เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ "เมื่อถึงเวลา เธอก็จะรู้เอง"ผู้หญิงคนนี้รู้สึกหัวใจคันยุบยิบ สงสัยมากว่าเย่ซิวคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?แต่เย่ซิวไม่พูด เธอก็ไม่กล้าถามตรง ๆทั้งสองคนทยอยเดินออกไปข้างนอกโชคไม่ดี พวกเขาเพิ่งออกไปก็เจอกับคนกลุ่มหนึ่งและในกลุ่มนั้นก็มีผู้หญิงอยู่สองคน เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาพวกเธอก็เป็นประกาย พวกเธอรีบปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว"หนุ่มน้อยสุดหล่อ สนใจมาเล่นกับพวกเราไหม?""หนุ่มน้อยสุดหล่อ เธอดูดีมากเลย อีกหน่อยมาติดตามพี่สาว พี่สาวจะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้ายแน่นอน”"ไสหัวไปซะ!"หญิงสาวเปิดปากและแยกเขี้ยวของเธอด้วยใบหน้าที่ดุร้ายผู้หญิงสองคนที่เข้ามาจีบตกใจเฮือก และรีบจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นเขี้ยวของเธอก็ถูกเก็บกลับไป เธอกลับมาแสดงท่าทางเคารพอีกครั้ง "ท่านคะ โปรดตามมาทางนี้"เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ผ่อนคลายหน่อย อย่าให้ใครสงสัย""ค่ะ ท่าน""เธอชื่ออะไร""เรียนนายท่าน ดิฉันชื่อเถียนเถียนค่ะ"เถียนเถียนพาเย่ซิวไปที่ชั้นดาดฟ้า ที่นี่คนที่ควรจะมาก็มากันครบหมดแล้วเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของทุกคนได้อย่างชัดเจนส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ระดับหก
นี่คือยันต์สายฟ้าหยิน!เป็นของที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่งในยุคโบราณ ซึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของมันยันต์ชนิดนี้แตกต่างจากยันต์แบบใช้ครั้งเดียวทั่วไป เพราะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่มีฝนตกหรืออากาศชื้น หากโยนมันออกไป มันจะสามารถดึงสายฟ้าจากฟากฟ้าลงมาและผนึกไว้ในนั้นได้ผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่ล้วนกลัวสายฟ้าการถือยันต์เช่นนี้ไว้ในมือ จะทำให้คนส่วนใหญ่อยากอยู่ห่างจากมันยันต์แผ่นนี้ตัวเองจะต้องคว้ามันมาให้ได้ในงานประมูลมีบางคนสนใจมันเช่นกัน แต่การเพิ่มราคาของพวกเขาแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นแค่หนึ่งหมื่นเหรียญจ้านอิงตี้เท่านั้นในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินของประเทศจ้านอิงตี้กับประเทศหลงเถิงนั้นอยู่ที่หนึ่งต่อสามสิบห้าเย่ซิวเสนอราคาไปที่ห้าล้านเหรียญจ้านอิงตี้ทันทีหลายคนมองไปที่เขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะละสายตาออกไปของชิ้นนี้ ไม่มีใครรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมัน ราคาที่สูงเกินไปจึงไม่มีคนอยากเข้าร่วมคาร์ธิวเรียกราคาสามครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ เขาจึงส่งยันต์นี้ให้กับเย่ซิวจริง ๆ แล้วสิ่งนี้เขาไม่ได้หวัง
เย่ซิวทำเหมือนมองไม่เห็นมันราคานี้ถือว่าสูงมากแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะรวยเหมือนเย่ซิว ราคานี้เกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ที่จะรับไหวในที่สุดอัญมณีเม็ดนี้ก็ถูกเย่ซิวซื้อมาอีกเช่นกันเถียนเถียนมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเธออยากจะออดอ้อนสักสองสามคำ เผื่อว่าเย่ซิวจะซื้ออะไรให้ตัวเองบ้างแต่เธอไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำให้เย่ซิวโกรธ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนจากนั้นคนที่สี่ก็ขึ้นมาเป็นชายคนหนึ่งที่มีขนคล้ายเข็มเหล็กทั่วทั้งร่างในมือเขาถือจี้หยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ ทว่าบนจี้หยกนั้นมีรอยร้าวอยู่หลายจุด“สิ่งนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันมีคุณสมบัติช่วยให้สงบจิตใจเมื่อสวมใส่ในขณะการบำเพ็ญตน จะไม่ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดใด ๆ ขึ้นถ้าตอนนี้ผมไม่ขัดสนเรื่องเงินละก็ ก็คงไม่ขายมันออกไป ราคาประมูลเริ่มต้นคือห้าร้อยล้านเหรียญจ้านอิงตี้”หลายคนเผยสีหน้าสนใจเป็นที่รู้กันว่ายิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในระหว่างการบำเพ็ญตนจะยิ่งเกิดอารมณ์ด้านลบได้ง่ายขึ้นเท่านั้นมีจี้หยกชิ้นนี้อยู่ในมือ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นไม่นานก็มีคนเริ่มเสนอราคาที
วิชาแยกร่างเบญจธาตุ!ตัวอักษรโบราณหลายพันตัวหลอมรวมเข้าสู่จิตใจของเย่ซิวและรวมกันเป็นคำเหล่านี้เมื่อจิตสำนึกของเย่ซิวเพ่งไปที่คำเหล่านี้ ฉับพลันนั้นเขาก็เข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้อย่างถ่องแท้นี่เป็นวิชาลับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สามารถสร้างร่างแยกเบญจธาตุขึ้นมาได้แน่นอน เฉพาะกับคนอย่างเย่ซิวที่ถือครองจินตานเบญธาตุหรือเกิดมาพร้อมกายาเบญจธาตุเท่านั้นจึงจะฝึกฝนวิชานี้ได้เย่ซิวดีใจจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ นี่ช่างเป็นโชคครั้งมหาศาลจริง ๆตามที่วิชาลับนี้อธิบายไว้ ร่างแยกเบญจธาตุนั้นแตกต่างจากวิชาแยกร่างทั่วไปโดยสิ้นเชิงวิชาแยกร่างทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาจะมีพลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของร่างต้น หรือไม่ก็มีระยะเวลาคงอยู่ที่สั้นมากแต่ร่างแยกจากวิชาแยกร่างเบญจธาตุ ไม่เพียงแต่สามารถคงอยู่อย่างถาวร ยังสามารถบำเพ็ญตนด้วยตัวเองและพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องร่างแยกแต่ละร่างจะมีพลังถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ของร่างต้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่การสร้างร่างแยกนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้า ซึ่งเย่ซิวยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเ
ไม่มีการเคลื่อนไหวที่หวือหวาเกินไป เพียงแค่ฟันไปข้างหน้าเบา ๆคลื่นปราณกระบี่ทรงกลมก็ระเบิดออกมา จากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้วทั้งห้องเงียบสงัด นอกจากเย่ซิวกับเถียนเถียนที่ยังคงยืนอยู่ คนอื่น ๆ ล้วนตายหมดปึก!เถียนเถียนถึงกับเข่าทรุด ล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามนับไม่ถ้วน ร่างกายสั่นสะท้าน แม้แต่ฟันก็ยังสั่นกึก ๆเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวานี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหน?เพียงหนึ่งดาบก็สามารถฆ่าผู้มีพลังวิเศษ นักเวท และนักรบยีนกว่าร้อยชีวิตได้ในพริบตา!"ท่านเป็นใครกันแน่?"เถียนเถียนเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงรูปร่างและหน้าตาของเย่ซิวนั้นซิวบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับคืนสู่รูปโฉมดั้งเดิมเมื่อเห็นใบหน้านี้ เถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหนัก ๆ"ที่แท้ก็เป็นท่าน ท่านยังไม่ตาย ราชินีพูดไว้ไม่ผิดจริง ๆ"หัวใจของเย่ซิวไหววูบ "หงอีเดาได้แล้วงั้นเหรอ?"เถียนเถียนพยักหน้า "ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันไปรายงานข่าวนี้กับราชินี เธอก็พูดว่าท่านไม่มีทางตายไปง่าย ๆตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าใคร
