“อะไรนะเค้าเคยจะตามฆ่าแกเหรอ...เค้าจะแค้นแกเรื่องอะไรในเมื่อทุกอย่างมันก็เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด แล้วเค้าใหญ่มาจากไหนถึงขนาดจะฆ่าใครก็ทำเป็นว่าเล่นแบบนี้” ว่านรักเล่าให้เมษาฟังว่ามาคนๆคนนี้ตามฆ่าเธอเพราะเธอดันไปขับรถชนน้องสาวของเขาจนตายและที่เธอหนีมาอยู่ที่ไร่นี้ก็เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยถูกตามล่ามาแล้วรอบหนึ่งเมษที่ฟังอยู่ถึงกับกำมือแน่นไม่ อยากจะคิดเลยว่าจะมีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้อยู่จริงๆ
“ถ้าเป็นคนธรรมดาฉันคงไม่ต้องหนีมาอยู่ที่นี่หรอก นั่นไรอัน ฮิลล์ มาเฟียใหญ่ที่โน่นเลย” ว่านรักเอ่ยด้วยสีหน้าละห้อย
“ฉันถามแกจริงๆนะว่านแกเป็นคนประมาทจนขับรถชนคนขนาดนั้นเลยเหรอ” เมษาคิดไปคิดเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนเธอจะประมาทถึงขนาดนั้นได้อย่างไร
“คือ..ก็..วันนั้นฉันดื่มมานิดหน่อย” ใบหน้านวลเอ่ยจบก็หลบสายตาคนที่กำลังจ้องอยู่เล็กน้อยคำตอบและพฤติกรรมของว่านรักทำให้เมษารู้ได้ทันทีเลยว่าเพื่อนเธอกำลังโกหก
“แกโกหก..ฉันจำได้ว่าแกแพ้แอลกอฮอลล์...บอกมาให้หมดไม่อย่างนั้นฉันจะเค้นแกให้รำคาญตายไปเลย” มือน้อยยกชี้หน้าว่านรักก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งคาดโทษ
“เอ่อ..คือ...”
“พูดมาเดี๋ยวนี้” หลังจากถูกเค้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากเมษาว่านรักจึงต้องจำยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เมษาฟังแต่ก็ขอให้เก็บเป็นความลับ
“ฉันว่าแล้วยัยแม่พระที่แกเทิดทูนก็ไม่ใช่คนดีสักเท่าไรนักหรอก...ส่วนแกเรียนจบก็ใช้งานสารพัดนี่ยังมาให้รับผิดแทนยัยลูกสาวจอมเอาแต่ใจของตัวเองอีก” สองแขนของเมษาวาดกอดอกแน่นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธเธอ
“..เฮ้อ....” ว่านรักพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวจะทำอย่างไรได้ในเมื่อบุญคุณมันค้ำคอเธอแถมเธอเองก็ปฏิเสธคนไม่ค่อยจะเป็นเสียด้วย
24.00 น.
โรงแรมหรู
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นยัยฆาตกร” ชายหนุ่มต่างชาติร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดคลุมซาตินผืนบางสีเทาในมือถือแก้วแชมเปญยกดื่มอยู่ริมระเบียงด้านนอกของตัวห้องดวงตาคมโตหยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลก่อนจะเอ่ยบางคำออกมาด้วยความคับแค้นใจแม้นวันนี้เขาจะไม่เจอตัวเธอแต่เขาก็รู้ที่อยู่ของเธอแล้วไม่นานเขาจะทำให้ฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขาหายสาปสูญไปให้ได้
ไรอัน ฮิลล์ อายุ 32 ปี
