ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ที่ทั้งความคิดตีกันจนสับสนไปหมด ไหนจะอาการวิตกกังวลจนทำให้รู้สึกหวาดระแวงถึงขั้นไม่สามารถหลับได้เต็มอิ่ม จนตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะรอยคล้ำใต้ตาที่พยายามกลบอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เพราะผิวที่ขาวอยู่แล้ว พอมีรอยคล้ำก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนี้อีก
“เฮ้ออ.. ให้ตายสิ!!”
ร่างสูงเดินบ่นพึมพำถอนหายใจไปตามถนน เดินไปเรื่อย ๆ จนผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มบางตาลง
“เอาวะ! วันศุกร์สุดสัปดาห์ ก็ต้องดื่มสิ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น ไอน์ก็เริ่มเดินหาร้าน และจากที่เดินผ่านมาหลาย ๆ ร้านก็เริ่มจะปิดแล้ว จนไปเจอกับร้านอาหารร้านหนึ่งที่เป็นกึ่งร้านอาหารกึ่งบาร์ ทั้งบรรยายกาศและการตกแต่งร้านดูมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์สะดุดตา พอเข้ามาภายในก็ให้บรรยากาศที่อบอุ่นจนไม่น่าเชื่อ ไอน์จึงตัดสินใจที่จะปล่อยความคิดที่วิตกกังวลมาทั้งสัปดาห์ทิ้งไป ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มที่โหยหามานั่งดื่มกินอย่างรู้สึกผ่อนคลายลง
“.. ใช่หรือเปล่านะ”
มือเรียวที่ถือแก้วน้ำสีเข้มหมุนวนแก้วเล่นอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างนึกสงสัย จริง ๆ ถ้าถามว่าไม่ให้คิดอะไรเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันชัดเจนจนเกินไป จนจะให้ทำใจปล่อยวางไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้เนี่ยสิ
เพราะก่อนที่ไอน์จะตัดสินใจสมัครเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาแล้วตั้งสองปี ตอนนี้ไอน์เลยเป็นนักศึกษาปีที่สามแล้ว แต่ก็โชคดีที่ผลคะแนนดี เลยผ่านเกณฑ์ และเหตุผลก็ไม่ใช่อะไร เพียงแค่เพราะว่าได้ยินเขาว่ากันว่า การจะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนั้นไม่ได้ง่าย ซึ่งตนเองก็รับรู้และยอมรับในเรื่องนี้ได้ไม่ได้ติดปัญหาอะไร
แต่เหตุผลสำคัญที่ทั้งคนรอบข้างเขาและแฟนเก่าต่างก็เล่าต่อ ๆ กันมาว่า ที่ต่างประเทศ จะเห็นแค่ว่าคนหน้าตาดีไม่ได้ จากที่เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยมาเรียนต่อที่นี่เหมือนกัน แต่แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งก็ขาดการติดต่อไป และสุดท้ายที่พบเจออีกทีก็กลายเป็นศพไปแล้ว และเขาก็ว่ากันว่าเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟียเข้า
และก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า พวกมาเฟียทรงอิทธิพลมากในต่างประเทศ นอกจากเราจะไม่รู้ว่าใครคนนั้นที่เรารู้จักหรือพบเห็นเป็นมาเฟียแล้ว ก็ไม่ได้มีข้อสังเกตอื่นที่ชัดเจนอีกเลยเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปพวกมีอิทธิพล หรือที่เราเรียกกันว่า พวกมาเฟีย ยากูซ่านั้น บ้างก็เป็นพวกหน้าตาดี รูปร่างดี ดูภูมิฐานสะดุดตาไม่ต่างจากพวกนักธุรกิจเลยด้วยซ้ำ
และสิ่งเดียวที่คนเล่าต่อกันมาก็มีเพียงแค่หลักฐานที่สังเกตได้ชัดคือรอยสัก บวกกับบรรยากาศรอบตัวที่ไม่ว่าหากเจอก็จะรับรู้ได้ในทันทีนั้นเองเพราะเหตุนี้ คำพูดคำบอกเล่าเหล่านั้นที่ไอน์ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ ทำให้ตอนที่เขาได้เจอกับคนคนนั้น กลับฉายชัดเหมือนเสียงที่ท่องจำอยู่ในหัวขึ้นมาอย่างชัดเจน (ความคิดและเสียงในหัวที่ถูกผสมเรื่องราวไปเอง เพราะไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องเล่าใด ๆ)
“แล้วว.. ทีนี้ อึก ..จะทำ ยังไง ล่ะ เนี่ย”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะยกแก้วน้ำสีเข้มขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง และอีกหลาย ๆ ครั้ง
“…..”
ร่างสูงที่กำลังจะปิดร้าน ในขณะที่กำลังมองสำรวจความเรียบร้อยภายในร้าน สายตาคมก็สะดุดเข้ากับร่างของใครบางคนที่กำลังนอนฟุบตัวกับโต๊ะอย่างไม่รู้สึกตัว
“อะ เอ่อ คุณ?!”
คิ้วเข้มเลิ่กขึ้น พร้อมทั้งสาวเท้าเข้าไปดูอีกฝ่าย และทันทีที่มือแกร่งเอื้อมไปแตะบ่าร่างที่ไร้สติ จนทำให้เจ้าของร่างขยับตัวจนเผยให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจนขึ้น และเพราะใบหน้าที่คุ้นตา เซนก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเรียกปลุกอีกฝ่ายให้รู้ตัว แต่เหมือนยิ่งปลุกก็ยิ่งไม่ได้ผล
“อื่มม”
“……”
แต่ก่อนที่เซนจะผละมือออก อีกฝ่ายก็ขยับใบหน้าเพื่อหาสัมผัสอันอบอุ่นจากมือของเขาทั้งยังครางเสียงต่ำในลำคออย่างพึงพอใจอีกด้วย จนเขานั้นจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ที่พบเจอเป็นครั้งแรกนี้
สายตาคมมองสำรวจดูรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะชั่งใจว่าต่อให้ปลุกอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมตื่นขึ้นมาในเวลานี้แน่นอน แล้วเพราะช่วงนี้ที่ร้านก็ยุ่ง จนเขาเองก็อยากที่จะพักผ่อนแล้วเต็มที ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ และรวดเร็วที่สุด ก็คือ พากลับไปด้วยกันนั้นเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซนก็ก้มลงอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อพากลับบ้านไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
“เบากว่าที่คิด…”
และเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ได้หนักเท่าไหร่ เซนก็เลือกที่จะอุ้มชายหนุ่มไร้สติเดินกลับบ้านโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาแปลก ๆ ของผู้คนที่มองมาตลอดทาง เมื่อถึงหน้าบ้าน แขนแกร่งก็ปล่อยร่างของเขาลงและประครองไว้ เพื่อกดรหัสเข้าบ้าน แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างไร้สติเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมากะทันหันหรือเปล่า จังหวะที่ประตูเปิด ก็ทำให้ทั้งสองคนเซเข้าไป แล้วล้มนั่งลงหน้าประตูอย่างช่วยไม่ได้
“อึก!!”
“อืม”
ไม่รู้ว่าเพราะสัญชาตญาณหรือเปล่า จังหวะที่จะล้มเซนก็กอดรัดอีกร่างไว้ ทำให้แผ่นหลังกระแทกกับบานประตูทั้งอย่างนั้น และเพราะยังรู้สึกจุก ๆ อยู่ เซนเลยนั่งกอดร่างอีกฝ่ายไว้แนบอกอยู่อย่างนั้น
“อื่มม..”
“เอ่ออ..”
และอยู่ ๆ ร่างในอ้อมกอดก็ซุกตัวเข้ามา ทำให้สัมผัสอุ่นร้อนของร่างกายของคนทั้งคู่สัมผัสกัน บวกกับท่าทางที่ค้างอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้ความอ่อนไหวที่ไวต่อสัมผัสของร่างกายของทั้งคู่ยิ่งแนบแน่นกันมากขึ้น จนเซนที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จำต้องรีบจับตัวอีกฝ่ายให้ผละออกอย่างรวดเร็ว
“หืมม.. กลิ่น หอม จัง”
“…..”
แต่ไม่รู้ว่าเพราะความเมาที่ยังคงไม่ค่อยได้สติของอีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะเหมือนโดนขัดใจ จึงทำให้เกิดการขัดขืนดีดดิ้นเข้ามากอดเขาอีกครั้ง และครั้งนี้คนที่เหมือนไม่ได้สติมาตลอดทาง ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมทั้งกระชับกอดอย่างแนบแน่นจนเซนยากที่จะผละร่างออก หนำซ้ำใบหน้าที่ตอนนี้ซุกอยู่ที่ลำคอยังทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นของตนแล้ว เอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉยทำให้ ร่างทั้งร่างของเซนเผลอเกร็งตัวจนทำอะไรไม่ถูกในทันที
“โอ้… สุดหล่อ”
พอเห็นว่าเซนไม่ได้มีทีท่าที่จะขยับหนีหรือขัดขืนอีก ไอน์จึงค่อย ๆ ผละตัวออกมา แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าคมเข้มของเซนอย่างเต็มตาแล้ว ไอน์ถึงขั้นแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงเอื้อมมือขึ้นมาจับใบหน้าหล่อเหลานั้นไว้ทั้งสองข้าง พร้อมทั้งก้มลงไปมองใกล้ ๆ จนปลายจมูกชนกัน
เมื่อสัมผัสได้ว่าคนเบื้องหน้าไม่ใช่ความฝัน ไอน์ก็เผยยิ้มกว้างอย่างชอบใจจนปรากฏร่องรอยของลักยิ้มที่ยุบอยู่ข้างแก้มอย่างชัดเจนออกมา
“เคย มีใคร บอก นาย ไหม ว่า นายหล่อมาก หล่อโคตร หล่อแบบ.. หล่อเหี้ย ๆ”
“……”
“.. อะ เอ๋? นี่ นาย นะ นาย ฉะ ฉันแค่ชม เพราะนายหล่อ นาย ไม่พอใจ ถึงขั้น ต้องใช้ อาวุธ เลยเหรอเนี่ย”
“อาวุธ?”
คิ้วเข้มถึงกับต้องขมวดเข้าหากัน ไม่แน่ใจว่าที่เขาฟังอีกฝ่ายพูดแล้วไม่ค่อยเข้าใจ หรืออีกฝ่ายเมาจนพูดไม่เข้าใจกันแน่
“โหหห… โดนทีเดียว.. มีหวัง … หัวแบะแน่!!”
“……”
แม้จะตกใจที่อยู่ ๆ มือเรียวก็เอื้อมมาจับตรงความเป็นชายของตัวเองอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่ก็เพราะอย่างนั้นเซนถึงเข้าใจในทันทีว่า อาวุธ ที่เขาพูดถึงคืออะไร แม้จะอยากตอบแต่ก็หมดคำจะพูด เพราะการเว้นวรรค คำพูดของเขานั้น ก็ออกจะ.. ยิ่งคิดใบหน้าหล่อเหลาก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งอย่างนั้น
…………………………………………………………………อาวุธ? ใกล้ฉัน 🫣😱🤭
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
“อึก อื่ออ”“อรุณสวัสดิ์”เซนที่นอนมองใบหน้าหล่อเหลายามหลับ กำลังขยับแพรขนตายาวเปิดขึ้น ก็เอ่ยทักทายเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาแล้วมอบจูมพิตบนหน้าผากเนียน ยิ้มต้อนรับวันใหม่อย่างอารมณ์ดี“อึก อ่าา อะ เอว ผม”ไอน์ที่ตื่นเต็มตาเพราะถูกรอยยิ้มทรงเสน่ห์จู่โจมก็รีบสะดุ้งตัวขึ้น แต่ก็ต้องเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องรีบทิ้งตัวลงไปที่เตียงนุ่มอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้“หืม ปวดเอวเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบีบนวดให้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล“คุณเซน ผมขอถามอีกคำถาม นี่เป็นครั้งแรกของคุณแน่นะ”ไอน์ที่หวนคิดถึงเรื่องที่ตนและเขาทำกันไปจนเกือบฟ้าสาง ถ้าตนไม่ผล็อยหลับไปก่อน เห็นทีว่าคนหน้าไม่อายคนนี้ก็คงจะไม่ยอมหยุดเป็นแน่ จนเขานั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่า เรื่องที่อีกฝ่ายทำกับตนนั้นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ใช่ไหม“หืมม แน่นอนสิ ทำไมเหรอ?”“…ช่างมันเถอะครับ คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวผมค่อยไปทีหลัง”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เซนตอบกลับมาอย่างซื่อตรง ไอน์ที่เป็นคนถามก็รู้สึกเหลือจะเชื่อที่ตนตั้งแง่ถามออกไป เลยปล่อยร่างให้นอนจมลงไปที่เตียงนอนอีกครั้งแล้วโ
“เจลน่ะ”เซนที่เห็นท่าทางของไอน์แล้วก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพื่อข่มความปวดหนึบตรงแก่นกายของตัวเองไว้ แล้วโฉบใบหน้าเข้าไปขบเม้มที่ติงหูสีแดงระเรื่ออย่างตั้งใจ ก่อนจะกระซิบบอกเสียงแหบพร่า“…. ละ แล้ว ไม่รีบบอกล่ะครับ”ไอน์ที่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีและเขินอายอยู่แล้ว ก็พูดโพล่งขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าที่ตัวเองทำไปจะไร้ประโยชน์ แถมยังต้องมาทำอะไรน่าอายแบบที่ไม่เคยทำต่อหน้าอีกฝ่ายอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว“ก็นายไม่ได้ถาม”เซนยังคงตีหน้ามึนตอบออกไปทั้งอย่างนั้น“อะ อยู่ไหนล่ะครับ รีบเอามาสิครับ ไอ้เจลที่ว่าน่ะ”ไอน์ที่เหมือนถูกล้อ ก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้าด้วยความเขินอายและเสียหน้าเป็นที่สุด เลยตะโกนถามออกไปทั้งอย่างนั้น ให้ตายสิ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการจะได้กินอะไรที่อยากกินมันจะยากเย็นขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาหน่อย ๆ หรือจะไม่ทงไม่ทำมันแล้วดีกว่าหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวด้วย ดูจากไอ้กระบองยักษ์นั่น มันใช่ขนาดที่จะเข้ามาในร่างกายของคนได้จริง ๆ หรือไง ต่อให้คลายดีแค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องเลือกตกยางออกอยู่ดีไม่ใช่เหรอแต่ไหน ๆ ก็ทำเรื่องน่าอายมจนถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ปล่อยเ
“เด็กดี เงียบก่อนนะ เอาอีกไหม”แม้จะยังไม่พอใจ แต่เซนก็ยอมถอดถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมทั้งไล่จูบซับคราบน้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างอ่อนโยน“อื่มม”ไอน์ที่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยน พยักหน้าตอบอย่างหลงลืมตัว จนริมฝีปากอ่อนนุ่มถูกความเร้าร้อนเข้าครอบงำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง“พอใจ หรือยัง”“อึก! อึก”เพราะถูกคนตัวโตแกล้งมอบจูบที่แสนเรียกร้องเอาแต่ใจ พอเผลอไผล ก็กลับผละออก จนไอน์สะอึกเสียอย่างนั้น“ต่อไป ห้ามร้องเพราะคนอื่นอีกนะ ร้องกับฉันแค่คนเดียว”พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเริ่มขมวดคิ้วพร้อมทั้งสะอึก เซนจึงหยุดแกล้งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้เช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้อย่างเบามือ แล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น“ทำไม ครับ”ไอน์ซบใบหน้าลงตรงฝ่ามืออุ่น ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย“ฉันอยากได้สิทธิ์ที่ทำให้นายร้องไห้เพราะฉันคนเดียว”ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ยังคงหลงเหลือประกายของคราบน้ำตา ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง“……”“ได้ไหม ตอบมาสิ”ไอน์ที่ถูกจ้อง หลงลืมตัวไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างหวั่นไหว หากตีค
“หยุด ไม่ต้องเรียก หัดหยุดแล้วหัดฟังที่คนอื่นเขาจะพูดบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะมาพูด ๆ ในสิ่งที่ตัวเองจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว มีปากไว้พูดเป็นคนเดียวหรือไง ฮะ แล้วที่มายืนพูด ๆ อยู่หน้าห้องคนอื่นแบบนี้มันได้เหรอ นอกจากจะไม่มีสมองแล้วยังไม่มีมารยาทอีก ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกน่ะ”ไม่ว่าจะทักท้วงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดพูด ไอน์ที่หมดความอดทนเลยพูดตัดบทอย่างหัวเสีย“อะ ไอน์ อย่าบอกนะว่า ไอน์ลืมเราไปแล้ว ไม่จริง เรารู้ว่าไอน์รักเรามากแค่ไหน และเราก็รู้แล้วว่าเราเองก็รักไอน์มากแค่ไหนเหมือนกัน เราขอโทษนะไอน์ เรากลับมาคืนดีกันเถอะนะ”ถึงแม้จะชะงักไปเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดขึ้นมา แต่ปกป้องก็ยังคงเชื่อว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธ และตอนนี้ตนก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน“เหอะ นี่นาย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ!!”ไอน์ฟังปกป้องอดีตแฟนเก่าพล่าม จนหัวเราะออกมาเสียงต่ำ ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทั้งตัวเขาและปกป้องจะเข้าใจกันได้ไปในทางที่ดีขึ้น อย่าว่าแต่ตกลงเลย แค่พูดกันดี ๆ ยังเข้าใจคนละความหมาย จนตอนนี้ไอน์แทบจะเหลืออดด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว“ทำไม อย่าบอกนะ ว่าเพรา
“หึ ก็หล่อจริง ๆ นั่นแหละ”เซนหยิบกระดาษแผ่นเล็กเปิดออกแล้วอ่านตามข้อความ “ตั้งใจทำงานนะครับ น้องชายสุดหล่อมาให้กำลังใจแล้ว” ก่อนจะยกยิ้มแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา“ฮะ พี่พูดว่าอะไรนะครับ”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของเจ้านายไม่ชัด“ไม่มีอะไร”เซนตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะรีบเก็บกระดาษแผ่นเล็กใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว“หืมม…”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง เห็นท่าทีมีพิรุธของเจ้านายหนุ่มเลยเลิกคิ้วทำเสียงอย่างสงสัย“เสร็จแล้วก็ไปทำงาน”เซนแสร้งทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตอบกลับพนักงานหนุ่มรุ่นน้องเหมือนอย่างปกติ“ครับ คร้าบบ…”แต่พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง รู้จักเซนมาหลายปีจึงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแต่ก็แสร้งลากเสียงตอบรับ อย่างทะเล้นก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นสายตาดุของรุ่นพี่ผู้เป็นนาย“คุณเซน”ไอน์ที่ยืนพิงอยู่ข้างร้านเอ่ยเรียกอีกฝ่ายทันทีที่ร่างสูงออกมาจากร้าน“หืม.. ทำไมยังไม่กลับอีก”สายตาคู่คมหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยถามอย่างสงสัย“ก็รอกลับพร้อมคุณเซนไงครับ”ไอน์ที่เดาไว้อยู่แล้วเลยตอบกลับไปอย่างหย
“…..”“… ใคร! โทรมาแล้วทำไมไม่พูด จะกวนประสาทกันหรือไง?”“… อะ เอ่ออ ไอน์ เดี๋ยวก่อน นี่ปกป้องเอง”“ฮะ!! ว่าไงนะ!?”“ไอน์ ปกป้องขอโทษ เราเลิกกับแฟ เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วนะ จริง ๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกป้องไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ พอดีเพื่อน ๆ เชียร์ให้คู่กันและแซวเล่นเฉย ๆ เราไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ นะ คนที่เรารักที่สุดก็คือไอน์ ไอน์รู้ใช่ไหม เรากำลังจะไปห…”“เหอะ!! พล่ามเสร็จหรือยัง? แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ”“อะ ไอ…”“เหอะ!! ไอ้เวรนี่ ตัวขัดขวางอารมณ์แท้ ๆ”ไอน์ กดวางสาย ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านั้น ชื่อที่ทำให้ไอน์ต้องมองบนก็โชว์ขึ้นมา ทำให้ไอน์กดรับทันที“สวัสดีน้องชายสุดหล่อ เป็นไงได้ข่าวว่าโดนเท ได้ไปเรียนญี่ปุ่นคนเดียวหรือไง อะไรกันพี่สาวคนนี้ไม่ได้ไปหาแค่แป๊บเดียว เกิดเรื่องเวรอะไรขึ้นกับนายล่ะนั้น”“ให้มัน น้อย ๆ หน่อย แล้วอีกอย่างฉันก็อายุมากกว่าเธอตั้งสามปี”“เอาน่า ๆ หยวนหยวนกันไป”“มายงมาหยวนอะไร เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีสัมมาคารวะซะบ้าง”“โห… บ่นเหมือนคุณปู่เลย แล้วฉันมีข่าวเด็ดจะฟังไหม น้องสาวคนนี้ไปหาสืบมาให้ อย่างยากลำบากเลยนะคะ”“ข่าวอะไรของเธอ ถ้