วันต่อมาหลังจากที่คามิลลาหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ทำงานได้ไม่นานเธอก็ถูกพายัพเรียกให้ไปพบประธานหนุ่มที่ห้อง เธอแทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้รู้แล้วรู้รอดระบายความหงุดหงิด แต่ก็ทำได้แค่หวีดร้องในใจแล้วลุกไปหาเขาตามคำสั่ง
“คิดจะเล่นงานกันแต่เช้าเลยหรือยังไงกัน” เสียงหวานพึมพำออกมาอย่างนึกโมโหขณะที่กำลังเดินไปยังห้องประธานหนุ่ม เขาคงจ้องเล่นงานเธออยู่สินะพอมาถึงปุ๊บก็ให้ลูกน้องมาตามปั๊บกะจะไม่ให้พักหายใจหายคอกันเลยหรืออย่างไรยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ขุ่นมัว
เธอยืนถอดหายใจกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องทำงานประธานหนุ่มเนินนานหลายนาที ก่อนหลับตาพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ ท่องยุบน้อพองน้อระงับสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง พออารมณ์นิ่งสงบจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
“เข้ามา” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนด้านในจึงเปิดประตูเข้าไป ทว่าเพียงเห็นหน้าประธานหนุ่มอารมณ์ที่นิ่งสงบของเธอก็ขุ่นมัวอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ยังเก็บอาการได้ดี ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเพราะรู้ว่าอีกคนคงจ้องจับผิดเธออยู่ เดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานของเขาแล้วกล่าวทักทายตามปกติ “สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“ผมจะให้คุณมาทำหน้าที่เลขาแทนนิดาที่ลาคลอดชั่วคราว” ประภากรณ์เพียงพยักหน้ารับแล้วบอกกล่าวจุดประสงค์ที่เรียกพนักงานสาวมาพบทันที
“ห๊ะ!” คามิลลาถึงกับหลุดอุทานออกมาเสียงดังด้วยความลืมตัวมองใบหน้าหล่อเหลาตาปริบ ๆ มันเป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง และไม่คิดเลยด้วยซ้ำ
อีกคนกลับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่พนักงานสาวหลุดปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา นึกว่าจะตีหน้านิ่งเหมือนคนไม่มีความรู้สึกเป็นอย่างเดียว แต่เพียงเสี้ยวนาทีรอยยิ้มก็มลายหายไป เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าถามอย่างจับพิรุธ “ทำไมคุณมีอะไรติดขัดงั้นเหรอคามิลลา”
“ไม่ค่ะดิฉันแค่ตกใจที่จู่ ๆ ท่านประธานก็จะให้มาเป็นเลขาแทนคุณนิดา อีกอย่างดิฉันไม่เคยเป็นแลขามาก่อนเกรงว่าจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีค่ะ” แต่มีหรือคนอย่างคามิลลาจะยอมให้จับพิรุธได้ รีบปรับสีหน้าท่าทางให้ราบเรียบเหมือนเดิมใช้ไหวพริบหาเหตุผลมาอ้างได้อย่างแนบเนียนจนคนฟังอึ้งไม่น้อย
เธอช่างหาเหตุมาอ้างได้ดีจริง ๆ นอกจากจะทำหน้าซื่อตาใสเก่งแล้วยังไหวพริบดีอีกต่างหากยิ่งได้ใกล้ชิดทำไมยิ่งรู้สึกว่าเธอมีอะไรที่น่าค้นหามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมนึกว่าคุณกลัวอะไรเสียอีก” เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเริ่มพูดจายั่วอารมณ์ต่อ แววตาทอประกายจับจ้องใบหน้าเรียบนิ่งอย่างจับผิด
“คนอย่างดิฉันไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วค่ะท่านประธาน” คามิลลายังคงเก็บอาการได้ดีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ส่ออาการใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจที่ประธานหนุ่มพูดจาจับผิดเธอก็ตาม แต่คำพูดที่ตอบไปฟังดูดี ๆ ก็จะรู้ว่าเธอเอ่ยแดกดันเขาอยู่ต่างหาก
ประภากรณ์รับรู้ได้ผ่านน้ำเสียงและคำว่าท่านประธานที่พนักงานสาวเอ่ยเน้นหนักเขาเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนหุบยิ้มลง “หน้าที่แรกของคุณคือต้องบินไปพบลูกค้ากับผมที่ภูเก็ตพรุ่งนี้ ต้องไปอยู่ที่นั่นสี่วันเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมกับคำบอกกล่าวของประธานหนุ่มบอกตามตรงว่าเธอไม่ไว้ใจเขาเสียเลยทำไมทุกอย่างมันถึงได้พอเหมาะพอดียังกับจับวางขนาดนี้กันนะอดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแผนการของเขา
จะปฏิเสธไปก็คงไม่ได้เพราะเขาเป็นเจ้านาย อีกอย่างหากปฏิเสธไปเขาคงหาว่าเธอกลัวอะไรอีกซึ่งบอกไว้เลยว่าคนอย่างเธอไม่กลัวอยู่แล้วจะมาไม้ไหนก็พร้อมรับมือ
“ค่ะ แล้วดิฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” ใบหน้าเรียวยิ้มรับคำสั่งพร้อมถามไถ่ไปอย่างเป็นมืออาชีพ พยายามสลัดความคิดเรื่องส่วนตัวออก คิดในแง่บวกว่ามันคืองานถือเสียว่าเธอจะได้สร้างสมประสบการณ์ในการทำงานได้ท้าทายความสามารถ และพัฒนาตัวเองไปด้วย
“เรื่องที่พักและการเดินทางลูกน้องผมจัดการไว้หมดแล้ว ส่วนคุณแค่ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าที่ผมต้องไปพบ” เขาว่าพลางหยิบแฟ้มเอกสารข้อมูลของลูกค้ายื่นให้พนักงานสาว
“ค่ะ” คามิลลาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับรับแฟ้มเอกสารมาเปิดดูคร่าว ๆ ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาไม่เอาลูกน้องมาทำหน้าที่เลขาแทนเพราะอยู่ข้างกายเข้าตลอดน่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละเขาคงต้องการทำให้เธอยอมรับว่าเป็นผู้หญิงในคืนนั้นจึงทำแบบนี้
“พรุ่งนี้ออกเดินทางเก้าโมงเช้าคุณมารอหน้าบริษัทแล้วกัน”
“ค่ะ” สิ้นเสียงหวานภายในห้องก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานนับนาที ก่อนประภากรณ์จะเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะยื่นไปตรงหน้าพนักงานสาว “คุณมาทำหน้าที่เป็นเลขาแล้ว ผมจำเป็นต้องมีช่องทางการติดต่อคุณ”
คามิลลาขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้อยากจะให้ช่องทางการติดต่อกับประธานหนุ่มสักเท่าไรนัก แต่ก็ทำอะไรไม่เพราะมันคืองานยกมือขึ้นรับโทรศัพท์จากมือหนามาแอดไลน์ และใส่เบอร์มือถือในโทรศัพท์เขาด้วยความจำใจ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ส่งคืนให้เขา
มือหนารับโทรศัพท์มาตรวจเช็คดูว่าพนักงานสาวให้ช่องทางการติดต่อจริงหรือไม่ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดพรายขึ้นประดับมุมปากหนาเมื่อเห็นเบอร์และไลน์เธอปรากฏอยู่ในเครื่อง ถือว่าเป็นมืออาชีพทีเดียวสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้ตามปกติไม่แสดงพิรุธหรือทำอะไรที่ไม่สมควรออกมาเลย
“คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ แล้วอย่าลืมอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าด้วย” เขานั่งมองใบหน้าเรียวนิ่ง ๆ นานนับนาทีก่อนจะเอ่ยขึ้น อีกคนเพียงพยักหน้ารับแล้วลุกเดินออกไปทันที
ดวงตาคมกริบมองตามหลังร่างบางที่เดินนวยนาดออกไป ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดพรายขึ้นประดับใบหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญ ความจริงเลขาของเขาลาคลอดเดือนหน้า แต่หลังจากประชุมบอร์ดบริหารเสร็จได้ผลสรุปว่าเขาจะเป็นคนไปคุยกับนักธุรกิจชาวเยอรมันเองเพราะงานนี้เป็นงานสำคัญสำหรับบริษัทมาก
เขาจึงคิดขึ้นมาได้ว่าจะใช้โอกาสนี้ต้อนพนักงานสาวให้จนมุมยอมรับว่าเป็นผู้หญิงที่ปีนขึ้นเตียงเขาด้วยปากตัวเองจึงให้เลขาลาคลอดไปตั้งแต่พรุ่งนี้เลย แล้วให้พนักงานสาวมาทำหน้าที่นี้แทน
อีกอย่างเขาก็คิดว่าเธอเป็นคนฉลาด หัวไวคงจะช่วยงานได้พอสมควรในประวัติบอกว่าเธอเติบโต และเรียนจบปริญญาตรีที่อเมริกาเรื่องภาษาย่อมสื่อสารได้ดีแน่นอน
อย่างที่บอกนักธุรกิจแบบเขาทำอะไรย่อมไม่ขาดทุนอยู่แล้วต้องได้ผลประโยชน์ไม่มากก็น้อย
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้