ฌาริยาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะมีนัดสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งที่เธอสมัครไปนั้นเป็นตำแหน่งพนักงานบัญชี ฌาริยารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในขณะที่นั่งรอสัมภาษณ์ หญิงสาวกำมือแน่น มือทั้งสองข้างเหงื่อชื้นออกมา ฌาริยารอจนกระทั่งถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอ
และแล้วการสัมภาษณ์งานก็ผ่านพ้นไป เธอได้งานนี้ด้วยเงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาท โดยเริ่มงานสัปดาห์หน้า ฌาริยาดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบโทรบอกข่าวดีกับผู้เป็นป้า ก่อนจะรีบเดินทางกลับเชียงรายในค่ำคืนนั้น “ป้าไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ มั้ยคะ?” “ป้าว่ารออีกสักหน่อยดีกว่านะ..รอให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ส่วนน้องเฌอ ฌาไม่ต้องเป็นห่วงป้าจะดูแลให้ดีที่สุด” “ใจจริงฌาก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไป ตั้งแต่น้องเฌอเกิดมาฌาไม่เคยอยู่ห่างจากลูกเลยสักวัน เอาไว้ถ้าฌาทดลองงานผ่านโปรเมื่อไหร่ ป้ากับน้องเฌอย้ายไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ นะคะ น้องเฌอจะได้ไปโรงพยาบาลได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกล” “ป้าว่าแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” “แม่ฌา จะไปไหนเหรอคะ ให้น้องเฌอไปด้วยได้มั้ย?” “แม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ ค่ะ น้องเฌออยู่กับยายนะคะ” “ไม่เอา..น้องเฌอจะอยู่กับแม่ฌา” “แม่จะไปหาเงินมารักษาน้องเฌอไงคะ น้องเฌอจะได้หายป่วยยังไงคะลูก น้องเฌอไม่ดื้อไม่งอแงนะคะ อยู่กับยายก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะมารับน้องเฌอกับยายไปอยู่ด้วยกัน โอเคมั้ยคะ?” “ก็ได้ค่ะ..แต่แม่ฌาต้องโทรมาหาน้องเฌอทุกวันนะคะ” “ได้เลยค่ะ” และในค่ำคืนนั้นฌาริยาก็นอนกอดลูกสาวร้องไห้ทั้งคืน เพราะต้องอยู่ห่างจากลูก แต่เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องฝากลูกไว้ให้ผู้เป็นป้าดูแล ถ้าทุกอย่างลงตัวเธอจะรีบมารับลูกกับป้าไปอยู่ด้วยกัน หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ฌาริยาขึ้นรถทัวร์มากรุงเทพฯ ในวันเสาร์ เนื่องจากเธอต้องมาหาที่พักที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัท โชคดีที่มีห้องพักราคาไม่แพงมาก เป็นตึกแถวสามชั้นแต่ละชั้นก็มีหลายห้องติดกัน แต่เป็นห้องเปล่าๆ ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีแค่พัดลมเพดานเท่านั้น ฌาริยาตกลงเช่าทันทีเพราะอยู่ใกล้กับบริษัท เธอสามารถเดินไปทำงานได้ หลังจากที่ ฌาริยาจ่ายค่ามัดจำเสร็จเรียบร้อย เธอจึงไปหาซื้อของใช้จำเป็นเข้าห้อง เมื่อจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพักผ่อน ก่อนที่จะโทรหาลูกสาวในช่วงค่ำๆ “น้องเฌอทำอะไรอยู่คะ..ทานข้าวกับอะไรเอ่ย” (น้องเฌอกำลังเล่นตุ๊กตาอยู่ค่ะ น้องเฌอทานกับแกงจืดค่ะ) “แม่คิดถึงน้องเฌอนะคะ” (น้องเฌอก็คิดถึงแม่ฌาค่ะ) “น้องเฌอห้ามดื้อกับยายนะคะ” (น้องเฌอเป็นเด็กดี ไม่ดื้อค่ะ) “ดีมากค่ะ น้องเฌอของแม่เก่งที่สุดเลย” “น้องเฌอนอนได้แล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่โทรหาใหม่ ฝันดีนะคะ” (ฝันดีค่ะ) หลังจากวางสาย ฌาริยาก็อาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน เธอลองคำนวนคร่าวๆ ว่าเงินเดือนที่ได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจะเหลือเก็บเดือนละเท่าไหร่ ค่าเช่าห้องสองพันบาทถ้ารวมค่าน้ำค่าไฟก็น่าจะประมาณสามพันบาท ค่าอาหารหนึ่งมื้อก็ประมาณห้าสิบบาท ถ้าเธอกินแค่สองมื้อหนึ่งวันก็ตกวันละหนึ่งร้อยบาท หนึ่งเดือนก็สามพันบาทรวมค่าเช่าห้อง ก็เป็นหกพันบาท เธอจะเหลือเงินเก็บเดือนละหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท บริษัทที่ฌาริยาทำนั้นหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอกำลังคิดว่าเธอจะหางานพิเศษทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปเดินหางานพิเศษแถวนี้ดูที่สามารถทำได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์ และในที่สุด ฌาริยาก็ได้งานพิเศษที่ทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ นั่นก็คืองานเสริฟอาหารที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสองทุ่มได้ค่าแรงวันละสี่ร้อยบาท วันจันทร์ วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของฌาริยาในตำแหน่งพนักงานบัญชี หัวหน้าฝ่ายบุคคลให้เธออ่านรายละเอียด กฎข้อบังคับต่างๆ ของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเกี่ยวกับอุกปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นก็พาเธอไปแนะนำให้แต่ละฝ่ายได้รู้จักพนักงานใหม่ และสุดท้ายก็พาเธอไปส่งยังฝ่ายบัญชี “สวัสดีพี่ๆ ทุกท่านค่ะ ชื่อฌาริยาค่ะ เรียกฌา เฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆ นะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ฌาริยากล่าวแนะนำตัวเอง ก่อนที่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีจะแนะนำพนักงานทุกคนในฝ่ายให้เธอได้รู้จัก ฌาริยาต้องเรียนรู้งานจากผู้จัดการฝ่ายบัญชีโดยตรง ซึ่งหัวหน้าของเธอนั้นเป็นผู้หญิงสูงวัย ดูท่าทางใจดี ฌาริยาจึงลดความประหม่าลง เธอเรียนรู้งานได้ไวจนผู้จัดการฝ่ายบัญชีเอ่ยชม “ฌาก็เก่งนะ เรียนรู้ไว พี่บอกแป๊บเดียวฌาก็เข้าใจแล้ว” “ขอบคุณมากค่ะพี่ดา” ดาริกาผู้จัดการฝ่ายบัญชีของเธอ “ค่อยๆ เรียนรู้ไป มีอะไรไม่เข้าใจถามพี่ได้นะ” “ค่ะ..ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” ฌาริยาทำงานที่นี่ด้วยความสบายใจ มีหัวหน้าที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ฌาริยารู้สึกโชคดีที่ได้งานที่บริษัทแห่งนี้ “ฌา..เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันเถอะ” เสียงของ แพรวาเอ่ยชวน เพื่อนร่วมงานคนนี้ของเธอที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้ฌาริยาสนิทกับแพรวามากกว่าคนอื่น “แป๊บนึงนะแพร..