เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?” หลัวอีอียืดอกอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ แต่นายก็คงแค่มีเงินบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นมหาเศรษฐีหรอก”เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะปู่ของเธอเป็นถึงผู้ว่าการเมือง ไม่มีทางที่จะยอมให้หลานสาวไปเป็นภรรยาน้อยใครเด็ดขาด แต่เขาก็อยากแกล้งเธอเล่น จึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักครีมผิวหยกไหม?”“รู้จักสิ” หลัวอีอีตอบด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นสินค้าชื่อดังของประเทศหลงเถิงเลยนะ เพื่อน ๆ ในห้องเรียนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใช้กันหมด”“ครีมผิวหยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง”หลัวอีอีหัวเราะ “เย่ซิวน้อย นี่แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน นายขี้โม้ขึ้นเยอะเลยนะ”เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เย่ซิวพูดมันเหลือเชื่อเกินไปจนหลัวอีอีไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวไหวไหล่ “ผมพาคุณไปดูที่บริษัทก็ได้นะ”หลัวอีอีกลอกตาใส่เขา ทำหน้าตาราวกับอ่านใจเขาออก “ถ้านายอยากได้ฉันก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ถ้านายตามจีบฉันอย่างจริงใจ ฉันอาจจะยอมเป็นแฟนนายก็ได้นะ”เย่ซิวคร้านจะอธิบายต่อ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ย “คุณคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัท”
แต่ทันใดนั้น หลัวอีอีก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา เธอหันไปมองเย่ซิว “พอแล้ว เราไปกันเถอะ ที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ที่เราควรมาหรอก”ตอนนี้บริษัทสตาร์รี่สกายกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีคนอยากเข้าทำงานมากที่สุด หลัวอีอีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บริษัทนี้เหมือนอยู่บนหอคอยสูงที่คนธรรมดาอย่างเธอทำได้แค่เงยหน้ามองอย่างเคารพเย่ซิวเดินนำหน้าไป “ถ้าคุณไม่ตามมา ระวังจะเสียใจทีหลังนะ”“นี่ นาย…” หลัวอีอีเรียกเขาพลางย่ำเท้าลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วตัดสินใจวิ่งตามเขาไป“สวัสดีครับ คุณเย่”ยามที่แต่งตัวเรียบร้อยตรงทางเข้าต่างพากันโค้งให้เขาอย่างสุภาพหลัวอีอีที่วิ่งตามมาถึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างหูเย่ซิว “นี่มันเรื่องอะไรกัน นายจ้างยามที่นี่มาเล่นละครกับนายเหรอ?”เย่ซิวไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงดี “ใช่ ๆ ๆ”หลัวอีอีตกตะลึงก่อนจะบ่น “ฉันรู้แล้วล่ะว่านายต้องการอะไร ไว้ฉันจะพิจารณาอีกทีนะว่าจะเป็นแฟนนายดีไหม”เย่ซิว “???”เขาทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจเลยว่าสาวน้อยคนนี้คิดไปถึงไหนแล้วทั้งสองเดินเข้าไปในบริษัท พนักงานที่พบเห็นเย่ซิวต่างพากันทักทายอย่างนอบน้อมทันใดนั้นเอง
สามวันก่อน ครีมผิวหยกและยามังกรพยัคฆ์จำนวนมากถูกส่งไปยังกว่าห้าสิบประเทศที่พัฒนาแล้วผ่านการขนส่งทางอากาศและทางเรือ ทุกขั้นตอนดำเนินการเสร็จสิ้น โฆษณาก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย รอเพียงคำสั่งจากเย่ซิว ก็สามารถทำให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศหลงเถิงได้แล้วเมื่อเย่ซิวออกคำสั่ง ช่องทางต่าง ๆ ก็เริ่มดำเนินการทันที ชาวเน็ตต่างประเทศจำนวนมากก็สังเกตเห็นว่ามีโฆษณาตัวหนึ่งกำลังแพร่หลายอย่างกว้างขวางเนื้อหาโฆษณาช่างแสนจะโอ้อวดเช่น ‘แค่เม็ดเดียวก็ทำให้คุณแข็งแกร่งดุจพยัคฆ์’ ‘สินค้าที่ทำให้ภรรยาของคุณทั้งรักทั้งเกลียด’ และอื่น ๆ ในทำนองนี้อีกไม่น้อยตอนแรกไม่ค่อยมีใครเชื่อ เพราะโฆษณาดูโอ้อวดเกินไป แต่ด้วยการยิงโฆษณาอย่างต่อเนื่องเลยมีผู้ชายบางกลุ่มที่รู้สึกไม่พอใจกับชีวิตเริ่มสนใจและตัดสินใจลองซื้อดู แม้ว่ายามังกรพยัคฆ์จะมีราคาสูงถึงสองแสนห้าหมื่นบาทต่อเม็ด แต่สำหรับผู้ชายที่ไปหาหมอมาหลายแห่งแล้วแต่ก็ยังไม่หาย พวกเขามองว่านี่อาจเป็นความหวังสุดท้ายแล้วเมื่อพวกเขาได้รับสินค้าแล้ว ก็รีบลองทานเข้าไปทันทีด้วยความรู้สึกกังวลปนมีหวัง ผลลัพธ์ก็ปรากฏอย่างรวดเร็ว ภายในไม
