มเงินกู้รายใหญ่ ฉันลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่พี่ชายของฉันจะต้องเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุด!”“พี่สาวน้องสาว สู้ ๆ แม้จะต้องทุ่มจนหมดตัว เราก็จะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับพี่ชายของเราให้ได้!”……ในกลุ่มแฟนคลับเกือบทุกกลุ่มล้วนมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันเป็นเพราะความบ้าคลั่งของคนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่นี้สามารถขายสินค้าได้จำนวนมากภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายดังกล่าวพอ ๆ กับยอดขายตลอดหนึ่งปีของบริษัทเครื่องสำอางขนาดกลางในประเทศหลงเถิง“รายงานผลการตรวจสอบออกมาแล้ว”ไป๋อวี้เจี๋ยวางกองเอกสารขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
ผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่ายืนอยู่ตรงนั้น ถึงหน้าตาจะดูธรรมดา ๆ แต่รูปร่างเซ็กซี่มากเธอเผยรอยยิ้มอันสวยงามออกมาทันทีหลังจากเห็นไป๋อวี้เตี๋ยเปิดประตู ไป๋อวี้เตี๋ยหันหลังกลับและรีบวิ่งหนีผู้หญิงที่ดูเหมือนไม่มีอันตรายคนนี้เป็นปีศาจชัด ๆ!เธอไม่ชอบผู้ชาย ชอบแต่ผู้หญิงยิ่งไปกว่านั้น ชอบทรมานผู้คนเป็นที่สุดผู้หญิงคนนี้คือศิษย์อาเล็กของเธอผู้หญิงคนไหนตกอยู่ในเงื้อมมือของเธอแล้ว จะต้องลงเอยอย่างน่าสังเวชไป๋อวี้เตี๋ยเห็นมานักต่อนัก และเธอเองก็ไม่คิดอยากลองเด็ดขาดผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มอยู่นอกประตู "ศิษย์พี่หญิงเดาไม่ผิดจริง ๆ เกิดเรื่องขึ้นกับเธอแล้ว”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่มีค่าให้ใช้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว”“เธอไม่รู้หรอกว่าฉันโหยหาเธอมานานแค่ไหน ในที่สุดวันนี้ฉันก็สมดั่งใจปรารถนาสักที”“วางใจเถอะ ฉันจะทะนุถนอมเธออย่างดี”ชั่วครู่ต่อมา ได้ยินเสียงกรีดร้องดังโหยหวนอันแสนจะสิ้นหวังของไป๋อวี้เตี๋ย ผสานด้วยเสียงหัวเราะอันเย็นชาดังออกมาจากบ้านเช่า......ช่วงนี้เย่ซิวงานยุ่งมากเขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการเรื่องแรก ต้องจดสิทธิบัตรครีมผิวหยก เรื่องที่สองต้องเตรียมความพร้
หลินซวงส่งเสียงครวญครางเย้ายวนจากปลายจมูกของเธอทันทีที่มันเปล่งออกมา เธอรู้สึกอายมากจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ช่วยไม่ได้ เพราะฝีมือนวดของเย่ซิวนั้นยอดเยี่ยมเกินไปนอกจากนี้เขายังใช้กำลังภายในเล็กน้อยเพื่อปรับสมดุลเส้นลมปราณของหลินซวงเธอลืมตาขึ้นและมองไปที่เซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วกำลังมองไปที่คอมพิวเตอร์ เธอจดจ่อมากจนดูเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไรสิ่งนี้ทำให้หลินซวงโล่งอกมากขึ้นหลังจากนวดไปสักพัก เย่ซิวก็เอามือออก "คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?"“สุดยอด ร่างกายผ่อนคลาย รู้สึกเต็มไปด้วยพลังแล้วค่ะ!"หลินซวงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง และมองไปที่เย่ซิวด้วยความชื่นชม "ฉันไม่คิดเลยว่า คุณเย่จะมีทักษะเช่นนี้ด้วย"เย่ซิวยิ้ม "ครูพักลักจำน่ะ คุณคงหิวแล้ว"หลินซวงท้องร้องจ๊อกๆ ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอาย "หิวนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวฉันให้คนไปเตรียมอาหารให้นะคะ คุณสองคนจะทานข้าวด้วยกันไหม?"“ไม่ต้องหรอก” เย่ซิวชี้ไปที่มุมห้อง “ตรงนั้นมีหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่เหรอ? พวกเราทานอันนั้นด้วยกันเถอะ”หลินซวงพยักหน้าด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ "เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นพวกคุณนั่งกั
ช่วงนี้เย่ซิวยุ่งอยู่กับสวนสมุนไพรอยู่ตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาจัดการกับตาวหวังและหนานหวังแต่ในเมื่อพวกเขากล้าส่งคนมาหยามถึงที่นี่ เย่ซิวจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไปเช้าวันรุ่งขึ้นเย่ซิวเรียกจอมยุทธมาอีกสิบคนส่งเซี่ยซิ่วซิ่วไปที่บริษัท จากนั้นโทรหาเวินหว่านเอ๋อร์ขอให้เธอสืบให้หน่อยว่าตอนนี้หนานหวังและตาวหวังอยู่ที่ไหนหลังจากที่เวินหว่านเอ๋อร์กินโอสถยอดเพชรไปสามเม็ด พละกำลังของเธอก็ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนที่เธอจะได้รับบาดเจ็บ เธอรอคอยวันนี้มานานแล้วเธอใช้อำนาจทั้งหมดขององค์กรข่าวกรองหาเบาะแสที่อยู่ของทั้งสองคนนั้นหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีสายโทรเข้า ไม่ใช่จากเวินหว่านเอ๋อร์ แต่เป็นหมายเลขโทรศัพท์ต่างประเทศหลังจากรับสายแล้ว ภาษาที่อีกฝั่งพูดคือภาษาประเทศกงประเทศกงเป็นประเทศที่มีอันดับทางเศรษฐกิจเป็นอันดับหกของโลก มีเทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเย่ซิวให้คนสั่งซื้อสายการผลิตอัตโนมัติที่มีความแม่นยำสูงหนึ่งร้อยสายการผลิตจากที่นั่นเพื่อเอามาผลิตครีมผิวหยกสายการผลิตเหล่านี้เพียงอย่างเดียวมีราคามากกว่าหกแสนล้านนอกจากนี้ยังสั่งซื้อโรงเรือนเพาะปลูกอุณหภูมิค
หลิวเสี่ยวอวี้เป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีสามเท่านั้นสถานะทางการเงินของครอบครัวไม่ดีนัก เต้นรำเธอก็เรียนด้วยตัวเองเธอมาที่นี่เพียงเพื่อทำงานพาร์ตไทม์ หาเงินค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนเล็กน้อยส่วนที่เหลือก็ส่งกลับบ้านให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่าและป่วยบ่อยถึงภาระบนบ่าของเธอจะหนักอึ้ง แต่ก็ล้ำเส้นในหลักการของตัวเองไม่เช่นนั้นด้วยหน้าตาและความสามารถของเธอ แค่เธอออกไปรับแขกเพียงไม่กี่คน ก็สามารถทำให้ทั้งครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้“ไม่นะ พี่ชาย ปล่อยฉันไปเถอะ” หลิวเสี่ยวอวี้ถอยไปที่มุมห้อง ถอยจนไม่สามารถถอยไปไหนได้อีกเวลานี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องขอความเมตตาสุดชีวิตเท่านั้นสำหรับพวกโรคจิตกลุ่มนี้ ยิ่งหลิวเสี่ยวอวี้ร้องขอความเมตตามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น“ยินดีต้อนรับค่ะเถ้าแก่”เย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์มาถึงประตูทางเข้าสถานบันเทิงสตาร์ไลท์คลับ ผู้จัดการร้านคือหญิงสาวหุ่นอวบอิ่ม สวมกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อครอป เดินออกมาทักทายเธอชื่อหลิวอวี่เย่ซิวแจ้งให้เธอทราบล่วงหน้าเมื่อมาถึงแล้ว เย่ซิวเดินตรงไปที่ลิฟต์โดยไม่พูดไร้สาระใด ๆ ติ้ง!ขณะที่ลิฟต์เปิดออก เป็
เมื่อประตูถูกถีบออก สายตาหลายคู่จ้องมองไปที่เย่ซิวจอมยุทธหัวรุนแรงคนหนึ่งคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะขว้างไปที่หัวของเย่ซิว พร้อมกับด่าทออย่างเสีย ๆ หาย ๆ แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้เย่ซิว เวินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังก็ได้เตะเขากระเด็นออกไปกระแทกกำแพงอย่างแรงปึก!เมื่อทุกคนในห้องเห็นเวินหว่านเอ๋อร์ชัด ๆ เสียงสูดลมหายใจก็ดังขึ้นทันทีตาวหวังกำลังนั่งอยู่บนโซฟา และหนานหวังกำลังจะปู้ยี่ปู้ยำหลิวเสี่ยวอวี้ รูม่านตาของเขาทั้งสองขยาย บ่งบอกถึงอาการตกใจสุดขีด“เวินหว่านเอ๋อร์!”“แกยังไม่ตาย!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเธอทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจเพราะในโลกใต้ดินแบ่งออกเป็นสามพรรคพวก ตาวหวังและหนานหวังต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับเธออย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนเป็นเพียงจอมยุทธขั้นสูงระดับหกเท่านั้นเมื่อเห็นศัตรูจึงรู้สึกเกลียดชังเป็นธรรมดา เวินหว่านเอ๋อร์ปล่อยแรงอาฆาตแค้นที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "วันนี้ พวกแกทุกคนจะต้องชดใช้!"ในมือของตาวหวังถือมีดบินจำนวนหนึ่ง และรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดที่มีปล่อยมีดบินไปที่เวินหว่านเอ๋อร์ความเร็วของมันเร็วกว่
ตาวหวังและหนานหวังคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของทั้งคู่มืดมน ในใจเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังทั้งคู่มองไปที่เย่ซิวเป็นครั้งคราวอย่างสยดสยองใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูไม่มีพิษภัยคนนี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่น่ากลัวถึงเพียงนี้!แต่ในเมื่อเย่ซิวไม่ได้ฆ่าพวกเขา ด้วยสติปัญญาของพวกเขาย่อมสามารถเดาได้ว่าเย่ซิวต้องการที่จะให้พวกเขายอมจำนนดังนั้นก่อนที่เย่ซิวจะปริปากพูด พวกเขาก็แสดงความยอมจำนนก่อนส่วนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อคนอื่นจริง ๆ หรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ทั้งคู่คุกเข่าต่อหน้าเย่ซิวและโขกศีรษะไม่หยุด พวกเขาลืมคำว่า ‘ปรมาจารย์ไม่อาจโดนหยามได้’ ไปนานแล้วตราบใดที่รอดชีวิต จะต้องแลกด้วยอะไรก็ยอมเย่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "หว่านเอ๋อร์ ทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นชายของพวกเขาซะ"สองหวังโกรธจัดทันที นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้น การมีชีวิตอยู่ต่อจะไปสนุกอะไร?พวกเขาเฝ้าดูเวินหว่านเอ๋อร์เดินใกล้เข้ามา และเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อต่อต้านแต่ในขณะนี้ คลื่นสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากกายของเย่ซิว เหมือนกระแสน้ำบนภูเขา ทำให้พวกเขาจมดิ่งลงในทันที และทั่วทั้งร่างกา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูลิฟต์ เขาก็หันศีรษะทันทีหลังจากเห็นเย่ซิว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหา แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า "เถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมคะ?"เย่ซิวยิ้มและส่ายหัว "ไปเรียกหลิวอวี่มาที่นี่ แล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่ทรยศคุณมาด้วย"หลิวเสี่ยวอวี้ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "พี่อวี่...แล้วก็บอดี้การ์ดพวกนั้นก็หนีไปหมดแล้ว ส่วนพี่หู่ เขาอยู่ตรงนั้น"มือชี้ไปที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หัวหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นยังคงสลบอยู่ตรงนั้นเย่ซิวยักไหล่ "ช่างเถอะ ในเมื่อหนีไปแล้วก็หนีไป คุณพาผมไปที่ออฟฟิศหน่อย"หลิวเสี่ยวอวี้เปล่งเสียงอืมรับคำ แล้วเดินนำทางพอเดินผ่านพี่หู่ เธอก็เตะพี่หู่หนึ่งทีในออฟฟิศ หลังรินน้ำชาให้กับเย่ซิวและเวินหว่านเอ๋อร์เสร็จแล้ว หลิวเสี่ยวอวี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความไม่สบายใจเย่ซิวยิ้มอย่างอ่อนโยน "นั่งลงเถอะ มาพูดถึงเรื่องของคุณกันเถอะ"“อ่า” หลิวเสี่ยวอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้นั่งลงแต่อย่างใด แต่พูดถึงสถานการณ์ที่บ้านอย่างตรงไปตรงมาจนจบเย่ซิวอ่านใจคนได้แม่นมากหลิวเสี่ยวอวี้ผู้นี้มีดวงตาที่ใสสะอาด และร่างกายของเธอก็ไม่มีกลิ่นเน่าเสียเหมือนโสเภณีเหล่
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน