“เฮ้อออ… ในที่สุดก็ถึงสักที”
ร่างสูงถอนหายใจออกยาวๆ เพื่อคลายความเหนื่อยล้า ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ก่อนจะเดินทาง ก็เพราะเรื่องแฟนเก่าที่คบกันมา และวางแผนกันไว้อย่างดีว่าจะสมัครเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกัน แต่สุดท้ายตนดันมีชื่ออยู่คนเดียว และไม่ใช่แค่นั้นตนเองดันมารู้ความจริงเอาวันที่จะเดินทาง สุดท้ายก็แก้ไขอะไรไม่ได้มาก ถือว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ที่คุณอาที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษายอมช่วยบอกเรื่องจริง สุดท้ายเพราะอะไร ๆ ไม่เป็นไปดั่งใจ ไอน์เลยตัดสินใจไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงแล้วทิ้งระเบิดก่อนจะเดินทาง
แม้ว่าจะได้ขึ้นเครื่องอย่างหวุดหวิด แต่แล้วตลอดทั้งการเดินทางความคิดมากมายก็ได้หลั่งไหลเข้ามา ไม่รู้ว่าการเดินทางไปครั้งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีก็ได้ สุดท้ายแล้วเพราะความดื้อของเขาเอง ทั้งที่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการที่คบกันกับแฟนคนนี้ แต่ตัวเองก็ดื้อเลือกแฟนจนทำให้ต้องมีเรื่องกับครอบครัว
“เอาวะ!! ไหน ๆ เรื่องก็เกิดแล้ว ก็คงจำเป็นต้องเดินหน้าง้อพ่อกับแม่นั้นแหละนะ”
แม้จะคิดว่าเรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลา แต่ไอน์ก็ไม่ได้กังวลมากนัก แต่ผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่สิ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าแฟนหนุ่มของตนที่แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรดี ที่เขานั้นตัดสินใจเลือกที่จะคบเพราะว่าอีกฝ่ายเคยเป็นคนดี อ่อนโยน ดูแลกันเป็นอย่างดี สุดท้ายก็เป็นได้แค่ ไอ้เวรคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“เฮ้อออ… ช่างเถอะ ๆ”
ร่างสูงที่เข้าไปอาบน้ำเสร็จยังคงอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเดินเช็ดผมเพื่อมาเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าแต่กลับต้องชะงักค้างมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แล้วนิ่งไป
“อ๊ากกกก…. นี่มันอะไรอีกวะเนี่ย!! ไอ้..#!@#$%$&!!@!!”
มือที่ยังคงเช็ดผมเผลอดึงทึ้งผมตัวเองอย่างหมดคำจะพูด สุดท้ายแล้วกระเป๋าที่เขาแบกมาก็ไม่ใช่ของตัวเอง แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ถึงจะหัวเสียแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงต้องตั้งสติ แม้จะสบถกร่นด่าตัวเองเป็นรอบที่ล้านแปด
“ครับ ผมไม่แน่ใจว่าทางคุณได้กระเป๋าไปผิดใบหรือเปล่า แต่ทางผมน่าจะสลับกระเป๋าของคุณมา คุณคุริยามะใช่ไหมครับ ผมไอน์ อนัตถ์ โอร์วเดรย์ครับ”
“อ่อ อื่มใช่ ครับ”
“โอ้ ดีเลยครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสะดวกที่จะมาแลกกระเป๋าหรือเปล่าครับ หรือให้ผมไปหาคุณก็ได้ครับ”
“ได้ ถนนหมายเลข4 ตึก36…”
“ตกลงครับ”
ถือว่าโชคยังดีที่กระเป๋ามีช่องทางติดต่อกับเจ้าของ ไอน์จึงไม่รอช้ารีบติดต่อไปหาอีกฝ่ายทันที
ไอน์ตัดสินใจสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแล้วรีบเดินทางไปหาปลายสาย เพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกกว่านี้แล้ว ก็ยังดีที่ที่อยู่ไม่ได้ไกลกันมากนัก
“อะ เอ่อ สะ สวัสดี ครับ”
และทันทีที่ไปถึง ไอน์ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนรออยู่ แม้ด้านข้างของตึกจะไม่สว่างมากแต่ก็มีแสงไฟจากถนนใหญ่ด้านหน้าสาดส่องเข้ามาทำให้ไอน์เห็นรูปร่างและหน้าตาที่หล่อเหลาของอีกฝ่ายที่คาดว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าได้อย่างชัดเจน
ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นตามชื่อเลยแฮะ ไอน์คิด แต่ดูจากรูปร่างและหน้าตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหล่อมาก เสื้อเชิ้ตสีดำที่เข้ารูปทำให้ยิ่งมองเห็นรูปร่างได้ชัดขึ้น แม้ว่าไอน์เองก็คิดว่าตัวเองสูงแล้ว เพราะเป็นลูกครึ่ง แต่เมื่อยืนประจันหน้ากันก็ทำให้รู้ได้ว่าคนตรงหน้านั้นสูงมาก
ถึงจะตกตะลึงมากแค่ไหน ไอน์ก็ไม่ได้ลืมมารยาทที่ต้องทักทายก่อน แต่ทันทีที่อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเอื้อมมือยื่นกระเป๋าอีกใบที่เหมือนกันของตนเองมาให้เท่านั้นแหละ รอยสักที่แขนกำยำนั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน จนไอน์ถึงขั้นรู้สึกหวาดกลัว เพราะกลิ่นอายของเขาดูนิ่งขรึมเกินไป ไอน์จึงเลือกที่จะรับกระเป๋าของตนเองมาเช็คดูโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ผมเช็คของเสร็จแล้ว… อะ เอ่ออ.. ขะ ขอบ คุณครับบ..”
เมื่อไอน์ตรวจเช็คของเสร็จเรียบร้อยก็กะว่าจะเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างรู้สึกขอบคุณ แต่พอเงยหน้าขึ้น แสงจากถนนใหญ่ก็สาดส่องเข้ามา และเพราะแสงจากรถที่วิ่งผ่านทำให้แสงตกกระทบกับของในกระเป๋า ทำให้วัตถุนั้นสะท้อนแสงเงาวาบออกมา จนไอน์ต้องตกใจขนหัวลุก รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง ในนาทีนั้นความคิดแรกและความคิดเดียวที่แวบผ่านเข้ามาคือ วิ่ง!!
มือเรียวยกกระเป๋าขึ้นแล้วออกตัววิ่งตามความคิดอย่างรวดเร็ว แต่ปากก็ยังคงไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณออกไปอย่างมีมารยาท
“แฮ่กกก… อึก ปัง ปึง แฮ่ก ๆๆๆ ตึกตัก ๆๆๆ โครมม!!!”
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในตอนที่ไอน์กลับมาถึงห้อง เสียงหายใจยังคงหอบถี่บวกกับเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามยังคงชัดเจน ย้ำเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน และเพราะร่างกายยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกสุดขีด ไอน์ก็พาร่างของตัวเองเข้ามาในห้องแล้วรีบพุ่งตัวไปที่เตียงนอนกอดกระเป๋าใบใหญ่หอบหายใจอยู่อย่างนั้นจนไม่ได้สนใจว่าระหว่างที่พุ่งตัวไปนั้นจะชนเข้ากับอะไรไปบ้าง มีเพียงสิ่งเดียวที่ในตอนนี้ เขานั้นคิดได้ว่า
“นี่รอดหรือยังว๊ะ”
“อ้าว?”
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มที่เช็คของเสร็จก็ได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเตรียมลากกระเป๋าแล้วจะขอบคุณ ก็ได้แต่งงงวยว่าอีกฝ่ายนั้นได้หายลับไปแล้วเช่นกัน
.....................................................................................
รักษาชีวิตให้รอด เป็นยอดดี ❎
รักษากระเป๋า ประดุจชีวิต ✅
🤔😨🫨😱😱😱
“อึก อื่ออ”“อรุณสวัสดิ์”เซนที่นอนมองใบหน้าหล่อเหลายามหลับ กำลังขยับแพรขนตายาวเปิดขึ้น ก็เอ่ยทักทายเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาแล้วมอบจูมพิตบนหน้าผากเนียน ยิ้มต้อนรับวันใหม่อย่างอารมณ์ดี“อึก อ่าา อะ เอว ผม”ไอน์ที่ตื่นเต็มตาเพราะถูกรอยยิ้มทรงเสน่ห์จู่โจมก็รีบสะดุ้งตัวขึ้น แต่ก็ต้องเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องรีบทิ้งตัวลงไปที่เตียงนุ่มอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้“หืม ปวดเอวเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบีบนวดให้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล“คุณเซน ผมขอถามอีกคำถาม นี่เป็นครั้งแรกของคุณแน่นะ”ไอน์ที่หวนคิดถึงเรื่องที่ตนและเขาทำกันไปจนเกือบฟ้าสาง ถ้าตนไม่ผล็อยหลับไปก่อน เห็นทีว่าคนหน้าไม่อายคนนี้ก็คงจะไม่ยอมหยุดเป็นแน่ จนเขานั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่า เรื่องที่อีกฝ่ายทำกับตนนั้นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ใช่ไหม“หืมม แน่นอนสิ ทำไมเหรอ?”“…ช่างมันเถอะครับ คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวผมค่อยไปทีหลัง”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เซนตอบกลับมาอย่างซื่อตรง ไอน์ที่เป็นคนถามก็รู้สึกเหลือจะเชื่อที่ตนตั้งแง่ถามออกไป เลยปล่อยร่างให้นอนจมลงไปที่เตียงนอนอีกครั้งแล้วโ
“เจลน่ะ”เซนที่เห็นท่าทางของไอน์แล้วก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพื่อข่มความปวดหนึบตรงแก่นกายของตัวเองไว้ แล้วโฉบใบหน้าเข้าไปขบเม้มที่ติงหูสีแดงระเรื่ออย่างตั้งใจ ก่อนจะกระซิบบอกเสียงแหบพร่า“…. ละ แล้ว ไม่รีบบอกล่ะครับ”ไอน์ที่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีและเขินอายอยู่แล้ว ก็พูดโพล่งขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าที่ตัวเองทำไปจะไร้ประโยชน์ แถมยังต้องมาทำอะไรน่าอายแบบที่ไม่เคยทำต่อหน้าอีกฝ่ายอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว“ก็นายไม่ได้ถาม”เซนยังคงตีหน้ามึนตอบออกไปทั้งอย่างนั้น“อะ อยู่ไหนล่ะครับ รีบเอามาสิครับ ไอ้เจลที่ว่าน่ะ”ไอน์ที่เหมือนถูกล้อ ก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้าด้วยความเขินอายและเสียหน้าเป็นที่สุด เลยตะโกนถามออกไปทั้งอย่างนั้น ให้ตายสิ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการจะได้กินอะไรที่อยากกินมันจะยากเย็นขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาหน่อย ๆ หรือจะไม่ทงไม่ทำมันแล้วดีกว่าหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวด้วย ดูจากไอ้กระบองยักษ์นั่น มันใช่ขนาดที่จะเข้ามาในร่างกายของคนได้จริง ๆ หรือไง ต่อให้คลายดีแค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องเลือกตกยางออกอยู่ดีไม่ใช่เหรอแต่ไหน ๆ ก็ทำเรื่องน่าอายมจนถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ปล่อยเ
“เด็กดี เงียบก่อนนะ เอาอีกไหม”แม้จะยังไม่พอใจ แต่เซนก็ยอมถอดถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมทั้งไล่จูบซับคราบน้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างอ่อนโยน“อื่มม”ไอน์ที่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยน พยักหน้าตอบอย่างหลงลืมตัว จนริมฝีปากอ่อนนุ่มถูกความเร้าร้อนเข้าครอบงำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง“พอใจ หรือยัง”“อึก! อึก”เพราะถูกคนตัวโตแกล้งมอบจูบที่แสนเรียกร้องเอาแต่ใจ พอเผลอไผล ก็กลับผละออก จนไอน์สะอึกเสียอย่างนั้น“ต่อไป ห้ามร้องเพราะคนอื่นอีกนะ ร้องกับฉันแค่คนเดียว”พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเริ่มขมวดคิ้วพร้อมทั้งสะอึก เซนจึงหยุดแกล้งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้เช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้อย่างเบามือ แล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น“ทำไม ครับ”ไอน์ซบใบหน้าลงตรงฝ่ามืออุ่น ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย“ฉันอยากได้สิทธิ์ที่ทำให้นายร้องไห้เพราะฉันคนเดียว”ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ยังคงหลงเหลือประกายของคราบน้ำตา ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง“……”“ได้ไหม ตอบมาสิ”ไอน์ที่ถูกจ้อง หลงลืมตัวไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างหวั่นไหว หากตีค
“หยุด ไม่ต้องเรียก หัดหยุดแล้วหัดฟังที่คนอื่นเขาจะพูดบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะมาพูด ๆ ในสิ่งที่ตัวเองจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว มีปากไว้พูดเป็นคนเดียวหรือไง ฮะ แล้วที่มายืนพูด ๆ อยู่หน้าห้องคนอื่นแบบนี้มันได้เหรอ นอกจากจะไม่มีสมองแล้วยังไม่มีมารยาทอีก ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกน่ะ”ไม่ว่าจะทักท้วงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดพูด ไอน์ที่หมดความอดทนเลยพูดตัดบทอย่างหัวเสีย“อะ ไอน์ อย่าบอกนะว่า ไอน์ลืมเราไปแล้ว ไม่จริง เรารู้ว่าไอน์รักเรามากแค่ไหน และเราก็รู้แล้วว่าเราเองก็รักไอน์มากแค่ไหนเหมือนกัน เราขอโทษนะไอน์ เรากลับมาคืนดีกันเถอะนะ”ถึงแม้จะชะงักไปเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดขึ้นมา แต่ปกป้องก็ยังคงเชื่อว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธ และตอนนี้ตนก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน“เหอะ นี่นาย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ!!”ไอน์ฟังปกป้องอดีตแฟนเก่าพล่าม จนหัวเราะออกมาเสียงต่ำ ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทั้งตัวเขาและปกป้องจะเข้าใจกันได้ไปในทางที่ดีขึ้น อย่าว่าแต่ตกลงเลย แค่พูดกันดี ๆ ยังเข้าใจคนละความหมาย จนตอนนี้ไอน์แทบจะเหลืออดด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว“ทำไม อย่าบอกนะ ว่าเพรา
“หึ ก็หล่อจริง ๆ นั่นแหละ”เซนหยิบกระดาษแผ่นเล็กเปิดออกแล้วอ่านตามข้อความ “ตั้งใจทำงานนะครับ น้องชายสุดหล่อมาให้กำลังใจแล้ว” ก่อนจะยกยิ้มแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา“ฮะ พี่พูดว่าอะไรนะครับ”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของเจ้านายไม่ชัด“ไม่มีอะไร”เซนตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะรีบเก็บกระดาษแผ่นเล็กใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว“หืมม…”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง เห็นท่าทีมีพิรุธของเจ้านายหนุ่มเลยเลิกคิ้วทำเสียงอย่างสงสัย“เสร็จแล้วก็ไปทำงาน”เซนแสร้งทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตอบกลับพนักงานหนุ่มรุ่นน้องเหมือนอย่างปกติ“ครับ คร้าบบ…”แต่พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง รู้จักเซนมาหลายปีจึงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแต่ก็แสร้งลากเสียงตอบรับ อย่างทะเล้นก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นสายตาดุของรุ่นพี่ผู้เป็นนาย“คุณเซน”ไอน์ที่ยืนพิงอยู่ข้างร้านเอ่ยเรียกอีกฝ่ายทันทีที่ร่างสูงออกมาจากร้าน“หืม.. ทำไมยังไม่กลับอีก”สายตาคู่คมหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยถามอย่างสงสัย“ก็รอกลับพร้อมคุณเซนไงครับ”ไอน์ที่เดาไว้อยู่แล้วเลยตอบกลับไปอย่างหย
“…..”“… ใคร! โทรมาแล้วทำไมไม่พูด จะกวนประสาทกันหรือไง?”“… อะ เอ่ออ ไอน์ เดี๋ยวก่อน นี่ปกป้องเอง”“ฮะ!! ว่าไงนะ!?”“ไอน์ ปกป้องขอโทษ เราเลิกกับแฟ เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วนะ จริง ๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกป้องไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ พอดีเพื่อน ๆ เชียร์ให้คู่กันและแซวเล่นเฉย ๆ เราไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ นะ คนที่เรารักที่สุดก็คือไอน์ ไอน์รู้ใช่ไหม เรากำลังจะไปห…”“เหอะ!! พล่ามเสร็จหรือยัง? แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ”“อะ ไอ…”“เหอะ!! ไอ้เวรนี่ ตัวขัดขวางอารมณ์แท้ ๆ”ไอน์ กดวางสาย ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านั้น ชื่อที่ทำให้ไอน์ต้องมองบนก็โชว์ขึ้นมา ทำให้ไอน์กดรับทันที“สวัสดีน้องชายสุดหล่อ เป็นไงได้ข่าวว่าโดนเท ได้ไปเรียนญี่ปุ่นคนเดียวหรือไง อะไรกันพี่สาวคนนี้ไม่ได้ไปหาแค่แป๊บเดียว เกิดเรื่องเวรอะไรขึ้นกับนายล่ะนั้น”“ให้มัน น้อย ๆ หน่อย แล้วอีกอย่างฉันก็อายุมากกว่าเธอตั้งสามปี”“เอาน่า ๆ หยวนหยวนกันไป”“มายงมาหยวนอะไร เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีสัมมาคารวะซะบ้าง”“โห… บ่นเหมือนคุณปู่เลย แล้วฉันมีข่าวเด็ดจะฟังไหม น้องสาวคนนี้ไปหาสืบมาให้ อย่างยากลำบากเลยนะคะ”“ข่าวอะไรของเธอ ถ้