“ฉันรู้ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อเฟยอวี่ใช่ไหม เมื่อวานฉันเพิ่งเจอเธอมา”เย่ซิวมองอย่างเคร่งขรึม “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”เถียนเถียนตอบ “เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปประเทศจ้านอิงตี้เมื่อไม่นานนี้ แล้วบังเอิญเจอกับราชินีหลังจากนั้นพวกเธอน่าจะทำข้อตกลงบางอย่างกัน ครั้งนี้ที่ราชินีส่งฉันมา ก็เพื่อให้เอาของบางอย่างมาให้เธอแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ในใจ สายตาพลันก็จับจ้องไปที่เถียนเถียนสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ ทำให้เถียนเถียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอบิดตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า“คุณเย่คะ คุณต้องการให้ฉันรับใช้คุณหรือเปล่า ไปที่อื่นกันเถอะ”อย่ามองว่าผู้หญิงคนนี้แสดงออกอย่างเชี่ยวชาญ แต่ความจริงแล้วเธอยังไร้เดียงสามากด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของหงอีแบบนั้น คนที่เธอจะยอมให้กอดครั้งแรกนั้น ย่อมต้องสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นการแสดงท่าทางยั่วยวนของเธอ ก็เป็นเพียงแค่การอำพรางตัวเพื่อการล่าเหยื่อเย่ซิวส่ายหัว “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเรือนร่างของเธอ”เถียนเถียนดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย ผู้ชายแบบเย่ซิว ใครบ้างล่ะจะไม่อยากมีอะไรกับเข
ความรู้สึกนี้ช่างน่าพึงพอใจเสียจนทำให้เถียนเถียนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยอ่างสมุนไพรที่แต่เดิมสีสันสดใสค่อย ๆ กลายเป็นใสกระจ่างอย่างรวดเร็วร่างกายของเถียนเถียนเองก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าผากของเธอ พลังจิตหลั่งไหลเข้าสู่ภายในในไม่ช้าเขาก็พบจุดที่หงอีใช้ควบคุมเธอ มันเป็นตราสีแดงซึ่งประทับอยู่บริเวณหัวใจตราหนึ่งเย่ซิวไม่ได้ทำลายตรานั้น แต่ใช้พลังจิตสร้างเกราะไร้รูปปกคลุมตราไว้ด้วยวิธีนี้ หงอีจะไม่สามารถใช้ความคิดควบคุมความเป็นความตายของเถียนเถียนได้เพียงแต่แค่นี้ยังไม่พอเย่ซิวใช้พลังจิตกวาดสำรวจร่างกายของเถียนเถียนทั้งภายในและภายนอกทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง ร่างกายเกิดขนลุกขึ้นมาทันที รู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเธอถูกเปิดเผยต่อหน้าชายคนนี้แล้วไม่นานเย่ซิวก็ตรวจพบว่าร่างกายของเถียนเถียนมีคุณสมบัติที่เอนเอียงไปทางธาตุน้ำเขาจึงดึงพลังวิญญาณธาตุน้ำของตัวเองออกมาแล้วส่งเข้าไปในร่างของเธอการเสริมความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ทำให้เธอสามารถรองรับพลังวิญญาณของเย่ซิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากหนึ่งชั่วโมงต่
“นั่นใคร”ทันทีเชื่อมต่อสาย น้ำเสียงเย็นชาของหงอีก็ดังขึ้นที่ปลายสาย ฟังแล้วชวนให้รู้สึกขนลุกมาก“ฉันเอง” เย่ซิวตอบด้วยเสียงเรียบปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า “มีเรื่องอะไร?”“เธอรู้จักเฟยอวี่ใช่ไหม พวกเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่และกำลังร่วมมือกันทำอะไรอยู่”“ไม่เกี่ยวกับนาย มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะวางสายแล้ว”ท่าทีของผู้หญิงคนนี้เย็นชามาก ไม่ได้มองเลยว่าเย่ซิวเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ตู๊ด... ตู๊ด...เย่ซิวยังไม่ทันจะได้พูดต่อ หงอีก็ชิงตัดสายไปก่อนเย่ซิวหัวเราะอย่างโกรธเคือง “ผู้หญิงคนนี้โอหังจริง ๆ”ผู้หญิงคนนี้พลิกลิ้นแสดงให้เห็นถึงการเนรคุณคนได้อย่างชัดเจนแต่เย่ซิวก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วหงอีนับว่าเป็นคนที่เขาฝึกฝนขึ้นมาเองก็ได้ เขาไม่ได้กังวลว่าเธอจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาไปโดยสมบูรณ์ตอนนี้ปล่อยให้เธอหยิ่งผยองไปก่อน ในอนาคตยังมีโอกาสจัดการกับเธออีกมากเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เย่ซิวก็ยืดตัวแล้วพุ่งทะยานขึ้นฟ้าครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงหน้าฐานทัพแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหรินเมื่อร่างร่อนลงถึงพื้น เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน