ทันใดนั้นดวงตาของเชียนหลิวอี้เจี้ยนก็วาวโรจน์ด้วยประกายเย็นเยียบ “ข้างนอกมีแขกไม่ได้รับเชิญ ไป๋หลี่ ออกไปจัดการซะ”ชายที่ถูกเรียกว่าไป๋หลี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนหมุนตัวออกไปเขาผลักประตูเดินออกมาก่อนจะพบกับเย่ซิวและเด็กสาวสองคน ไป๋หลี่หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วจับจ้องไปที่เย่ซิวทันทีเขาสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้าคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองไปแล้ว ไป๋หลี่จึงไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของประเทศอ่ายเหรินในตอนนี้“แกเป็นใคร? ทำไมถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้”ไป๋หลี่ยังไม่เคลื่อนไหวเพราะยังไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงและแรงจูงใจของชายตรงหน้าขณะนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีดำเดินเข้ามาเธอเป็นหญิงร่างอวบ สูงเพียงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรหน้าตาจัดได้ว่าพอประมาณ ให้คะแนนสักเจ็ดเต็มสิบ แต่กลับมีเสน่ห์แบบเย้ายวนที่เพิ่มความน่าสนใจให้เธอมากขึ้นเด็กสาวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้คือแม่บุญธรรมของเธอที่มักจะดุด่าว่ากล่าวและทำร้ายเธอบ่อยอยู่ครั้งเมื่อฝ่ายหญิงเห็นเด็กสาว เธอก็สำรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มเยาะ “นึ
เหนือศีรษะของเชียนหลิวอี้เจี้ยนมีไอร้อนพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะเขาโกรธจนแทบคลั่ง!ชายที่เคยใช้ชีวิตลอยลำอยู่ในวงการอำนาจมายาวนานครึ่งชีวิต กลับต้องมาถูกทรยศถึงในบ้านตัวเองโดยคนที่เขาไว้ใจที่สุดอย่างไป๋หลี่แต่สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ที่สุดคือการที่เรื่องนี้ถูกคนนอกจับได้ มันเป็นความอับอายที่ไม่อาจทนได้สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นไม่ใช่การโจมตีเย่ซิว แต่เป็นการตบภรรยาคนแรกของเขาจนเสียชีวิตคาที่จากนั้นเขาก็จ้องมาที่เย่ซิวด้วยดวงตาแดงก่ำ “แกเป็นใคร!”เย่ซิวไม่ได้สนใจเขา แต่กลับดึงเด็กสาวเข้ามาใกล้แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หนูอยากฆ่าเขาเองไหม?”เด็กสาวพยักหน้าโดยไม่ลังเลตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอต้องเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสมันเป็นสิ่งที่เธอเคยกล้าทำเพียงแค่ฝันถึงมันในยามหลับเท่านั้น“ดี งั้นรอเดี๋ยวนะ”เชียนหลิวอี้เจี้ยนได้ยินคำพูดของเย่ซิวก็หัวเราะเสียงดัง “ไอ้หนุ่ม แกคงบ้าไปแล้วถึงได้พูดจาเพ้อเจ้อแบบนี้ออกมา รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือ…”“หนวกหู ใครใช้ให้แกพูด!”เมื่อครู่เย่ซิวยังคุยกับเด็กสาวอยู่ แต่ในวินาทีถัดมาเขาก็พุ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเชียนหลิวอี้เจี้ย
ช่วงนี้เขากำลังขาดเงินพอดี พอได้เงินก้อนนี้มาก็ช่วยบรรเทาสถานการณ์ทางการเงินไปได้มาก“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” เย่ซิวมองดูเชียนหลิวอี้เจี้ยนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายก็ดูน่าพอใจขึ้นมาบ้าง“ยังมีอีกครับ…” เชียนหลิวอี้เจี้ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลองถามอย่างระมัดระวัง “ผมยังมีผู้หญิงอีกกว่าร้อยคน คุณสนใจไหม?”ใบหน้าเย่ฉายแววซิวเยือกเย็นทันที “ใครจะอยากได้ของเหลือใช้พวกนั้นกัน มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีกไหม!”“ไม่มีแล้วครับ” เขาส่ายหน้า “เงินของผมแทบทั้งหมดใช้ไปกับการบำเพ็ญไปหมดแล้ว”เย่ซิวหันไปมองเด็กหญิงตัวน้อย “จัดการได้เลย”เชียนหลิวอี้เจี้ยนทั้งโกรธทั้งตกใจ “แกผิดสัญญานี่!”“ฉันเคยบอกเหรอว่าจะปล่อยแกไป?”เด็กหญิงตัวน้อยจับมีดไว้แน่นและพุ่งเข้าหาเขา ทว่าทุกครั้งที่คิดจะลงมือแทงกลับหยุดชะงักไปไม่ใช่เพราะใจอ่อน แต่เพราะเธอกลัวสุดท้ายเธอก็ยื่นมีดให้เย่ซิวให้เขาช่วยลงมือแทนเย่ซิวพยักหน้า จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือบดขยี้กะโหลกของอีกฝ่ายจนแหลกเขาใช้พลังควบคุมธงหมื่นวิญญาณทันที จากนั้นเงาร่างจาง ๆ สายหนึ่งก็ถูกดึงออกจากร่างของชายคนนั้น แล้วเข้าสู่ธงหมื่นวิญญาณทันทีแน่นอนว่ามีเพีย
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นคะ?” เฟยอวี่มองเย่ซิวด้วยความสับสนงุนงง“ถึงเธอจะซ่อนตัวได้ดีแค่ไหน แต่ในสายตาฉัน เธอก็เหมือนหิ่งห้อยในความมืดอยู่ดี มันเด่นชัดมากเลยล่ะ”เฟยอวี่ยิ่งทำหน้ามึนกว่าเดิม “คุณพูดเรื่องอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นะ”“ยังจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอ? ยายจิ้งจอกน้อย”ทันทีที่คำพูดนั้นสิ้นสุดลง ใบหน้าของเฟยอวี่เปลี่ยนไปทันที หางฟูฟ่องขนาดใหญ่สี่หางก็พุ่งออกมาจากสะโพกของเธอ ก่อนจะฟาดเข้าหาเย่ซิวอย่างรุนแรงเย่ซิวใช้มือขวากดเบา ๆ บนโซฟา จากนั้นร่างของเขาก็ลอยถอยหลังหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดายพลังปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวกระจายไปทั่วห้อง มือของเฟยอวี่งอกกรงเล็บที่คมกริบออกมา ใบหน้าของเธอเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง “แกรู้ได้ยังไง?”เย่ซิวยิ้มบาง “ง่ายมาก กลิ่นปีศาจของเธอมันแรงเกินไป‘ฉันอยากรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอปกปิดฉันได้ยังไง?ถ้าไม่ใช่ว่าเธอมีของวิเศษอะไรที่สามารถซ่อนพลังได้ งั้นเธอก็คงมีสองบุคลิก เมื่อก่อนเธอเป็นเฟยอวี่ แต่ตอนนี้เธอเป็นอีกคนหนึ่ง”หญิงสาวไม่ตอบอะไร แต่สีหน้าของเธอทำให้รู้ว่าสิ่งที่เย่ซิวคาดเดาไปแบบหลังน่าจะถูกแล้ว“พวกปีศาจจิ้งจอกมักจะเป็นต้นตอของความวุ่นวา
เย่ซิวเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา วัยรุ่นนี่ช่างดีจริง ๆ เลยนะแต่เขาเองกลับไม่รู้ตัวเลยว่าปีนี้เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบเท่านั้นแต่สิ่งที่เขาได้ประสบพบเจอมานั้นมากมายเกินกว่าชีวิตของคนส่วนใหญ่ทั้งชีวิตหลังจากพวกเธอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว เย่ซิวก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ของทั้งสามคน ก่อนจะพากันออกไปเดินเล่นขณะเดียวกัน หุ่นเชิดถูกนำตัวไปยังพื้นที่ห่างไกลจากใจกลางเมืองที่นั่นเต็มไปด้วยทะเลทราย บรรยากาศรกร้างและวังเวงในระยะหลายร้อยลี้ออกไปมีฐานลับแห่งหนึ่งที่นี่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาในฐานลับนั้นมีชายสิบกว่าคนที่ดูเคร่งขรึมนั่งจ้องหน้าจออยู่ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรถที่หุ่นเชิดโดยสารอยู่ชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม?!”เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างพยักหน้ารับกันถ้วนหน้า“ล็อกเป้าหมายเรียบร้อยแล้วครับ”“ขีปนาวุธหมายเลขหนึ่ง สอง และห้า พร้อมยิงแล้วครับ”แววตาของหัวหน้าฉายความอำมหิต ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “ครั้งนี้ฉันจะทำให้มันแหลกเป็นผุยผงให้ได้!”นี่เป็นคำสั่งที่เขาเพิ่งได้รับมาเมื่อสองชั่วโมงก่อนบ
ทั้งสามคนมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะสั่งของว่างและชานมมาทานสองเด็กสาวดูมีความสุขมาก พวกเธอนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานถึงแม้เย่ซิวจะไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเธอคุยกัน แต่ด้วยพลังของเขาที่เหนือมนุษย์ คำพูดของพวกเธอก็ลอยเข้าหูเขาอย่างชัดเจน“น้องสาว เธอคิดว่าพี่ชายเขาเป็นยังไงบ้าง?”“พี่ชายเขาดีมากเลยค่ะ การได้เจอพี่ชายถือเป็นบุญของฉันในหลายชาติภพ”“งั้นถ้าเธอโตขึ้น เธอคิดจะเป็นแฟนเขาไหม?”“เอ๊ะ ทำไมพี่ถามอะไรแบบนี้ล่ะคะ”“ตอบมาสิว่าอยากหรือไม่อยาก”“ก็อยากสิ แต่ฉันทำอะไรไม่เป็นเลย พี่ชายคงไม่สนใจฉันหรอก”“เป็นไปได้ไง เธอสวยขนาดนี้ แถมยัง…”……เย่ซิวส่ายหัวพลางยิ้ม ก่อนจะหยิบชานมขึ้นมาดื่มเงียบ ๆพอดีกับตอนนั้นที่หน้าจอในร้านฉายข่าวเกี่ยวกับเขาข่าวรายงานว่าเย่ซิวนั้น ‘ถูกกำจัด’ ได้แล้วแถมพวกคนแคระนี่ยังใส่ร้ายเย่ซิวอีกว่าเขาใช้สารต้องห้ามระหว่างการประลองหลังจากพ่ายแพ้แล้วก็หนีหัวซุกหัวซุนในเมื่อพวกเขาคิดว่าเย่ซิวตายไปแล้ว การจะใส่ร้ายหรือบิดเบือนความจริงอะไรก็ทำได้อย่างง่ายดายจวงเสี่ยวหยิงที่เห็นข่าวก็โกรธจัด “คนพวกนี้หน้าไม่อายจริง ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าพี่…”เย่ซิวส
เย่ซิวเค้นข้อมูลจนได้ตำแหน่งของสำนักใหญ่ ๆ ในประเทศอ่ายเหรินจากปากของพวกชาวบ้านจนครบถ้วนอาณาเขตของประเทศอ่ายเหรินนั้นไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดของห้าเมืองหลวงรวมกัน ด้วยพลังของเย่ซิวในตอนนี้ทำให้เขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จภายในเวลาไม่ถึงสี่ทุ่มยอดฝีมือระดับสี่ขึ้นไปในประเทศนี้ทั้งหมดถูกทำลายพลังจนไม่มีเหลือ และตำราวิทยายุทธ์ส่วนใหญ่ก็ถูกเขาเผาทำลายลงจนหมดนี่ถือเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของวงการวรยุทธ์ในประเทศอ่ายเหรินยามค่ำคืนของประเทศอ่ายเหรินยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเย่ซิวรู้สึกผ่อนคลายเปี่ยมสุขเพราะเป้าหมายในการมาเยือนครั้งนี้ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งการล้างแค้นและการตอบโต้ อีกไม่นานเขาก็จะกลับได้เสียทีเขาไม่ชอบที่นี่สักเท่าไหร่หรอก“หืม?”ทันใดนั้นเย่ซิวก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังที่ไกล ๆเขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในสถานบันเทิงสุดหรูแห่งหนึ่งเพียงมองปราดเดียว เย่ซิวก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาต้องไม่ธรรมดา พลังอันรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตัวทั้งสอง บ่งบอกว่าไม่ใช่มนุษย์ปกติทั่วไปอย่างแน่นอน“จากความสูงและรูปร่าง ดูเหมือนจะเป็นคนจากประเทศจ้านฉงตี้ แล
เย่ซิวถามอย่างจงใจว่า "เธอจะไปเติมเครื่องสำอาง แล้วฉันจะตามไปทำไม อีกอย่างจะให้ฉันเข้าไปในห้องน้ำหญิงกับเธอด้วยเหรอ?"หญิงสาวส่งสายตาเย้ายวนให้เขาพร้อมกับยิ้มเบา ๆ "ก็คนเขากลัวนี่นา เผื่อข้างในมีอะไรที่ไม่สะอาดอยู่ล่ะนายไปเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันสิ เดี๋ยวจะมีรางวัลให้ด้วยนะ!"เย่ซิวแกล้งทำหน้าตาเคลิบเคลิ้ม "รางวัลอะไรเหรอ?""พอนายไปถึงก็จะรู้เอง"พูดจบหญิงสาวก็ลากคอเสื้อเย่ซิวพาเดินไปยังห้องน้ำหญิงระหว่างทางเจอผู้ชายหลายคน ทุกคนต่างมองมาด้วยสายตาอิจฉาเนื้อเรื่องแบบนี้พวกเขาคุ้นเคยคืนนี้สถานที่นี้ถูกจองไว้ เลยมีคนไม่เยอะ ในห้องน้ำหญิงย่อมไม่มีใครทันทีที่เข้าไป หญิงสาวที่ดูเซ็กซี่และเย้ายวนก็ดันเย่ซิวไปติดกับอ่างล้างมือมือข้างหนึ่งเชยคางของเขาขึ้น ในดวงตาประกายความเย่อหยิ่ง"น้องชาย อยากลองสัมผัสสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกดูรึเปล่า?"เย่ซิวมองด้วยสายตาขี้เล่น "คืออะไรเหรอ?""แน่นอนว่าต้องเป็น..."หญิงสาวค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ทีละนิด เข้าใกล้ใบหูของเย่ซิว แล้วเลื่อนต่ำลงไปเธอหยุดที่ลำคอของเขา ปากเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวสองซี่ที่ยื่นออกมาแววตาของหญิงสาวเต็
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน