/ โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

공유

บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

last update 최신 업데이트: 2025-04-14 14:26:03

ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริง

 

แสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุม

 

ทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณี

 

แขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้ง

 

ชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรร

 

เสียงกดชัตเตอร์จากกล้องถ่ายภาพยังไม่ทันแผ่วลง ก็ถูกแทนที่ด้วยแสงแฟลชใหม่อย่างต่อเนื่อง เหล่าบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง ไฮโซ นักสะสมเครื่องประดับ และผู้ทรงอิทธิพลด้านศิลปะทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับค่ำคืนนี้คือเวทีของโลกที่ทุกอย่างส่องประกายภายใต้โคมไฟเพชร

 

และท่ามกลางแสงสี เสียงหัวเราะ และสายตานับร้อยที่จ้องมอง

 

นาราก้าวเข้าสู่โถงงานอย่างมั่นใจ ราวกับผู้บริหารหญิงยุคใหม่ที่เป็นศูนย์กลางของแสงไฟและคำยกย่อง

 

เดรสไหมสีดำทองแบบโอเรียนทอลถูกตัดเย็บประณีตจนแนบเนื้อ ไล่ลายลวดลายปักไหมสีทองดั่งเถาวัลย์อ่อนที่เกี่ยวรัดเรือนกายเธออย่างพอเหมาะพอดี แสงไฟสะท้อนเนื้อผ้าทอประกาย เธอเดินอย่างสง่างามแต่ไม่เย่อหยิ่ง มีรัศมีของคนที่รู้จักตัวเอง รู้บทบาท และรู้ว่าเธอเป็นศูนย์กลางของค่ำคืนนี้

 

แขกหลายคนหันมาทักทายเธอทันทีที่พบเห็น เสียงกล่าวชื่นชมลอยเข้าหูอย่างไม่ขาดสาย

 

“คุณนาราคือหญิงสาวที่ควบรวมคำว่าผู้บริหารและความงามเข้าด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์”

 

“คอนเซ็ปต์กล่องความทรงจำของคุณ มันไม่ใช่แค่การแสดงเครื่องประดับ แต่มันคือบทกวีของประสบการณ์ส่วนตัวที่แปรเปลี่ยนเป็นประกายเพชร”

 

“ผมชอบที่คุณนารากล้าให้ลูกค้าบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองมากกว่าการให้แบรนด์พูด มันไม่ใช่แค่การตลาด แต่มันคือการฟังด้วยหัวใจ”

 

บางคำถูกกล่าวด้วยความจริงใจ บางคำแฝงเจตนา แต่ทุกถ้อยคำล้วนสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่นาราได้สร้างไว้ด้วยความแน่วแน่ และความละเมียดในทุกรายละเอียด

 

เธอยิ้มรับทุกคำด้วยความนุ่มนวล แต่สายตายังคงมั่นคง เปล่งประกายของคนที่ไม่ได้หลงระเริงในเสียงปรบมือ แต่เข้าใจดีว่าความสำเร็จในค่ำคืนนี้...มีเดิมพันมากกว่าที่ใครจะรู้

 

ในหมู่ผู้เข้าร่วมงาน มีตัวแทนจากตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ผู้บริหารมาดเนี้ยบที่แฝงด้วยรอยยิ้มแบบสุภาพแต่เย็นชา เขาเดินเข้ามาทักทายนาราด้วยท่าทีสุภาพเกินจำเป็น

 

ศักดา ตัวแทนจากตระกูลเดชาสกุลวงศ์ส่งยิ้มเยือกเย็นให้เธอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่นพอจะฝังรอยไว้ในใจ

“คืนนี้คุณนาราจัดงานได้น่าประทับใจมากเลยนะครับ ทุกอย่างดูไร้ที่ติ เหมือนกับคนจัดที่ดูจะ...รู้วิธีวางหมากที่เก่งกาจทีเดียว”

 

นาราไม่ตอบในทันที เธอหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มบาง แต่แววตาฉายความเยือกเย็นพอกัน

“ขอบคุณค่ะ คุณศักดา แต่การวางหมากไม่สำคัญ เท่าการรู้ว่าใครเดินเข้ามาในกระดานด้วยเจตนาแบบไหน”

 

ศักดาชะงักเพียงครู่เดียว แต่ก็ยิ้มตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ

“ผมเชื่อว่าคนเก่งอย่างคุณคงแยกแยะได้ดีระหว่างเจตนา...กับโอกาส”

 

“แน่นอนค่ะ” นาราตอบเสียงนิ่ง “ฉันเลือกเปิดประตูให้คนที่โปร่งใส และปิดมันแน่นเสมอเมื่อเห็นเงาที่เคลื่อนไหวไม่ตรงแสง”

 

สายตาทั้งคู่ประสานกันอยู่เพียงชั่ววินาที แต่กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านไปนานนับนาที

 

ศักดาหยักยิ้มช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน ในเวลาที่เหมาะสมนะครับ”

 

เขาผละจากไปอย่างไม่หันกลับ ปล่อยให้นารายืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่ยังคงสว่าง แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเยียบเย็นลงเล็กน้อย อย่างที่ไม่มีใครสังเกต

 

...

 

จากมุมหนึ่ง อรดาสวมชุดราตรีลูกไม้สีเลือดนกยืนซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องโถง เสี้ยวใบหน้าเธอถูกแต่งแต้มด้วยแสงสะท้อนเพชรจากเวที แต่ในดวงตานั้นกลับไร้ประกาย

 

เธอมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน ผู้คนยิ้มแย้ม พราวฟ้าซ้อมเดินอยู่ด้านหลังเวทีอย่างเอาจริงเอาจัง นารายืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงไฟราวกับนางเจ้าหญิงที่สูงส่ง…ภาพเหล่านั้นเหมือนมีดคมเฉือนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ความทรงจำเก่าไหลย้อนกลับมา เสียงหัวเราะของเพื่อนกลุ่มเดิมที่เธอแทบจะไม่เคยมีบทบาทอยู่ในวงนั้น สายตาที่อาจารย์ชื่นชมแต่นารา ความสำเร็จที่เธอต้องพยายามแทบตายแต่กลับได้มาเพียงเศษคำชม…ขณะที่นาราได้มันทั้งหมดอย่างง่ายดาย

 

ริมฝีปากของอรดาโค้งยิ้มบางอย่างยากจะนิยาม แต่แววตานั้นแข็งกร้าว เย็นชา และเต็มไปด้วยความคั่งแค้น

 

'คืนนี้...เธอจะไม่ใช่หญิงสาวที่สูงส่งอีกต่อไปนารา'

 

เธอรอเวลานั้น เวลาที่ประกายเพชรปลอมจะกลายเป็นกับดักเปิดโปงให้เห็น ว่าเจ้าของงานผู้งามสง่าและสมบูรณ์แบบนั้น...ก็ล้มเหลวได้ ไม่ต่างจากใคร

 

และในจิตใจของอรดา ไม่มีอะไรหวานล้ำไปกว่าการได้เห็นนาราพังพินาศ...เธอยืนมองฝูงชนที่กำลังรื่นเริงอยู่ในงานด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยคมมีด ที่พร้อมจะแทงข้างหลังคนที่เธอเรียกว่าเพื่อน

 

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 145 ค่ำคืนแห่งชั่วนิรันดร์

    “เหนื่อยไหมครับ?” เขาถามเมื่อพาเธอเข้ามานั่งบนโซฟา “ไม่ค่ะ…แค่ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มบาง ๆ พูดออกมาอย่างเขิน ๆ ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ใจคุณเต้นแรง…แต่ใจผมแทบจะระเบิด” นาราหัวเราะคิก แล้วตีไหล่เขาเบา ๆ แต่มือของเขากลับยื่นมาจับมือนั้นไว้ และแนบมันไว้กับอกเขา ภายในห้องนอน แสงไฟสีอำพันคลี่คลุมห้องทั้งห้องไว้ด้วยความอบอุ่น กลิ่นหอมจาง ๆ จากดอกไม้ข้างเตียงแตะจมูกเบา ๆ เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังใกล้กันทีละนิด…ดังกว่าเสียงใด ๆ ธีภพยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามองเธอราวกับเธอเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับผมของเธอออกช้า ๆ เส้นผมดำขลับสยายลงบนบ่าขาว เธอหลับตาลงช้า ๆ รับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา “คุณรู้ไหม” เขากระซิบ “ผมฝันถึงค่ำคืนนี้มานานมาก ฝัน…ถึงวันที่คุณจะอยู่ในอ้อมแขนผม ไม่ใช่แค่ชั่วคืน แต่ตลอดชีวิต” เธอไม่ตอบ เพียงยิ้ม และยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบา ๆ “และฉันก็เลือกจะอยู่ตรงนี้…กับคุณ ทั้งในคืนนี้ และคืนไหน ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่” ธีภพก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นป

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 144 นึกว่าเธอหานงยสาบสูญไปแล้ว

    วันแต่งงานที่รอคอยมาถึง เช้าวันนั้น แสงแดดยามสายทอดอุ่นลงบนสนามหญ้าเขียวขจี สายลมพัดผ่านแผ่วเบา กลีบดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มขาวเคลื่อนไหวราวกับเต้นรำรับจังหวะหัวใจของใครบางคน บริเวณงานถูกจัดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ผ้าคลุมบางเบา โทนสีขาวครีมผสมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ดนตรีจากเปียโนคลอเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของแขกที่มาด้วยรอยยิ้ม ที่นี่...คือสถานที่ซึ่งหัวใจสองดวงจะเริ่มต้นบทใหม่ ไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็น "คำสัญญา" ที่กลั่นมาจากทุกบททดสอบของชีวิตที่ผ่านมา ... ภายในห้องแต่งตัว เสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีพีชก้าวเข้ามา พราวฟ้า ดาราสาวเพื่อนสนิทของนารา วางกระเป๋าเบา ๆ แล้วโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความคิดถึง “หายไปครึ่งปี! ฉันนึกว่าเธอหายสาบสูญไปแล้วนะ” นาราหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เกือบแล้วจริง ๆ” พราวฟ้าหัวเราะตาม “กองถ่ายเรื่องล่าสุดให้เก็บตัวขึ้นเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีสัญญาณเลยสักเส้น ฉันนับวันรอจะได้ลงมางานนี้เลยนะรู้ไหม” สองเพื่อนสาวสบตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่มีคำพูดมาก แต่แววตาก็สื่อได้ว่า…เธอไม่พลาดวัน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 143 กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงาน

    คำพูดนั้นเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันชั่วครู่ คุณบงกชหันไปมองนารา ลูกสาวของเธอในวันนี้…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ใต้เงาอดีตอีกต่อไป แต่คือผู้หญิงที่ยืนอย่างมั่นคง ข้างคนที่เลือกจะปกป้องเธอจนสุดทาง การพูดคุยหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างอบอุ่น กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานถูกพูดถึงทีละลำดับ เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างในจังหวะที่คุณบงกชและคุณสุวิมลคุยกัน พลางหันมาถามว่า “ตกลงต้องเตรียมห้องไว้สำหรับเวลาหลาน ๆ มาเที่ยวเล่นเลยไหมลูก?” ธีภพกับนาราสบตากันแล้วยิ้ม แบบที่ไม่ต้องมีคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในดวงตาคู่นั้น…ที่มองกันราวกับโลกทั้งใบมีแค่คนสองคน หลังจากบทสนทนาเรื่องวันสำคัญสิ้นสุดลง ในขณะที่ทุกคนยังนั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นาราค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงสบตาธีภพอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนกาย ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านสไตล์เรียบหรูที่แวดล้อมด้วยสีอุ่นและแสงเงานุ่มนวล เงียบพอให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้งที่ก้าวเท้า เธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้สีอ่อนเรียบสะอาดบานนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานานหลายปี เพราะมันคือห้

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 142 เรือนหอ

    ไม่กี่วันถัดมา แสงแดดอุ่นยามสายสาดลงบนระเบียงหน้าบ้านสองชั้นสไตล์เรียบหรู เส้นสายของรั้วขาวตัดกับสวนสีเขียวขนาดย่อมอย่างลงตัว เงาของต้นปีบที่ปลูกใหม่เพิ่งเริ่มผลิใบสะท้อนบนกระจกหน้าต่างชั้นสอง ธีภพ ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ มือเขายื่นออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เธอก็วางมือลงในมือเขาอย่างคุ้นเคย “บ้านหลังนี้…จะเป็นเรือนหอของเรานะ” เขาบอกเสียงนุ่ม นารามองตรงไปยังตัวบ้าน บ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่แต่ถูกออกแบบอย่างประณีต สีนวลอ่อนของผนังตัดกับโครงไม้สีอบอุ่น ประตูไม้จริงมีลวดลายเรียบง่ายแต่แฝงความมั่นคง “สวยมากเลยค่ะ” เสียงเธอเบา ดวงตาเปล่งประกาย “เหมือนบ้านที่อยู่ในฝันตอนเด็กของฉันเลย” เขายิ้ม มองเธอด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนบางอย่าง “ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าฝัน…อยากให้คุณรู้ว่า ที่นี่...คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” ภายในบ้านอบอวลด้วยกลิ่นใหม่และแสงธรรมชาติจากช่องแสงบนเพดานสูง พวกเขาเดินไปด้วยกัน ดูทีละห้อง ห้องรับแขกโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับครัวเปิด ห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานใหญ่รับวิวสวนหลังบ้าน พอขึ้นมาชั้นสอง เธอก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “ห้องน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 141 ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ

    เสียงของเขาไม่ได้ดังก้อง แต่น้ำหนักของถ้อยคำแต่ละพยางค์ กลับกรีดอากาศให้บางยิ่งกว่าใบมีด “อย่าให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขแม้แต่วันเดียว…” “ฉันไม่สนวิธีไหน กด เฆี่ยน ล่อหลอก ดึงจิตใจเธอให้สั่นไหว ทำทุกอย่างที่จำเป็น” เจ้าหน้าที่ชะงักวูบ แววตาเขาสะท้อนความลังเลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็หายไปทันทีเมื่อสบตารัฐมนตรี “เค้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความเจ็บปวดแค่ไหน” เสียงของเขาต่ำลง “หาที่ซ่อนตัวของลาริสาให้เจอ” จากนั้น เขาเงียบไปครู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายช้า ชัด และราวกับตอกตรึงไว้ในอากาศ “และในวันที่เธอปริปากบอกเรา…ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ” เจ้าหน้าที่ข้างกายพยักหน้ารับเบา ๆ เสียงรองเท้าหนัก ๆ เริ่มเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ร่างของวิลัยลักษณ์ถูกพาไปยังรถคุมขังที่รออยู่ด้านนอก ใบหน้าเธอยังมีรอยยิ้มเยาะอยู่จาง ๆ แต่ในแววตา…มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เหมือนเธอกำลังรู้ตัวว่า “เกม” ที่คิดว่าควบคุมได้…อาจกลายเป็น “นรก” ที่เธอสร้างขึ้นไว้ให้ตัวเอง บันไดหินอ่อนภายในคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ เงาของโคมไฟแก้วระย้าไหวระริกตามแรงลมที่ลอดเข้ามาเพียงแผ่วเบา ภายนอก...รถควบคุมตัวเคลื่อ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 140 มันจะไม่หยุดแค่เรื่องข่าวหรือธุรกิจ

    คฤหาสน์ตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ห้องโถงใหญ่เงียบงัน จอทีวีฉายข่าวแบบเรียลไทม์ น้ำเสียงผู้ประกาศนิ่ง เรียบ แต่อัดแน่นด้วยพลังของ “ความจริง” คุณวิลัยลักษณ์ ยืนมองอยู่กลางห้อง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร แม้แต่คนสนิทที่สุดของเธอ มือของเธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้ากับเนื้อจนเลือดซึม แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว ทุกอย่างที่เธอวางไว้… กลับย้อนใส่ตัวเอง เสียงโทรศัพท์เริ่มดังขึ้นไม่หยุด ทั้งจากนักข่าว หน่วยงานรัฐ และทนายของเธอ แต่เธอไม่รับแม้แต่สายเดียว เธอเพียงหลุบตามองโต๊ะ… ที่วางภาพของ ปกรณ์ ในวันที่ยังยิ้มได้ ภาพที่ไม่เหลือความจริงอยู่ในวันนี้แม้แต่น้อย ... อีกฟากหนึ่ง ที่ซาเลียน อินโนเวชั่น ข่าวเปิดโปงถูกรายงานซ้ำในทุกช่องทาง ทีมงานหลายคนถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก ภานุวัฒน์เดินเข้ามาพร้อมรายงานล่าสุด “ตอนนี้ฝ่ายข่าวหลักเจ็ดสำนักตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างตรงกับที่เราส่ง ไม่มีข้อโต้แย้ง” เขายิ้มบาง “ถ้าข่าวนี้ออกไปเร็วกว่านี้อีกนิด เธอคงไม่ได้ทันปล่อยข่าวปลอมมาปั่นด้วยซ้ำ” ธีภพไม่พูดอะไร เขาหันไปมองนาราที่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ยังไม่หมด

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status