มาเฟียหนุ่มร่างสูงราวสองเมตรใบหน้าคมเข้มตาคมประดุจเหยี่ยวคิ้วหนาได้รูปจมูกโด่งเป็นสันตรงริมฝีปากหนาเป็นกระจับมีสีชมพูระเรื่อร่างกายบึกบึนมีเพียงกล้ามเยื้อไม่มีไขมันด้วยเป็นคนชอบออกกำลังกายและรักษาสุขภาพดีเป็นที่หนึ่ง เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฮิลล์ ที่เลื่องชื่อเรื่องอิทธิพลในแถบยุโรป เป็นคนที่ค่อนข้างรักความสันโดษและรักครอบครัวมากที่สุด
เขาเป็นมาเฟียใหญ่ที่ทำธุรกิจทั้งขาวและเทารู้จักกันในแวดวงไฮโซว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่แทบจะใหญ่ที่สุดในแถบยุโรปเลยก็ว่าได้เขามีชื่อเสียงมากเพราะประสบความสำเร็จในตอนอายุยังน้อยซ้ำยังเป็นคนที่หล่อเหลาจนหาตัวจับยากสาวๆทายาทไฮโซทั้งหลายจึงจับจ้องเขากันตาเป็นมันแต่เขาก็ไม่คิดจะยุ่งด้วยเพราะสนใจแต่กับงานเท่านั้น
ไรอันเป็นคนเด็ดขาดมากพอสมควรเพราะต้องควบคุมองค์กรใหญ่ทำงานหามรุ่งหามค่ำในชีวิตของเขาหลังจากที่พ่อและแม่เสียในอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกเขาก็เหลือแค่น้องสาวและย่าที่สุขภาพไม่ดีนักอยู่ที่บ้าน
หลายปีมานี้เขาต้องทำงานหนักเพื่อที่อยากจะพักมือและหาเวลาอยู่กับครอบครัวแต่มันก็สายไปเพราะน้องสาวของได้จากไปก่อนเวลาอันควรโดยผู้หญิงที่ประมาทคนนั้นเธอที่ชื่อว่าว่านรัก เลิศพินิจ หญิงสาวที่รอดตัวจากคดีขับรถประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแม้ความยุติธรรมจะเอาผิดเธอไม่ได้เขาก็จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยลงทัณฑ์เธอเองไม่ว่าเธอจะหนีเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียวขนาดไหนเขาก็จะตามเธอไปทุกที่จนกว่าเขาจะได้แก้แค้น
“คุณไรอันครับ”
“มีอะไร” ร่างสูงหันขวับเมื่อได้ยินเสียงของลูคัสลูกน้องคนสนิทเข้ามาเรียกกลางดึก
“คุณท่านเข้าโรงพยาบาลด่วนครับ” ดวงตาสีน้ำข้าวของลูคัสไหวระริกด้วยความเป็นกังวลเพราะเอมม่าคุณย่าของไรอันเปรียบเสมือนคุณย่าของเขาด้วยเช่นกัน
“อะไรนะ” ไรอันรีบวางแก้วแชมเปญในมือก่อนจะเข้ามาถามเรื่องราวทั้งหมดกับลูคัส
ครู่ต่อมา
ไรอันต้องรีบสะสางงานที่ตั้งใจให้เสร็จเขาถึงจะกลับได้เพราะเขาไม่อยากมาเสียเที่ยวจึงให้ลูคัสนั้นกลับไปดูแลย่าของเขาให้ก่อนแล้วเขาจะตามไปทีหลังและย้ำลูคัสก่อนที่ลูคัสจะเดินทางว่าเรื่องที่เขามาสะสางที่นี่ห้ามให้ย่าของเขารู้เด็ดขาด
“ห้ามบอกอะไรกับคุณย่าของฉันเด็ดขาดเข้าใจใช่ไหม”
“ครับ” ลูคัสรับคำสั่งเรียบร้อยจึงออกจากโรงแรมเดินทางกลับไปที่อเมริกาทันที
วันต่อมา
สองสาวว่านรักและเมษาเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เจ้าหลังจากที่ปราโมทย์ขับรถออกไปตรวจตราความเรียบร้อยในไร่
