จะบอกว่าคนแปลกหน้า? ก็คุ้นหน้าเกินกว่าจะบอกว่าไม่รู้จัก จะบอกว่าคนรู้จัก แต่…ทั้งชื่อ ที่อยู่ ก็ไม่มีอะไรเลยที่เขารู้ จะบอกว่า.. เอ่ออ… คู่นอน ก็ยังไม่เคยนอนด้วยกัน แต่ก็ทำอะไรที่ยากจะอธิบายไปแล้ว
Lihat lebih banyak“ปะ เป็นไปไม่ได้”
หมายความว่า…
ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตู พึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองกำลังได้ยิน ภาพความทรงจำต่างๆ ตั้งแต่วันที่ทั้งตนเองและเขาคนนั้นกำลังวางแผนเตรียมตัวสมัครไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เพื่อจะได้ไปใช้ชีวิตด้วยกัน ความหวังความฝันพังทลายลงไปในพริบตา
“..ฉันจะบอกอีกครั้ง ไม่ใช่ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาของนายแต่เป็นในฐานะอาของนายแล้วกัน ว่าไอ้หมอนั้นไม่เคยที่จะยื่นสมัครมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยซ้ำ ..ที่นำมายื่นมีเพียงใบสมัครแค่ของนาย”
“……”
เสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาเปรียบเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงกลางหัวของเขาอีกครั้ง เมื่อรู้ความจริง
“.. เห็นแก่ที่นายเป็นหลาน ถ้าอยากรู้ความจริงนายก็ลองไปที่นี่แล้วกัน แล้วฉันก็หวังว่านายจะเลิกดื้อกับพี่สักที”
เอกดนัยยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่ในมือของผู้เป็นหลานชายอีกครั้งก่อนจะพูดทิ้งท้ายแล้วเดินเข้าห้องไป แม้จะเป็นอาแต่เพราะด้วยอายุที่ไม่ต่างกันมากนัก เอกดนัยก็ค่อนข้างที่จะมองว่าหลานชายคนนี้เป็นเหมือนน้องชายมากกว่า และไม่อยากเห็นพี่สาวและพี่เขยมาเป็นห่วงลูกชายเพียงคนเดียวด้วย
“… แม้นายจะเจ็บปวด แต่ฉันก็หวังว่านายจะเลือกทางที่ถูกต้อง”
เอกดนัยเหลือบมองเงาร่างสูงที่ค่อยๆ ลับหายไป พร้อมกับหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาก่อนจะกดหมายเลขไปยังปลายสาย
“ผมบอกไอน์ไปแล้วนะครับ”
“… อื่ม ขอบใจนายมาก”
……………………………………
“หึ น่าสนุกดีนี่”
“……”
“… ไอน์!!”
เสียงปรบมือและเสียงพูดพร้อมหัวเราะในลำคอของแขกที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นจนทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงหยุดชะงักแล้วหันไปมองตามต้นเสียงเป็นทางเดียวกัน จนชายหนุ่มที่กำลังยืนกอดเอวบางของหญิงสาวเจ้าของงานเผลอเอ่ยเรียกชื่อของร่างสูงที่ปรากฏขึ้นด้วยความตกตะลึง
“อ้าว หยุดกันทำไมล่ะ เชิญ ๆ สนุกกันให้เต็มที่ต่อได้เลย”
ชายหนุ่มผู้มาใหม่เดินสาวเท้าเข้ามาในงานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูน่าหลงใหล ผิวขาวละเอียด บวกกับใบหน้าหล่อเหลาที่ตัดกับผมสีอ่อน ดูโดดเด่นเสริมให้ทั้งเครื่องหน้าดูมีเสน่ห์ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเห็นแล้วจำต้องหยุดมอง มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำสีเข้มขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างไม่สนใจท่าทีของชายหนุ่มที่กำลังเอ่ยเรียกชื่อตนเองอย่างตื่นตระหนกสุดขีด
“.. อะ ไอน์ นายมาทำอะไรที่นี่ อีกเดี๋ยวนายต้องเดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ”
ปกป้องรีบเรียกสติของตนเองก่อนจะแสร้งทำทีท่าให้เป็นปกติที่สุดแล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปด้วยใบหน้าฝืนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด
“อ่อ งานเลี้ยงวันเกิดนี่เอง ก็คิดว่างานฉลองเลี้ยงส่งเสียอีก แต่ก็คงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงส่งใครนี่ แต่นายคงจะไม่มีใจร่วมสนุกด้วยเท่าไหร่หรอกใช่ไหม เพราะแฟนหนุ่มของตัวเองกำลังจะเดินทางทั้งทีหนิ จริงไหมปกป้อง”
ไอน์แทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ หรือคิดจะตอบคำถามของปกป้องเลยแม้แต่น้อย ร่างสูงเดินเข้าไปก่อนจะกึ่งนั่งกึ่งยืนพิงพนักของโซฟาตัวใหญ่ เสียงทุ้มเอ่ยพูดออกไปอย่างไม่รีบร้อน สายตาคู่สวยยังคงจดจ้องไปที่แก้วน้ำสีเข้มในมือที่หมุนวนเล่น
“… อะ ไอ”
“ว่ายังไงนะ!?”
ยังไม่ทันที่ปกป้องจะได้เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครั้ง แต่เสียงแหลมข้างกายกลับตะโกนด้วยอารมณ์ ถามออกไปทันที
“จิ๊ ๆ โอ้… โดนหลอกเหมือนกันสินะครับ”
ไอน์ยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้คนทั้งคู่ แล้วก้มลงมองหญิงสาวร่างเล็กเบื้องหน้า
“ฮะ!!”
พอหญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนคุกคามจากอีกฝ่ายก็กำลังจะตะโกนขึ้น มือทั้งสองข้างบีบและจิกเล็บลงบนท่อนแขนของแฟนหนุ่มข้างกายด้วยความโกรธ
“แต่… ต่อให้เธอจะใช้มือที่.. หยาบกร้าน นั้นฉีกกระชากปาก ไอ้เวรนี่ ก็คงจะไม่หยุดพ่นคำพูดหลอกลวงเธออยู่ดีแหละนะ”
มือเรียวยกแก้วน้ำสีเข้มขึ้นมาสัมผัสกับนิ้วมือของหญิงสาวเบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา แล้วปรายตามองชายหนุ่มอีกคนอย่างไม่สบอารมณ์
“……”
“……”
“เอาเป็นว่า ต่อจากนี้อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีกแล้วกัน ถ้าได้เจอกันอีก ฉัน ไม่ปล่อย แก แน่!!
รูปก็ไม่หล่อ พ่อก็ไม่รวย แถม…ยังเล็กอีก ฉันก็ยังโง่เคยรักมันได้ เหอะ!! สงสัยไปถึงที่นู้นคงต้องรีบไปหาหมอตาแล้วล่ะ”
ไอน์ยกแก้วน้ำสีเข้มขึ้นก่อนจะเทลงพื้น พร้อมทั้งพูดแล้วจดจ้องมองใบหน้าของปกป้องด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ใจจริงเขานั้นอยากจะกระชากคอของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ แต่ไหนเลยตนเองก็โง่โดนหลอกเอง ถือว่าปล่อยผ่านไปก่อนแล้วกัน พอพูดจบ ร่างสูงก็ทิ้งแก้วลงพื้น แล้วเดินสาวเท้าจากไป ทิ้งให้ผู้คนทั้งงานตกอยู่ในความเงียบเสียอย่างนั้น
……………………………………………………
เรื่อง : ใช่รักหรือเปล่า(บังเอิญรัก)
นามปากกา เนตรน
ฝากติดตามผลงาน กดใจ เพิ่มเข้าชั้น คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
“อึก อื่ออ”“อรุณสวัสดิ์”เซนที่นอนมองใบหน้าหล่อเหลายามหลับ กำลังขยับแพรขนตายาวเปิดขึ้น ก็เอ่ยทักทายเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาแล้วมอบจูมพิตบนหน้าผากเนียน ยิ้มต้อนรับวันใหม่อย่างอารมณ์ดี“อึก อ่าา อะ เอว ผม”ไอน์ที่ตื่นเต็มตาเพราะถูกรอยยิ้มทรงเสน่ห์จู่โจมก็รีบสะดุ้งตัวขึ้น แต่ก็ต้องเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องรีบทิ้งตัวลงไปที่เตียงนุ่มอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้“หืม ปวดเอวเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบีบนวดให้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล“คุณเซน ผมขอถามอีกคำถาม นี่เป็นครั้งแรกของคุณแน่นะ”ไอน์ที่หวนคิดถึงเรื่องที่ตนและเขาทำกันไปจนเกือบฟ้าสาง ถ้าตนไม่ผล็อยหลับไปก่อน เห็นทีว่าคนหน้าไม่อายคนนี้ก็คงจะไม่ยอมหยุดเป็นแน่ จนเขานั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่า เรื่องที่อีกฝ่ายทำกับตนนั้นเป็นครั้งแรกจริง ๆ ใช่ไหม“หืมม แน่นอนสิ ทำไมเหรอ?”“…ช่างมันเถอะครับ คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวผมค่อยไปทีหลัง”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เซนตอบกลับมาอย่างซื่อตรง ไอน์ที่เป็นคนถามก็รู้สึกเหลือจะเชื่อที่ตนตั้งแง่ถามออกไป เลยปล่อยร่างให้นอนจมลงไปที่เตียงนอนอีกครั้งแล้วโ
“เจลน่ะ”เซนที่เห็นท่าทางของไอน์แล้วก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพื่อข่มความปวดหนึบตรงแก่นกายของตัวเองไว้ แล้วโฉบใบหน้าเข้าไปขบเม้มที่ติงหูสีแดงระเรื่ออย่างตั้งใจ ก่อนจะกระซิบบอกเสียงแหบพร่า“…. ละ แล้ว ไม่รีบบอกล่ะครับ”ไอน์ที่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีและเขินอายอยู่แล้ว ก็พูดโพล่งขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าที่ตัวเองทำไปจะไร้ประโยชน์ แถมยังต้องมาทำอะไรน่าอายแบบที่ไม่เคยทำต่อหน้าอีกฝ่ายอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว“ก็นายไม่ได้ถาม”เซนยังคงตีหน้ามึนตอบออกไปทั้งอย่างนั้น“อะ อยู่ไหนล่ะครับ รีบเอามาสิครับ ไอ้เจลที่ว่าน่ะ”ไอน์ที่เหมือนถูกล้อ ก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้าด้วยความเขินอายและเสียหน้าเป็นที่สุด เลยตะโกนถามออกไปทั้งอย่างนั้น ให้ตายสิ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการจะได้กินอะไรที่อยากกินมันจะยากเย็นขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมาหน่อย ๆ หรือจะไม่ทงไม่ทำมันแล้วดีกว่าหรือเปล่า จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวด้วย ดูจากไอ้กระบองยักษ์นั่น มันใช่ขนาดที่จะเข้ามาในร่างกายของคนได้จริง ๆ หรือไง ต่อให้คลายดีแค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องเลือกตกยางออกอยู่ดีไม่ใช่เหรอแต่ไหน ๆ ก็ทำเรื่องน่าอายมจนถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ปล่อยเ
“เด็กดี เงียบก่อนนะ เอาอีกไหม”แม้จะยังไม่พอใจ แต่เซนก็ยอมถอดถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมทั้งไล่จูบซับคราบน้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างอ่อนโยน“อื่มม”ไอน์ที่เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยน พยักหน้าตอบอย่างหลงลืมตัว จนริมฝีปากอ่อนนุ่มถูกความเร้าร้อนเข้าครอบงำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง“พอใจ หรือยัง”“อึก! อึก”เพราะถูกคนตัวโตแกล้งมอบจูบที่แสนเรียกร้องเอาแต่ใจ พอเผลอไผล ก็กลับผละออก จนไอน์สะอึกเสียอย่างนั้น“ต่อไป ห้ามร้องเพราะคนอื่นอีกนะ ร้องกับฉันแค่คนเดียว”พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเริ่มขมวดคิ้วพร้อมทั้งสะอึก เซนจึงหยุดแกล้งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้เช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้อย่างเบามือ แล้วเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น“ทำไม ครับ”ไอน์ซบใบหน้าลงตรงฝ่ามืออุ่น ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย“ฉันอยากได้สิทธิ์ที่ทำให้นายร้องไห้เพราะฉันคนเดียว”ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ยังคงหลงเหลือประกายของคราบน้ำตา ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง“……”“ได้ไหม ตอบมาสิ”ไอน์ที่ถูกจ้อง หลงลืมตัวไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างหวั่นไหว หากตีค
“หยุด ไม่ต้องเรียก หัดหยุดแล้วหัดฟังที่คนอื่นเขาจะพูดบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะมาพูด ๆ ในสิ่งที่ตัวเองจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว มีปากไว้พูดเป็นคนเดียวหรือไง ฮะ แล้วที่มายืนพูด ๆ อยู่หน้าห้องคนอื่นแบบนี้มันได้เหรอ นอกจากจะไม่มีสมองแล้วยังไม่มีมารยาทอีก ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกน่ะ”ไม่ว่าจะทักท้วงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดพูด ไอน์ที่หมดความอดทนเลยพูดตัดบทอย่างหัวเสีย“อะ ไอน์ อย่าบอกนะว่า ไอน์ลืมเราไปแล้ว ไม่จริง เรารู้ว่าไอน์รักเรามากแค่ไหน และเราก็รู้แล้วว่าเราเองก็รักไอน์มากแค่ไหนเหมือนกัน เราขอโทษนะไอน์ เรากลับมาคืนดีกันเถอะนะ”ถึงแม้จะชะงักไปเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดขึ้นมา แต่ปกป้องก็ยังคงเชื่อว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธ และตอนนี้ตนก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน“เหอะ นี่นาย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ!!”ไอน์ฟังปกป้องอดีตแฟนเก่าพล่าม จนหัวเราะออกมาเสียงต่ำ ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าทั้งตัวเขาและปกป้องจะเข้าใจกันได้ไปในทางที่ดีขึ้น อย่าว่าแต่ตกลงเลย แค่พูดกันดี ๆ ยังเข้าใจคนละความหมาย จนตอนนี้ไอน์แทบจะเหลืออดด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว“ทำไม อย่าบอกนะ ว่าเพรา
“หึ ก็หล่อจริง ๆ นั่นแหละ”เซนหยิบกระดาษแผ่นเล็กเปิดออกแล้วอ่านตามข้อความ “ตั้งใจทำงานนะครับ น้องชายสุดหล่อมาให้กำลังใจแล้ว” ก่อนจะยกยิ้มแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา“ฮะ พี่พูดว่าอะไรนะครับ”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของเจ้านายไม่ชัด“ไม่มีอะไร”เซนตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะรีบเก็บกระดาษแผ่นเล็กใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว“หืมม…”พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง เห็นท่าทีมีพิรุธของเจ้านายหนุ่มเลยเลิกคิ้วทำเสียงอย่างสงสัย“เสร็จแล้วก็ไปทำงาน”เซนแสร้งทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตอบกลับพนักงานหนุ่มรุ่นน้องเหมือนอย่างปกติ“ครับ คร้าบบ…”แต่พนักงานหนุ่มรุ่นน้อง รู้จักเซนมาหลายปีจึงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแต่ก็แสร้งลากเสียงตอบรับ อย่างทะเล้นก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อเห็นสายตาดุของรุ่นพี่ผู้เป็นนาย“คุณเซน”ไอน์ที่ยืนพิงอยู่ข้างร้านเอ่ยเรียกอีกฝ่ายทันทีที่ร่างสูงออกมาจากร้าน“หืม.. ทำไมยังไม่กลับอีก”สายตาคู่คมหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยถามอย่างสงสัย“ก็รอกลับพร้อมคุณเซนไงครับ”ไอน์ที่เดาไว้อยู่แล้วเลยตอบกลับไปอย่างหย
“…..”“… ใคร! โทรมาแล้วทำไมไม่พูด จะกวนประสาทกันหรือไง?”“… อะ เอ่ออ ไอน์ เดี๋ยวก่อน นี่ปกป้องเอง”“ฮะ!! ว่าไงนะ!?”“ไอน์ ปกป้องขอโทษ เราเลิกกับแฟ เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วนะ จริง ๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ปกป้องไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ พอดีเพื่อน ๆ เชียร์ให้คู่กันและแซวเล่นเฉย ๆ เราไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ นะ คนที่เรารักที่สุดก็คือไอน์ ไอน์รู้ใช่ไหม เรากำลังจะไปห…”“เหอะ!! พล่ามเสร็จหรือยัง? แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะ”“อะ ไอ…”“เหอะ!! ไอ้เวรนี่ ตัวขัดขวางอารมณ์แท้ ๆ”ไอน์ กดวางสาย ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านั้น ชื่อที่ทำให้ไอน์ต้องมองบนก็โชว์ขึ้นมา ทำให้ไอน์กดรับทันที“สวัสดีน้องชายสุดหล่อ เป็นไงได้ข่าวว่าโดนเท ได้ไปเรียนญี่ปุ่นคนเดียวหรือไง อะไรกันพี่สาวคนนี้ไม่ได้ไปหาแค่แป๊บเดียว เกิดเรื่องเวรอะไรขึ้นกับนายล่ะนั้น”“ให้มัน น้อย ๆ หน่อย แล้วอีกอย่างฉันก็อายุมากกว่าเธอตั้งสามปี”“เอาน่า ๆ หยวนหยวนกันไป”“มายงมาหยวนอะไร เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมีสัมมาคารวะซะบ้าง”“โห… บ่นเหมือนคุณปู่เลย แล้วฉันมีข่าวเด็ดจะฟังไหม น้องสาวคนนี้ไปหาสืบมาให้ อย่างยากลำบากเลยนะคะ”“ข่าวอะไรของเธอ ถ้
Komen