Mag-log inบทที่1
กำเนิดจันทร์เจ้า
บ้านปิติภัทรไพศาล
ในบ้านคฤหาสน์ใหญ่โตที่ดูอบอุ่นและมีความสุขมากล้น เหล่าแม่บ้านต่างพากันชื่นชมคุณหนูของบ้านที่กำลังท่องศัพท์ภาษาอังกฤษให้ทุกคนฟัง ตะวัน ลูกชายวัย9ขวบของคุณหมอเมฆและคุณหญิงสายธาร คุณหมอเมฆกำลังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชน ปีติภัทรไพศาล โรงพยาบาลนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของตะวัน
"แย่แล้วค่ะคุณสายธาร!! คุณหมอเมฆ!!!"
ป้าอ้อยแม่บ้านสายเผือกวิ่งเข้ามาพร้อมเสียงตะโกนจนทุกคนในบ้านตกอกตกใจจนต้องรีบออกมาดู
"อะไรกันอ้อย! เสียงดังไปแปดบ้านแล้ว"
"คุณสายธารเจ้าขา มีคนเอาเด็กมาทิ้งไว้อยู่หน้าบ้านค่ะ!" สีหน้าของป้าอ้อยดูไม่ค่อยสู้ดี ทุกคนจึงรีบออกมาดูตามคำบอกเล่าของป้าอ้อย
เด็กน้อยที่พึ่งลืมตาดูโลกนอนตัวแดงอยู่ข้างถังขยะ ทำให้คุณหญิงสายธารรีบเข้าไปอุ้มตัวเด็กทารกขึ้นมาด้วยความสงสาร
"โธ่ลูกเอ๊ย! ใครมันช่างใจดำกับหนูขนาดนี้นะ!" สายธารน้ำตาไหลพรากเพราะเธอพึ่งสูญเสียลูกสาวในท้องไปเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เธอเหลือลูกชายเพียงคนเดียว นั่นก็คือตะวัน
"ผมว่าผมจะไปแจ้งความไว้ก่อนดีกว่า"
"คุณคะ ฉันจะขอรับหนูน้อยคนนี้มาเป็นลูกสาวได้ไหมคะ ฉันคิดถึงยัยหนู.."
"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ยัยหนู....มาเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่ และเป็นน้องสาวของพี่ตะวันนะครับ" หมอเมฆลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
"แม่ครับ พ่อครับน้องชื่ออะไรครับ"
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันสายธารจึงขอเอาชื่อที่เคยคิดจะตั้งให้ลูกสาวมาตั้งเป็นชื่อของเธอแทน
"หนูจันทร์เจ้า...."
"น้องจันทร์เจ้าเหรอครับคุณแม่ เย้ๆๆๆ"
หลังจากวันนั้นหนูจันทร์เจ้าก็ได้เข้ามาเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านปีติภัทรไพศาล เธอเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่โวยวาย ตื่นเมื่อไหร่ก็จะนอนรอเงียบๆ กลางคืนมีร้องบ้างแต่พอได้นมก็จะหยุดร้องทันที
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตะวันต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจนกว่าจะเรียนจบแพทย์เฉพาะทาง ชายหนุ่มอายุ19 กับน้องสาวต่างสายเลือดอายุ10ขวบ เดินจับมือกันมาที่สนามบินพร้อมด้วยพ่อแม่ของเธอ
"อยู่บ้านอย่าลืมอ่านหนังสือ อย่าดื้อนะจันทร์เจ้า"
"ค่ะ พี่ตะวันอยู่ที่นั่นคงหนาวมาก อย่าลืมใส่เสื้อหนาๆ นะคะ"
"ครับ พ่อครับ แม่ครับ เพื่อนผมรอข้างในแล้วถึงบ้านพักผมจะรีบโทรหานะครับ" ชายหนุ่มหันไปร่ำลาผู้มีพระคุณเพื่อรับคำอวยพรจากนั้นก็หันมามองหน้าน้องสาวที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
"ห้ามร้องนะเจ้าน้ำตาบ้าฮึก!" สาวน้อยพยายามสั่งน้ำตาของตัวเองไม่ให้ไหลแต่เจ้าน้ำตากลับไหลไม่หยุด
"ฮ่าๆ ไม่เอาไม่ร้องพี่ไปเรียน เร็วสุดก็8-9ปีถึงจะได้เจอกัน"
"ทำไมไปนานขนาดนั้นคะ"
"พี่ต้องไปเรียนครับ เราอยู่ทางนี้ก็ต้องตั้งใจเรียนนะรู้ไหม ไว้พี่จะโทรหาบ่อยๆ"
"ค่ะ ฮึก!!"
เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปจนพ้นสายตา สาวน้อยจันทร์เจ้าก็ปล่อยโฮออกมาจนคุณพ่อเมฆต้องรีบเข้ามาปลอบใจ ทุกคนรอจนเครื่องบินเคลื่อนตัวจนพ้นสายตาถึงได้กลับบ้าน แต่ระหว่างทางสาวน้อยเอาแต่นั่งเงียบจนหลับไป
"อีกสักพักก็คงทำใจได้ เมื่อคืนตะวันก็ต้องมานอนด้วย" หมอเมฆยิ้มผ่านกระจกมองหลัง
"จันทร์เจ้า หนูอยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพ่อกับแม่จะพาไป"
"ไม่ค่ะ หนูยังไม่หิว"
"เดี๋ยววันนี้คุณลุงกับคุณป้าจะมาทานข้าวด้วยนะ ซินก็มา"
"ค่ะ"
ครอบครัวพิริยะยางค์กุล มีสมาชิก4คน นั่นก็คือลุงหมอเซน คุณป้ากานดา พี่โซ่ เพื่อนสนิทที่เดินทางไปอเมริกาพร้อมพี่ตะวัน และซินเพื่อนสนิทของฉัน พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก สนิทกันมาก เพราะคุณป้ากานดากับคุณแม่เป็นพี่น้องกัน
"คุณแม่คะ หนูอยากกินเค้ก"
"ป้ากานดาซื้อมาให้หนูแล้วลูก ซินเลือกให้เลยนะ รายนั้นไม่ร้องไห้เลยดีใจด้วยซ้ำที่พี่โซ่ไม่อยู่"
"ฮ่าๆๆ อยู่ด้วยกันก็ตีกันค่ะ ไม่เหมือนหนูกับพี่ตะวันรักกัน ไม่ตีกัน ไม่แกล้งกัน พี่ตะวันใจดีที่สุด"
ผู้ใหญ่ทั้งสองหันไปมองหน้ากันแถมยังมีรอยยิ้มออกมาอย่างภูมิใจที่เลี้ยงดูลูกทั้งสองมาเป็นอย่างดี เวลาจันทร์เจ้ามีปัญหา ตะวันก็จะคอยช่วยเหลือทั้งการบ้าน การใช้ชีวิต เพราะเธอเป็นเด็กถ่อมตัวมาก ขี้อายและขี้กลัว
บ้านปีติภัทรไพศาล
รถของลุงเซนขับเข้ามาจอดก่อนหน้าพวกเราแป๊บเดียว ตอนนี้สาวน้อยซินซินกำลังยืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าบ้าน
"มาสักที นี่รู้ไหมว่าฉันให้คุณพ่อจัดเมนูฉลองที่พี่โซ่ไปพ้นๆ สักที^^"
"ตายแล้วลูกสาวฉัน พูดออกมาได้ยังไงดูหนูจันทร์เจ้าสิ ตายังบวมอยู่เลย"
"คุณป้าสวัสดีค่ะ คุณลุงสวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ ไม่ต้องเสียใจนะจันทร์เจ้าอึดใจเดียวพี่ตะวันของหนูก็กลับมาแล้ว"
"ค่ะ"
จากนั้นทุกคนก็เข้ามานั่งทานข้าวด้วยกัน พวกผู้ใหญ่กำลังหารือกันเรื่องลูกๆ พวกเขาอาจจะต้องบินไปหาลูกๆทุกปี
"คุณพ่อหนูไปหาพี่ตะวันด้วยได้ไหมคะ"
"ได้สิลูก เราล่ะซินสนใจไปหาพี่โซ่กับอาไหม?"
"ไม่ค่ะ ไม่เด็ดขาดตัดหางปล่อยวัดไปก็ดีเหมือนกัน-_-"
"ดูพูดเข้ายัยซินนั่นพี่ชายลูกนะ!! >[]< "
บทที่10งานที่มีปัญหาผมตัดสินใจโทรไปฟ้องแม่และเล่าให้แม่ฟังว่าลูกสาวของแม่ดื้อขนาดไหน ดื้อจนผมอยากจะหยิบไม้หน้าสามฟาดให้ก้นลาย แต่สิ่งที่แม่ผมตอบกลับมาก็คือถ้าลูกสาวฉันมีรอยข่วนเท่าเล็บแมวเมื่อไหร่ฉันจะฟาดแกให้หลังแอ่นเลยตะวันเห็นไหมว่าแม่รักผมมากขนาดไหน T_Tหลังจากที่เธอถ่ายเซตชายหาดเสร็จแล้วก็เตรียมขึ้นเรือเพื่อไปถ่ายเซตงานปาร์ตี้ ทุกคนต้องแสดงสีหน้าสนุกสุดเหวี่ยงแต่ด้วยความที่เรือมันโคลงเคลงและจันทร์เจ้าเธอตัวเล็กเท่าลูกหมานายแบบที่ยืนอยู่จึงช่วยกันประคองตัวเธอไว้“ขอบคุณค่ะ”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นดื่มกับพวกผมสักแก้วได้ไหมครับ” นายแบบหนุ่มลูกครึ่งกระซิบถามจันทร์เจ้าเบาๆ เธอส่ายหน้าและเดินหนีมานั่งรวมกับนางแบบผู้หญิง แต่ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของตะวันจนเขาแทบอยากจะเดินไปถีบหนุ่มลูกครึ่งให้ร่วงน้ำไปเสียให้จบๆการถ่ายโฆษณากำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่ก็ต้องมาสะดุดเพราะนางแบบสาวชื่ออาปิงเกิดป่วยกะทันหัน บนเรือก็มีตะวันที่เป็นหมออยู่คนเดียว ทีมงานจึงต้องอุ้มเธอเข้ามาพักในห้องใต้ท้องเรือเพื่อให้ตะวันได้ตรวจอาการเบื้องต้น“อาการเป็นยังไงบ้างครับ”“ปวดท้อง ปวดเป็นพักๆ ค่ะแต่ตอนนี้ปวดมาก
บทที่9ทำไมใจสั่นผมมองหน้าจันทร์เจ้าเธอทำตาใสซื่อใส่ผมแบบนี้เล่นเอาหัวใจผมสั่นสะท้านไปหมด เรายืนสบตากันนานมากในหัวผมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา จนเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นจึงทำให้เราสองคนหลุดออกจากภวังค์ปลายสายไม่ใช่ใครนอกจากแม่ผมเองท่านโทรมาเช็กความเรียบร้อยผมจึงบอกไปว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหันมาอีกทีเธอก็กลับไปนั่งทานเค้กมะพร้าวต่อแล้วถึงเวลาที่ต้องแต่งหน้าเพื่อเตรียมตัวผมก็ปล่อยให้เธออยู่กับช่างแต่งหน้าส่วนผมเดินออกมาดูความเรียบร้อยด้านนอกและบนเรือที่จะใช้ถ่าย เครื่องดื่มเลมอนโซดาเป็นสินค้าใหม่ที่น้องสาวต่างสายเลือดของผมต้องถ่ายในวันนี้ ผมหยิบมันขึ้นมาดูฉลากสินค้าตรวจเช็กความเรียบร้อยจากนั้นก็เดินลงมาทีมงานบางคนก็ดูเกร็งๆ ที่เห็นผมเข้มงวดกับน้องสาวมากไปแต่ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วงเธอ เซตแรกที่ต้องถ่ายเป็นชายหาดยามเย็น“ทำไมต้องถ่าย2วัน” ผมถามช่างภาพที่กำลังเช็กมุมและแสงอยู่“เผื่อเวลาครับถ้าน้องจันทร์เจ้าคนเดียวไม่มีปัญหาเพราะน้องค่อนข้างโปร แต่งานนี้คุณภูริอยากได้นางแบบกับนายแบบคนอื่นด้วยเพื่อให้ดูเหมือนงานปาร์ตี้ พวกเราต้องทำงานแข่งกับแสงธรรมชาติ”ผมพยักหน้ารับรู้แต่แอบรู้สึกดีที่มีคนช
บทที่8ใช้ลิ้นปาด....วันนี้พวกเราได้พักผ่อนกันช่วงเย็นมีงานเลี้ยงเล็กๆ ของทีมงานฉันเลยพาพี่ตะวันมาทำความรู้จักกับทุกคน ทีมงานชุดนี้ค่อนข้างสนิทกับฉันเพราะเราทำงานร่วมกันเกือบทุกงาน“คุณตะวันดูท่าจะหวงน้องสาวมากเลยนะคะ”“ครับ”ทำไมฉันรู้สึกร้อนผ่าว พี่ตะวันเขาหวงฉันแบบไหน ฉันนั่งมองน้ำมะพร้าวที่พี่ตะวันสั่งมาให้ ส่วนเขาดื่มไวน์กับพี่ภูริและทีมงาน คืนนี้แค่ดื่มกันเบาๆ เพราะพรุ่งนี้เราต้องรีบไปถ่ายให้ทันแสงแดดยามเช้า“เฮ้! ทางนี้!!” ภูริตะโกนเรียกชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตที่กำลังเดินหากลุ่มทีมงานอยู่ ชายหนุ่มจึงโบกมือและเดินเข้ามาทักทาย“ทุกคน นี่ฮาวายเพื่อนผม มันเป็นเจ้าของเกาะนี้”“เจ้าของเกาะ!!” ทีมงานทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ทุกคนจนมาหยุดอยู่ที่สาวน้อยจันทร์เจ้า“สวัสดีครับ พี่เป็นแฟนคลับเราอยู่นะ”“สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติมากเลยค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ฮาวายคนบ้าอะไรหล่อ รวย เฟอร์เฟคหันกลับมาฉันก็ต้องหุบยิ้มและก้มลงไปดูดน้ำมะพร้าว สายตาก็หันไปมองกุ้ง หอย ปู ปลาเพราะพี่ตะวันมองหน้าฉันอยู่ “นี่พี่ชายของน้องจันทร์เจ้าตอนนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของน้อง ถ้ามึงอยากได้น้องมาถ่ายโปรโม
บทที่7เราต้องนอนด้วยกัน!///ตะวัน///ผมกลับจากขนส่งก็เจอรถสปอร์ตคันเดิมขับเข้ามาผมกับไอ้โซ่หันไปมองด้วยความสงสัยจนกระทั่งจันทร์เจ้าเธอเดินลงมาจากรถแล้วหันไปโบกมือบ๊ายบายให้ไอ้ภูริ พอหันกลับมาเธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดไอ้โซ่แต่กับผมเธอไม่สนใจเลย“พี่โซ่เป็นยังไงบ้างคะคิดถึงจังเลย^^”“สบายดีครับ แล้วเราล่ะดื้อหรือเปล่า”“ไม่ดื้อเลยค่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะหนูซื้อขนมมาฝากพี่ด้วยนะคะ”ผมยืนล้วงกระเป๋ามองหน้าเธอกับไอ้โซ่แต่ไม่มีใครสนใจผมเลยเพราะเธอพาไอ้โซ่เข้าบ้านไปออดอ้อนเหมือนตอนเธอเด็กๆผมเดินตามเข้ามานั่งดูจันทร์เจ้ากับไอ้โซ่เธอเล่าเรื่องราวในช่วงที่พวกผมไม่อยู่ให้ฟังเธอดูมีความสุขมาก แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอเหมือนจะโกรธผม ตั้งแต่เรื่องณิชาเธอก็ไม่ค่อยพูดกับผมตอนนี้เธอก็ไม่ค่อยสนใจผมเลย มันผิดวิสัยของเธอมากพวกเรานั่งทานข้าวด้วยกันจนไอ้โซ่มันขอตัวกลับผมจึงเดินเข้ามาดูห้องทำงานของเธอ“ใบขับขี่พี่ตะวันจะได้เมื่อไหร่คะ”“พรุ่งนี้” ผมตอบเธอพร้อมกับหยิบรูปของเธอขึ้นมาดู“แน่ใจนะว่าจะสอบผ่าน”“ระดับนี้แล้ว ว่าแต่งานที่จะไปถ่ายกระบี่ทีมงานมารับไม่ใช่เหรอ?”“ใช่ค่ะ เราจะนั่งเครื่องไปกระบี่แล้วทีมงานจะส
บทที่6ผู้จัดการส่วนตัวผมนั่งดูสองแม่ลูกนั่งคุยกันและเลือกชุดที่ทีมงานส่งมาให้ อะไรมันจะเยอะขนาดนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กขี้อายในวันนั้นจะกลายเป็นนางแบบในวันนี้“คุณหนูเธอน่ารัก เก่ง เรียบร้อย ทีมงานมาถ่ายงานที่บ้านก็ต่างชื่นชมไม่ขาดปากเลยค่ะคุณหมอตะวัน”ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรแต่เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นจึงรีบหยิบมาเปิดดู ไอ้โซ่มันคงพึ่งรู้ข่าวเรื่องซินกับจันทร์เจ้ามันส่งรูปจันทร์เจ้าถ่ายแบบครีมกันแดดมาให้ผมดู บิกินี่เหรออันนี้เกินไปมาก เกินตัวจริงๆแม่ผมรับงานแบบนี้ให้เธอได้ยังไงกัน“จันทร์เจ้าเอาสัญญามาให้พี่และตารางงานทั้งหมดด้วย”“ค่ะ” เธอรีบลุกเข้าไปในห้องทำงานของเธอเพื่อหยิบใบสัญญาในตู้มาให้ผม ไอแพดที่มีคิวตารางงานและโทรศัพท์สำหรับรับงานถูกส่งมาให้ผม“พี่ตะวันต้องการอะไรอีกไหมคะ คิวอาทิตย์นี้เต็มหมดแล้ว ส่วนอาทิตย์หน้ามีถ่ายแบบกับโฆษณาติดต่อมาแต่หนูยังไม่ได้ตอบตกลง”“อืม”ผมเปิดดูงานของอาทิตย์นี้ มีถ่ายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์วาริส ใช้เวลาถ่าย3วันเพราะคลอเลคชั่นใหม่ต้อนรับหน้าร้อนมีชุดเกือบ10แบบ“พี่ต้องทำอะไรบ้าง ขับรถรับส่งเราเหรอ”“ใช่ค่ะ”“พี่ไม่มีใบขับขี่?” เข้าใจใช่ไหมพึ่งกลับมาเ
บทที่5การกลับมาของตะวัน3ปีผ่านไป.....ทันทีที่เครื่องlanding สองหนุ่มก็ก้าวเดินมาพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองไม่ได้บอกครอบครัวว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะต้องการมาเซอร์ไพรส์ครอบครัว "คืนนี้ไปเยี่ยมชมร้านไอ้ฟรานหน่อยไหม?" โซ่หันมาถามตะวันที่ยืนสวมแว่นดำแต่สายตาก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกรถมารับ"มาถึงก็จะแดกเหล้าเลยหรือไง มึงควรพักผ่อนอยู่กับบ้านบ้าง -_-!""พี่เขยครับจากบ้านไปเกือบสิบปีเพื่อไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง กว่าจะได้เริ่มงานก็เดือนหน้าเราควรหาความสุขให้ตัวเองบ้าง^^"ตะวันส่ายหัวเพราะเวลานี้ตนอยากกลับไปนอนบ้านและรับไม่ได้กับสรรพนามที่โซ่ใช้เรียกตนมาตลอดบ้านปิติภัทรไพศาลผมลงจากรถแล้วลากกระเป๋าเข้ามาเสียงป้าอ้อยยังคงเหมือนเดิม ป้ายังโหวกเหวกโวยวายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน"คุณหมออออออ คุณท่านเจ้าขาาาาาา คุณหนูของอ้อยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!!!!!!"ผมยกมือไหว้ป้าอ้อยและป้าๆ แม่บ้านทุกคน จนแม่ของผมเดินออกมาจากห้องพัก ท่านยิ้มหน้าบ้านอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากผม"ทำไมกลับมาก่อนกำหนดล่ะตะวัน ไหนว่ากำหนดกลับเดือนหน้าไม่ใช่หรือ""ผมสอบผ่านหมดแล้วครับ ส่วนใบประกาศทางมหาวิทยาลัยจะส่งตามมาผมไม่อยากอยู่ที