ฌาเก็บของก่อน” “โอเคจ่ะ” จากนั้นสองสาวก็พากันไปทานอาหารกลางวันที่ร้านขายอาหารตามสั่งที่ฌาริยาไปรับจ๊อบพิเศษอยู่ “อ้าวฌา เอาอะไรดีวันนี้” “ฌาเอากะเพราหมูสับค่ะเจ๊ แพรเอาไร” ฌาริยาตอบเจ้าของร้านก่อนจะหันไปถามแพรวา “แพรเอากรฝะเพราหมูกรอบจ่ะ” “โอเค รอแป๊บเดียว เหลืออีกสองคิว” “เออฌา แพรถามไรหน่อยสิ” “อืม..ถามมาสิ” “เราอายุเท่ากันทำไมแพรถึงพึ่งเรียนจบล่ะ..จริงๆ ต้องเรียนจบเมื่อสองปีที่แล้วๆ นะ” “คือฌามีปัญหานิดหน่อยหลังจากที่เรียนจบมอหกน่ะ ฌาก็เลยหยุดเรียนไป แล้วพึ่งได้มีโอกาสกลับไปเรียนเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา” “อ่อๆ ปัญหาอะไรบอกได้ปะ?” แพรวาถามด้วยความอยากรู้ “ถ้าฌาบอกแพรแล้ว แพรอย่าไปบอกใครนะ” “โอเค แพรสัญญา” “ฌาท้อง” “เฮ้ย! จริงดิ แล้วตอนนี้ลูกฌาอยู่ที่ไหน? ผู้หญิงหรือผู้ชาย? แล้วชื่ออะไร?” แพรวาถามจนฌาริยาไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี “ลูกแพรอยู่กับป้าที่เชียงราย เป็นผู้หญิงชื่อน้องเฌอ อายุห้าขวบแล้ว” “ชื่อน่ารักจัง ต้องสวยเหมือนแม่แน่ๆ เลย” “เดี๋ยวฌาเอารูปให้ดู” พูดจบฌาริยาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปลูกสาวให้แพรวาดู “ลูกฌาน่ารักมากๆ เลย โตมาต้องสวยมากแน่ๆ” “ลูกฌาป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ที่ฌาต้องมาหางานทำที่กรุงเทพฯ ก็เพราะต้องการเงินไปรักษาลูก” “จริงเหรอฌา..น่าสงสารจัง แล้วสามีของฌาล่ะ” “ฌาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวน่ะ” “จริงเหรอ..แพรขอโทษนะที่ถาม” “อืม..ไม่เป็นไร” “ถ้าฌามีอะไรให้แพรช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” “ขอบใจแพรมากๆ เลยนะ” “อืม” จากนั้นทั้งสองคนก็ทานอาหารกลางวันและพากันกลับไปทำงานสองปีผ่านไป“น้องฌาร์ม..ไม่วิ่งนะคะ เดี๋ยวล้มค่ะ” ฌาริยาเดินอุ้ยอ้ายตามลูกสาวคนเล็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าข้างบ้านใช่แล้ว! เธอท้องลูกคนที่สามได้ยี่สิบเจ็ดสัปดาห์ หรือเจ็ดเดือนแล้ว ธนัทธามนั่นแหละที่ขอร้องอ้อนเธอว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ตอนแรกเธอปฏิเสธเพราะยังเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้อายุพึ่งจะสามขวบ แต่เธอก็ทนการรบเร้าของสามีไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องตามใจสามีอันเป็นที่รักส่วนเด็กหญิงเฌอริตานั้น ตอนนี้ก็เริ่มโตเป็นสาวช่วยแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว และตอนนี้ก็กำลังช่วยยายภาจัดเตรียมของว่างอยู่ “ป้อ ป้อ” เสียงเรียกพ่อของเด็กหญิงฌาริญญา หรือน้องฌาร์ม ดังขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาหา“ว่าไงคะ..คนเก่งของพ่อ” ธนัทธามยื่นแขนไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวาจนเด็กน้อยหัวเราะ คิกๆ เพราะจั๊กจี้“กลับมาแล้วเหรอคะ? คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ฌาริยาเอ่ยถามสามีเมื่อเห็นว่าเขากลับมาไวกว่าปกติ“ก็เหมือนเดิม คิดถึงลูก คิดถึงเมีย ก็เลยรีบกลับ เหมือนจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวด้วย” ธนัทธามยังคงดูแลทุกอย่าง ทุกคนอยู่เหมือนเดิม“เดี๋ยวคืนนี้ฌานวดให้นะคะ”“นาบด้วยได้มั้ย?”
ห้าเดือนผ่านไปฌาริยาตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สามแล้ว เหลืออีกประมาณสองเดือนเธอก็ใกล้จะคลอดแล้ว เมื่อห้าเดือนก่อนธนัทธามพาฌาริยาไปจดทะเบียนสมรส และไปฝากครรภ์ ตอนนี้เขาและเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมาห้าเดือนแล้ว ชีวิตของฌาริยาในตอนนี้มีความสุขมากๆ ธนัทธามไปรับป้านิภามาอยู่ด้วยกัน และในตอนนี้เขาได้ซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า มีพื้นที่ไว้ให้ลูกๆ เล่นอย่างกว้างขวาง และมีสระว่ายน้ำอยู่ภายในบริเวณบ้านด้วย เรียกได้ว่าชีวิตของเธอตอนนี้สมบูรณ์แบบที่สุด มีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอกับลูก และที่สำคัญสามีของเธอนั้นไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ธนัทธามเองก็ยังกลับไปดูแลบุพการีในวันเสาร์อาทิตย์เช่นเดิม ฌาริยารู้ว่าเขาเหนื่อย ไหนจะต้องทำงานที่บริษัท ไหนจะต้องดูแลบิดามารดา และยังต้องดูแลเธอกับลูกอีก ฌาริยาจึงพยายามแบ่งเบาภาระของเขาให้ได้มากที่สุด เธอไม่อยากให้เขาเหนื่อยจนเกินไป แต่เธอก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะตอนนี้เธอก็ท้องแก่ใกล้จะคลอดแล้ว พวกงานบ้านต่างๆ และการทำอาหารตอนนี้กลายเป็นหน้าที่ของป้านิภาไปแล้ว ส่วนฌาริยาก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ แต่จะดูแลเด็กหญิงเฌอริตาเป็นหลัก และอีกเรื่องที่
สองเดือนผ่านไปอุ๊บ! อุ๊บ! ฌาริยาตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำอย่างไว ก่อนจะอ้วกออกมาจนหมดหรือว่าเราจะท้อง? ต้องเป็นวันนั้นแน่ๆ เลย วันที่เธอโดนธนัทธามฝืนใจ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่สบายจึงลืมกินยาคุมฉุกเฉิน เพราะเธอหยุดกินยาคุมกำเนิดตั้งแต่ที่จบความสัมพันธ์กับเขาแล้วถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไรดี?หลังจากที่ธนัทธามไปส่งเด็กหญิงเฌอริตาที่โรงเรียนและเขาก็เลยไปทำงาน ฌาริยาจึงรีบขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เธอต้องการตรวจให้แน่ใจว่าท้องจริงหรือเปล่า“ยินดีด้วยนะคะ คนไข้ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ” สิ้นเสียงของหมอ โสตประสาทสัมผัสของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปนานหลายวินาที“ดิฉันท้องจริงๆ ใช่มั้ยคะ? คุณหมอ”“ใช่ค่ะ คนไข้จะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ?”“เอ่อ..ยังค่ะ”“ได้ค่ะ.งั้นเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้นะคะ ถ้าคนไข้จะมาฝากครรภ์คราวหน้าให้พาคุณพ่อมาด้วยนะคะ”“อ๋อค่ะ”ฌาริยาออกจากโรงพยาบาลและกลับมาถึงบ้านในสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงนัก เธอนั่งมองภาพอัลตร้าซาวด์ลูกน้อยที่อยู่ในท้องของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีทั้งความดีใจ มีทั้งความกังวลใจ ตอนนี้เ
หลังจากที่ไข้ลดฌาริยาก็ไปทำอาหารเช้า เธอปล่อยให้เขานอนอยู่อย่างนั้น เธอไม่กล้าปลุกเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น เธอไม่รู้ว่าเขาได้นอนตอนไหน“แม่ฌาหายดีแล้วเหรอคะ?” เด็กน้อยที่พึ่งตื่นงัวเงียถามมารดา“แม่ดีขึ้นแล้วค่ะ วันนี้น้องเฌอคงต้องลาอีกหนึ่งวันนะคะ เดี๋ยวแม่โทรบอกคุณครูเองค่ะ” “ได้ค่ะ” “น้องเฌอหิวหรือยังคะ? แม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว”“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ แล้วพ่อธามล่ะคะ?” เด็กน้อยตอบก่อนจะถามหาบิดา“พ่อธามหลับอยู่ค่ะ” “เมื่อวานพ่อธามดูแลแม่ฌาทั้งวันเลยค่ะ เพราะแม่ฌาไม่สบายตัวร้อน แล้วพ่อธามก็ทำอาหารให้น้องเฌอทาน อาบน้ำให้น้องเฌอ แล้วก็พาน้องเฌอเข้านอน เสร็จแล้วพ่อธามก็ไปดูแลแม่ฌาต่อค่ะ” เด็กน้อยอธิบายจนเธอเห็นภาพ“จริงเหรอคะ?” “จริงค่ะ” “งั้นเราปล่อยให้พ่อธามนอนพักผ่อนดีมั้ยคะ?”“ดีค่ะ” จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันเล่นของเล่นอยู่ในห้องรับแขกธนัทธามตื่นมาอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมง ขณะนั้น ฌาริยากำลังทำอาหารกลางวันอยู่“ดีขึ้นแล้วเหรอ? ถึงมาทำอาหารได้” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นหอมเหมือนแกงจืดอะไรสักอย่าง“ไม่มีไข้แล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้ฌาต้องเ
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฌาริยาจึงเดินมาเปิดประตู“คุณธามมีอะไรหรือเปล่าคะ?” “ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่หากเป็นฝ่ายถามเธอกลับ“หลับแล้วค่ะ มีอะไรคะ?” “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาตอบเสียงเรียบ“เรื่องอะไรคะ?” เธอเลิกคิ้วถามออกมา“จะยืนคุยกันตรงประตูนี่หรือไง?” ฌาริยาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบออกไป“งั้นก็ออกไปคุยกันข้างนอกก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลูกจะตื่น” พูดจบเขาและเธอก็เดินออกมาจากห้อง เธอปิดประตูและหมุนตัวมาคุยกับเขา“คุณธามมีอะไรจะคุยกับฌาคะ?” “ฉันไม่ชอบให้ฌาไปคุยหรือสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น” “ฌาจะคุยกับใครหรือสนิทกับใครมันก็สิทธิ์ของฌาหรือเปล่าคะ?” “ฌาไม่มีสิทธิ์คุยกับผู้ชายคนอื่น”“คุณธามก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฌาเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”“ฉันไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ? สงสัยต้องทบทวนหน่อยล่ะมั้งว่าเราเป็นอะไรกัน” พูดจบเขาก็จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาและตรึงเธอไว้กับประตูห้อง“คุณธาม จะทำอะไร?” “ก็ทำแบบนี้ไง” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาก็ประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของเธอ และสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวาน เขาบดจูบเธออย
วันเสาร์วันนี้เด็กหญิงเฌอริตาตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนศิลปะ เด็กน้อยดีใจที่จะได้เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันซึ่งมีอายุเท่ากัน “มาตา มานานแล้วเหรอ?” เด็กหญิงเฌอริตาเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยู่ที่ศูนย์แกลลอรี่ก่อนแล้ว“อืมม เราพึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง นี่คุณพ่อของเรา” เด็กหญิงคนที่ชื่อมาตาแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับบิดาของเธอ“สวัสดีค่ะ คุณลุง” เด็กหญิงเฌอริตายกมือไหว้บิดาของเพื่อน“สวัสดีครับ น้องเฌอใช่มั้ยครับ เห็นมาตาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ” “ใช่ค่ะ ส่วนนี่แม่ของน้องเฌอเองค่ะ” เด็กน้อยหันไปแนะนำมารดา“สวัสดีค่ะ คุณน้า คุณน้าสวยจังเลยค่ะ” เด็กหญิงมาตายกมือไหว้มารดาของเพื่อนพร้อมกับเอ่ยชม“สวัสดีค่ะ น้องมาตา ขอบคุณมากนะคะ” ฌาริยายิ้มออกมา“เอ่อ..สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเอ่อ..” มานพ บิดาของเด็กหญิงมาตากล่าวทักทายหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอสวยเหมือนที่มาตาพูดจริงๆ ด้วย“สวัสดีค่ะ ฌาริยาค่ะ เรียกฌาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” “ผมมานพนะครับ เรียกนพเฉยๆ ก็ได้ครับ” “อ๋อค่ะ คุณนพ”หลังจากนั้นเด็กน้อยสองคนก็เข้าคลาสเรียนศิลปะ ส่วนผู้ปกครองของเด็กหญิงทั้งสองก็ไปนั่งดื่