หลังจากสั่งการเรื่องต่าง ๆ เสร็จ เย่ซิวจึงถามขึ้นว่า “ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในประเทศเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งตอบว่า “ถือว่าพอใช้ได้ครับ แต่ไม่ฮิตเหมือนในต่างประเทศ กำไรก็ไม่มากเท่าไหร่”ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในต่างประเทศมีต้นทุนไม่ถึงสองพันห้า แต่สามารถขายได้ถึงสองแสนห้าหมื่น แต่ของที่ขายในประเทศ ต้นทุนอยู่ที่หนึ่งหมื่น แต่ขายได้เพียงหนึ่งหมื่นเก้าพันบาทนอกจากนี้ โฆษณาของสินค้าภายในประเทศก็ไม่ได้เน้นความอลังการ จะขายในรูปแบบอาหารเสริมสุขภาพมากกว่าแต่ด้วยการรับรองจากครีมผิวหยก ยามังกรพยัคฆ์ก็ยังคงขายได้ดีไม่น้อยเย่ซิวพยักหน้ารับหลังจากนี้บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาดูแลมากแล้ว เพียงแค่ทำตามแผนงานที่วางไว้ก็เพียงพอเมื่ออุดช่องโหว่ที่หอการค้าไป๋ชวนทิ้งไว้เรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็ตั้งใจจะเดินทางไปประเทศคาบูเพื่อชำระแค้นให้สิ้นซากประมาณบ่ายสองกว่า เย่ซิวออกจากบริษัทก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวไปเยี่ยมหลัวอีอีที่มหาวิทยาลัย เพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเขาโทรแจ้งครอบครัวของหลัวอีอีล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพอพ่อแม่เธอรู้เรื่องก็สบายใจขึ้นมากถึงขนาดพูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากจะจับคู่เขากับ
“ที่รัก ทำไมถึงมาช้าจัง ฉันรอตั้งนานแล้วนะ”หลัวอีอีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะควงแขนเย่ซิวพร้อมขยิบตาให้เขาเย่ซิวเอ่ยเสียงเบาให้มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน “ค่าตัวผมแพงมากเลยนะ”หลัวอีอีตอบกลับทันควัน “นายอยากได้อะไรล่ะ ฉันไม่มีเงินหรอก...”“งั้นคุณต้องจ่ายด้วยเลือดแล้วล่ะ”หลัวอีอีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเพิ่งเข้าใจความหมายสองแง่สองง่ามนี้ “คนลามก”บทสนทนาสั้น ๆ ของพวกเขา หากมองจากภายนอกก็ดูเหมือนคู่รักที่หยอกล้อกันอย่างหวานชื่นเฉินหย่งฮ่าวอิจฉาตาร้อน เขาลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหาหลัวอีอี พร้อมกับกัดฟันเอ่ย “อีอี เธอยอมจ้างคนมาแสดงแทนที่จะมาเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ!”หลัวอีอีส่งเสียงหึ “ใครบอกว่าฉันแสดง เขาเป็นแฟนของฉันจริง ๆ ต่างหาก”เธอเอ่ยพร้อมกับกอดแขนของเย่ซิวแน่นขึ้นเฉินหย่งฮ่าวตะโกนด้วยความโมโห “ฉันไม่เชื่อ เธอหลอกฉัน!”หลัวอีอีทั้งโกรธทั้งเหนื่อยใจ คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาที่คอยตามพันแข้งพันขาไม่มีวันเลิกราหลัวอีอีจึงยืนเขย่งปลายเท้าแล้วหอมแก้มเย่ซิวเพื่อสลัดเขาออกไปเสีย ก่อนจะหันไปมองเฉินหย่งฮ่าว “ตอนนี้นายเชื่อหรือยัง นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนยอม
เฉินหย่งฮ่าวเป็นคนที่รู้จักแพ้ชนะ จึงโอนเงินให้ในทันทีหลัวอีอีได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าภายในไม่ถึงนาที เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ว้าว สิบล้าน ฉันกลายเป็นเศรษฐีตัวน้อยไปแล้ว”เย่ซิวจูงมือหลัวอีอี “ไปเถอะ วันนี้คุณเลี้ยงข้าวผมนะ”หลัวอีอียิ้มหวาน “ได้เลยค่ะ ที่รัก”ทั้งคู่เดินคุยไปหัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุขเฉินหย่งฮ่าวที่ก่อนหน้านี้ดูมีท่าทีสิ้นหวัง จู่ ๆ ก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมา “เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ ผู้หญิงรายล้อมไม่ขาด ถ้างั้นก็ถึงเวลาใช้แผนนั้นแล้ว!”