“ท่านจอมยุทธ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย...”อวี่เฟยเฟยวิงวอน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเย่ซิวแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิดในเวลานี้ เธอชักดีใจแล้วที่ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเย่ซิว ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่อาจรับมันไหวเย่ซิวหยุด จากนั้นรับรู้ถึงพลังวิญญาณของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย ก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมากก็อก ก็อก ก็อก...ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังส่งมาจากด้านนอกพร้อม ๆ กับเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยของหัวหน้าแผนกหลิว "คุณเย่ คุณอยู่ไหมครับ?"หลังจากถูกเจ้านายด่ากราดมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ได้แล้วจากนั้นก็ไม่มีแก่ใจแม้แต่จะสวมใส่เสื้อผ้า ขับรถตัดฝ่าไฟแดงหลายสิบดวงและบึ่งมาถึงที่นี่ภายในเวลาเพียงยี่สิบกว่านาทีภายในห้อง เย่ซิวกอดอวี่เฟยเฟย ก่อนพาเธอไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยกันก่อน ทิ้งอีกฝ่ายไว้ข้างนอกหัวหน้าแผนกหลิวคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ปาดเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากใบหน้าไม่หยุด และไม่กล้าขยับตัวจากก้นบึ้งหัวใจเขาคุกเข่านานมากกว่าหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งขาชาแล้ว ประตูถึงได้เปิดออกอวี่เ
เธอลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ชื่นชอบผู้หญิงแบบนี้ทั้งสองเดินออกจากโรงแรมด้วยกัน เขาเตรียมบอดี้การ์ดให้ไปส่งอวี่เฟยเฟยกลับโรงแรมไม่นานหลังจากนั้น สวีอิงก็ขับรถสปอร์ตสุดหรูมูลค่านับร้อยล้านเข้ามามันดึงดูดสายตาที่อิจฉาและน่าทึ่งของผู้คนมากมายในทันทีนอกจากนี้ยังมีผู้หญิงแต่งตัวสวยอีกหลายคน แสดงอาการอยากเข้ามาคุยด้วยอย่างออกนอกหน้าสวีอิงลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูด้วยความเคารพผู้หญิงเหล่านั้นต่างพากันผิดหวัง ที่ไหนได้ก็แค่คนขับรถคนหนึ่งแต่แล้วดวงตาของพวกเธอเป็นประกายเมื่อได้เห็นเย่ซิวหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลา แถมยังรวยมากด้วยเหรอนี่?พวกเธอทนไม่ไหวรีบกรูเข้าไปเหมือนฝูงผึ้งเย่ซิวส่ายหัวพร้อมร่ายคาถาอย่างลับ ๆ ทันใดนั้นเองเกิดลมพัดแรงจากพื้นแล้วไปหยุดพวกเธอไว้ เขาถึงสามารถขับหนีออกไปได้ขณะขับรถ สวีอิงมองกระจกหลังแล้วพูดว่า "นายท่านครับ ผมมีน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ปีนี้อายุสิบแปดปี ยังไม่มีแฟน เธอสวยมาก อยากให้เธอมารับใช้ท่านหรือไม่ครับ?"เย่ซิวส่ายหัว "ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"“ครับ”สวีอิงไม่ได้พูดอะไรอีก จดจ่อกับการขับรถไปเย่ซิวหยิบขวดยาโบราณ ๆ ที่อ
“พูดมาก!” เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา สายตาราวกับสายฟ้า “ผมจะทำอย่างไรมันก็เรื่องของผม พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง!”พวกสวีลู่ทั้งสามคนถูกด่าต่อหน้าสาธารณชน สีหน้าของพวกเขาน่าเกลียดมากสวีอิงหัวเราะเบา ๆ เขาบูชาเย่ซิวถึงขั้นหูหนวกตาบอดไปแล้วเขาเดินไปเคาะประตูโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเย่ซิวเอามือไพล่หลังเดินตามไปอย่างช้า ๆ สวีหู่มองตามหลังเย่ซิวแล้วถ่มน้ำลายลงพื้น "ทำเป็นเก๊ก ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะได้เจอตาแก่หัวแข็งคนนั้นได้!"สวีฉงเห็นด้วย "ใช่ ๆ เขาคงคิดว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองจะทำไม่ได้!"สวีลู่มีความสุขบนความทุกข์คนอื่น "ฉันอยากเห็นว่าเขาจะหน้าแตกแค่ไหนหลังถูกไล่ออกมา!"เพราะพวกเขาทั้งสามใช้ทุกวิถีทางแล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ซึ่งมันยากที่จะเชื่อว่าเย่ซิวจะได้เจอกับเจ้าของสำนักอวิ๋นจือถังได้ก๊อก ก๊อก ก๊อก!สวีอิงเคาะประตูไม่เบาไม่แรงหลังจากนั้นไม่นาน ผู้สูงอายุก็เปิดประตูอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ฉันพูดไปหลายครั้งแล้วว่านายท่านไม่รับแขก!ถ้ามารบกวนอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!”กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากตัวเขา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงปรมาจารย์!เย่ซิวยืนเอามือไพล่หลัง ท่าทีเยือกเย
สมัยก่อน ขนาดเป็นระดับผู้ทรงอิทธิพลพวกนั้นมาเยี่ยมเยียน เขาล้วนไม่แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนให้ใคร“คุณปู่ ช้า ๆ หน่อย รอหนูด้วย!”เด็กสาวรีบวิ่งตามไปเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเขาเย่ซิวรออย่างเงียบ ๆ อยู่นอกประตูพวกสวีลู่ทั้งสามคนหัวเราะคิกคักที่ได้เห็นเย่ซิวขายหน้าแต่ไม่นานพวกเขาก็หัวเราะไม่ออก เพราะฉากที่เกิดขึ้นต่อมาส่งผลกระทบพวกเขาอย่างรุนแรงผู้สูงอายุผมหงอก หน้าตาธรรมดา ๆ วิ่งออกมาแน่นอนว่าพวกเขารู้จักผู้สูงอายุคนนี้ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของสำนักอวิ๋นจือถัง เขาคือถังต้าไห่!เขาถามโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ของตนเองหลังจากที่วิ่งออกมา "เมื่อกี้ใครเป็นคนพูดถึงผงจินหลิง?"“ผมเอง” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "เข้าไปคุยด้านในกันเถอะ"ถังต้าไห่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหันหลบหลีกให้เย่ซิวเดินนำไปก่อนหนึ่งก้าวเมื่อคนรับใช้สูงอายุและหลานสาวเห็นสิ่งนี้ต่างก็ตกใจมากจนคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนไปแล้วส่วนพวกสวีลู่ทั้งสามคนพากันอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า?”“คาดไม่ถึงว่าคุณท่านจะออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง!”“เป็นไปได้ยังไง!”…… ในลานบ้าน ถังต้าไห่เดิน
“ท่านอาจารย์รับคุณไว้เป็นศิษย์แค่ในนามเท่านั้น ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิ์เรียกผมว่าศิษย์น้องเล็ก”เย่ซิวหาเก้าอี้นั่งอย่างใจเย็นและพูดต่ออย่างเย็นชา "เห็นแก่ความสำนึกผิดของคุณ ผมจะไม่ฆ่าคุณ แต่มีเงื่อนไขสองประการ"ทันใดนั้นถังต้าไห่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง "ได้โปรดบอกฉันมาเถอะ ฉันทำได้แน่นอน"“ประการแรก ทรัพย์สินในชื่อของคุณทั้งหมด คุณเก็บไว้เองหนึ่งร้อยล้าน ส่วนที่เหลือให้โอนมาเป็นชื่อของผม”ทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้ล้วนได้รับมาจากท่านอาจารย์ของเขาทั้งสิ้น เย่ซิวจึงมีสิทธิ์ที่จะเอามันกลับคืนมาถังต้าไห่พยักหน้าโดยไม่ลังเล "ตกลง!"ลูกชายคนเดียวของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงคือหลานสาวที่อยู่ด้านนอกแม้ว่าจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับเย่ซิวแล้ว แต่ด้วยการที่เขามีเส้นสายที่กว้างขวางมานานหลายปี นั่นก็สามารถทําให้หลานสาวมีอนาคตที่ดีได้แล้วประกอบกับเพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตรอด แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว“เงื่อนไขที่สองคือ คุณน่าจะรู้ที่อยู่ของคนทรยศคนอื่น ๆ ในตอนนั้น”“ฉันรู้” ถังต้าไห่พยักหน้า "โปรดให้เวลาฉันสักเดือน ฉันจะ
“เมื่อมันประสบความสำเร็จ แม้จะมีแค่สิบตัวในสนามรบ ก็สามารถต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์หนึ่งคนเชียวนะคะ!”เย่ซิวเริ่มอยากรู้อยากเห็น และประหลาดใจเล็กน้อย "ผู้หญิงอย่างเธอทำไมอยากที่จะทำสิ่งเหล่านี้ล่ะ?"“เป็นผู้หญิงแล้วมันทำไมคะ” ถังเขอเข่อเงยหน้าขึ้นพูดอย่างใส่อารมณ์ "ฉันชอบเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กและศึกษามันมาหลายปีแล้วค่ะ”“ขอแค่คุณให้เวลาฉันอีกสักหน่อย ฉันจะทำมันให้สำเร็จอย่างแน่นอน ผลกำไรและชื่อเสียงที่ฉันจะได้รับเมื่อถึงตอนนั้น จะเกินความคาดหมายของคุณแน่!”แน่นอนว่าถ้ามันเป็นไปตามที่เธออธิบายจริง ๆ มันจะไม่เพียงแค่เรื่องผลกำไรและชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนโครงสร้างโลกทั้งใบได้ด้วย!เพราะท้ายที่สุดแล้ว จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีประเทศใดในโลกที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวิจัยหุ่นยนต์หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เย่ซิวพูดว่า "เอาแบบนี้ เธอพาฉันไปดูก่อน ถ้ามันดูแล้วมีคุณค่า ฉันจะลงทุนให้"ถังเขอเข่ออุทาน "จริงหรือเปล่าคะ คุณมีเงินเท่าไหร่?"“มีมารยาทหน่อย!” ถังต้าไห่มองดูอยู่ข้าง ๆด้วยความกังวล จึงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนหลานสาว "เรียกเขาว่านายน้อย ถ
สวีลู่อายุราวสามสิบกว่า รูปร่างหน้าตาให้แปดเต็มสิบเมื่อเธอวิ่งเหยาะ ๆ มันช่างเป็นทิวทัศน์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่เธอเหนือกว่าสวีฉงกับสวีหู่ก็คือเธอเป็นผู้หญิง เธอสามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้ในช่วงเวลาสำคัญ ๆ ได้เธอวิ่งไปหาเย่ซิวแล้วพูดเบา ๆ "คุณเย่ ฉันมียาดองงูเก็บไว้หนึ่งขวด เป็นยาบำรุงชั้นเลิศ คุณสนใจลองชิมไหมคะ?"ตอนนี้ที่สวีอิงจะกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสวีลู่รู้ดีว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเย่ซิวการผูกมิตรกับเย่ซิวในตอนนี้เท่ากับเป็นการลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นอาจได้รับผลประโยชน์ด้วยซ้ำหัวใจของเย่ซิวสั่นไหวตอนนี้เขาต้องการสิ่งที่อุดมไปด้วยพลังงานต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองเขาพยักหน้า "คืนนี้เวลาสองทุ่ม ไปรอผมที่สตาร์ไลท์คลับ"สวีลู่มีความสุขมาก ยิ้มหน้าบานเหมือนดอกไม้เมื่อเห็นสิ่งนี้สวีฉงกับสวีหู่พากันก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ โดยบอกว่าตนเองก็มีอาหารเสริมหายากด้วยเช่นกันเย่ซิวให้พวกเขาไปเจอที่สตาร์ไลท์คลับในเวลาเดียวกันด้วยชาติตระกูลของพวกเขา ของสะสมจะแย่สักเท่าไหร่นักเชียวหลัง
ที่ด้านนอกประตู มีผู้หญิงสองคนสวมชุดทํางานและออร่าค่อนข้างแข็งแกร่งยืนอยู่อวี่เฟยเฟยตกใจ "คุณสองคนเป็นใครคะ?"ผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มและพูดว่า “คุณอวี่ใช่ไหมคะ เรามาจากบริษัทสตาร์รี่สกาย”เจ้านายสั่งฉันว่า วันนี้มีประชุมเรื่องจัดหาเงินทุน ต้องพาคุณไปด้วยค่ะ”อวี่เฟยเฟยไม่เข้าใจ "ให้ฉันไปทำอะไร ฉันเจรจาก็ไม่เป็น"ผู้หญิงอีกคนอธิบายว่า "เจ้านายบอกว่าไม่ว่าคุณจะได้หุ้นไปเท่าไร หุ้นจำนวนครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของคุณ"อวี่เฟยเฟยปิดปากของตัวเองด้วยความตกใจทันใดนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว "ไม่ได้ ฉันรับมันไว้ไม่ได้"นั่นเป็นหุ้นมูลค่าห้าหมื่นล้านบาทเลยนะ เธอจะกล้ารับมันได้ยังไง?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอเตรียมโทรหาเย่ซิว“คุณอวี่ เจ้านายบอกว่าเขามอบหุ้นนี้ให้คุณ คุณต้องรับมันไว้ ถ้าไม่รับ คุณจะไม่ได้เจอหน้าเขาอีกค่ะ”อวี่เฟยเฟยหยุดชะงักชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ถูกปกคลุมด้วยความซาบซึ้งใจอันยิ่งใหญ่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถใจกว้างกับผู้หญิงของตัวเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ มีเหตุผลอะไรที่ให้ตัดใจจากเขาเหรอ?เธอไม่ได้ปฏิเสธอีกและพูดว่า "รอสักครู่ ฉันจะไปหยิบกระเป๋า"อวี่เฟยเฟยมาถึงบริษัทสายการบินในหนึ่ง
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน