แชร์

ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว
ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว
ผู้แต่ง: เล่อเอิน

บทที่ 1

ผู้เขียน: เล่อเอิน
ในวันครบรอบแต่งงานสามปี

ฟู่ฉีชวนซื้อสร้อยคอที่ฉันอยากได้มานานในราคาสูงลิ่ว

ใครๆ ก็บอกว่าเขารักฉันจะเป็นจะตาย

ฉันเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนด้วยความสุขอันเปี่ยมล้น ทว่ากลับมีคลิปนึงถูกส่งมา

ในคลิปนั้น เขาสวมสร้อยคอให้ผู้หญิงอีกคนด้วยมือของเขาเอง "ยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่"

ที่แท้ วันนี้ไม่ใช่แค่วันครบรอบแต่งงานของพวกเรา

แต่เป็นวันที่ผู้หญิงในดวงใจของเขาหย่าด้วยเช่นกัน

.......

ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

แม้ว่าการแต่งงานกับฟู่ฉีชวน จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความรัก

แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เขามักจะเป็นผู้ชายที่คลั่งรักภรรยามาโดยตลอด

ฉันนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร มองดูสเต็กที่เวลานี้เย็นสนิท และข้อความที่ขึ้นติดเทรนด์ฮอตอยู่ในขณะนี้ "ฟู่ฉีชวนทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อเอาใจเมีย"

ทั้งหมดนี้ ล้วนกลายเป็นคำเยาะเย้ยที่ไร้ซึ่งเสียง

เวลาตีสอง ในที่สุดรถมายบัคสีดำก็เคลื่อนเข้าสู่สนามหญ้า

หน้าต่างสูงจรดพื้น สามารถมองเห็นชายหนุ่มที่ลงจากรถ เขาสวมชุดสูทสีเข้มที่สั่งตัดเย็บด้วยมือ รูปร่างสูงโปร่ง สง่างามและสูงศักดิ์

"ทำไมยังไม่นอนอีก?"

ฟู่ฉีชวนเปิดไฟ เมื่อเห็นฉันที่นั่งอยู่ในห้องอาหาร ก็ประหลาดใจไม่น้อย

ฉันอยากจะลุกขึ้นยืน ทว่าขากลับชาไปหมด จึงล้มตัวลงไปนั่งดังเดิม "ฉันรอคุณอยู่"

"คิดถึงผมหรอ?"

เขายิ้มออกมาน้อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินมารินน้ำ เมื่อเหลือบไปเห็นอาหารเย็นบนโต๊ะที่ไม่ได้ถูกแตะเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ตกใจพอตัว

ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะแสร้งเล่นละคร ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะกดอารมณ์เอาไว้ก่อน แล้วยื่นมือไปหาเขา พร้อมกับยกริมฝีปากโค้งขึ้นแล้วพูดว่า "สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานสามปี ของขวัญของฉันล่ะ?"

"ขอโทษที วันนี้ผมยุ่งมาก ก็เลยลืมเตรียมน่ะ"

เขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วถึงตระหนักได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน

เขายื่นมือออกมาหวังจะลูบศีรษะของฉัน แต่ฉันเบี่ยงตัวหนีโดยอัตโนมัติ

ฉันไม่รู้เลยว่ามือข้างนี้ของเขา ไปสัมผัสอะไรมาบ้าง รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก

เขาอึ้งไปนิดหน่อย

ฉันมองเขายิ้มๆ ราวกับไม่ทันได้สังเกตอะไร "ยังจะโกหกฉันอีก เรื่องที่คุณไปประมูลสร้อยเส้นที่ฉันชอบมากที่สุด ขึ้นเป็นฮอตเสิร์ชซะขนาดนั้น! รีบเอามาให้ฉันเลยนะ"

"หนานจือ..."

ฟู่ฉีชวนดึงมือกลับช้าๆ ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย "สร้อยเส้นนั้น ผมไปประมูลแทนเฮ่อถิงน่ะ"

……

อย่างที่ในโซเชียลมีเดียพูดกัน เพื่อนรักคือเกราะกำบังที่ดีที่สุด

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันเริ่มรักษาต่อไปไม่อยู่ "หรอคะ?"

"อืม คุณก็รู้นี่ สาวในสต็อกเขาเยอะจะตาย"

สีหน้าและน้ำเสียงของฟู่ฉีชวน ไม่ส่อพิรุจใดๆ

ฉันมองใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขาที่อยู่ภายใต้แสงไฟ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฉันอาจจะไม่เคยได้รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างแท้จริงเลย

ถึงขนาดที่เริ่มคิดทบทวนว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโกหกจริงๆ หรือเปล่า

หรือว่าที่ผ่านมาฉันเชื่อใจเขามากเกินไป

ถ้าไม่ได้รับคลิปที่ถูกส่งมาโดยบุคคลนิรนาม คำแก้ตัวของเขาในเวลานี้ ฉันก็คงจะไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป เขาก็โอ๋ฉันด้วยเสียงนุ่มนวลอย่างคนมีน้ำอดน้ำทน "ผมไม่ควรลืมวันสำคัญขนาดนี้เอง พรุ่งนี้ผมจะให้ของขวัญย้อนหลังคุณแน่นอน"

"ฉันอยากได้แค่สร้อยเส้นนั้น"

ฉันยังอยากจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง

มุมที่อยู่ในคลิปนั่น ทำให้ฉันมองไม่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือก็เป็นได้

ฟู่ฉีชวนแสดงความลังเลออกมา ฉันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ "ไม่ได้หรอ ให้เฮ่อถิงขัดใจสาวๆ พวกนั้นสักครั้งเพื่อเพื่อนรักอย่างคุณ คงไม่เป็นไรมั้ง?"

เขาเงียบไปสักครู่ เมื่อเห็นว่าฉันดึงดัน จึงได้แต่เอ่ยออกมาว่า "พรุ่งนี้ผมจะลองถามเขาดู จะให้บังคับแย่งของรักเขามาก็คงไม่ดีเท่าไหร่"

ถาม "เขา" หรือถาม "หล่อน"?

ฉันไม่สามารถไล่บี้ต่อได้ จึงตอบแค่ "ค่ะ"

"คุณทนหิวเพื่อรอผมตลอดเลยหรอ?"

ฟู่ฉีชวนเริ่มเก็บจานชามบนโต๊ะอาหาร นิ้วมือที่เห็นข้อต่อชัดเจน ยิ่งดูน่ามองมากขึ้นเวลาที่วางอยู่บนเครื่องจานสีขาวนวล

ฉันพยักหน้า "อือ ก็วันครบรอบนี่คะ"

เมื่อลุกขึ้นเตรียมจะช่วยเขาเก็บ เขากลับกดฉันเอาไว้ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน "นั่งรอเฉยๆ ก็พอ รอให้สามีต้มบะหมี่ให้กินนะ"

"อ้อ"

พอฉันเห็นเขาเป็นแบบนี้ ความเคลือบแคลงในใจก็เจือจางลงไม่น้อย

ผู้ชายที่นอกใจ จะสามารถสงบนิ่งทั้งยังเอาใจใส่ได้ขนาดนี้จริงๆ หรอ

แปลกมาก ฟู่ฉีชวนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ทว่ากลับมีฝีมือการทำอาหารที่น่าทึ่ง เขาทำอาหารอย่างรวดเร็วแถมยังอร่อยด้วย

เพียงแต่ ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่เขาจะเข้าครัว

สิบกว่านาทีผ่านไป บะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่ที่น่าตาสวยงามก็ถูกยกออกมาชามนึง

"อร่อยมาก!"

ฉันกินไปคำนึง ก็ต้องชมเขาออกมาโดยไม่ต้องคิด "คุณไปเรียนทำอาหารมาจากใคร? อร่อยกว่าร้านบะหมี่ข้างนอกอีก"

สีหน้าของเขาอึ้งไป ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความหลัง ผ่านไปราวๆ ครึ่งนาที ถึงได้เอ่ยเสียงเรียบ "สองปีที่ไปเรียนที่เมืองนอก ถ้าอยากกินอาหารจีน ก็ได้แต่ต้องเรียนทำเองนั่นแหละ"

เดิมทีฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้น จึงไม่ได้คิดอะไรอีก

เมื่อขึ้นไปอาบน้ำ ทิ้งตัวลงบนเตียง ก็เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว

เบื้องหลัง ร่างกายเร่าร้อนของชายหนุ่มแนบชิดเข้ามา คางของเขาฝังลงบริเวณซอกคอของฉัน พร้อมทั้งถูไถเบาๆ

"อยากไหม?"

น้ำเสียงของเขาราวกับผ่านการขัดเกลาด้วยกระดาษทราย ลมหายใจรินรดบนผิวหนังของฉัน ทำเอารู้สึกเสียวซ่าน

ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ เขาก็โน้มตัวเข้ามาทาบ มือข้างนึงล้วงสำรวจเข้าไปในชุดนอนผ้าไหม

เขามักจะช่ำชองในเรื่องบนเตียงมาโดยตลอด จนฉันไม่อาจทัดท้านได้

แต่ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องปฏิเสธ "คุณคะ วันนี้ไม่ได้นะ..."

น้ำเสียงของเขานุ่มนวลราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย

"หืม?"

ฟู่ฉีชวนจูบลำคอของฉันด้วยความบรรจง ยืดมือลงมาสำรวจช่วงล่าง เอ่ยคำพูดที่ทำให้รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงฉ่า "ตรงนี้ต้อนรับผมซะขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมให้ทำอีกหรอ?"

"ฉัน วันนี้ฉันปวดท้อง"

เมื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดเขาก็หยุดการเคลื่อนไหว จูบติ่งหูของฉันเบาๆ แล้วดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด "ผมลืมไป รอบเดือนของคุณใกล้จะมาแล้วนี่นะ พักผ่อนเถอะ"

หัวใจที่ตึงเครียดเพิ่งจะคลายตัวลงได้ไม่ทันไร ก็บีบตัวแน่นขึ้นอีก ฉันพลิกตัวไปมองเขาตาไม่กระพริบ "รอบเดือนของฉันมาต้นเดือน หมดไปตั้งนานแล้ว"

"งั้นหรอ"

เขามีท่าทีสงบ พร้อมกับย้อนถามตัวเองทีนึง "งั้นผมคงจำผิด คุณปวดมากไหม? ไม่งั้น พรุ่งนี้ให้ป้าหลิวไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคุณสิ"

"ตอนเช้าฉันไปมาแล้วค่ะ"

"หมอว่ายังไงบ้าง?"

"หมอบอกว่า..."

ฉันทอดดวงตาลงต่ำ เกิดความลังเลขึ้นในชั่วอึดใจ

หมอบอกว่า ฉันตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้ว ที่ปวดท้องเพราะมีภาวะเลือดออกในช่องท้อง หมอให้กินยาเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปก่อน ผ่านไปครึ่งเดือนค่อยไปวัดอัตราการเต้นหัวใจของเด็กในครรภ์

การที่ตรวจออกมาว่าตัวเองตั้งท้องในวันครบรอบวันแต่งงาน นับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉันใส่ผลตรวจครรภ์ลงในขวดแก้วเล็กๆ ซ่อนไว้ในเค้กที่ทำเองกับมือ ตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ฟู่ฉีชวนระหว่างที่กำลังดินเนอร์ใต้แสงเทียน

เพียงแต่จนถึงตอนนี้ เค้กนั่นก็ยังอยู่ในตู้เย็น

โดยที่ไม่มีใครสนใจมันเลย

"บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเพราะว่าช่วงนี้ฉันดื่มของเย็นๆ เยอะเกินไป" ฉันเลือกที่จะปกปิดเอาไว้ชั่วคราว

ถ้าพรุ่งนี้เอาสร้อยเส้นนั้นกลับมาได้ ทุกคนก็จะมีความสุข

แต่ถ้าเอากลับมาไม่ได้ ชีวิตแต่งงานของเราที่มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกกลาง ยังไงก็รักษาต่อไปได้ยาก และแม้จะบอกเขาถึงการเกิดมาของลูก มันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป

ค่ำคืนนี้ ฉันพลิกตัวไปมายากจะนอนหลับ

เกรงว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถทำใจยอมรับเรื่องที่ "สามีนอกใจ" ด้วยใจที่สงบได้

เรื่องที่ฉันเก็บฝังเอาไว้ในใจ ไม่นานก็มีผลตามมา โดยไม่ทันคาดคิด

วันต่อมา ขณะที่ฟู่ฉีชวนกำลังอาบน้ำ ประตูห้องก็ถูกเคาะจนเกิดเสียง

ฉันเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อเปิดประตู ก็เห็นป้าหลิวชี้ไปที่ชั้นล่าง "นายหญิง คุณจินอันมาค่ะ เธอบอกว่ามาคืนของ"

ฟู่จินอันเป็นลูกสาวของแม่เลี้ยงฟู่ฉีชวน เป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ อายุมากกว่าเขาสองปี ก็นับว่าเป็นคุณหนูของตระกูลฟู่อยู่เหมือนกัน

ป้าหลิวเป็นคนที่ตระกูลฟู่ส่งมาเพื่อดูแลเราสองคน จึงเรียกหล่อนด้วยความเคยชินว่า "คุณจินอัน"

ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว นอกจากตอนที่กลับไปกินมื้อเย็นที่คฤหาสน์เก่าถึงจะได้เจอฟู่จินอันสักที ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กัน ยิ่งเรื่องยืมของยิ่งเป็นไปไม่ได้

"คืนของ?"

"ค่ะ ใส่กล่องเครื่องประดับที่ประณีตมาก น่าจะเป็นเครื่องเพชรราคาแพงๆ นะคะ" ป้าหลิวตอบ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status