“มีเมียน่ารักแบบนี้ไม่มีสามีคนไหนอดใจไหวหรอกนะจะบอกให้ นอนพักซะ เดี๋ยวพี่มาปลุก” เขาจูบทิ้งท้ายหนักหน่วงก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอน “เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
View Moreบทที่ ๑ ความรักของฮาโตริ เคนชิน
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2548
บุรุษชาวญี่ปุ่นวัย 55 ปี กำลังอยู่ในพิธีฌาปนกิจศพของสตรีที่เขาหลงรัก แต่ไม่อาจเอามาเป็นของตนได้อย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะเธอผู้ล่วงลับไปแล้วนั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว เจ้าของของเธอก็คือคู่ค้าทางธุรกิจคนสำคัญของเขานั่นเอง
เธอแต่งงานกับเจ้าของบริษัทเลิศอินเตอร์คอร์ปอเรชั่น ชีวิตของเธอดูน่าจะมีความสุขเพราะได้แต่งงานกับพ่อม่ายที่เพียบพร้อมอย่างประมาณ แต่ความจริงที่เขารู้และเห็นมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เธออยู่กับเขาด้วยความอดทน ทำงานเยี่ยงคนงานโดยไม่ปริปากบ่น เพราะเธอเป็นแม่ม่ายมีลูกติด เธออยากให้ลูกได้เรียน ได้กินอิ่มนอนหลับ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนในอดีต จึงต้องทนและอยู่อย่างเจียมตัว ไม่ได้มีความสุขกับความรักที่สามีมอบให้เลย เพราะเขารักแต่เธอ แต่ไม่ได้รักลูกของเธอเหมือนอย่างที่เคยรับปากเอาไว้
วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันที่จะเผาร่างที่ไร้วิญญาณของเธอแล้ว แต่สามีของเธอก็ยังใจดำกับลูกเลี้ยง ไม่ยอมให้ลูกของเธอมายืนรวมกลุ่มกับเจ้าภาพ ภาพของหญิงสาวที่ยืนซบสามีและกอดลูกสาวตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นห่างออกไปจากกลุ่มเจ้าภาพ ช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจเหลือเกิน
หลังจากเผาศพเสร็จเรียบร้อย ฮาโตริ เคนชิน แห่งมามิยะกรุ๊ปก็เดินไปที่รถ เกือบจะถึงรถอยู่แล้วเขาก็หันไปเห็นลูกสาวของคนตายกำลังนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จึงเดินไปหาเธอ เขาโค้งศีรษะรับไหว้จากสามีของเธอ และลูบศีรษะเด็กหญิงที่ทำตามบิดาอย่างเอ็นดู
“คุณหนู คุณฮาโตริมาหาครับ” สุภัคกระซิบบอกภรรยาที่เอาฝ่ามือปิดหน้าร้องไห้อยู่
ระพีเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมา “คุณลุง”
“ฉันเสียใจด้วยนะ”
“ขอบคุณนะคะคุณลุง ที่มาส่งแม่หนู” พร้อมยกมือไหว้อีกฝ่าย
“แม่เขาไปดีแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ”
“ค่ะ” คำปลอบโยนของบุรุษชาวญี่ปุ่นทำให้ระพีสะอื้นหนักยิ่งกว่าเดิม เธอรู้ว่าแม่เหนื่อยมากแค่ไหน เธอจึงอดทนมาตลอดเพราะไม่อยากให้ท่านเหนื่อยมากขึ้นอีก พ่อเลี้ยงไม่รักเธอ ไม่เคยให้ความอบอุ่นแม้แต่ทางคำพูดกับเธอ ส่วนน้องๆ ต่างพ่ออีกสองคนนั้นไม่ต้องพูดถึง น้องชายไม่เคยแม้แต่จะชายตามองเธอ ส่วนน้องสาวนั้น ยามลับหลังมารดาก็มักจะด่าทอเธออย่างไร้เหตุผล “หนูจะพยายามค่ะคุณลุง”
ฮาโตริหยิบนามบัตรส่งให้หญิงสาวด้วยความเศร้าใจ “ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถือซะว่าฉันเป็นพ่อของเธอนะ บอกฉันได้ทุกเรื่อง รับปากฉันสิระพี” เพราะสังหรณ์ใจไม่ดี เขาจึงสั่งกำชับเธออย่างหนักแน่น
ระพีรับนามบัตรของเขาไว้ ซาบซึ้งในน้ำใจที่เขาหยิบยื่นให้ น้ำใจที่เธอไม่เคยได้รับจากพ่อเลี้ยง ถึงแม้เขาจะไม่เคยตีไม่เคยด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ก็มักจะเหน็บแนมด้วยคำพูดลับหลังมารดาอยู่เสมอ
“รับปากฉันสิหนูระพี” ฮาโตริย้ำอีกครั้ง
“ค่ะคุณลุง”
ผ่านไปเจ็ดปีหลังจากครั้งนั้น ฮาโตริไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากลูกสาวของสตรีที่แอบรักเลย วันนี้เขาเดินทางมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง จุดประสงค์หลักคือเพื่อพบเธอโดยเฉพาะ เพราะอยากรู้ว่าเธออยู่สุขสบายเพียงใด เมื่อได้รับโทรศัพท์เรียนเชิญจากประธานแห่งเลิศอินเตอร์คอร์ปอเรชั่น ที่ปัจจุบันยังมีหุ้นส่วนอยู่ในมามิยะประเทศไทยโดยตรง จึงรับปากทันทีอย่างไม่ลังเล
“คุณลุงไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นี่ครับ แค่งานเลี้ยงครบรอบบริษัทของคุณประมาณ ให้ผมไปแทนก็ได้”
ฮาโตริ เคนชิน มองหน้าหลานชายแท้ ๆ เพียงคนเดียวของตนพร้อมกับคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ลุงไม่ได้อยากมาร่วมงานหรอกนะ แต่ลุงมีจุดประสงค์อื่นที่สำคัญกว่านั้นต่างหาก ลุงถึงได้ถ่อสังขารมานี่ไง”
“จุดประสงค์อะไรครับ บอกผมได้หรือเปล่า”
“ได้สิ ลุงไม่คิดจะปิดบังแกอยู่แล้ว ลุงแค่อยากมาเห็นหน้าลูกสาวของผู้หญิงที่ลุงเคยรักว่าเธออยู่สุขสบายดีไหม แค่นี้แหละ”
“แค่นี้เองเหรอครับเหตุผล” ไคมองผู้เป็นลุงอย่างไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ ส่วนเรื่องราวของสตรีไทยที่ท่านเคยหลงรักก็พอได้ยินมาจากท่านบ้างแล้ว จึงไม่แปลกใจอะไร
“ก็เธอไม่ติดต่อมาหาลุงเลยนี่นา ลุงก็ต้องมาดูให้เห็นกับตาหน่อยสิ บอกตรงๆ ว่าลุงไม่มั่นใจเลยว่าคุณประมาณจะอุปการะเธอต่อไปอีก”
“คุณประมาณเขาคงไม่ใจดำกับลูกเลี้ยงขนาดนั้นหรอกครับคุณลุง”
“ถ้าเราไม่มีประโยชน์ร่วมกัน เขาคงไม่ดีกับเราแบบนี้หรอก” ถ้าหลานชายเคยเห็นแบบที่เขาเห็นคงจะไม่พูดแบบนี้
“เอาไว้ดูกันวันงานก็แล้วกันนะครับ ว่าลุงจะคิดถูกหรือผิด”
“อือ ว่าแต่วันนี้แกว่างนักเหรอ ทำไมถึงมารับลุงได้ล่ะ”
“ทำไมคุณลุงถามผมแบบนี้ล่ะครับ จะว่างหรือไม่ว่างยังไงผมก็ต้องมารับลุงของผมด้วยตัวเองสิครับ จะให้คนอื่นมาแทนได้ยังไง”
“แกช่างเป็นหลานที่กตัญญูรู้คุณเสียจริง”
คนถูกชมขมวดคิ้วนิดๆ มองหน้าลุงที่กำลังอมยิ้มด้วยสายตาสงสัย ไม่แน่ใจว่านั่นคือคำชมหรือคำพูดประชด
“ไค”
“ครับ”
“ถ้าสิ่งที่ลุงกังวลเป็นเรื่องจริง แกต้องช่วยลุงนะ”
“ช่วยอะไรครับ อย่าบอกนะว่าจะให้ผมตามหาพวกเขา... เฮ้อ! ผมไม่อยากจะทำหรอกนะครับ แต่เพื่อคุณลุงผมจะยอมก็แล้วกัน” ลุงก็เปรียบเสมือนพ่อของเขา เพราะเขาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของแม่ ดังนั้นอะไรที่ทำให้ท่านสบายใจได้เขาก็อยากจะทำ
ก๊อก ๆ ๆ
“ขออนุญาตสักครู่นะคะครูเกตุ” คุณครูประจำห้องแนะแนวใช้ไม้เรียวที่ถือติดมือเคาะประตูห้องเรียนเพื่อให้สัญญาณครูที่กำลังสอน
“เชิญค่ะ”
“สุภัครพี เลิกเรียนแล้วไปหาครูที่ห้องแนะแนวด้วยนะ”
“ค่ะคุณครู”
“ขอบคุณค่ะครูเกตุ” ครูแนะแนวหันไปขอบคุณครูผู้สอนแล้วเดินจากไป
“คุณครูเรียกหนูทำไมเหรอคะ” หลังจากจบคาบเรียน เด็กสาววัยสิบเจ็ดก็มาพบครูที่ห้องแนะแนว
“นั่งสิ เธอยังอยากทำงานอยู่ไหมสุภัครพี”
“อยากค่ะคุณครู” เด็กสาวตอบรับทันที
“เธอจะไม่ถามหน่อยเหรอว่างานอะไร”
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณครูหาให้ก็แสดงว่าเป็นงานที่เชื่อถือได้อยู่แล้ว”
นงนุชคลี่ยิ้ม พยักหน้าคล้อยตามคำพูดของลูกศิษย์คนโปรด เธอรู้จักเด็กคนนี้มานานก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ และสนิทชิดเชื้อกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย รู้เรื่องราวทุกอย่างพอประมาณ และยังกำความลับสำคัญเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งด้วย
ใบหน้าเคร่งขรึมเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นร่างที่นอนหลับไร้สติตะแคงตัวอยู่บนเตียงนอน ข้าง ๆ เตียงมีกล่องของขวัญที่สุทธิดาส่งมาให้แทนคำขอบคุณเปิดอยู่ ข้างในมีชุดชั้นในและชุดนอนผ้าซีทรูที่เข้าชุดกันหลายชุด เขาเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลที่สุด เพราะกลัวจะทำให้เธอตื่น แต่ก็ทำพลาดจนได้ ร่างบางส่งเสียงอุทธรณ์ในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา “พี่ไค” เธองัวเงียเรียกเขา “มานานแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกครีมล่ะ” “พี่บอกให้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” สามีตีหน้าขรึมเสียงขรึมใส่ภรรยา คิด ๆ แล้วก็อยากงอนเธอไปอีกหลาย ๆ วัน ที่ทำกับเขาเหมือนไม่ใช่สามี แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรักเธอมากเกินไป คนถูกดุที่อยู่ใต้ผ้าห่มนวมเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายออก “ครีมไม่สบายใจนี่คะ ครีมอยากมาง้อ อยากมาขอโทษ” “ขอโทษเรื่องอะไร ครีมทำอะไรผิดถึงต้องมาขอโทษ” สุภัครพีลุกจากที่นอนแล้วดึงมือสามีมากุมไว้ “รู้ไหมคะว่าครีมดีใจมากแค่ไหนเวลาที่พี่ไคไปรับครีม แต่ถึงจะดีใจมากครีมก็ไม่อยากให้พี่ไคไปรับ เพราะครีมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ไม่อยากถูกครหาและไม่อยากให้พี่ไคต้องถูกนินทาไปด
ปฐพีแปลกใจกับการแสดงออกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสไร้การเสแสร้งนั้นนัก เธอยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นได้อย่างไรกัน ไม่รู้สึกเป็นปมด้อยกับตัวเองบ้างเหรอ ที่เกิดมาสวยและรวยมากแต่กลับกลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา“แล้วปกติหนูเล็กใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างไรครับ คือผมสงสัยเพราะคุณบอกว่าจะซื้อรถเข็นมาใช้ แสดงว่าคุณยังไม่มีถูกไหมครับ”“ค่ะ” หญิงสาวตอบตรง ๆ “ปกติเล็กจะทำงานอยู่ในห้องนอนเสียส่วนใหญ่ ห้องนอนของหนูเล็กเหมือนคอนโดห้องหนึ่งเลยค่ะ มีมุมทานข้าว มุมนั่งเล่น มุมทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ถ้าจะออกจากห้องนอนก็ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ พัก เดี๋ยวก็ลงมาถึงข้างล่างเองค่ะ แต่ส่วนใหญ่หนูเล็กจะขี่หลังจัสตินลงมามากกว่าค่ะ จัสตินบอกว่าหนูเล็กอวบเกิน เขาอุ้มไม่ไหวค่ะ” เธอเล่าไปยิ้มไป และยิ้มกว้างขึ้นเมื่อพูดถึงเพื่อนเกย์สุดที่รักที่เพิ่งมาจากอังกฤษ แต่ตอนนี้กำลังไปเที่ยวทะเลภาคใต้กับแฟนหนุ่มเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ“ใครคือจัสตินเหรอจ๊ะ” ประมาณถามอย่างสนใจเพราะรู้แน่ ๆ ว่าฝ่ายนั้นคือผู้ชาย“เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ของหนูเ
จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของเธอก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีก เพราะเธอผลัดท่านมาสองปีแล้ว ท่านยอมรับข้อเสนอเรื่องที่เธอให้โกหกใครต่อใครว่าเป็นโรคประหลาด เท้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เดินเหินด้วยตัวเองแทบไม่ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วอาการที่ว่ามานั้นจะเกิดขึ้นได้ยากมาก ต้องเดินไกล ๆ เป็นกิโลหรือยืนนาน ๆ เป็นชั่วโมงเท่านั้นอาการถึงจะกำเริบแล้วท่านก็รับปากอีกข้อว่าถ้าแต่งงานแล้วในอนาคตต้องหย่าร้างกัน ท่านจะไม่ก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของเธออีกดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับปากเรื่องแต่งงาน เมื่อสืบประวัติของว่าที่เจ้าบ่าวมาอย่างละเอียดแล้วรู้ว่าฝ่ายนั้นก็ตกที่นั่งเดียวกับเธอเหมือนกัน เขาเป็นคนเย็นชาไม่รู้จักกับความรัก เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ชอบผู้หญิงสวยสง่าและเซ็กซี่ซึ่งต่างกับเธออย่างสิ้นเชิงเธอเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ และฝันที่จะมีความรักแบบเจ้าชายกับเจ้าหญิง ถ้าเขาเป็นขั้วบวกเธอก็เป็นขั้วลบ รับรองว่าชีวิตคู่ต้องล่มจมไม่เป็นท่าตั้งแต่ปีแรกแน่ ๆ แบบนี้แหละที่เธอต้องการที่สุด“ถ้าลูกตัดสินใจเองพ่อก็ตามใจลูก พ่อหวังว่าลูกจะมีความสุขกับการตัดสินใจของลูกนะ”