หลังจากทานข้าวเสร็จ หลัวอีอีก็ชวนเย่ซิวไปดูหนัง กว่าจะดูจบก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วหลัวอีอีดูตื่นเต้นทั้งวี่ทั้งวันอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเธอดูสดใสเปล่งประกายกลางดึก ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามถนน หลัวอีอีหมุนตัวไปรอบ ๆ เย่ซิวเหมือนนกน้อย “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นเศรษฐีไปซะแล้ว”แม้บ้านเธอจะมีฐานะร่ำรวย แต่พ่อแม่ก็เข้มงวดมาก เดือนหนึ่งให้เงินใช้แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นเมื่อก่อนเธอได้แต่มองเพื่อน ๆ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ กระเป๋า และเครื่องสำอางด้วยความอิจฉาเย่ซิวเตือน “อย่าเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยล่ะ”
“พ่อแม่ของฉันติดหนี้พนันจำนวนมหาศาลแล้วหนีไป ทิ้งฉันกับน้องสาววัยสิบขวบไว้ตามลำพังค่ะเจ้าหนี้มาตามทวงเงินฉันทุกวัน ฉันไม่มีทางเลือก ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วทำงานวันละสามที่เพื่อหาเงินใช้หนี้ค่ะ”ด้วยวรยุทธ์ของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถจับสังเกตได้อย่างง่ายดายว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาพูดความจริงหรือโกหก และหญิงสาวคนนี้ก็กำลังพูดความจริงเย่ซิวเอ่ยถาม “ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกเท่าไหร่ครับ”“สามสิบห้าล้านกว่า ๆ ค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา สองมือที่หยาบกร้านจับชายเสื้อไว้แน่นเธอดูเหมือนเด็กสาววัยเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น แต่ฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้านยิ่งกว่าคนวัยสามสิบถึงสี่สิบปี เธอต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าที่ตัวเองควรจะรับเย่ซิวถอนหายใจ เขามีความสามารถพอที่จะช่วยหญิงสาวใช้หนี้ได้ แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะการสอนให้จับปลาดีกว่าให้ปลา การให้เงินโดยตรงเป็นวิธีที่ต่ำต้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครแน่เย่ซิวตั้งใจว่าจะสืบประวัติของเธออีกสักระยะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็จะให้เธอมาทำง
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความโกรธของเย่ซิว แม้จะเป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้เธอไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย หลังจากจดจำเบาะแสเล็กน้อยที่เย่ซิวให้ไว้ เธอก็รีบลงมือจัดการทันทีหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวจึงหันมาเยียวยาอาการบาดเจ็บของหลัวอีอีโชคดีที่เธอได้รับเพียงผลกระทบจากคลื่นกระแทกเท่านั้น จึงไม่ร้ายแรงมากไม่กี่นาทีต่อมา หลัวอีอีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมความมึนงง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยิน...”เย่ซิวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจเขาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เย่ซิวจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้!เมื่อเย่ซิวอธิบายจบ ดวงตาของหลัวอีอีก็เริ่มแดงก่ำ “ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ เธอยังมีน้องสาวอีกคนนี่ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...”เย่ซิวเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ผมส่งคนไปตามสืบแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้อีกที”หลัวอีอีเปิดโทรทัศน์ดูในทันที ข่าวกำลังรายงานเกี่ยวกับเหตุระเบิด“ตามข้อมูลรายงาน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในเขต… เป็นการก่อเหต
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน