วันต่อมา
“จะบ่ายโมงแล้วนะ หนูตายังไม่ตื่นอีก” คุณนิรันรัตน์รู้สึกสับสนไปหมด เรื่องเมื่อคืนทำให้ท่านต้องกลับมาทบทวนเรื่องราวทุกอย่างอีกครั้ง
ปานใจเข้ามาเก็บจานไปล้าง “คุณนายต้องการอะไรอีกไหมคะ เอาน้ำชาร้อน ๆ หน่อยไหมคะ”
“ไม่หรอกปาน ไหนเธอว่าจะขอลาครึ่งวัน”
“ก็คุณตายังไม่ตื่น” ปานใจมีสีหน้าเกรงใจ
“ไปเหอะ ฉันอยู่ได้ ไม่เป็นไรจริง ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นปานเก็บโต๊ะเสร็จ ก็จะขอไปเลยนะคะ”
“อื้อ... เดินทางก็ระมัดระวัง แล้วพรุ่งนี้จะมากี่โมง”
“เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะคุณนาย”
คุณนิรันรัตน์ลุกขึ้นด้วยท่าทางงกเงิ่นจากที่เส้นเลือดในสมองตีบ ท่านป่วยไปหลายเดือนกว่าจะกลับมาหัดเดินได้อีกครั้ง
“ให้ปานช่วยค่ะ” ปานใจรีบเช็ดมือ เพราะล้างจานใบสุดท้ายคว่ำพอดี
“เฮ้อ... ไม่รู้ยังไง” พ่นลมหายใจยาว ๆ ตายังมองไปยังห้องนอนของศศิตา
“เรื่องอะไรหรือคะ” ปานใจรู้อยู่แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องลูกสะใภ้คนโปรดกับคุณรามิล
“ยังไม่ชินอีกหรือคะกับพฤติกรรมของคุณตาน่ะค่ะ” ปานใจถามย้อน
คุณนิรันรัตน์ถึงกับหันมามองหน้า ปานใจยิ้มแห้ง ๆ
“ปานไม่ขอออกความคิดเห็นค่ะ แต่ก็คิดว่า... อะไรที่มันไม่ใช่ คุณนายก็อย่าไปฝืนเลยค่ะ ปานเห็นคุณหมอไม่เคยมีความสุขเลยสักกะวันเดียว ตั้งแต่แต่งงานมานี่น่ะค่ะ” ปานใจพาคุณนิรันรัตน์นั่งลงที่ห้องรับแขก
เสียงมือถือของปานใจดังขึ้น
“ปานไปก่อนนะคะคุณนาย สงสัยพวกนั้นจะมารอกันที่หน้าบ้านแล้วล่ะค่ะ”
“อื้อ”
พอปานใจพ้นไป สายตาของคุณนิรันรัตน์ก็มองไปรอบบ้าน บ้านหลังใหญ่หลังนี้ เมื่อก่อนเคยมีแต่เสียงหัวเราะ พอคุณรามันย์สามีของคุณนายเสียชีวิต ทิ้งไว้เพียงหนี้สิน คนที่ไม่เคยทำงานเลย บริหารงานไม่เป็นสุดท้ายก็พังพินาศ
มีเพียงมือของคุณสิริมณีที่ยื่นเข้ามาช่วย พอคุณสิริมณีเอ่ยปากยกลูกสาวให้ ท่านจะปฏิเสธได้อย่างไร
ปานใจก็ไม่อยู่แล้ว บ้านก็ยิ่งเหงาขึ้นไปอีก
คุณนิรันรัตน์จึงตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปที่ห้องอ่านหนังสือของลูกชาย บ้านหลังใหญ่ ไม่มีคนก็เงียบผิดปรกติ
เมื่อสมัยนั้นตอนที่สามีของท่านอยู่ ที่ห้องนี้ คือห้องสมุดย่อม ๆ มีหนังสือหลายเรื่องที่น่าอ่านอยู่ในนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า มีหนังสือหลายเล่มที่ท่านชอบและก็เคยอ่าน ตอนนี้คงถูกทิ้งให้แห้งแล้งอยู่บนชั้นหนังสือ ถ้าได้หนังสือมาอ่านสักเรื่องสองเรื่องก็คงจะดี
พอไปถึงข้างในห้องนั้น ท่านเปิดไฟได้ แล้วก็เริ่มรื้อค้น พอก้ม ๆ เงย ๆ ก็เริ่มมึนและวิงเวียนจนแทบจะหน้าทิ่ม คุณนิรันรัตน์จึงตัดสินใจเดินมานั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของลูกชาย
ลิ้นชักด้านล่างที่ปิดไม่สนิททำให้คนแก่เอื้อมมือจะไปปิด แต่แสงไฟที่ส่องจากเพดานก็กระทบกับกระจกของกรอบรูป คุณนิรันรัตน์จึงเปิดตู้ เห็นรูปถ่ายคู่ของลูกชายกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านจึงหยิบขึ้นมาและพิจารณา
คุณนิรันรัตน์ขยับแว่น ใช้สายตาเพ่งมอง รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้ากระจ่างใส ผมสีดำขลับยาวประบ่า ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นลักยิ้มของหญิงสาวด้วย
“อ้อ... จำได้ล่ะ เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง”
“เอ๊ะ!” สายตาของท่านสะดุ้งที่มือของผู้หญิงที่จับกันแน่นกับมือของลูกชาย
ตอนนั้นมากันหลายคน และรามิลแนะนำว่าเป็นรุ่นน้อง คุณนิรันรัตน์พลิกรูปดู ในตอนนั้นเอง
รูปอัลตราซาวนด์ที่นรินภัทรส่งมาให้รามิลก็หล่นลงไปบนโต๊ะ ท่านเคยเห็นไอ้รูปลักษณะนี้เหมือนกัน ปานใจเอาให้ดูจากมือถือ บอกว่ามี การแฉดาราหนุ่มไปทำผู้หญิงท้อง และผู้หญิงเอารูปนี้ไปให้นักข่าวดู ท่านจึงถามว่ามันคืออะไร
“รูปอัลตราซาวนด์ค่ะ แบบไปให้หมอส่องดูข้างในท้องนะคะ และถ่ายออกมา เป็นรูปเด็กที่อยู่ในท้องค่ะคุณนาย”
‘รูปเด็กที่อยู่ในท้องอย่างนั้นหรือ’
คุณนิรันรัตน์พลิกอ่านด้านหลัง ข้อความที่ปรากฏทำให้ท่านตกใจมาก
‘ท้อง ให้ทำแท้ง อะไรกัน’ ใบหน้าของท่านซีดราวกระดาษ ลำคอแห้งผากขึ้นมาเฉย ๆ
‘รามทำอะไรลงไป แล้วผู้หญิงคนนี้ท้องหลานของเรา ลูกของรามอย่างนั้นหรือ’
อ๊อด... เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น และคนที่กดจงใจกดแบบรัว ๆ
คุณนิรันรัตน์ลุกขึ้น และเดินไปเปิดผ้าม่าน ชะเง้อชะแง้มองว่าเป็นใคร
เสียงตึกตักที่อยู่ข้างนอกห้อง เสียงเปิดปิดประตู ทำให้ขยับเท้า แต่ด้วยความช้า ก็ไม่ถึงสักที จึงตัดสินใจหยุด และมองไปข้างนอกหน้าต่างแทน
มีชายหญิงกำลังถกเถียงกันอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ผู้หญิงคือศศิตา แต่ผู้ชายไม่รู้จัก ผู้ชายคนนั้นผลักร่างของศศิตาและเดินเข้ามาข้างใน ศศิตาวิ่งตาม
“กลับออกไปเดี๋ยวนี้นะวัฒน์” เสียงเขียว เธอหันรีหันขวางมองว่ามีใครบ้าง จำได้ว่า หลายวันก่อนปานใจบอกจะไปธุระ และคุณแม่ก็คงจะหลับอยู่
วันต่อมา “จะบ่ายโมงแล้วนะ หนูตายังไม่ตื่นอีก” คุณนิรันรัตน์รู้สึกสับสนไปหมด เรื่องเมื่อคืนทำให้ท่านต้องกลับมาทบทวนเรื่องราวทุกอย่างอีกครั้งปานใจเข้ามาเก็บจานไปล้าง “คุณนายต้องการอะไรอีกไหมคะ เอาน้ำชาร้อน ๆ หน่อยไหมคะ”“ไม่หรอกปาน ไหนเธอว่าจะขอลาครึ่งวัน”“ก็คุณตายังไม่ตื่น” ปานใจมีสีหน้าเกรงใจ“ไปเหอะ ฉันอยู่ได้ ไม่เป็นไรจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นปานเก็บโต๊ะเสร็จ ก็จะขอไปเลยนะคะ”“อื้อ... เดินทางก็ระมัดระวัง แล้วพรุ่งนี้จะมากี่โมง”“เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะคุณนาย”คุณนิรันรัตน์ลุกขึ้นด้วยท่าทางงกเงิ่นจากที่เส้นเลือดในสมองตีบ ท่านป่วยไปหลายเดือนกว่าจะกลับมาหัดเดินได้อีกครั้ง“ให้ปานช่วยค่ะ” ปานใจรีบเช็ดมือ เพราะล้างจานใบสุดท้ายคว่ำพอดี “เฮ้อ... ไม่รู้ยังไง” พ่นลมหายใจยาว ๆ ตายังมองไปยังห้องนอนของศศิตา“เรื่องอะไรหรือคะ” ปานใจรู้อยู่แล้วก็คงไม่พ้นเรื่องลูกสะใภ้คนโปรดกับคุณรามิล“ยังไม่ชินอีกหรือคะกับพฤติกรรมของคุณตาน่ะค่ะ” ปานใจถามย้อนคุณนิรันรัตน์ถึงกับหันมามองหน้า ปานใจยิ้มแห้ง ๆ“ปานไม่ขอออกความคิดเห็นค่ะ แต่ก็คิดว่า... อะไรที่มันไม่ใช่ คุณนายก็อย่าไปฝืนเลยค่ะ ปานเห็นคุณหมอไม่เคยมีความสุ
รามิลปล่อยโฮ‘จะห้าปีแล้วสินะ’‘โธ่แป้ง แป้ง... ลูกครับ พ่อผิดไปแล้ว พ่อมันชั่ว พ่อมันเลวที่สุด พ่อไม่มีหน้าไหนที่จะไปพบเจอหน้าลูกได้อีก’น้ำตาของรามิลค่อย ๆ ไหลออกมา เขาเก็บรูปนั้นลงไปไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม รามิลทรุดนั่งลงไปบนพื้นอย่างหมดแรงปัง... เสียงบานประตูที่ถูกปิดลงไปอย่างแรง เสียงของมันดังมาก ณ ยามราตรีกาลแบบนี้ รามิลสะดุ้งตื่น เขามองไปที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ตัวเลขบอกตีสอง“ไม่มีใครเปิดไฟเอาไว้บ้างหรือยังไง จะงกไปถึงไหนกัน ค่าไฟแค่นี้” เสียงดังเอาเรื่อง และน้ำเสียงอ้อแอ้มาก ๆศศิตาสำเริงรักกับฐิติวัฒน์ไม่พอ เธอยังดื่มมาอีกด้วยไฟฟ้าสว่างพรึบ... คนที่กำลังคลำหาสวิตช์ไฟถึงกับชะงัก“นี่ตา... ไม่รู้หรือว่า มันกี่โมง กี่ยามแล้ว”“อ้อ... นึกว่าใคร ผัวของตานี่เอง ทำไมวันนี้กลับมานอนบ้านได้ล่ะคะ”“ผมก็นอนที่นี่ทุกคืน”“อ้าวเหรอ ฮึ... ตาไม่ยักกะรู้แฮะ ก็คลำ ก็ลูบไปทั่วทั้งที่นอนแล้ว แต่ไม่มีร่างหมอนอนอยู่ใกล้ ๆ นะคะ ก็เลยคิดว่าไม่กลับบ้าน”“คุณก็ตื่นให้มันเช้าขึ้นมาหน่อยสิ จะได้กินข้าวเช้าด้วยกัน”“หื้อ... ผัวนัดกินข้าวแฮะ ฮ่า... คุณผัวขา ขอเมียกินอย่างอื่นได้ไหม” ศศิตานึกแกล้ง เธ
“แม่ว่าหนูตาคงเหงาน่ะ ลูกก็เอาแต่ทำงาน อ้อ... แม่เอ่ยปากขอเงินจากคุณมณีแล้วนะ ที่ว่าจะเอามาเปิดคลินิกน่ะ”รามิลก็นิ่งงันไปเช่นกัน เขากัดปาก“ผมบอกกับแม่ตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าไปขอเงินขอทองมาจากคนพวกนั้นอีก แค่เท่าที่ได้มาก่อนหน้านั้น ผมก็ชดใช้บุญคุณให้ไม่หมดแล้วครับ”“ตาราม รามก็แต่งงานกับหนูตาแล้ว เรากับเขาเป็นทองแผ่นเดียวกัน และที่ต้องรีบทำคลินิก แกก็จะได้ไม่ต้องไปทำโรงพยาบาลอะไรนั่นอีก นี่ถ้าไม่ได้เงินจากคุณมณี ลูกก็ต้องไปทำงานใช้ทุนอีก”รามิลดวงตาแดงก่ำ กลั้นความเจ็บปวดลึก ๆ กับการกระทำของแม่ ความอดกลั้นทำให้เขาอดปากเอาไว้ไม่ได้“แม่ทำตัวเหมือนคนไม่มีศักดิ์ศรี ทำตัวเหมือนขอทานอยู่นะครับ แม่รู้ตัวไหม”คุณนิรันรัตน์ชะงักฝีเท้าหันมามองหน้ารามิล“เจ้าราม ทำไมแกพูดแบบนี้” ท่านทำเสียงเขียวพอเห็นมารดาน้ำตาคลอ เขาก็ต้องหยุดและปิดน้ำคำที่จะหลั่งไหลออกมา“ผมขอโทษครับแม่”“ฮึ... แม่เลือกทำทุกอย่างก็เพื่อแก ในตอนนั้นพ่อแกทำให้แม่กับแกสุขสบายไม่ได้ แต่คุณมณีเขาให้เราสองคนได้”“มันไร้ศักดิ์ศรี”“แต่แกก็สุขสบาย แล้วฉันก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่ต้องไปเฝ้ายมบาล”“ผมเข้าใจแล้วครับแม่ ผมขอโทษ” รามิลหล
“อื้อ” พี่ชายพยักหน้า“จะเอาอะไรไปโรง’บาลมั้ง ก็ต้องเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยเน้อ เดี๋ยวจะหาว่าแป้งไม่เตือน” นรินภัทรเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มเอาของที่กองใกล้เท้าพี่ชายยกขึ้น“รู้แล้วจ้า พูดมากเสียจริงเนอะ... เนอะ” ทำหน้าพยักพเยิดกับชูใจ เด็กน้อยที่ไม่ประสาก็พยักหน้ารับ สองลุงหลานรักใคร่ใกล้ชิดกันมากณัฐกรและอรนิลเปิดร้านขายน้ำชากาแฟอยู่ในตลาดสดยามเช้าที่แถวตลาดปากน้ำ ในตอนบ่ายก็จะว่าง แต่ทั้งสองก็เลือกที่จะหยุดในวันอาทิตย์ด้วย เพราะทำงานมากไปแบบไม่มีวันหยุดร่างกายก็เหนื่อยก็ล้าได้และที่จะเปิดเร็ว ๆ นี้คือโฮสเทลที่เอาตึกมาสร้างเป็นห้องพักให้นักท่องเที่ยวแบบราคาไม่แพง ก็อยู่แถวปากน้ำด้วยเช่นเดียวกัน“มะ... แม่พูดมาก” พูดยานคางด้วยเสียงน่ารัก แล้วส่งมือไปแตะที่หน้าท้องของคุณป้าอรนิล“น้องอยู่ในนี้ ออกมาไว ๆ นะ จะได้มาเล่นด้วยกัน”ทั้งลุงทั้งหลานเอาหูแนบไปกับหน้าท้องของอรนิล เธอ หยิบหมอนมาพิงด้านหลังและเอนตัวลงไปนอน แล้วพากันส่งเสียงหัวเราะคิกคัก เพราะเจ้าตัวเล็กในท้องของอรนิลแผลงฤทธิ์เดชถีบใหญ่ ทว่าอรนิลก็ทำท้องเกร็งแข็งขึ้นมาอีกนรินภัทรรีบยกของแล้วเดินเข้าครัว สีหน้าของนรินภัทรไม่ค่อยดีน
บทนำ“นี่คืออะไร” ใบหน้าเข้มคิ้วขมวดเข้าหากัน จ้องมองที่ตรวจครรภ์ในมือ แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็อยากจะถามให้ได้ยินกับหูของตัวเอง“พี่ราม แป้งท้องค่ะ” น้ำตานองหน้า ในใจเหมือนจะรู้คำตอบของคนตรงหน้าอยู่แล้วเขาเงยหน้าที่ก้มมองที่ตรวจครรภ์ในมือ ขึ้นมาจ้องหน้าของเธอ เขาถามย้ำ “พี่บอกแป้งตั้งแต่แรก ๆ ว่ายังไงนะ”“นอนกับพี่ได้แต่ห้ามท้อง” รามิลกลืนน้ำลายขม ๆ ลงไปในลำคอ เขาไม่อยากพูดแบบนี้เลย เขารู้ตัวดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คำว่า ‘ตัดไฟเสียแต่ต้นลม’ มันก้องอยู่ในหัวของเขานรินภัทรเหมือนถูกคำพูดของเขาตบไปที่ใบหน้าแบบจัง ๆ น้ำตาที่เอ่อท่วมเริ่มไหลรินอาบทั้งสองพวงแก้ม“อย่าคิดเอาลูก มาผูกมัดพี่ได้นะ อย่าคิดว่าท้องแล้วต้องให้พี่รับผิดชอบ”“แล้วพี่จะให้แป้งทำอย่างไรคะ”“ไปเอาออกเสีย” ++++++++++++++++เสียงฝีเท้าของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ วิ่งเข้ามาในบ้าน เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ข้อเท้าดังตามติดร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงเข้ามาด้วย“มะ... แม่ แม่ แม่...” เสียงพูดที่ยังไม่เป็นคำร้องเรียกหาผู้เป็นแม่ ทำให้นรินภัทรรีบวางปากกาวาดรูปในมือลงไปไว้ที่โต๊ะ รีบลุกขึ้นมา แล้วอ้าแขนรับเอาลูกสาวที่วิ่งหน้าตั้งมาหาด้วยความ