“ไม่บอกตาก่อนเหรอแก” หญิงสาวทั้งสองคุยกันว่าจะออกต่างจังหวัดสักสองสามวันเพื่อที่จะหนีการตรามหาของไรอันว่านรักที่กำลังจะสตาร์ทรถกระบะคันเก่าของปราโมทย์ที่ตอนนี้ตกเป็นของเมษาเธอมองไปที่ไร่ตาละห้อยกลัวว่าปราโมทย์จะเป็นห่วงพวกเธอเมื่อไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว
“ไปก่อนแล้วค่อยบอกแกก็รู้ว่าเดี๋ยวตาก็ต้องรั้งให้เราอยู่รอคนที่มาหาแน่” เมษารู้ดีว่าหากบอกกับตาเธอก่อนมีหวังถูกเค้นเป็นแน่ว่าทำไมต้องเดินทางกะทันหันหนำซ้ำยังจะถูกดึงตัวไว้ให้เจอกับไรอันก่อนแน่นอน
"ยากล่อมประสาทนิดหน่อย...เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการจัดการกับเธอไง..หึ่..พี่สาวฉันเองฉันยังจัดการให้พ้นทางเลยนับประสาอะไรกับคนอื่นอย่างเธอ" ยาที่มินแฮนาใส่ให้เมษาเป็นเพียงยาที่ทำให้เป็นอมพาตทั้งตัวชั่วคราวแต่คนที่ทานเข้าไปจะได้ยินทุกอย่างที่เธอพูดแต่ต่อต้านอะไรเธอไม่ได้"เธอนี่มัน..อือ.." เมษานอนแน่นิ่งน้ำตาไหล"ยานี่ไม่ทำให้เธอหลับหรอกนะแค่มึนๆเธอจะได้เห็นเวลาที่เลือดเธอไหลนองบนพื้นยังไงล่ะ" มินแฮนานั่งลงตรงหน้าของเมษาก่อนจะชูมีดพกขึ้นมาและพูดด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านว่าการทำร้ายหรือฆ่าคนมันผิด"อือ..." เมษากลัวจนน้ำตาไหลพรากพยายามจะขยับตัวเท่าไรเธอก็ขยับไม่ได้แกร๊กกและแล้วทั้งสองหนุ่มก็เข้ามาช่วยเมษาได้ทันเพราะเขาถามพนักงานที่นี่แล้วว่ามินแฮนาพาใครมาที่นี่หรือเปล่าและเขาก็ได้รู้ว่ามินแฮนาพาเมษามาที่นี่จริงๆจึงรีบขอคีย์การ์ดสำรองขึ้นมาที่ห้องของมินแฮนา"ทำอะไรของคุณ" เจคอปเข้ามาเห็นมินแฮนาถทอมีดอยู่จึงผลักเธอออกไปอย่างรวดเร็วทันที“เมษา...” ไรอันเข้ามาดูเมษาก็รู้ว่าเธอน่าจะถูกมอมยาแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่นอนนิ่งเอาแต่น้ำตาไหลอยู่แบบนี้ไม่อยากจะคิดว่าหากพวกเขาเข้ามาไม่ทันอะไรจะเ
"...." สิ้นเสียงของมินแฮนาเมษาก็ตัวชาวาบพูดอะไรไม่ออกน้ำตารื้นขึ้นมากะทันหัน"คุณคิดว่าเค้าเป็นผู้ชายประเภทไหนก็คิดเอานะคะ" มินแฮนาเห็นท่าทีของเมษาเธอก็ค่อนข้างพอใจเมื่อว่าจบก็หันหลังกลับออกไปทันที ในส่วนของเมษาหลังจากที่มินแฮนากลับไปแล้วเธอก็เดินเข้ามาในบ้านร้องให้อย่างคนที่ไร้สติจนว่านรักต้องรีบถามด้วยความตกใจ"เม..เม...เป็นอะไร""ฮึก..ฮือๆๆๆ..ฮื่อๆๆๆๆ...ฉันมันโง่เอง""ใจเย็นๆก่อนนะ" ว่านรักพาเมษามานั่งที่โซฟาปลอบใจอยู่พักใหญ่จนได้คำตอบจากเมษาว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางด้านเจคอปตอนนี้ก็อยู่รอเมษากลับมาที่บ้านของไรอันเขายังยุ่งกับการคุยโทรศัพท์เรื่องที่บ้านไม่น้อยเพราะต้องการให้คนรื้อห้องของมินโฮรินไปให้เร็วที่สุดไม่ใช่ว่าเขาพึ่งจะอยากรื้อแต่เขาเองก็พึ่งจะมีเวลาอยู่บ้านนานๆก็คราวนี้"ครับรื้อของห้องนั้นให้หมดเลย.." "รื้ออะไรของแก" ไรอันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเพื่อนของเขาคุยโทรศัพท์จบ"พวกห้องเก่าโฮริน...พึ่งจะได้ฤกษ์รื้อนานๆจะอยู่บ้านที""อืม...รื้อก็ดีแล้วล่ะ" ไรอันเห็นด้วยที่เจคอปจะรื้อเพราะหาเมษารู้ว่าของพวกนั้นเป็นของใครเธอก็คงจะไม่โอเคเท่าไรนัก"ไปไหนกันมาเหรอครับ" เจ
เช้าวันต่อมา"คุณตัวร้อนทั้งคืนเลยกินข้าวกินยาก่อนนะครับ" "ค่ะ.." เมื่อคืนเมษาเป็นไข้ตัวร้อนจนเจคอปต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืนเมื่อหญิงสาวตื่นมาในช่วงเช้าเจคอปจึงให้เธอรีบทานข้าวทานยาเสียก่อน"ผมขอโทษที่ทำให้คุณป่วย" คนตัวโตโผเข้ากอดร่างบางด้วยความรู้สึกผิดไม่คิดว่าการกระทำของเขาจะทำให้หญิงสาวถึงกับไข้ขึ้น บ่ายของวัน"อือ...อืม.." หลังจากที่เมษาทานข้าวทานยาเรียบร้อยในช่วงเช้าเธอก็นอนพักผ่อนจนตื่นมาในช่วงบ่ายตอนนี้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อเช้ามากพอสมควร"ตื่นแล้วเหรอครับ..คุณดูนี่สิ" เจคอปที่นั่งวาดรูปหญิงสาวที่กำลังหลับด้วยดินสอพักใหญ่เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเขาก็วาเสร็จพอดีจึงรีบอวดหญิงสาวให้เธอได้ดูว่าเขาก็มีฝีมือพอตัวเหมือนกัน"หืม..คุณก็มีฝีมือเหมือนกันนะคะ" "ตอนคุณหลับน่ารักที่สุดเลย" "ตอนตื่นไม่น่ารักหรือไง" หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงอ่อน"น่ารักมาก""......" น้ำเสียงทุ้มว่าจบหญิงสาวก็ก้มหน้างุดไม่คิดว่าคนอย่าเขาจะปากหวานเป็นด้วยเหมือนกัน เย็นของวัน"เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น" หลังจากที่เมษากลับมาได้ว่านนรักก็เค้นสอยบสวนเพื่อนเธอเป็นการใหญ่"คือ..." เมษาไม่ได้คิดจะปิดบั
สามวันต่อมา วันนี้เจคอปเข้ามารับเมษาที่บ้านไรอันแต่เช้าเพราะรู้ว่าเธอใกล้ถึงกำหนดที่จะกลับเมืองไทยแล้วเขามีที่ที่หนึ่งที่อยากจะพาหญิงสาวไปดู"ที่นี่เป็นบ้านที่ผมซื้อไว้นานแล้ว" เจคอปพาเมษาออกมาจากบ้านของไรอันไม่ไกลนักแล้วเขาก็เลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังสีขาวที่สร้างโครงสร้างผิดแปลกไปจากบ้านที่นี่อยู่มากเพราะมันเหมือนบ้านคนในเกาหลีหรือญี่ปุ่นมากกว่าบ้านในอเมริกา"ที่นี่มีแต่อุปกรณ์วาดภาพคุณก็ชอบวาดภาพเหมือนกันเหรอ" เมษาเดินเข้ามาในบ้านตรงกลางเป็นห้องโล่งทางซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นเล็กๆส่วนขวามือเป็นห้องใหญ่ที่เป็นกระจกทั้งหมดพอเธอเดินเข้ามาด้านในพบว่าในห้องนี้น่าจะเป็นห้องที่เอาไว้สร้างสรรค์งานศิลปะเพราะที่นี่มีอุปกรณ์วาดภาพและพวกสีค่อนข้างครบครันจึงหันมาถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างแปลกใจเพราะเขาไม่เคยบอกเธอเลยว่าเขาชอบวาดภาพเหมือนกัน"ก็เคยลองวาดแต่ก็ไม่ได้เก่งเท่าไรคุณชอบที่นี่หรือเปล่า" เจคอปพอจะวาดเป็นอยู่บ้างเพราะแฟนเก่าของเขาเป็นคนสอนแต่เขาก็ไม่ได้ชอบมันจนวาดเก่งเป็นมืออาชีพแบบเมษาที่เขาพาหญิงสาวมาที่นี่เพราะเขาอยากรู้ว่าเธอชอบที่นี่หรือไม่หากชอบเขาก็อนุญาตให้เธอมาที่นี่ได้ตลอดเวลา
ชั่วโมงต่อมา"ตื่นเต้นจังเลยว่าน" เมื่อมาถึงในงานสองสาวดูจะตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเพราะงานนี้คนค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร"ฉันก็เหมือนกันถึงจะพบเจอคนบ่อยตอนที่ทำงานที่นี่แต่ก็ไม่เคยเจอเยอะขนาดนี้นับว่างานนี้ใหญ่จริงๆเลยนะเป็นเกียรติที่ผลงานแกจะได้มาประมูลที่นี่" ว่านรักจับมือเมษาไว้แน่นเมื่อก่อนเธอเองก็ทำงานกับคนเยอะแยะมากมายแต่งานนี้เธออดประหม่าไม่ได้จริงๆ"รู้สึกภูมิใจจัง..อยากจะรู้ว่ารูปของฉันจะได้ราคาประมูลเท่าไร" เมษาไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะมาอยู่จุดนี้จะมาเป็นศิลปินที่ผู้คนต่างให้ความสนใจผลงานของเธอ"นั่นสิ" ว่านรักยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะเธอก็ภูมิใจไปกับเมษาด้วยเช่นกันครู่ต่อมาตอนนี้เมษาและเจคอปอยูในงานเพียงแค่สองคนเพราะไรอันและว่านรักพาเด็กๆไปเดินเล่นข้างนอกเนื่องจากพอเจอคนมาทักทายมากหน้าหลายตาเข้าเจ้าสองแสบก็เริ่มงอแง"คุณ..ภาพวาดของฉันจะได้ประมูลตอนไหน" เมษาเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อตอนนี้รูปภาพของศิลปินท่านอื่นเริ่มประมูลกันไปบ้างแล้วและแต่ละภาพผู้คนก็สู้ราคากันจนใจขาดเลยทีเดียว"อีกเดี๋ยวก็ได้ขึ้นประมูลแล้ว" เจคอปจับมือเมษาเอาไว้แน่นเพื่อให้เธอลดอาการประหม่าลงเพราะอีกไม่กี่ภาพก็จะเป็นภ
"ไม่ใช่หรอกคนอย่างเจคแยกแยะทุกอย่างชัดเจน..." ไรอันไม่ได้คิดแบบว่านรักสักนิดเพราะเขารู้จักนิสัยเพื่อนของเขาดี"อืม...อย่างนั้นฉันก็ค่อยโล่งใจค่ะ""ทำไมต้องโล่งใจ..มีอะไรหรือเปล่า" ไรอันเหลือบสายตามองคนเป็นภรรยาอย่างคราแครงใจ"เอ่อ..ไม่มีค่ะนอนกันเถอะ" ร่างบางปฏิเสธที่จะตอบก่อนจะล้มตัวนอนลงใต้ผ้าห่มผืนหนา"ถ้าคุณไม่ตอบคืนนี้ไม่ให้พักแน่" ไรอันรวบกอดภรรยารักไว้แน่น"ไรอัน...ทำไมเป็นคนแบบนี้คะ""ตอบมาเดี๋ยวนี้เลย""ฉันก็แค่..คิดว่าเพื่อนฉันคงชอบคุณเจคค่ะ" ด้วยความที่อยากพักผ่อนจึงตอบสามีเธอไปแต่โดยดี"อืม...งั้นเหรอ..ผมก็คิดเหมือนคุณเลยแต่เป็นเจคที่เหมือนจะชอบเมษานะ" ไรอันคลายกอดว่านรักเล็กน้อยยอมรับว่าเขาก็คิดเรื่องสองคนนี้เหมือนกัน"จริงเหรอคะ" ว่านรักยิ้มอ่อนดีใจที่ดูเหมือนเมษาและเจคอปจะใจตรงกัน"อืม... ตอนนี้แค่คิดแต่ต้องดูกันต่อไปว่าจะจริงอย่างที่คิดหรือเปล่า" ไรอันยังไม่รับปากว่าความคิดของเขาถูกแค่ต้องรอดูต่อไปเท่านั้น วันต่อมา"อ้าวคุณมาทำอะไรเหรอ" เมษานั่งเล่นอยู่หน้าบ้านเห็นเจคอปขับรถเข้ามาจึงแปลกใจว่าเขามาทำอะไรที่นี่ทั้งที่วันนี้ก็บอกเองว่าให้เธอพัก"อ๋อ...มาหาเด็กๆน่ะ" คนตั