“ส่วนเธอ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปได้ยินอะไรมาหรืออิจฉาอะไรครีมเขา แต่เธอควรจะรู้เอาไว้ว่าครีมไม่ใช่เด็กเสี่ยอย่างที่เธอเข้าใจ ครีมเขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันทุกประการ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอดูถูกภรรยาฉันอีก ฉันจะดำเนินคดีกับเธอสถานเดียว” ไคหยิบนามบัตรจากกระเป๋ายื่นให้เธอ “เธอควรรู้เอาไว้ว่าฉันเป็นใคร ก่อนที่คิดจะท้าทายคำพูดของฉัน” แล้วยื่นอีกใบให้คนที่เป็นอาจารย์กชกรรับนามบัตรมาอ่าน.. ปากที่แสยะอย่างไม่ค่อยพอใจเปลี่ยนเป็นเม้มแน่น ใจแป้วลงไปทันทีที่ได้เห็นชื่อบริษัทและตำแหน่งบนนามบัตรใบนั้นแม้แต่พรหมเทพยังตกใจเมื่อได้รู้ความจริง เขาหันไปมองหญิงสาวที่เคยตามจีบ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นเมียมหาเศรษฐี เพราะเธอทำตัวติดดินมาก“พี่ขอโทษแทนนิ่มด้วยนะครีม พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก วา จีน แล้วก็แมวด้วย พี่ขอโทษจากใจเลย”“คุมเมียพี่ให้ดีหน่อยก็แล้วกันพี่กาแฟ อย่าปล่อยให้บ้าอีกล่ะ” พันวากล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจจะยกโทษให้สักเท่าไหร่“ครีมแต่งงานกับพี่ไคแล้วจริง ๆ พวกเราเป
“พอ ๆ หยุด ๆ” ความโกลาหลเกิดขึ้นในทันที เพื่อน ๆ ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ช่วยกันห้ามช่วยกันดึงเพื่อนออกมา“ปล่อยกู! กูบอกว่าปล่อยกูไงไอ้กาแฟ มึงไม่เห็นเหรอว่ามันตบกูตั้งหลายที” กชกรพยายามจะดิ้นออกจากวงแขนของคนรักให้ได้“มาสิอีดอก อีร่าน มึงแน่จริงมึงก็เข้ามาเลย กูจะตบเลาะฟันให้ร่วงหมดปากเลยมึง” พันวาก็พยายามจะถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ก็ถูกเพื่อน ๆ ดึงตัวเอาไว้“มึงเสือกอะไร กูไม่ได้ด่ามึงซะหน่อย คนโดนด่าเขายังไม่ร้อนตัวเลย”“ก็เพราะครีมมันไม่ร้อนไงกูถึงได้ร้อนแทน ปากมึงว่างนักเหรอไง ถ้าว่างมากก็ไปแดกขี้ลูกมึงไป จะได้เลิกเห่าหอนใส่ชาวบ้านเขา”“พอเถอะวา อายเขา” สุภัครพีห้ามเพื่อน “เดี๋ยวอาจารย์มาเห็นเข้าก็เป็นเรื่องหรอก”“เป็นก็เป็นสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครผิด”“มึงนั่นแหละผิด กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุดคอยดูสิอีวา อีดอก”“ก็เอาเลยสิอีนิ่ม อีดอกทองเอ๊ย”“กรี๊ดดดด..” กชกรสะบัดแขนสุดแรงจนสามารถพาตัวเอ
“ขอบใจมากเลยนะที่ยังนึกถึงพี่ แล้วที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง หมดหนาวหรือยัง” “ไม่หนาวไม่ร้อน อากาศกำลังดีถ้าใส่แขนยาวนะคะ” “แล้วได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะ” “ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกค่ะ” เธอไล่ชื่อสถานที่เที่ยวที่ได้ไปในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ญี่ปุ่นให้เขาฟัง “เขาว่าหนุ่มญี่ปุ่นหล่อ ๆ เยอะ เดินกันเกลื่อนถนนจริงหรือเปล่า” “ไม่จริงหรอกค่ะ ที่ครีมเห็นยังไม่มีใครหล่อเท่าพี่ชายของครีมสักคน” เธอพูดเอาใจเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง“รวมคุณไคด้วยหรือเปล่า”“คนนั้นเป็นข้อยกเว้นค่ะ คนนั้นเขาเป็นเทพบุตรค่ะ”“ไม่ค่อยเข้าข้างสามีตัวเองเลยนะ” แม้จะรู้สึกคันยิบ ๆ ที่หัวใจ แต่เขาก็แ
Comments