LOGIN“ขอบคุณพี่กาแฟมากนะคะ แค่นี้ครีมก็ซาบซึ้งมากแล้วค่ะ แต่ครีมยังไหวค่ะ”
“ยังไม่ทันได้ช่วยอะไรก็ซาบซึ้งแล้วเหรอ”
“แค่มีน้ำใจให้ครีมก็ซาบซึ้งแล้วค่ะ”
“ซาบซึ้งอะไรกันจ๊ะ”
เสียงทักกระแนะกระแหนจากทางด้านหลังทำให้หนุ่มสาวรุ่นพี่รุ่นน้องต่างหันไปมอง
“นิ่ม!”
“ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะกาแฟ” หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ถามชายหนุ่มรุ่นเดียวกัน เหลือบมองไปทางหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ได้ยินแต่คำร่ำลือว่ากาแฟมาติดพันรุ่นน้องปีหนึ่ง แต่เพิ่งมีโอกาสได้เห็นตัวจริงก็วันนี้เอง รอดสายตานิ่มไปเกือบปีได้ยังไงกันนะ”
“ครีมคิดว่าพี่สาวกำลังเข้าใจผิดนะคะ” สุภัครพีตอบยิ้ม ๆ เพื่อจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่เธอคงคิดผิด เธอรีบหุบยิ้ม เม้มปากแน่นแล้วหันไปมองชายหนุ่มตัวต้นเหตุ ส่งสายตาบอกให้เขาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดกับหญิงสาวผู้มาใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นคนรักของเขา
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะนิ่ม อย่าทำให้แฟกับน้องครีมมองหน้ากันไม่ติดสิ”
“ทำไมนิ่มต้องทำแบบที่กาแฟพูดด้วยล่ะ นิ่มหึงนิ่มก็แสดงออกว่าหึง นิ่มผิดด้วยเหรอ” อดีตดาวมหาวิทยาลัยนามว่ากชกรบอกกับชายหนุ่มอดีตเดือนมหาวิทยาลัย
“จะมาหึงแฟทำไม เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ” พรหมเทพทำหน้าลำบากใจขณะพูดกับเพื่อนร่วมห้อง
คำพูดของชายหนุ่มทำให้กชกรเจ็บแปลบไปทั่วทั้งอก เขาเห็นเธอมีค่าแค่เพื่อนอย่างนั้นเหรอ เพื่อนประเภทไหนที่นอนด้วยกันทุกคืน
“เพื่อนเขามีอะไรกันได้ด้วยเหรอกาแฟ” เธอถามน้ำตาคลอเบ้า แม้มันจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเต็มใจของเขา แต่สำหรับเธอแล้วมันคือเจตนา คือความตั้งใจที่จะเอาเขามาเป็นของเธอ
“นิ่มพูดเรื่องอะไร ไม่อายบ้างเหรอ” พรหมเทพตำหนิเพื่อนร่วมชั้น แล้วหันไปมองหญิงสาวรุ่นน้องที่ตามจีบด้วยความรัก “อย่าเข้าใจผิดนะคะน้องครีม เอาไว้พี่จะมาอธิบายให้ฟังนะคะ.. เรามีเรื่องต้องคุยกันนะนิ่ม” แล้วหันกลับมาดึงแขนมือที่สามที่เข้ามาทำลายบรรยากาศให้เดินไปด้วยกัน
“ปล่อย!” กชกรสะบัดมือจากชายหนุ่มจนหลุดแล้วเดินกลับไปหาหญิงสาวคู่อริ “อย่ามายุ่งกับกาแฟอีก เห็นแก่เด็กตาดำ ๆ ที่กำลังจะเกิดมาดูโลกใบนี้เถอะนะ” เธอกระซิบข้างหูก่อนจะเดินจากไป
“ครีม มีอะไรกันเหรอ” นันทพรที่เพิ่งมาถึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อน หลังจากรุ่นพี่ทั้งสองคนเดินหน้าเครียดจากไปแล้ว
“ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาถึงคิดว่าเราจะแย่งพี่กาแฟมาจากเขา เราแสดงออกว่าชอบพี่กาแฟแบบคนรักเหรอแมว” คำพูดของหญิงสาวรุ่นพี่ดังก้องอยู่ในหูของสุภัครพี
“เธอน่ะไม่หรอก แต่พี่กาแฟน่ะใช่ แมวเคยบอกแล้วนี่”
“แต่พี่กาแฟไม่เคยพูดว่าชอบเราสักคำ จะให้เราเป็นฝ่ายตีตนไปก่อนมันก็ตลกนะแมว แต่ถ้าพี่เขาพูด ฉันก็จะบอกกับเขาว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย นอกจากความรักแบบพี่น้อง”
“ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดมากเลย ถ้าพี่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดอะไรอีก ก็บอกไปเลยว่าเธอคิดยังไงกับพี่กาแฟ”
“อือ”
“พ่ออาการเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ได้แวะไปเยี่ยมท่านหรือเปล่า” นันทพรเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เพื่อนลืมเรื่องไร้สาระของรุ่นพี่
“ไปมาแล้ว หมอบอกจะให้ผ่าตัดถ้าร่างกายของพ่อพร้อม แต่ก็ยากเหลือเกิน พ่อดื้อมาก พ่อไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลยแมว”
“เหนื่อยหน่อยนะครีม ถ้าเป็นเด็กเรายังดุยังด่าได้ แต่เป็นพ่อเป็นแม่นี่ทำอะไรไม่ได้เลย ตอนที่พ่อแมวป่วยก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นคิดเลยนะ ถ้าพ่อตายไปก็ดีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่รักนะ แต่ไม่อยากให้เขาทรมานน่ะ เจ็บร้องโอดโอย แต่ไม่ยอมรับการรักษา”
“พ่อแมวทรมานอยู่นานไหมกว่าจะจากไป” สุภัครพีถามอย่างสนใจใคร่รู้
“ก็นานหลายปีนะ แรก ๆ ที่รู้เพิ่งระยะแรก แต่พ่อไม่ยอมรักษาอย่างถูกต้อง ไปหากินยาหม้ออะไรก็ไม่รู้ อาหารที่ห้ามไม่ให้กินก็แอบกิน พ่อแมวดื้อมาก” นันทพรเล่าเรื่องบิดาที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้เพื่อนฟัง
“พ่อครีมคงอยากจะไปอยู่กับแม่มากกว่าอยู่กับครีม ถึงไม่สนใจไยดีตัวเองเลย” นึกถึงคำพูดบิดาที่ฝากฝังเธอกับคุณตาฮาโตริเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ น้ำตาของเธอก็พานจะไหลออกมาให้ได้ ท่านห่วงเธอก็จริง แต่ท่านทำเหมือนอยากจะตายมากกว่าอีก
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครีม บางทีท่านอาจจะคิดว่าการอยู่กับเราทำให้เราลำบาก สู้ไปซะยังดีกว่า” นันทพรปลอบใจเพื่อนรักที่กำลังฝืนยิ้ม ถึงแม้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ก็ฟังออกว่าเธอกำลังน้อยใจ “แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง คุณตาท่านนั้นช่วยจริง ๆ อย่างที่พูดหรือเปล่า”
“อือ เมื่อวานเลขาของคุณตาเพิ่งมาจ่ายของอาทิตย์ที่สามให้ ฉันเกรงใจท่านมากเลยนะแมว เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละอาทิตย์มหาโหดมาก ค่าแรงเดือนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เท่าไหร่” เธอบ่นอย่างกลัดกลุ้ม เพราะบอกกับชายชราผู้มีเมตตาเอาไว้ว่าจะผ่อนคืนให้ แต่เมื่อได้เห็นค่าใช้จ่ายในการรักษาแล้ว มันแตกต่างกับรายได้ของเธอราวฟ้ากับเหว “ลำพังฉันคนเดียวตายแล้วเกิดใหม่ก็คงไม่มีปัญญารักษาพ่อได้ขนาดนี้หรอกแมว ป่านนี้คงรักษาแบบคนไข้อนาถา หรือใช้บัตรสามสิบบาท นั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลกันตามมีตามเกิดอยู่ที่บ้าน”
“ขัดสนก็บอกแมวได้นะ ถึงจะช่วยไม่ได้มากมาย แต่ก็ช่วยได้แน่นอน จีนกับวามันก็เคยพูดเอาไว้เหมือนกัน พวกเราไม่อยากให้แกโหมงานหนักแบบนี้นะ ร่างกายจะแย่เอา ทำเท่าที่ไหวจะดีกว่านะ”
“ครีมไม่ได้หักโหมอะไรเลยแมว รู้ว่าตัวเองไหวถึงได้ทำ ขอบใจมากนะ”
“อย่าโกหกนะ”
“ไม่โกหกหรอก”
“อือ” นันทพรพยักหน้ารับ “วันนี้เลิกเรียนแล้วแมวขอไปเยี่ยมพ่อด้วยคนนะ”
ใบหน้าเคร่งขรึมเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นร่างที่นอนหลับไร้สติตะแคงตัวอยู่บนเตียงนอน ข้าง ๆ เตียงมีกล่องของขวัญที่สุทธิดาส่งมาให้แทนคำขอบคุณเปิดอยู่ ข้างในมีชุดชั้นในและชุดนอนผ้าซีทรูที่เข้าชุดกันหลายชุด เขาเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลที่สุด เพราะกลัวจะทำให้เธอตื่น แต่ก็ทำพลาดจนได้ ร่างบางส่งเสียงอุทธรณ์ในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา “พี่ไค” เธองัวเงียเรียกเขา “มานานแล้วเหรอคะ ทำไมไม่ปลุกครีมล่ะ” “พี่บอกให้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” สามีตีหน้าขรึมเสียงขรึมใส่ภรรยา คิด ๆ แล้วก็อยากงอนเธอไปอีกหลาย ๆ วัน ที่ทำกับเขาเหมือนไม่ใช่สามี แต่ก็ทำไม่ลงเพราะรักเธอมากเกินไป คนถูกดุที่อยู่ใต้ผ้าห่มนวมเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายออก “ครีมไม่สบายใจนี่คะ ครีมอยากมาง้อ อยากมาขอโทษ” “ขอโทษเรื่องอะไร ครีมทำอะไรผิดถึงต้องมาขอโทษ” สุภัครพีลุกจากที่นอนแล้วดึงมือสามีมากุมไว้ “รู้ไหมคะว่าครีมดีใจมากแค่ไหนเวลาที่พี่ไคไปรับครีม แต่ถึงจะดีใจมากครีมก็ไม่อยากให้พี่ไคไปรับ เพราะครีมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ไม่อยากถูกครหาและไม่อยากให้พี่ไคต้องถูกนินทาไปด
ปฐพีแปลกใจกับการแสดงออกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสไร้การเสแสร้งนั้นนัก เธอยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นได้อย่างไรกัน ไม่รู้สึกเป็นปมด้อยกับตัวเองบ้างเหรอ ที่เกิดมาสวยและรวยมากแต่กลับกลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา“แล้วปกติหนูเล็กใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างไรครับ คือผมสงสัยเพราะคุณบอกว่าจะซื้อรถเข็นมาใช้ แสดงว่าคุณยังไม่มีถูกไหมครับ”“ค่ะ” หญิงสาวตอบตรง ๆ “ปกติเล็กจะทำงานอยู่ในห้องนอนเสียส่วนใหญ่ ห้องนอนของหนูเล็กเหมือนคอนโดห้องหนึ่งเลยค่ะ มีมุมทานข้าว มุมนั่งเล่น มุมทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ถ้าจะออกจากห้องนอนก็ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ พัก เดี๋ยวก็ลงมาถึงข้างล่างเองค่ะ แต่ส่วนใหญ่หนูเล็กจะขี่หลังจัสตินลงมามากกว่าค่ะ จัสตินบอกว่าหนูเล็กอวบเกิน เขาอุ้มไม่ไหวค่ะ” เธอเล่าไปยิ้มไป และยิ้มกว้างขึ้นเมื่อพูดถึงเพื่อนเกย์สุดที่รักที่เพิ่งมาจากอังกฤษ แต่ตอนนี้กำลังไปเที่ยวทะเลภาคใต้กับแฟนหนุ่มเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ“ใครคือจัสตินเหรอจ๊ะ” ประมาณถามอย่างสนใจเพราะรู้แน่ ๆ ว่าฝ่ายนั้นคือผู้ชาย“เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ของหนูเ
จนล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ มารดาของเธอก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีก เพราะเธอผลัดท่านมาสองปีแล้ว ท่านยอมรับข้อเสนอเรื่องที่เธอให้โกหกใครต่อใครว่าเป็นโรคประหลาด เท้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เดินเหินด้วยตัวเองแทบไม่ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วอาการที่ว่ามานั้นจะเกิดขึ้นได้ยากมาก ต้องเดินไกล ๆ เป็นกิโลหรือยืนนาน ๆ เป็นชั่วโมงเท่านั้นอาการถึงจะกำเริบแล้วท่านก็รับปากอีกข้อว่าถ้าแต่งงานแล้วในอนาคตต้องหย่าร้างกัน ท่านจะไม่ก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวของเธออีกดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรับปากเรื่องแต่งงาน เมื่อสืบประวัติของว่าที่เจ้าบ่าวมาอย่างละเอียดแล้วรู้ว่าฝ่ายนั้นก็ตกที่นั่งเดียวกับเธอเหมือนกัน เขาเป็นคนเย็นชาไม่รู้จักกับความรัก เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ชอบผู้หญิงสวยสง่าและเซ็กซี่ซึ่งต่างกับเธออย่างสิ้นเชิงเธอเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ และฝันที่จะมีความรักแบบเจ้าชายกับเจ้าหญิง ถ้าเขาเป็นขั้วบวกเธอก็เป็นขั้วลบ รับรองว่าชีวิตคู่ต้องล่มจมไม่เป็นท่าตั้งแต่ปีแรกแน่ ๆ แบบนี้แหละที่เธอต้องการที่สุด“ถ้าลูกตัดสินใจเองพ่อก็ตามใจลูก พ่อหวังว่าลูกจะมีความสุขกับการตัดสินใจของลูกนะ”
“ส่วนเธอ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปได้ยินอะไรมาหรืออิจฉาอะไรครีมเขา แต่เธอควรจะรู้เอาไว้ว่าครีมไม่ใช่เด็กเสี่ยอย่างที่เธอเข้าใจ ครีมเขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันทุกประการ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอดูถูกภรรยาฉันอีก ฉันจะดำเนินคดีกับเธอสถานเดียว” ไคหยิบนามบัตรจากกระเป๋ายื่นให้เธอ “เธอควรรู้เอาไว้ว่าฉันเป็นใคร ก่อนที่คิดจะท้าทายคำพูดของฉัน” แล้วยื่นอีกใบให้คนที่เป็นอาจารย์กชกรรับนามบัตรมาอ่าน.. ปากที่แสยะอย่างไม่ค่อยพอใจเปลี่ยนเป็นเม้มแน่น ใจแป้วลงไปทันทีที่ได้เห็นชื่อบริษัทและตำแหน่งบนนามบัตรใบนั้นแม้แต่พรหมเทพยังตกใจเมื่อได้รู้ความจริง เขาหันไปมองหญิงสาวที่เคยตามจีบ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นเมียมหาเศรษฐี เพราะเธอทำตัวติดดินมาก“พี่ขอโทษแทนนิ่มด้วยนะครีม พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก วา จีน แล้วก็แมวด้วย พี่ขอโทษจากใจเลย”“คุมเมียพี่ให้ดีหน่อยก็แล้วกันพี่กาแฟ อย่าปล่อยให้บ้าอีกล่ะ” พันวากล่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจจะยกโทษให้สักเท่าไหร่“ครีมแต่งงานกับพี่ไคแล้วจริง ๆ พวกเราเป
“พอ ๆ หยุด ๆ” ความโกลาหลเกิดขึ้นในทันที เพื่อน ๆ ของทั้งสองฝ่ายต่างก็ช่วยกันห้ามช่วยกันดึงเพื่อนออกมา“ปล่อยกู! กูบอกว่าปล่อยกูไงไอ้กาแฟ มึงไม่เห็นเหรอว่ามันตบกูตั้งหลายที” กชกรพยายามจะดิ้นออกจากวงแขนของคนรักให้ได้“มาสิอีดอก อีร่าน มึงแน่จริงมึงก็เข้ามาเลย กูจะตบเลาะฟันให้ร่วงหมดปากเลยมึง” พันวาก็พยายามจะถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ก็ถูกเพื่อน ๆ ดึงตัวเอาไว้“มึงเสือกอะไร กูไม่ได้ด่ามึงซะหน่อย คนโดนด่าเขายังไม่ร้อนตัวเลย”“ก็เพราะครีมมันไม่ร้อนไงกูถึงได้ร้อนแทน ปากมึงว่างนักเหรอไง ถ้าว่างมากก็ไปแดกขี้ลูกมึงไป จะได้เลิกเห่าหอนใส่ชาวบ้านเขา”“พอเถอะวา อายเขา” สุภัครพีห้ามเพื่อน “เดี๋ยวอาจารย์มาเห็นเข้าก็เป็นเรื่องหรอก”“เป็นก็เป็นสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครผิด”“มึงนั่นแหละผิด กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุดคอยดูสิอีวา อีดอก”“ก็เอาเลยสิอีนิ่ม อีดอกทองเอ๊ย”“กรี๊ดดดด..” กชกรสะบัดแขนสุดแรงจนสามารถพาตัวเอ
“ขอบใจมากเลยนะที่ยังนึกถึงพี่ แล้วที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง หมดหนาวหรือยัง” “ไม่หนาวไม่ร้อน อากาศกำลังดีถ้าใส่แขนยาวนะคะ” “แล้วได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างล่ะ” “ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอกค่ะ” เธอไล่ชื่อสถานที่เที่ยวที่ได้ไปในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ญี่ปุ่นให้เขาฟัง “เขาว่าหนุ่มญี่ปุ่นหล่อ ๆ เยอะ เดินกันเกลื่อนถนนจริงหรือเปล่า” “ไม่จริงหรอกค่ะ ที่ครีมเห็นยังไม่มีใครหล่อเท่าพี่ชายของครีมสักคน” เธอพูดเอาใจเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง“รวมคุณไคด้วยหรือเปล่า”“คนนั้นเป็นข้อยกเว้นค่ะ คนนั้นเขาเป็นเทพบุตรค่ะ”“ไม่ค่อยเข้าข้างสามีตัวเองเลยนะ” แม้จะรู้สึกคันยิบ ๆ ที่หัวใจ แต่เขาก็แ







