นางดวงทำตาโต ก่อนจะร้องอุทาน “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ดำรงรู้ไหมนี่”
นายดุ่ยส่ายหน้า “ลูกฉันมันโง่...ยังกะควาย...”
เสียงตวัดลากสูง “คอยดูสิ...อีกไม่นาน...”
“แล้วทำไมไม่บอก ไม่กล้าหรือเปล่า ฉันบอกเองได้นะ” นางดวงรับอาสา “ตัดไฟแต่ต้นลม”
นายดุ่ยส่ายหน้าไปมา “ฉันพูดไปก็เท่านั้น”
“ฉันถึงอาสาไง พี่ดุ่ย”
แต่เขาห้ามน้องสาว บอกว่าสงสารดำรง และนั่นทำให้นางดวงมองหลานชายที่พาเอื้อยฟ้าเข้ามาหาด้วยแววตาที่เอื้อยฟ้าถอยหลบไปหลังเขาทันที
“นั่นอาพี่เหรอ”
“ใช่” ดำรงตอบ “อาดวง แกขายส้มตำแล้วทำวงกับลูกชายบ้าง วงเล็กๆ เล่นที่ร้านอาหารและรับงานแถวบ้าน
ไม่มากมายอะไร”เป็นการพบกันครั้งแรกและนางดวงไม่ชอบหญิงสาวคนสวยลูกครึ่งไทยเกาหลีคนนี้เลย
นางรับไหว้ หมางเมิน...ไม่ได้ยินดียินร้าย ไม่ตื่นเต้นเหมือนก่อนเจอกัน
“ท้องเรอะ” นางยิงคำถาม
เอื้อยฟ้าเกาะแขนดำรงแน่น...
“อา...” หลานชายท้วง ทำหน้าตาบึ้งๆ “อย่าถามแบบนี้อย่าพูดไป”
“ทำไมปล่อยท้อง...” นางยังกังขา “ถุงยางมีทำไมไม่ใช้”
“เรารักกัน”
“รักกันตอนนี้ ตอนไหนก็ได้ แต่ยังท้องไม่ได้”
นางพยักพเยิดไปทางอัจฉรา แม่ลูกอ่อนที่นั่งให้นมลูกอยู่ไม่ห่าง ทำหน้ามุ่ยๆ “นั่นก็ไปรักกับใครมา เลี้ยงลูก ทำเพลงไม่ได้ จะอดตายกันทั้งแม่ทั้งลูก”
เอื้อยฟ้าจึงยื่นหน้ามาจากด้านหลังของดำรง หล่อนพูดไทยได้ชัดและท่าทางร้ายเอาเรื่อง
“ก็นั่นมันลูกไม่มีพ่อนี่จ๊ะ อา แต่ในท้องหนูนี่มีพ่อนะ นี่ไงพ่อของลูกหนู ไม่อดตายแล้ว หนูก็ยังไปร้องเพลงได้ ตอนนี้ก็มีคิวร้องเพลงเยอะ”
“ย่ะ แม่คุณ...แม่นางฟ้า...” นางกระแทกเสียงกลับ “ปากดีนัก...”
สวยรูปจูบไม่หอม นางดวงสรุป
“สงบปากสงบคำเถิดนะ นังหนู...” นางดวงไม่ไว้หน้าให้สักนิด “อย่าว่าสั่งสอนเลย แต่หากจะให้เป็นไปตามสมญานางฟ้า จะพูดจาอะไร ยอกย้อนอะไร ดูบ้าง หรือแม่จะไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ใช่คนไทย...เชื้อสายเกาหลี พ่อแมไม่ได้สั่งสอน”
อัจฉราที่ให้นมลูกยิ้มสาแก่ใจนัก...ก็เรียกหล่อนว่าท้องไม่มีพ่อ
หล่อนรู้จักเอื้อยฟ้าดี และรู้ด้วยว่าเอื้อยฟ้ามาทำอะไรที่นี่
ดำรงโง่เกินไป...แต่เตือนแล้ว เขาฟังหล่อนที่ไหน ว่าเอื้อยฟ้าเข้ามาเพราะเจตนาไม่ดี ยังจะวิลลี่อีกคน...แต่หล่อนพูดมากไม่ได้
เอื้อยฟ้าหน้าแดงก่ำ เม้มปากหากัน เขย่าแขนดำรงเบาๆ
“ไปจากตรงนี้กันเถิด...”
“ไง อยากด่าฉันใช่ไหม ด่าสิ ด่าเลย นังหนู เรามาด่าแข่งกันไหม ถ้าด่าภาษาไทยไม่ได้ ฉันให้หล่อนด่าภาษาเกาหลี...ดูสิว่าจะถูกที่คันฉันไหม แต่ฉันด่าหล่อนภาษาอีสานนะเออ มา...สักยก...”
“ดวง...มันงานมงคลพี่นา”
เพราะดำรงก็พูดไม่ออก นายดุ่ยเลยเอ่ยเอง
“ฟังฉันกันไว้นะ...ไอ้ในท้องนั่นน่ะ จะเกิดมายังไง แล้วตอนท้องโย้จะขึ้นเวทีบอกใครต่อใครว่าไง...ท้อง นักร้องคนดังท้อง...ถอนตัวซะตอนนี้ จัดงานแต่ง อยู่กินกันให้ถูกต้องซะ”
เอื้อยฟ้าสวนคำเดียว “ลูกฉัน ผัวฉันนะ อา...ฉันไม่ด่าเป็นภาษาเกาหลีหรอก เพราะฉันก็ลูกไทยด้วยเหมือนกัน หากอาจะด่าฉันด้วยภาษาอีสานที่อาถนัดก็ได้...ฉันด่ากลับ คำเดียวนะอา...รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ช่างหัว...เสือก”
นางดวงไม่ได้ลุกเต้น ไม่ได้ตกใจ...
นางแค่บอกว่า “เสือกจ้ะ แม่คุณ แม่นางฟ้า เสือกกับเรื่องระยำนี่ไง...แม่มาหาหลานฉัน ให้ทำเพลงให้ แล้วแม่ก็ยอมเอาตัวเข้าแลกจนท้อง...ลงทุนเยอะนา...หล่อนจะทำอะไรต่อไป หลังจากคลอดลูกหหือ...หล่อนจะทำอะไร จริงใจหน่อยสิ แต่งงานประกาศผัว หรือหล่อนกลัวจะไม่ดัง จะพังพินาศฉิบหายวายป่วง แม่คุณ เจ้าข้าเอ๋ย”
ดำรงแทบจะทนไม่ได้ เขาเริ่มชักสีหน้า
เอื้อยฟ้าก็เอามือผลักดันที่หลังเขา กระซิบเครียด
“ปกป้องเมียเป็นไหม”
ดำรงหน้าถอดสี และที่เขาทำคือรีบพาเอื้อยฟ้าไปจากที่ตรงนี้
อัจฉรากระเถิบมาใกล้ทั้งที่อุ้มลูกเอาไว้บนตัก
“อาดวง โคตรเจ๋งเลย...ให้แม่นางฟ้าเจอดีซะบ้าง”
“แลกกับคำว่าเสือกก็คุ้มนา” นางดวงว่ายิ้มๆ “พี่ดุ่ยเตรียมรับมือเถิด...ฉันว่านะ พอคลอดลูกเสร็จ แม่คนนี้จะทำเรื่องใหญ่ เตรียมรับมือ”
นางดวงไม่รู้เลยว่าวาจาตัวเองจะแม่นยำนัก เพราะแม้ว่าเอื้อยฟ้าจะหลบได้จนคลอดเสร็จเพราะตอนหล่อนท้องแก่เจ็ดเดือน...วงก็หยุดรับงานโดยไม่มีหล่อนบนเวที แจ้งข่าวการล้มป่วย เป็นโรคร้ายต้องพักรักษาตัวสักสามเดือน...และเมื่อคลอดแล้ว หล่อนก็รีบกลับไปขึ้นเวทีทิ้งลูกชายให้อัจฉรารับดูแล...
เพราะชื่อในใบแจ้งเกิดใดๆ ที่ออกโดยราชการ หล่อนทำในนามอัจฉราทั้งสิ้น...
อัจฉรากลายเป็นแม่ที่มีลูกสองคนหัวปีท้ายปี
คลอดลูก...ไปขึ้นเวทีโกยชื่อเสียง และยังได้สิทธิ์ในเพลงของผัว...และเมื่อลูกชายมีอายุได้3 เดือน เอื้อยฟ้าก็
โบยบินเข้าสู่กรุงเทพมหานคร...ประกาศชีวิตคู่กับวิลลี่...ที่เปิดค่ายเพลง ทำเพลงให้หล่อน
เอื้อยฟ้า อรลออ
ซูยองฮวา อำลาวงคูนแคนนับแต่บัดนั้น มาสังกัดค่ายเพลงเบต้าคีย์ ของวิลลี่และแต่งงานกันอย่างเอิกเกริก เอื้อยฟ้าทำเพลง
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล