LOGINการประชุมในบ่ายวันนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างน่าเบื่อหน่าย ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลับคาเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าและจิตใจที่ว้าวุ่นตลอดเวลา ไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้บริหารกำลังพูดแม้แต่น้อย สายตาของฉันเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ รอข้อความจากเพื่อนสนิทอย่างยัยมีนาที่ส่งไปหาหลายชั่วโมงมาแล้ว
"เมลเป็นอะไร" เสียงกระซิบของถิงถิงทำให้ฉันได้สติ
"เปล่า" ฉันส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พยายามทำตัวให้เหมือนปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ
และเมื่อหน้าจอแสดงข้อความเข้า…
มีนา : มรดกแกเยอะแยะ จะเอาอะไรกับคนจน ๆ อย่างฉัน
ข้อความล่าสุดที่อ่านและยังไม่ได้ตอบ ทำให้ฉันรู้สึกหัวเสียอย่างบอกไม่ถูก มีนาพูดราวกับปัดความช่วยเหลือทั้งที่ฉันเคยช่วยเธอไว้ก็มาก แค่จะขอยืมเงินใช้ระหว่างที่ติดอยู่ในวงโคจรคับแคบนี่ แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่ให้ค่าว่าเป็นเพื่อนจะตอบกลับมาจนหน้าหงาย
"ยัยเพื่อนบ้า!" ฉันเผลอสบถออกมาเสียงดังโดยไม่ตั้งใจ ความโกรธทำให้คนลืมตัวไปชั่วขณะ
ก่อนจะได้สติรีบเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนทั้งห้องประชุมมองฉันเป็นตาเดียว สายตาของพวกเขาทั้งแปลกใจและไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ
"เมล..." ถิงถิงรีบรั้งแขนฉันไว้ เธอคงตกใจไม่น้อยที่ฉันทำตัวแบบนี้
"ขะ...ขอโทษค่ะ" ฉันเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกอับอาย แม้สายตาทุกคนจะแปลกใจ ทว่ามันจะมีคนหนึ่งที่มองฉันอย่างเข้มดุ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คุณเลออนที่นั่งโด่อยู่หัวโต๊ะ ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา
โดนคาดโทษอีกแล้วสินะ...
หลังจากการประชุมที่น่าอับอายจบลง ทุกคนในห้องก็รีบเดินออกไปเงียบ ๆ เหลือไว้เพียงฉันที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างโดดเดี่ยว แม้จะมีถิงถิงนั่งด้วย แต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะรู้ดีว่าชะตากรรมของฉันต่อจากนี้จะต้องจบลงในห้องทำงานของเขา
"คาราเมลตามฉันเข้ามาในห้อง"
นั้นไงว่าแล้วไม่มีผิด...เสียงทรงอำนาจของคุณเลออนดังขึ้นตามคาด มันคือคำสั่งที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้
"เฮ้อ..." ฉันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ต้องเข้าไปสู้รบตบมือกับผู้ปกครองอีกแล้ว
"สู้ ๆ" ถิงถิงหันมาทำสองนิ้วให้กำลังใจ เธอยังคงมองโลกในแง่ดีเสมอทั้งที่เพื่อนกำลังถูกเรียกไปเชือดอยู่แล้ว
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของเขา ฉันก็รีบเปิดประเด็นขึ้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาเล่น ทำใจตลอดการประชุมแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนด่าเสียหน่อย
โดนอีกสักครั้งจะเป็นไรไปล่ะ?
"จะด่าอะไรอีกคะ"
"ไหนสรุปการประชุม" ท่านประธานถามกลับอย่างไม่สนใจคำพูดของฉัน เขาเอาแต่จ้องมองหน้าฉันราวกับจะทะลุเข้าไปในสมองให้ได้
"ไม่มี" ฉันตอบอย่างห้วน ๆ จากนั้นก็พูดต่อเมื่อเขายังเงียบ "ฉันจะออกไปขอถิงถิงให้"
"ถ้าฉันอยากได้สรุปจากถิงถิง ฉันจะให้เธอเข้าไปด้วยทำไม"
"ฉัน..." ฉันถึงกับพูดไม่ออก
"เหม่อ ทั้งยังไม่มีสติในการประชุม ลุกลี้ลุกลน ไม่ตั้งใจทำงาน" คุณเลออนพูดสิ่งที่ฉันทำออกมาทั้งหมดอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับว่าเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันตลอดเวลาที่เราประชุมกัน
"..." แน่นอนว่าฉันไม่มีอะไรจะเถียงเพราะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ก็จิตใจคนมันยังไม่พร้อม แต่เป็นเขาต่างหากที่ผิด หากเขาไม่เป็นคนตัดวงเงินของฉัน เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้
"เมื่อไหร่จะโตสักที" คุณเลออนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ยังคงฟังแล้วเจ็บทุกครั้ง
เขาไม่เห็นเหรอว่าฉันตัวโตแค่ไหน บางอย่างบนร่างกายอาจจะโตกว่าเขาด้วยซ้ำ คนอะไรมีตาแต่หามีแววไม่เลย
"ไม่ต้องด่าฉันในใจ" ฉันสะดุ้งเฮือก
รู้ทันไปอีก!
"ฉันรู้ทันเธอทุกเรื่อง แล้วก็รู้ด้วยว่าต้นเหตุทั้งหมดคือเรื่องเงิน"
"เป็นหมอดูหรือไง" เดาถูกทุกอย่างเสียด้วย เขาเก่งหรือว่าฉันแค่ดูง่ายกัน
"คนอย่างเธอมันไม่ได้ดูยากเลยสักนิด" ฉันกรอกตาอย่างเหลืออด เบื่อกับผู้ปกครองทำตัวแก่เต็มทน
"ถ้ารู้แล้วงั้นขอเบิกเงินเพิ่มหน่อย หรือขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก็ได้" ฉันแบมือบอกเขา ห้าหมื่นอยู่ได้สองวัน ฉันคิดว่าตัวเองก็เก่งมากพอแล้ว
"ไม่ให้" คำตอบของเขาทำฉันคิ้วขมวด ไม่ให้แล้วจะเอาอะไรกิน!?
"ท่านประธานคะ ยังไงมันก็เงินของฉัน คุณจะหยวน ๆ ให้ฉันไม่ได้หรือไง แค่ห้าหมื่นเอง" ฉันพยายามอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย เก็บความโกรธเอาไว้ลึก ๆ อย่างไรอำนาจของเขาตอนนี้ก็ใหญ่กว่าฉันมาก
"ไม่" คำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่นโคตรจะบาดลึกเข้าไปในใจฉัน
"คุณเลออน แล้วต่อจากนี้ฉันจะกินอะไร!?" อุตส่าห์อ่อนข้อแล้วก็ไม่เห็นใจกันอีก จะเอาอะไรแดกทีนี้ ร้านข้างทางยังไม่มีปัญญาจะจ่ายเขาเลย
"ช่วยไม่ได้ ใครสั่งให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เกิดมาคงไม่รู้จักคำว่าเห็นอกเห็นใจใคร
"ฉันก็ต้องมีสังคมของฉันนะ" ฉันพยายามอ้างเหตุผลสุดท้ายที่คิดได้ แต่ในใจก็รู้ดีว่ามันเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
"แล้วไอ้สังคมของเธอมันสนใจเธอหรือเปล่า ตอนเธอลำบากเขายื่นมือช่วยหรือเปล่า ตอนพ่อเธอตายเห็นสังคมของเธอปรากฏตัวสักคนไหม"
ตาหมอนี่เป็นเสาไฟฟ้าแรงดันสูงหรือไง แต่ละคำที่พูดบีบรัดหัวใจฉันทั้งนั้น มันเป็นความจริงที่ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิด คนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนเอาเข้าจริงก็ไม่เห็นหัวสักคน ไม่มีเงินก็ไม่มีค่า วันที่ฉันลำบากอยากได้แค่กำลังใจ คิดจะปรากฏตัวสักคนก็ยังไม่มี
"ออกไปได้แล้ว ไปทำสรุปการประชุมมาด้วย อย่าคิดจะให้ถิงถิงช่วย" ฉันได้แต่จ้องมองเขานิ่ง ๆ
"ตกลงคุณจะไม่ให้เงินฉันจริงเหรอ คุณไม่สงสารฉันบ้างเหรอ" ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนลงอีกครั้ง คราวนี้พยายามใช้ลูกอ้อนที่เคยใช้กับพ่อเข้าช่วย เพราะถ้าครั้งนี้เขาไม่ให้เงินฉันต้องตายแน่ ๆ
"..." เป็นไปอย่างที่คิด คุณเลออนเงียบลง ใช้สายตาอ่อนลงมองฉันอีกด้วย
"นายจะปล่อยให้ฉันหิวตายเหรอ" ฉันยังเล่นละครต่อเนื่อง มั่นใจว่าร้อยทั้งร้อยผู้ชายก็ต้องแพ้ลูกอ้อนของผู้หญิงทุกคน
"ได้ ฉันจะเพิ่มเงินให้" เงินปึกหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะ สร้างรอยยิ้มให้แก่ฉันที่เข้าทางพอดิบพอดี
"ขอบคุณค่ะ"
"แต่" ไม่ทันจะหยิบเงินปึกนั้นก็ถูกยึดกลับคืนไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาฉันแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความหงุดหงิด อีกนิดเดียวมือสวย ๆ ของฉันก็จะถึงมันอยู่แล้ว
"อะไรของคุณเนี่ย..."
"ต้องทำบางอย่างแลก" คุณเลออนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"เคยบอกแล้วไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ ฉันก็อาจจะพิจารณาใหม่"
"แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไร" ฉันเริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นแววตาของเขาที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
"ไม่รู้จริงเหรอ..." คนตัวโตไม่ว่าเปล่า แต่กลับเดินมาหาฉันช้า ๆ ด้วยสายตาเหมือนเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
"คะ...คุณจะทำอะไร" ฉันถามเสียงสั่น ขายาว ๆ ก้าวถอยหลังช้า ๆ
"เธอก็น่าจะรู้นะ" ทีนี้รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นตาม เป็นการยิ้มที่ทำฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว
"คะ คุณหมายถึง..."
"อืม" ใจฉันเต้นเร็วขึ้น ถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิด ตอนนี้ฉันเริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว
"อะ...ไอ้บ้า! ฉันไม่เอาก็ได้" ฉันตวาดใส่เขาอย่างสุดเสียง มือเรียวพร้อมผลักเขาจนกระเด็นออกห่าง
"ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาร่างกายมาแลกกับเงินหรอกนะ!" ฉันตวาดกร้าวไปทั่วห้อง ผู้ปกครองบ้าอะไรหื่นชะมัด
"งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้" ตาประธานโรคจิตพูดพร้อมกับวางเงินปึกเดิมลงบนโต๊ะ สายตาที่เหนือชั้นมองฉันอย่างเลือดเย็น
"ให้อดตายดีกว่าเอาคนแบบคุณ!!"
...
...
หลังเลิกงานวันที่สอง สภาพของฉันยังคงหมดอาลัยตายอยากไม่ต่างจากเดิม ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน ไหนจะต้องรับมือกับผู้ปกครองจำเป็นเล่นสูบพลังฉันไปหมดตัว
ฉันปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ พยายามปลดปล่อยความรู้สึกหนักอึ้งทั้งวันออกไปให้หมดสิ้น
"คุณหนูกลับมาแล้ว มาค่ะนมช่วย" กระทั่งนมเดินเข้ามาหาฉันทันที ช่วยดึงกระเป๋าจากร่างทั้งยังถอดเสื้อคลุมให้
"ขอบคุณค่ะนม" ฉันส่งยิ้มให้นมเพียงนิด ก่อนจะกลับมาทำหน้าบึ้งกับปัญหาที่มียังไม่ถูกแก้
"คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" คำถามที่แสนอ่อนโยนส่งมาถาม ถึงตอนนี้ชีวิตจะไม่มีป๋าแล้ว ฉันก็ยังโชคดีที่โลกยังใจดีมีนมให้พึ่งพิงอีกคน
"เมลคิดเรื่องงานนิดหน่อยค่ะ" ทันทีที่ตอบนมนวลก็ยกยิ้มกว้าง
"ยิ้มอะไรคะ"
"ไม่กี่วันคุณเลออนท่านทำให้คุณหนูของนมโตขึ้นเยอะเลย" เลออน เลออนอีกแล้ว วันนี้ทั้งวันฉันหงุดหงิดอยู่กับเขา นอกจากจะเจอที่ทำงาน ชื่อเขาก็ยังถูกตามรังควานถึงบ้านอีก
"หยุดค่ะ นมหยุดพูดถึงเขาเลยนะ" ฉันรีบยกมือห้าม แค่ได้ยินชื่ออารมณ์ที่เคยสงบก็เดือดดาลขึ้นอีก
"ได้ค่ะ ถ้างั้นนมไปเตรียมอาหารเย็นให้นะคะ" ว่าแล้วในห้องก็เหลือฉันคนเดียวอีกครั้ง
"เฮ้อ..." ฉันถอนหายใจยาวเหยียดทิ้งตัวนอนราบบนเตียงกว้าง ดวงตากวาดมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย คิดหนักถึงเรื่องเงินที่จะต้องเอาไปคืนถิงถิง เงินที่จะต้องใช้วันข้างหน้าก็ไม่มี รู้สึกเหมือนจนปัญญาแบบที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมีวันนี้
คนอย่างคุณหนูคาราเมลเนี่ยนะจะมากังวลเพราะเรื่องเงิน ระดับลูกเศรษฐีพันล้าน ใช่แล้ว...วันนี้ฉันต้องกลายเป็นคุณหนูตกอับ อับจนทั้งเงินและหนทางที่จะอยู่ต่อไป
ฉันดีดตัวขึ้นเมื่อคิดว่านอนคิดต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นเผื่อว่าสมองมันจะแล่นความคิดดี ๆ ให้พอหาเงินได้
กระทั่ง...
สายตาที่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างทำฉันหยุดยืนนิ่ง
กระเป๋า
กระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบที่วางเรียงเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า ของสะสมที่ฉันรักมากเหมือนลูก แต่ตอนนี้มันก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะช่วยให้ฉันผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
แม่ขอโทษนะลูก น้ำตาฉันแทบร่วง เลือกไม่ถูกว่าจะต้องเอาลูกรักใบไหนที่พอจะต่อชีวิตฉันได้ ใบนี้ก็รัก ใบนี้ก็หายาก รู้สึกเหมือนจะบ้า ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับเต็มตัวแล้ว -_-
หกปีผ่านไปปั๊ง ปั๊ง !เสียงปืนดังสนั่นสองนัดติด ๆ กันก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือของใครหลายคน"ทั้งสองคนเก่งมากครับ ถือว่าพัฒนาจากสัปดาห์ที่แล้วได้ดีเลยทีเดียว" พี่ลีซอผู้ฝึกสอนการยิงปืนให้เราสองคนแม่ลูกออกปากชม"เก่งมากครับ" ตามมาด้วยพ่อของลูกฉันที่เดินลิ่วเข้ามาภายในบริเวณฝึกซ้อม พร้อมกับใครอีกคนที่ได้ทีก็รีบวิ่งไปกอดครูผู้สอนของฉันทันที"มาได้ยังไงคะ" ฉันถามคนตัวโตที่ตอนแรกก็รอฉันที่บ้าน เพราะยังมีอีกคนต้องดูแลแต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาเจอกันที่นี่ยกครอบครัวเสียอย่างนั้น"ลีโอคิดถึงพ่อแท้ ๆ" ลีโอหรือลูกชายคนเล็กวัยห้าขวบที่เรากำลังพูดถึง และพ่อแท้ ๆ ของเขาคนที่พี่เลออนกำลังประชดประชันคือพี่ลีซอมือขวาของเขาที่ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน ทำไมคนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ได้เป็นพ่อทูนหัวอีกคน"ฮ่า ๆ" ฉันหัวเราะชอบใจท่ามกลางสีหน้าบูดบึ้งของสามี ก่อนจะมีเสียงใครบางคนที่ดังทะลุขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดพี่เลออนแนบแน่น"ป๊าขา""อย่างน้อยก็ลูกสาวรักล่ะวะ" พี่เลออนยิ้มภาคภูมิใจในตัวเอง นาน ๆ ทีจะเห็นลูกสาวขี้อ้อน แต่ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าไอ้อาการเหล่านี้จะทำต่อเมื่อต้องการขออะไรบางอย่างเท่านั้น"ว่าไงคะ""พรุ่งนี้ที่โร
"เหนื่อยไหม" พี่เลออนรีบยื่นน้ำให้ฉันที่เพิ่งเรียนศิลปะการต่อสู้เสร็จหมาด ๆ ตอนแรกก็กะว่าจะเรียนเป็นเพื่อนลูกแต่เรียนไปเรียนมาก็ชอบถึงขนาดเรียกให้ครูสอนจริงจัง เผื่ออนาคตจะสามารถดูแลตัวเองได้ เป็นนายหญิงของมาเฟียย่อมมีศัตรูเป็นธรรมดา จึงอยากเป็นภาระคนในตระกูลให้น้อยที่สุด หรือบางทีฉันอาจจะปกป้องผู้นำมาเฟียอย่างที่เคยลั่นไว้ด้วยก็ได้"สนุกดีค่ะ" ฉันฉีกยิ้มรีบรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะมองตามสายตาของพี่เลออนที่กำลังจดจ้องลูกสาวตัวดีที่เรียนเสร็จก็ตรงดิ่งไปอ้อนพี่เซเรนที่ยืนรอคุณหนูของเขาติดขอบสนาม"เซเรนออกมาห่าง ๆ หน่อย" เสียงเข้มรีบตะโกนบอกสองคนที่เหมือนจะเป็นพ่อลูกมากกว่า"ครับนาย" จนพี่เซเรนได้ยินคำสั่งก็รีบถอยห่างจากลียาทันที"ปะป๊า!" คนไม่พอใจคือลูกสาวของฉันที่ทำหน้าดุใส่พ่ออีกคน จากนั้นก็ขยับไปกอดคอพ่อที่แท้จริงราวกับคำสั่งนั้นเป็นเพียงเสียงที่ผ่านหู"ลียามาหาป๊ามา""ไม่ไป" ลียาตอบทันควัน ทำเอาพ่อของลูกฉันถึงกับคิ้วขมวดทันที"ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ เขาผูกพันกันมาตั้งแต่ในท้องนะคะ พี่เซเรนน่ะพ่อทูลหัวของเขาเลย" ฉันลูบแขนอีกคนให้ใจเย็นลง สำหรับลียาพี่เซเรนไม่ได้เป็นเพียงแค่บอดีการ์ดทั่ว ๆ ไป แต
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเก่าแก่ที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟเหนือโถงทอดเงายาวลงบนพื้นหินอ่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจนแม้แต่เสียงรองเท้าก้าวเดินก็สะท้อนก้องออกไป สมาชิกระดับสูงของตระกูล Black lion นั่งเรียงเป็นแถวยาว ทุกสายตาของทุกคนหนักแน่น และแฝงไปด้วยแฝงความสงสัยจ้องมายังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำของพวกเขาเลออนสวมสูทสีดำเข้ม ชายเสื้อกลัดกระดุมรูปสิงโตคำรามสวมมงกุฎเพชร ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ด้วยสัญลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่ ยืนอย่างสง่าผ่าเผยภายใต้แสงโคมสะท้อน โดยมือใหญ่กุมมือของคนรักไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหนได้"วันนี้…ผมยืนอยู่ตรงนี้เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าคาราเมลผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่แค่คนรักของผม แต่จากนี้ไป เธอคือนายหญิงเพียงคนเดียวของ Black Lion ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเธอ…ก็เหมือนกับแตะต้องผมเหมือนกัน"เสียงเงียบกริบราวกับทั้งห้องหยุดหายใจพร้อม ๆ กัน ก่อนที่เลออนจะหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา เปิดเผยแหวนสลักสัญลักษณ์สิงโตดำที่เป็นตราของวงศ์ตระกูลสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สวมมันลงบนนิ้วนางของคาราเมลด้วยความรักที่มั่นคงคาราเมลลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับหัวใจท
เย็นของวันที่ดูจะเป็นวันแห่งความสุขที่สุดอีกวันของคาราเมลและเลออนกำลังเริ่มขึ้น หลอดไฟนับพันที่ถูกตกแต่งบนต้นไม้รวมไปถึงเสาโค้งที่ล้อมรอบงานมงคล ทำให้เกาะส่วนตัวกลางทะเลที่มีตระกูล Black Lion เป็นเจ้าของกลายเป็นสรวงสวรรค์ที่ปกคลุมไปด้วยความรักอันหวานชื่นงานวิวาห์ที่รักษาความเป็นส่วนตัวครั้งนี้เชิญเฉพาะแขกเหรื่อคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ภายในงานจึงมีแขกที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่เกิน20 คน อาจจะดูเหมือนเป็นพิธีการที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเรียบง่ายแต่หากจะบอกอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเนื่องจากงานที่จัดกลางเกาะห่างไกลจากผืนดินการจัดการจึงค่อนข้างมีรายละเอียดมากกว่านั่นก็รวมไปถึงคนที่พิถีพิถันและให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้รายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่การลงทุนซื้อเกาะส่วนตัวเพื่อการนี้ค็อกเทลในแก้วคริสตัลนำเข้าจากปารีส ไปจนไปถึงวงดนตรีจากวงออเคสตราชื่อดังในอิตาลีแน่นอนว่าทุกดีเทลต้องผ่านการคอนเฟิร์มจากเลออนที่เป็นตัวต้นงาน คนที่รู้ดีที่สุดว่าเมียสุดรักของเขาชอบแบบไหนต้องการอะไรมากที่สุดถึงจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาได้ถูกใจเธอที่สุด"ได้เวลาเปลี่ยนชุดแล้วครับนาย"ลีซอบอกเจ้านายที่ยืนค
ยามเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน ๆ สาดลงมาบนผิวน้ำของสระว่ายน้ำในงานปาร์ตี้ที่คล้ายจะเป็นสถานที่พลอดรักมากกว่า คู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งกลับมาคืนดีกำลังลอยตัวอยู่กลางสระอย่างใกล้ชิด ความเย็นของน้ำไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในกายของทั้งคู่ลดลง หรือแม้แต่คนในงานเองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงความรักระหว่างเลออนและคาราเมล"คิดยังไงถึงบอกไอ้ไคเซอร์ไปแบบนั้น" เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยถามขณะที่รวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบแน่น คาราเมลยกยิ้มหวานขึ้น ก่อนจะใช้แขนเรียวคล้องคอและจดจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาแห่งความรักใคร่"เมลไม่อยากให้ระหว่างเราเกิดการเข้าใจผิดกันอีก เมลไม่อยากอยู่ห่างพี่สักวินาทีเดียว" เธอตอบด้วยน้ำเสียงหวานยั่วยวน ลากปลายนิ้วเบา ๆ ไปตามกรอบหน้าคมคายของเขา มั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายนี้อีก"พี่ชอบที่เมลพูดตรง ๆ แบบนี้ มันยิ่งทำให้พี่...หลงเมลมากกว่าเดิม" ความปรารถนาที่สื่อผ่านดวงตาฉ่ำหวานทำให้เลออนแทบคลั่ง เขากดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหลงใหล ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ"เมลก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว..." คาราเมลยิ้มเย้ายวนยิ่งขึ้น เธอจงใจใช้ปลายเล็บสะกิด
"คุณพ่อคุณแม่ท่านน่ารักมากเลยนะคะ ขนาดแต่งงานกันนานแล้วก็ยังหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอด" คาราเมลปรายมองคู่รักที่สวีทหวานแหววอยู่ในร้านเพชรประจำของเอเลน่า พากันช่วยเลือกเครื่องประดับร่างแทบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน เป็นภาพน่ารักที่ทำเอาเธออดยิ้มตามไม่ได้"อิจฉาทำไม เมลก็มีพี่ที่รักเมลไม่ต่างจากที่พ่อรักแม่" คนเห็นจนชินรีบแย่งขึ้นมา สายตาของเธอจึงเปลี่ยนเบนมองเขาแทน"ไหนลองพูดใหม่สิคะ" คาราเมลเท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ๆ"พี่รักเมล""บ้า! เมลเขินนะ" ก่อนจะตีแขนเขาเบา ๆ อายแทบตัวม้วนกับสายตาและคำบอกรักที่หวานเกินบรรยายเลออนบีบจมูกเชิดรั้น ไม่ว่าทำอะไรเขาก็รู้สึกมันเขี้ยวเธออยู่ตลอดเวลาจริง ๆครอบครัวสุขสันต์พากันช็อปปิ้งตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่ก็จะนำทัพด้วยเอเลน่าและคาราเมลที่เลือกซื้อของอย่างสนุกสนาน ส่วนชายหนุ่มสองคนแน่นอนว่ามีหน้าที่แค่จ่ายเงิน ถือของ และเอาใจคนรักก็พลันมีความสุขตามทั้งวันที่เหมือนกับวันพักผ่อนสำหรับครอบครัวไม่ได้ทำให้คาราเมลรู้สึกเป็นคนนอกเลยสักนิด เอเลน่าและไลออซปฏิบัติราวกับเธอเป็นลูกในไส้ ทั้งยังรักและเอ็นดูยิ่งกว่าเลออนที่เป็นลูกจริง ๆ"วันนี้สนุกมากเลยหนูเมล แต่พ่อแอบบ







