LOGINมือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะของสาวน้อยเบา ๆ ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับเธอ “ตาบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวลเรื่องของพ่อ ตาจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณตา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน หนูจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไรคะ”
“ทำไมจะไม่ได้เป็น หนูเป็นหลานของคุณสุนทรี คนที่เคยดีกับตาทุกอย่าง ดังนั้นตามีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจของท่านก็ตอนนี้แหละ”
“แม่บอกว่ายายทำความดีไม่เคยหวังผลตอบแทนหรอกค่ะคุณตา แม่หนูก็สอนหนูแบบนี้เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นคิดซะว่าหนูเป็นหลานของตาก็แล้วกันนะ หลานยายสุนทรีคือหลานตาฮาโตริ ดีไหม.. หือ” เห็นเธอลังเลเขาจึงย้ำถามในลำคอ
“ค่ะ แต่คุณตาคะ”
“หือ”
“หนูซาบซึ้งในน้ำใจของคุณตามาก ๆ และกราบขอบพระคุณที่เมตตาหนู แต่หนูคงรับน้ำใจของคุณตาฝ่ายเดียวไม่ได้ เอาเป็นว่าหนูจะพยายามหาเงินมาใช้ให้คุณตานะคะ หนูจะค่อย ๆ ผ่อนใช้ให้คุณตาเท่าที่หนูจ่ายไหวนะคะ”
“หนูเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ” เขารู้ว่าเธอทำงานพาร์ตไทม์ที่โรงแรมในเครือมามิยะ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง
“เรียนค่ะ แต่หนูก็ทำงานด้วย เดี๋ยวหนูจะลองหางานทำเพิ่มอีกสักอย่าง”
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะหนู ร่างกายจะย่ำแย่เอา ถ้าป่วยขึ้นมาอีกคนใครจะดูแลพ่อล่ะ เอาเป็นว่าตารับข้อเสนอของหนูก็แล้วกัน แต่ห้ามทำงานเพิ่มอีกนะ ถ้าตารู้ ตาจะไม่เอาเงินจากหนูแม้แต่บาทเดียว จะให้หนูรู้สึกเกรงใจตาแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย”
“งานที่หนูทำอยู่ไม่ได้มีทุกวันหรอกนะคะคุณตา หนูหางานอื่นมาทำเสริมได้อยู่แล้ว” เธออธิบายให้ท่านได้เข้าใจ
“ก็ไม่แน่หรอกนะ เร็ว ๆ นี้เขาอาจจะให้หนูไปทำทุกวันก็ได้ รอดูไปก่อนดีกว่านะ”
“ค่ะ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะพี่ที่ทำงานก็บอกหนูเหมือนกันว่าช่วงปีใหม่นี้หนูอาจจะต้องไปทำงานทุกวัน เพราะที่โรงแรมมีจัดเลี้ยงเต็มทุกห้องติดต่อกันเป็นอาทิตย์เลยค่ะ”
“โชคดีรับปีใหม่สินะ”
“ค่ะ”
ปีใหม่ 2558 ผ่านพ้นไปแล้วเกือบสองอาทิตย์ แต่บิดาของสุภัครพีก็ยังไม่มีวี่แววจะได้ออกจากโรงพยาบาลง่าย ๆ เพราะจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าท่านเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่สี่ ตับแข็ง พิษสุราเรื้อรัง แต่ละโรคล้วนมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราอย่างหนักของท่านนั่นเอง
“คุณหมอคะ พ่อหนูจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” วันหนึ่งหลังเลิกเรียน สุภัครพีแวะไปเยี่ยมบิดาก่อนจะไปทำงานต่อ และได้เจอกับคุณหมอเจ้าของไข้พอดี
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้นะครับ เพราะคนไข้ไม่มีการตอบสนองไปในทางที่ดีเลย สภาพร่างกายโดยรวมของคนไข้แย่มากนะครับ” นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาล กล่าวกับลูกสาวเจ้าของไข้ห้องวีไอพี
“พ่อหนูจะอยู่กับหนูได้อีกนานใช่ไหมคะคุณหมอ”
“เรื่องนี้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูรับได้ คุณหมอบอกความจริงหนูมาเถอะนะคะ หนูจะได้ทำใจถูก”
“เต็มที่ไม่น่าจะเกินหนึ่งปี แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
หญิงสาวกลั้นน้ำตา ยกมือไหว้นายแพทย์สูงวัย “หนูฝากดูแลพ่อหนูด้วยนะคะ หนูไม่ได้อยู่กับพ่อตลอดเวลา แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรบกวนโทรบอกหนูทันทีเลยนะคะ” เธอกล่าวเสียงสะอื้นทั้งที่ไม่มีน้ำตา
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณฮาโตริสั่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหนูสบายใจได้” นายแพทย์ใหญ่กล่าวอย่างใจดี
มงคลเดินเข้าไปในห้องอาหารที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้น มองหาสุภัครพีที่มาทำงานพาร์ตไทม์อยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว
“สวัสดีครับพี่มงคล มาหาเจ้าครีมเหรอครับ” ผู้จัดการฝ่ายห้องจัดเลี้ยงนามว่าประวิทย์เดินเข้าไปทักทายผู้จัดการใหญ่
“อือ วันนี้เขามาทำงานหรือเปล่า”
“มาสิครับ แต่ยังมาไม่ถึง”
“แล้วคุยเรื่องนั้นกับเขาหรือยัง”
“ยังเลยครับ ว่าจะเรียกคุยวันนี้แหละ เพราะงานเริ่มซาแล้ว”
“ยังไงก็จัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้เลยนะ พี่จะได้รายงานเจ้านาย ท่านถามมาน่ะ”
“ได้ครับ ถ้าน้องเขาเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผมจะรีบส่งเรื่องไปนะครับพี่ แต่พี่ครับ”
“ว่าไง”
“เจ้าครีมกับเจ้านายเราเกี่ยวข้องกันยังไงครับ”
มงคลตบบ่ารุ่นน้อง “อย่าถามเรื่องที่เกินความรู้ความสามารถผมแบบนี้เลยนะประวิทย์”
“แต่ผมได้ยินเด็ก ๆ เขาคุยกัน บอกว่าเจ้าครีมเคยให้เจ้านายขี่หลัง มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”
“ผมก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันนะ” เขาก็รู้มาเท่านี้เหมือนกัน แต่ก็ยังนึกสงสัยว่าเรื่องนั้นคือเหตุผลที่แท้จริงหรือเปล่า เพราะเรื่องมันเกิดมาเป็นเดือนแล้ว
มหาวิทยาลัย
“น้องครีมคะ”
เสียงเรียกหวานหูของชายหนุ่มคนหนึ่ง ทำให้สุภัครพีหันไปมองทางด้านหลัง แล้วหยุดเดินรอเขา
“สวัสดีค่ะพี่กาแฟ เพิ่งมาเหรอคะ”
“ค่ะ น้องครีมก็เพิ่งมาเหมือนกันเหรอคะ”
“มาได้สักพักแล้วค่ะ แต่รอถ่ายเอกสารอยู่” เธอชูแฟ้มที่ใส่งานถ่ายเอกสารให้เขาดู
“คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง”
“ยังเลยค่ะพี่กาแฟ ตอนที่ยังไม่รู้ก็ยังกินเหล้า ใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง แต่พอรู้ว่าป่วยเท่านั้น อาการก็ทรุดจนน่าใจหายเลยค่ะ”
“อาจจะเป็นเพราะท่านล้มด้วยกระมัง”
“ใช่ค่ะ พ่อล้มหน้าฟาดพื้นด้วย ตอนล้มใหม่ ๆ หน้าเขียวบวมไปซีกหนึ่งเลยค่ะ”
พรหมเทพมองหญิงสาวที่พยายามฝืนทำเข้มแข็ง เขารู้ว่าชีวิตของเธอลำบากเพียงใด และเขาก็อยากจะให้ความช่วยเหลือ ถ้าเพียงแค่เธอเอ่ยปากออกมา แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่เคยปริปากพูดถึง
“น้องครีมคะ”
“ขา”
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกพี่นะ พี่อยากเป็นคนแรกที่น้องครีมนึกถึงในยามที่ลำบาก” ในเมื่อเธอไม่พูดเขาพูดเองก็ได้
ใบหน้าเคร่งขรึมเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นร่างที่นอนหลับไร้สติตะแคงตัวอยู่บนเตียงนอน ข้าง ๆ เตียงมีกล่องของขวัญที่สุทธิดาส่งมาให้แทนคำขอบคุณเปิดอยู่ ข้างในมีชุดชั้นในและชุดนอนผ้าซีทรูที่เข้าชุดกันหลายชุด เขาเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลที่สุด เพราะกลัวจะทำให้เธอตื่น แต่ก็ทำพลาดจนได้ ร่างบางส่งเสียงอุทธรณ์ในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา “พี่ไค” เธองัวเงียเรียกเขา “มานานแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกครีมล่ะ” “พี่บอกให้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” สามีตีหน้าขรึมเสียงขรึมใส่ภรรยา คิด ๆ แล้วก็อยากงอนเธอไปอีกหลาย ๆ วัน ที่ทำกับเขาเหมือนไม่ใช่สามี แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรักเธอมากเกินไป คนถูกดุที่อยู่ใต้ผ้าห่มนวมเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายออก “ครีมไม่สบายใจนี่คะ ครีมอยากมาง้อ อยากมาขอโทษ” “ขอโทษเรื่องอะไร ครีมทำอะไรผิดถึงต้องมาขอโทษ” สุภัครพีลุกจากที่นอนแล้วดึงมือสามีมากุมไว้ “รู้ไหมคะว่าครีมดีใจมากแค่ไหนเวลาที่พี่ไคไปรับครีม แต่ถึงจะดีใจมากครีมก็ไม่อยากให้พี่ไคไปรับ เพราะครีมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ไม่อยากถูกครหาและไม่อยากให้พี่ไคต้องถูกนินทาไปด
ปฐพีแปลกใจกับการแสดงออกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสไร้การเสแสร้งนั้นนัก เธอยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นได้อย่างไรกัน ไม่รู้สึกเป็นปมด้อยกับตัวเองบ้างเหรอ ที่เกิดมาสวยและรวยมากแต่กลับกลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา“แล้วปกติหนูเล็กใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างไรครับ คือผมสงสัยเพราะคุณบอกว่าจะซื้อรถเข็นมาใช้ แสดงว่าคุณยังไม่มีถูกไหมครับ”“ค่ะ” หญิงสาวตอบตรง ๆ “ปกติเล็กจะทำงานอยู่ในห้องนอนเสียส่วนใหญ่ ห้องนอนของหนูเล็กเหมือนคอนโดห้องหนึ่งเลยค่ะ มีมุมทานข้าว มุมนั่งเล่น มุมทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ถ้าจะออกจากห้องนอนก็ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ พัก เดี๋ยวก็ลงมาถึงข้างล่างเองค่ะ แต่ส่วนใหญ่หนูเล็กจะขี่หลังจัสตินลงมามากกว่าค่ะ จัสตินบอกว่าหนูเล็กอวบเกิน เขาอุ้มไม่ไหวค่ะ” เธอเล่าไปยิ้มไป และยิ้มกว้างขึ้นเมื่อพูดถึงเพื่อนเกย์สุดที่รักที่เพิ่งมาจากอังกฤษ แต่ตอนนี้กำลังไปเที่ยวทะเลภาคใต้กับแฟนหนุ่มเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ“ใครคือจัสตินเหรอจ๊ะ” ประมาณถามอย่างสนใจเพราะรู้แน่ ๆ ว่าฝ่ายนั้นคือผู้ชาย“เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ของหนูเ
จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของเธอก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีก เพราะเธอผลัดท่านมาสองปีแล้ว ท่านยอมรับข้อเสนอเรื่องที่เธอให้โกหกใครต่อใครว่าเป็นโรคประหลาด เท้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เดินเหินด้วยตัวเองแทบไม่ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วอาการที่ว่ามานั้นจะเกิดขึ้นได้ยากมาก ต้องเดินไกล ๆ เป็นกิโลหรือยืนนาน ๆ เป็นชั่วโมงเท่านั้นอาการถึงจะกำเริบแล้วท่านก็รับปากอีกข้อว่าถ้าแต่งงานแล้วในอนาคตต้องหย่าร้างกัน ท่านจะไม่ก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของเธออีกดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับปากเรื่องแต่งงาน เมื่อสืบประวัติของว่าที่เจ้าบ่าวมาอย่างละเอียดแล้วรู้ว่าฝ่ายนั้นก็ตกที่นั่งเดียวกับเธอเหมือนกัน เขาเป็นคนเย็นชาไม่รู้จักกับความรัก เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ชอบผู้หญิงสวยสง่าและเซ็กซี่ซึ่งต่างกับเธออย่างสิ้นเชิงเธอเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ และฝันที่จะมีความรักแบบเจ้าชายกับเจ้าหญิง ถ้าเขาเป็นขั้วบวกเธอก็เป็นขั้วลบ รับรองว่าชีวิตคู่ต้องล่มจมไม่เป็นท่าตั้งแต่ปีแรกแน่ ๆ แบบนี้แหละที่เธอต้องการที่สุด“ถ้าลูกตัดสินใจเองพ่อก็ตามใจลูก พ่อหวังว่าลูกจะมีความสุขกับการตัดสินใจของลูกนะ”
“ส่วนเธอ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปได้ยินอะไรมาหรืออิจฉาอะไรครีมเขา แต่เธอควรจะรู้เอาไว้ว่าครีมไม่ใช่เด็กเสี่ยอย่างที่เธอเข้าใจ ครีมเขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันทุกประการ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอดูถูกภรรยาฉันอีก ฉันจะดำเนินคดีกับเธอสถานเดียว” ไคหยิบนามบัตรจากกระเป๋ายื่นให้เธอ “เธอควรรู้เอาไว้ว่าฉันเป็นใคร ก่อนที่คิดจะท้าทายคำพูดของฉัน” แล้วยื่นอีกใบให้คนที่เป็นอาจารย์กชกรรับนามบัตรมาอ่าน.. ปากที่แสยะอย่างไม่ค่อยพอใจเปลี่ยนเป็นเม้มแน่น ใจแป้วลงไปทันทีที่ได้เห็นชื่อบริษัทและตำแหน่งบนนามบัตรใบนั้นแม้แต่พรหมเทพยังตกใจเมื่อได้รู้ความจริง เขาหันไปมองหญิงสาวที่เคยตามจีบ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นเมียมหาเศรษฐี เพราะเธอทำตัวติดดินมาก“พี่ขอโทษแทนนิ่มด้วยนะครีม พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก วา จีน แล้วก็แมวด้วย พี่ขอโทษจากใจเลย”“คุมเมียพี่ให้ดีหน่อยก็แล้วกันพี่กาแฟ อย่าปล่อยให้บ้าอีกล่ะ” พันวากล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจจะยกโทษให้สักเท่าไหร่“ครีมแต่งงานกับพี่ไคแล้วจริง ๆ พวกเราเป
“พอ ๆ หยุด ๆ” ความโกลาหลเกิดขึ้นในทันที เพื่อน ๆ ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ช่วยกันห้ามช่วยกันดึงเพื่อนออกมา“ปล่อยกู! กูบอกว่าปล่อยกูไงไอ้กาแฟ มึงไม่เห็นเหรอว่ามันตบกูตั้งหลายที” กชกรพยายามจะดิ้นออกจากวงแขนของคนรักให้ได้“มาสิอีดอก อีร่าน มึงแน่จริงมึงก็เข้ามาเลย กูจะตบเลาะฟันให้ร่วงหมดปากเลยมึง” พันวาก็พยายามจะถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ก็ถูกเพื่อน ๆ ดึงตัวเอาไว้“มึงเสือกอะไร กูไม่ได้ด่ามึงซะหน่อย คนโดนด่าเขายังไม่ร้อนตัวเลย”“ก็เพราะครีมมันไม่ร้อนไงกูถึงได้ร้อนแทน ปากมึงว่างนักเหรอไง ถ้าว่างมากก็ไปแดกขี้ลูกมึงไป จะได้เลิกเห่าหอนใส่ชาวบ้านเขา”“พอเถอะวา อายเขา” สุภัครพีห้ามเพื่อน “เดี๋ยวอาจารย์มาเห็นเข้าก็เป็นเรื่องหรอก”“เป็นก็เป็นสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครผิด”“มึงนั่นแหละผิด กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุดคอยดูสิอีวา อีดอก”“ก็เอาเลยสิอีนิ่ม อีดอกทองเอ๊ย”“กรี๊ดดดด..” กชกรสะบัดแขนสุดแรงจนสามารถพาตัวเอ
“ขอบใจมากเลยนะที่ยังนึกถึงพี่ แล้วที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง หมดหนาวหรือยัง” “ไม่หนาวไม่ร้อน อากาศกำลังดีถ้าใส่แขนยาวนะคะ” “แล้วได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะ” “ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกค่ะ” เธอไล่ชื่อสถานที่เที่ยวที่ได้ไปในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ญี่ปุ่นให้เขาฟัง “เขาว่าหนุ่มญี่ปุ่นหล่อ ๆ เยอะ เดินกันเกลื่อนถนนจริงหรือเปล่า” “ไม่จริงหรอกค่ะ ที่ครีมเห็นยังไม่มีใครหล่อเท่าพี่ชายของครีมสักคน” เธอพูดเอาใจเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง“รวมคุณไคด้วยหรือเปล่า”“คนนั้นเป็นข้อยกเว้นค่ะ คนนั้นเขาเป็นเทพบุตรค่ะ”“ไม่ค่อยเข้าข้างสามีตัวเองเลยนะ” แม้จะรู้สึกคันยิบ ๆ ที่หัวใจ แต่เขาก็แ







