Home / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

Share

บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

last update Last Updated: 2025-04-14 14:24:41

แสงแดดอุ่นคลี่ตัวลงบนพื้นผิวของอาคารจัดแสดงนิทรรศการที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตร ภายในห้องโถงหลัก ทีมงานต่างขะมักเขม้นตรวจความเรียบร้อยอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในความเรียบหรู

นาราเดินตรวจพื้นที่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่หลุดโฟกัสแม้เพียงรายละเอียดเล็กน้อยของแสง เวที หรือกรอบโชว์เครื่องประดับ พรุ่งนี้คือวันจริง และเธอรู้ดีว่าทุกอย่างจะต้องไร้ที่ติ

ขณะเดียวกัน พราวฟ้าปรากฏตัวในชุดฝึกซ้อมที่ตัดเย็บอย่างเรียบโก้ ผ้าเนื้อดีพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ เผยลำคอระหงและแววตาที่เจิดจรัสด้วยประกายของหญิงสาวที่มั่นใจในความงามในตัวเอง

แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนแสงกระทบพื้นหินอ่อนเงาวับ เก้าอี้จัดเรียงตามแนวเวทีอย่างประณีต กล่องประดับเพชรหลักยังคงวางเด่นอยู่กลางโถงใต้แสงไฟไลต์เฉพาะจุดราวกับราชินีผู้สง่างาม

เสียงดนตรีจำลองที่เปิดเบา ๆ ในห้องโถง เริ่มคลี่คลายความเงียบงัน ทีมงานทยอยเข้าประจำตำแหน่ง ขณะที่พราวฟ้าก้าวออกไปยังกลางเวที เธอหมุนตัวอย่างงดงามแบบนางงามสองรอบเต็ม ก่อนหยุดโพสด้วยท่วงท่าสง่างาม มือหนึ่งแตะแผ่วเบาที่สร้อยคอ อีกมือแตะสะโพกอย่างมีชั้นเชิง

รอยผ่าของกระโปรงชุดราตรีแหวกออกเล็กน้อยตามการขยับ ทำให้เรียวขาอันงดงามเผยออกมาอย่างมีศิลปะ ไม่โจ่งแจ้ง แต่สะกิดความสนใจได้อย่างแยบยล

คีรณัฐที่ยืนสังเกตจากระยะห่างก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาอ่านรายละเอียดทุกจังหวะสายตาอย่างเงียบงัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทว่าชัดเจนพอให้ได้ยิน

"ถ้าขยับกระโปรงสูงขึ้นกว่านี้อีกนิดเดียว...ผมกลัวว่าแสงสปอร์ตไลต์จะส่องไปผิดจุดครับ"

พราวฟ้าหันมาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกาย "คุณนี่...หมายถึงจุดไหนคะ?"

เขายิ้มบางแต่ไม่ตอบ หันไปสื่อสารกับทีมไฟด้านหลังให้ลดความสว่างบริเวณขอบเวทีลง ไม่ให้ส่องสว่างไปตรงส่วนล่างของชุดมากนัก

นาราก้าวเข้ามาในจังหวะพอดี มองสลับสองคนตรงหน้าแล้วหัวเราะอย่างอดไม่ได้ "สองคนนี้ ถ้าได้ทำงานร่วมกันบ่อย ๆ ฉันคงไม่ต้องจ้างทีมโปรดักชันแล้วล่ะ ประหยัดงบไปได้เยอะเลย"

คีรณัฐที่คุมงานด้านศิลป์อยู่ไม่ห่าง เดินเข้ามาแนะนำจังหวะการหมุนตัว พร้อมพูดกับพราวฟ้าด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ถ้าพลิกตัวช้ากว่านี้อีกสักนิด วางเท้าต่ำลงมาหน่อย ผมว่ามันจะสวยมาก สวยจนคนทั้งงานแทบจะหยุดหายใจพร้อมกันได้เลยนะครับ"

พราวฟ้าเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะลั่น "คุณนี่...จัดท่าซะปิดความเซ็กซี่ของฉันมิดเลยนะ!"

นาราขยับไปข้างพราวฟ้า พลางกระซิบเบา ๆ กับเธอ "ฉันชักไม่แน่ใจ ว่าที่ช่วยจัดท่าเพราะอยากให้ดูดี หรือเพราะหวงขาเรียว ๆ ของแกกันแน่"

"บ้าน่ะแก คิดไปเรื่อยแล้ว" พราวฟ้าพูดพร้อมกับตีไปที่นาราเบา ๆ

แม้จะพูดอย่างนั้น ทว่ากลับมีความเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างปิดบังไม่มิด

หลังการซ้อมเสร็จสิ้น พราวฟ้าชวนนาราไปฉลองเล็ก ๆ ในค่ำคืนก่อนวันงาน

แม้ว่านาราอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ทนต่อลูกตื๊อของเพื่อนสาวไม่ได้

"แค่ดื่มนิดเดียว ฉันสัญญา! ถือว่าให้กำลังใจตัวเองก่อนขึ้นเวทีพรุ่งนี้นะ”

ค่ำนั้น สองสาวนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูใจกลางเมือง ดนตรีเบา ๆ คลอไปกับบรรยากาศเย็นสบาย นาราเผลอหัวเราะกับเรื่องเล่าของพราวฟ้าอยู่หลายครั้ง หัวใจที่เคยตึงเครียดค่อย ๆ คลายลง

ดื่มกันมาได้สักพัก นาราก็รู้สึกว่าเธอคล้ายจะเริ่มมึนหัวเล็กน้อย เธอจึงขอตัวไปห้องน้ำ

ขณะเดินกลับออกมา ประตูกระจกจากห้องทานอาหารวีไอพีบานหนึ่ง เปิดออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ร่างของนาราเซถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินตามมาข้างหลัง

“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ…” เธอหันกลับไปกล่าวขอโทษเขาอย่างรวดเร็ว

ทว่าด้วยความมึนเล็กน้อยผสมกับความตกใจ เธอจึงทรงตัวได้ไม่ดีนัก

มือที่แตะต้นแขนของเธอเบาและมั่นคง ชายหนุ่มตรงหน้าในชุดสูทเรียบหรู ยืนรับเธอไว้พอดี

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่สัมผัสนั้น...กลับคุ้นอย่างประหลาด

“คุณโอเคไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำชัดเจนเอ่ยถามด้วยแววตาสุภาพแต่ลึกซึ้ง

“ค่ะ ขอโทษนะคะ ฉันรีบไปหน่อย” นาราตอบพลางยิ้มจาง ๆ

เขามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีก “คุณดูไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นะครับ เมาเหรอ?”

“นิดหน่อยค่ะ เพื่อนลากมาดื่มผ่อนคลาย” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนพยักหน้าเป็นเชิงลา “ขอบคุณนะคะ…สำหรับเมื่อกี้”

เมื่อเธอเดินจากไป ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม สายตาติดตามแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ แววตานิ่งงันแต่แฝงความอ่อนโยนเอาไว้ภายใต้ท่าทีสงบเสงี่ยม

ไม่กี่อึดใจถัดมา ผู้ชายร่างสูงในสูทสีเข้มเดินเข้ามาใกล้ เขาโค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนกระซิบเบา ๆ

"ข้อมูลที่คุณธีภพให้ตรวจสอบเรื่องการรั่วไหลจากบริษัทวรเมธินทร์...ผมได้เบาะแสบางส่วนแล้วครับ ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร แต่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติบางอย่างที่ผมเพิ่งตรวจสอบได้...."

ธีภพรับฟังโดยไม่เอ่ยคำ ดวงตาเขายังคงจับจ้องไปยังทิศทางที่นาราเดินจากไป พลางเอ่ยช้า ๆ

"เก็บรายละเอียดให้มากที่สุด และอย่าให้เธอรู้ว่าเรากำลังมองอยู่"

ผู้ช่วยพยักหน้ารับ ก่อนจะถอยกลับอย่างเงียบงัน

ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยไฟระยิบ ธีภพยังคงยืนอยู่อย่างนั้น...ราวกับป้อมปราการเงียบงันที่เฝ้ารอเวลาของมัน

................

ขณะเดียวกัน ภายในห้องนิรภัยเก็บรักษาเครื่องประดับ

อรดาก้มหน้าอ่านเอกสารปลอมที่มีตราประทับปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ใบหน้าเรียบสนิทไร้ความรู้สึก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกเธอว่าจ้างไว้แล้วลอบเดินเข้ามาตามแผน ท่ามกลางความเงียบที่เคลือบคลุมไปทั่วโถงด้านหลัง

เครื่องประดับชุดสำคัญ เพชรเม็ดหลักที่เป็นหัวใจของงานประมูล ถูกบรรจุอย่างพิถีพิถันอยู่ในกล่องพิเศษ ห่อด้วยผ้าเนื้อดีเพื่อกันกระแทก

มือของอรดายื่นกล่องให้ชายคนนั้น ก่อนจะนำกล่องอีกใบหน้าตาเหมือนกันทุกประการเข้าแทนที่ตำแหน่งเดิม

เธอขยับกล่องอย่างระมัดระวัง ตรวจมุม วัดองศาแม้กระทั่งรอยพับของผ้า ไม่มีสิ่งใดถูกปล่อยให้ผิดตำแหน่งแม้แต่นิดเดียว

เจ้าหน้าที่คนนั้นพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเก็บกล่องของจริงใส่กระเป๋าสีดำ และเดินออกไปทางประตูด้านหลังอย่างแนบเนียน

ไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากนั้น ขณะที่อรดาเดินผ่านบานกระจกด้านข้าง แสงไฟสะท้อนแววตาของเธอวาววับ มือถือในกระเป๋าเธอสั่นเบา ๆ

เธอหยิบขึ้นมาอ่านข้อความที่เพิ่งปรากฏบนหน้าจอ

> “ของจริงถูกจัดเก็บไว้ในที่ที่เราคุยกันแล้ว”

เธอกดลบข้อความนั้นทันที ปลายนิ้วยังแตะอยู่ที่หน้าจออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ละออก

ริมฝีปากที่เคยเรียบนิ่งคลี่รอยยิ้มบางออกมา...ช้า ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 145 ค่ำคืนแห่งชั่วนิรันดร์

    “เหนื่อยไหมครับ?” เขาถามเมื่อพาเธอเข้ามานั่งบนโซฟา “ไม่ค่ะ…แค่ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มบาง ๆ พูดออกมาอย่างเขิน ๆ ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ใจคุณเต้นแรง…แต่ใจผมแทบจะระเบิด” นาราหัวเราะคิก แล้วตีไหล่เขาเบา ๆ แต่มือของเขากลับยื่นมาจับมือนั้นไว้ และแนบมันไว้กับอกเขา ภายในห้องนอน แสงไฟสีอำพันคลี่คลุมห้องทั้งห้องไว้ด้วยความอบอุ่น กลิ่นหอมจาง ๆ จากดอกไม้ข้างเตียงแตะจมูกเบา ๆ เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังใกล้กันทีละนิด…ดังกว่าเสียงใด ๆ ธีภพยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามองเธอราวกับเธอเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับผมของเธอออกช้า ๆ เส้นผมดำขลับสยายลงบนบ่าขาว เธอหลับตาลงช้า ๆ รับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา “คุณรู้ไหม” เขากระซิบ “ผมฝันถึงค่ำคืนนี้มานานมาก ฝัน…ถึงวันที่คุณจะอยู่ในอ้อมแขนผม ไม่ใช่แค่ชั่วคืน แต่ตลอดชีวิต” เธอไม่ตอบ เพียงยิ้ม และยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบา ๆ “และฉันก็เลือกจะอยู่ตรงนี้…กับคุณ ทั้งในคืนนี้ และคืนไหน ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่” ธีภพก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นป

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 144 นึกว่าเธอหานงยสาบสูญไปแล้ว

    วันแต่งงานที่รอคอยมาถึง เช้าวันนั้น แสงแดดยามสายทอดอุ่นลงบนสนามหญ้าเขียวขจี สายลมพัดผ่านแผ่วเบา กลีบดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มขาวเคลื่อนไหวราวกับเต้นรำรับจังหวะหัวใจของใครบางคน บริเวณงานถูกจัดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ผ้าคลุมบางเบา โทนสีขาวครีมผสมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ดนตรีจากเปียโนคลอเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของแขกที่มาด้วยรอยยิ้ม ที่นี่...คือสถานที่ซึ่งหัวใจสองดวงจะเริ่มต้นบทใหม่ ไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็น "คำสัญญา" ที่กลั่นมาจากทุกบททดสอบของชีวิตที่ผ่านมา ... ภายในห้องแต่งตัว เสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีพีชก้าวเข้ามา พราวฟ้า ดาราสาวเพื่อนสนิทของนารา วางกระเป๋าเบา ๆ แล้วโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความคิดถึง “หายไปครึ่งปี! ฉันนึกว่าเธอหายสาบสูญไปแล้วนะ” นาราหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เกือบแล้วจริง ๆ” พราวฟ้าหัวเราะตาม “กองถ่ายเรื่องล่าสุดให้เก็บตัวขึ้นเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีสัญญาณเลยสักเส้น ฉันนับวันรอจะได้ลงมางานนี้เลยนะรู้ไหม” สองเพื่อนสาวสบตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่มีคำพูดมาก แต่แววตาก็สื่อได้ว่า…เธอไม่พลาดวัน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 143 กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงาน

    คำพูดนั้นเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันชั่วครู่ คุณบงกชหันไปมองนารา ลูกสาวของเธอในวันนี้…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ใต้เงาอดีตอีกต่อไป แต่คือผู้หญิงที่ยืนอย่างมั่นคง ข้างคนที่เลือกจะปกป้องเธอจนสุดทาง การพูดคุยหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างอบอุ่น กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานถูกพูดถึงทีละลำดับ เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างในจังหวะที่คุณบงกชและคุณสุวิมลคุยกัน พลางหันมาถามว่า “ตกลงต้องเตรียมห้องไว้สำหรับเวลาหลาน ๆ มาเที่ยวเล่นเลยไหมลูก?” ธีภพกับนาราสบตากันแล้วยิ้ม แบบที่ไม่ต้องมีคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในดวงตาคู่นั้น…ที่มองกันราวกับโลกทั้งใบมีแค่คนสองคน หลังจากบทสนทนาเรื่องวันสำคัญสิ้นสุดลง ในขณะที่ทุกคนยังนั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นาราค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงสบตาธีภพอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนกาย ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านสไตล์เรียบหรูที่แวดล้อมด้วยสีอุ่นและแสงเงานุ่มนวล เงียบพอให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้งที่ก้าวเท้า เธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้สีอ่อนเรียบสะอาดบานนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานานหลายปี เพราะมันคือห้

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 142 เรือนหอ

    ไม่กี่วันถัดมา แสงแดดอุ่นยามสายสาดลงบนระเบียงหน้าบ้านสองชั้นสไตล์เรียบหรู เส้นสายของรั้วขาวตัดกับสวนสีเขียวขนาดย่อมอย่างลงตัว เงาของต้นปีบที่ปลูกใหม่เพิ่งเริ่มผลิใบสะท้อนบนกระจกหน้าต่างชั้นสอง ธีภพ ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ มือเขายื่นออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เธอก็วางมือลงในมือเขาอย่างคุ้นเคย “บ้านหลังนี้…จะเป็นเรือนหอของเรานะ” เขาบอกเสียงนุ่ม นารามองตรงไปยังตัวบ้าน บ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่แต่ถูกออกแบบอย่างประณีต สีนวลอ่อนของผนังตัดกับโครงไม้สีอบอุ่น ประตูไม้จริงมีลวดลายเรียบง่ายแต่แฝงความมั่นคง “สวยมากเลยค่ะ” เสียงเธอเบา ดวงตาเปล่งประกาย “เหมือนบ้านที่อยู่ในฝันตอนเด็กของฉันเลย” เขายิ้ม มองเธอด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนบางอย่าง “ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าฝัน…อยากให้คุณรู้ว่า ที่นี่...คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” ภายในบ้านอบอวลด้วยกลิ่นใหม่และแสงธรรมชาติจากช่องแสงบนเพดานสูง พวกเขาเดินไปด้วยกัน ดูทีละห้อง ห้องรับแขกโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับครัวเปิด ห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานใหญ่รับวิวสวนหลังบ้าน พอขึ้นมาชั้นสอง เธอก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “ห้องน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 141 ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ

    เสียงของเขาไม่ได้ดังก้อง แต่น้ำหนักของถ้อยคำแต่ละพยางค์ กลับกรีดอากาศให้บางยิ่งกว่าใบมีด “อย่าให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขแม้แต่วันเดียว…” “ฉันไม่สนวิธีไหน กด เฆี่ยน ล่อหลอก ดึงจิตใจเธอให้สั่นไหว ทำทุกอย่างที่จำเป็น” เจ้าหน้าที่ชะงักวูบ แววตาเขาสะท้อนความลังเลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็หายไปทันทีเมื่อสบตารัฐมนตรี “เค้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความเจ็บปวดแค่ไหน” เสียงของเขาต่ำลง “หาที่ซ่อนตัวของลาริสาให้เจอ” จากนั้น เขาเงียบไปครู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายช้า ชัด และราวกับตอกตรึงไว้ในอากาศ “และในวันที่เธอปริปากบอกเรา…ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ” เจ้าหน้าที่ข้างกายพยักหน้ารับเบา ๆ เสียงรองเท้าหนัก ๆ เริ่มเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ร่างของวิลัยลักษณ์ถูกพาไปยังรถคุมขังที่รออยู่ด้านนอก ใบหน้าเธอยังมีรอยยิ้มเยาะอยู่จาง ๆ แต่ในแววตา…มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เหมือนเธอกำลังรู้ตัวว่า “เกม” ที่คิดว่าควบคุมได้…อาจกลายเป็น “นรก” ที่เธอสร้างขึ้นไว้ให้ตัวเอง บันไดหินอ่อนภายในคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ เงาของโคมไฟแก้วระย้าไหวระริกตามแรงลมที่ลอดเข้ามาเพียงแผ่วเบา ภายนอก...รถควบคุมตัวเคลื่อ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 140 มันจะไม่หยุดแค่เรื่องข่าวหรือธุรกิจ

    คฤหาสน์ตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ห้องโถงใหญ่เงียบงัน จอทีวีฉายข่าวแบบเรียลไทม์ น้ำเสียงผู้ประกาศนิ่ง เรียบ แต่อัดแน่นด้วยพลังของ “ความจริง” คุณวิลัยลักษณ์ ยืนมองอยู่กลางห้อง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร แม้แต่คนสนิทที่สุดของเธอ มือของเธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้ากับเนื้อจนเลือดซึม แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว ทุกอย่างที่เธอวางไว้… กลับย้อนใส่ตัวเอง เสียงโทรศัพท์เริ่มดังขึ้นไม่หยุด ทั้งจากนักข่าว หน่วยงานรัฐ และทนายของเธอ แต่เธอไม่รับแม้แต่สายเดียว เธอเพียงหลุบตามองโต๊ะ… ที่วางภาพของ ปกรณ์ ในวันที่ยังยิ้มได้ ภาพที่ไม่เหลือความจริงอยู่ในวันนี้แม้แต่น้อย ... อีกฟากหนึ่ง ที่ซาเลียน อินโนเวชั่น ข่าวเปิดโปงถูกรายงานซ้ำในทุกช่องทาง ทีมงานหลายคนถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก ภานุวัฒน์เดินเข้ามาพร้อมรายงานล่าสุด “ตอนนี้ฝ่ายข่าวหลักเจ็ดสำนักตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างตรงกับที่เราส่ง ไม่มีข้อโต้แย้ง” เขายิ้มบาง “ถ้าข่าวนี้ออกไปเร็วกว่านี้อีกนิด เธอคงไม่ได้ทันปล่อยข่าวปลอมมาปั่นด้วยซ้ำ” ธีภพไม่พูดอะไร เขาหันไปมองนาราที่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ยังไม่หมด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status