ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือน
อาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขา
เขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...
และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเอง
ร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า
“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”
เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...
“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”
ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”
เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอน
ทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง
“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “เธอไปตลาด เธอแยกออกไหม ใบกะเพรา กับใบโหระพา”
“ออกแล้ว ดมกลิ่นเอา...กลิ่นไม่เหมือนกัน อีกใบอะไรนะที่กินกับน้ำยา...”
“แมงลัก” ชายหนุ่มเอ่ยแทรก เออแน่ะ...เธอพูดถึงเรื่องง่ายๆ ในชีวิตที่จะต้องเรียนรู้แยกแยะทีเดียวหรือ...แต่เขามองว่าเธอตรงไปตรงมาและยอมรับความจริง ไม่ได้แสร้งทำ
“ฉันเคยเห็นต้นยาสูบเด็กๆ”
“ต้นอ่อน” เขาแก้ให้ “ไม่มีต้นไม้เด็ก”
เอกนรียิ้มเต็มหน้า มองเขาเหมือนจะค้อน แต่ก็ไม่ใช่
และสำหรับเดชชนะ...นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เป็นหนุ่มเต็มตัว
ผู้หญิงทำตามองค้อนใส่...
ตวัดตาจิก
เขามีFC ก็ไม่น้อย สาวๆ ทั้งนั้น มีแต่ส่งตาหวานให้...ไม่ทำตาจิกใส่ มองหางตา ที่เรียกว่ามองค้อน...
“มันเหมือนคะน้ามาก...ไปกับยุนี่แหละ ตั้งแต่นั้นโดนล้อตลอด...แล้วต้นเผือก...ก็เหมือนต้นบอนที่คันๆ...”
“เพราะเธอเกิดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ...มีอะไรพวกนี้ที่ไหน...มาลองสัมผัสบ้านนอกแบบจริงจัง....ดีไหม...หรือว่าไง เดช...ชวนมาทำฟรีแลนซ์ เป็นผู้จัดการให้กับ
คูนแคนสักนิดดีไหม เวลามาทำงานก็มาพักที่บ้านไร่...มีทั้งนา มีทั้งมะม่วง และดอกไม้สารพัด...เผือกก็มี หัวมันก็มีให้ขุด...”เป็นการเชิญชวนมาทำงานอีกครั้ง
เดชชนะตอบทีเล่นทีจริง “ผมไม่มีเงินจ้าง”
และเอกนรีก็ปากไวนัก “หากถูกใจ...ไม่ต้องจ้างด้วยเงิน จ้างกันด้วยใจก็พอ”
ว้าย...เธอกรีดร้องในใจต่อจากนั้น...
พูดเรื่อยเจื้อย
ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยเสียงแกมหัวเราะ
“ติดปากน่ะค่ะ...เพราะเวลาอยู่กับแฟน ก็จะบอกว่ารักกันด้วยใจ ให้ใจไปก็ให้ใจตอบแทน ใจมาใจก็ไป...”
อ้อ...เดชชนะพึมพำในใจ แม่คนสวยนี้จะบอกเขาว่ามีแฟนแล้ว
“นรีมีแพลนจะแต่งงานแล้วนะ เดช” มยุรีเอ่ยเสริม “รักกันมาหลายปี กับผู้ชายที่เป็นไงนะ นรี”
“ดีสุด เยี่ยมสุด วิเศษสุด”
ดวงตาเป็นประกายเมื่อให้คำตอบ
น่าหมั่นไส้ เดชชนะคิดอยู่ในใจ
และอดคิดต่อไม่ได้ว่าที่บรรยายมาสั้นๆ...ทั้งดี ทั้งวิเศษแถมยังเยี่ยม ลึกล้ำ เกินเลยไปถึงขั้นไหน
ดวงตาสบกันพอดี...
เอกนรีอ่านออก เข้าใจ
อีตานี่คิดเลยเถิด
และเธอไม่สามารถจะปล่อยเลยตามเลยไปได้ มันมีบางอย่างที่เหมือนอยากจะปกป้องตัวเอง...อยากจะ “คลีน” ตามสภาพเป็นจริง อย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ใช่แบบที่คุณคิด” บอกไปด้วยเสียงเข้ม
เดชชนะยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร
“อย่าคิดลบ...”
“ผมเป็นคนคิดบวกเสมอครับ”
“แต่อย่าบวกกับเรื่องนี้ สงสัยถามได้...กับคำชมเขา...ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น”
“แบบไหน” อยากต่อปากต่อคำด้วย เขาเลยไม่ได้หยุด
มยุรียกสองมือกอดอก อดไม่ได้จะขำทั้งเพื่อนและเขา และอยากดูว่าเดชชนะจะตอบโต้อย่างไร
“ฉันกับพี่อาทรรักกันด้วยการมีศีลบริสุทธิ์” คำตอบเน้น “หวังว่าคงจะเข้าใจ”
“คนอย่างผม...ไม่เคยคิดลบกับใคร...ผมเชื่อครับ...ตามนั้นเอาละ...ผมจะถามว่าอยากดื่มอะไร”
“ตอนนี้หรือ...” เอกนรีเน้นเสียงใส่ “ขอเป็นน้ำส้ม...น้ำที่คู่ควรกับฉัน”
“นางเอก...”
แล้วต่างหัวเราะให้กัน
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล