(เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี)
เหตุการณ์ก่อนหน้า
KK.HOTEL
หญิงสาวรูปร่างสันทัด สวมชุดยูนิฟอร์มเรียบหรูใบหน้ารูปไข่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนแฝงรอยยิ้มจาง จมูกเชิดรั้นเล็กน้อยรับกับริมฝีปากกระจับอมชมพูกำลังส่งรอยยิ้มชวนมองและเปล่งเสียงหวานออกมาทำให้บรรดาผู้มาใช้บริการโรงแรมแห่งนี้ต่างชื่นชอบและพึงพอใจกันถ้วนหน้า
ช่วงนี้เป็นช่วงซัมเมอร์จึงมีนักท่องเที่ยวหลากหลายประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
หญิงสาวได้เข้ามาทำงานที่โรงแรมแห่งนี้ตำแหน่งพนักงานต้อนรับหลังจากเรียนจบ เธอเชื่อมาตลอดว่าตนเองเข้ามาด้วยความสามารถที่มีจึงตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความกระตือรือร้นให้สมกับการที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้
ตัวเธอเองชื่นชอบที่ได้ดูแลและสร้างความประทับใจให้กับบรรดานักท่องเที่ยวที่ไว้วางใจในการเลือกมาใช้บริการที่นี่
“ไม่สบายหรือเปล่า อลิส” เพื่อนร่วมงานของเธอถามขึ้นหลังจากบริเวณล็อบบี้ไม่มีแขกแล้วและเห็นว่าใบหน้าหวานมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาจากไรผม
“เปล่าหรอก ช่วงนี้อากาศมันร้อนด้วยแหละ”
อลิสตอบเพื่อนสาวตรงหน้าแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ซึมออกมาเบาๆ พร้อมยิ้มแห้งส่งให้
แม้อากาศจะร้อนอย่างที่เธอว่าแต่มันก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้น ในใจของหญิงสาวรู้สึกกังวลอย่างยิ่งหลังจากได้รับข้อความล่าสุดจากพี่ชายคนเดียวของเธอ
ครั้นถึงเวลาพักกลางวันเธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายหาคนที่ทำให้เธอปั่นป่วนใจ คิ้วสวยขมวดเป็นปมพลางกัดปากล่างอย่างรอคอย รอสายอยู่สักพักปลายสายก็กดรับ เธอจึงรีบถามในสิ่งที่รู้สึกร้อนใจ
“พี่เดล คิดจะทำอะไร”
[พี่ยังบอกเราตอนนี้ไม่ได้]
อาร์เดลซึ่งเป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกันกับเธอที่อายุห่างกันถึงสิบปีตอบกลับมาเสียงเรียบราวกับว่าเรื่องที่เขาทำเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจดีแล้ว
“แล้วพี่อยู่ไหน”
[พี่บอกไม่ได้จริงๆ แต่พี่อยากให้ลิสระวังตัวไว้เพราะเคลย์ตันรู้เรื่องแล้วและมันกำลังตามหาตัวพี่อยู่]
“พี่ก็ไม่สมควรพาเธอไปไม่ใช่เหรอ”
[พี่จำเป็นต้องทำแบบนี้ พี่ขอโทษที่ทำให้เราต้องกังวลไปด้วย]
“ลิสเข้าใจว่าพี่คงมีเหตุผล ”
[ ขอบใจนะที่เข้าใจพี่แล้วคืนนี้ไปฉลองวันเกิดที่ไหน]
“ที่ร้านอาหารประจำของครอบครัวเราไงคะ นึกว่าลืมวันเกิดน้องสาวไปซะแล้ว”
[พี่ไม่ลืมหรอกน่า พี่ขอให้เรามีความสุขและผ่านทุกช่วงเวลาที่ยากๆของชีวิตไปได้ ขอให้เราจดจำแต่ช่วงเวลาดีๆ]
“ชีวิตลิสก็ไม่ได้แย่ซะหน่อย ทำไมมีแต่คนอวยพรว่าให้ลิสจำแต่เรื่องราวดีๆ แด๊ดกับมัมก็เหมือนกัน”
[ทุกคนอยากให้ลิสมีความสุขที่สุดไง]
“ถ้าไม่มีเรื่องพี่เดล ลิสคงจะกระอักความสุขตายไปแล้ว ลิสเป็นห่วงพี่นะคะ”
[ขอบใจนะ พี่ขออีกอย่างสิ อย่าบอกเรื่องนี้ให้แด๊ดกับมัมรู้เด็ดขาดนะ]
“ลิสรับปากค่ะ”
[เดี๋ยวลิสจะติดต่อพี่ไม่ได้แล้ว หลังจากนี้พี่จะติดต่อไปเอง แค่นี้ก่อนนะลิส]
“บายค่ะ”
หลังจากวางสายเธอก้มลงมองโทรศัพท์ในมือด้วยแววตากังวลใจอีกครั้งริมฝีปากพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ หากพี่ชายของเธอถูกจับได้ต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
เธอจึงรีบสลัดความคิดออกเพราะใกล้ถึงเวลาทำงานพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างเรียกสติแล้วเดินไปหน้าล็อบบี้เพื่อเริ่มงานในช่วงบ่าย
หลังเลิกงานเธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปฉลองวันเกิดตนเองโดยได้นัดกับเพื่อนๆและพี่ๆในแผนกไว้ งานในวันนี้จัดขึ้นบนดาดฟ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านประจำของครอบครัวเธอ แต่ปีนี้ไม่มีใครว่างร่วมงานเพราะพ่อและแม่ของเธอติดงานอยู่ต่างประเทศซึ่งเธอเข้าใจดี
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงที่กำลังก้าวเท้าฉับๆ บนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วกำลังมุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสของเธอที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของพนักงาน
ผมยาวประบ่าสีน้ำตาลคาราเมลรับกับใบหน้าหวานเข้ากันอย่างลงตัวกำลังส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้มีใบหน้าคมคายที่กำลังยิ้มให้เธออยู่
เธอเคยคิดเล่นๆ ว่าเขาหล่อเกินกว่าจะมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นี่ด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เธอเลิกงานเมื่อเดินออกมาก็มักจะเห็นเขาเป็นคนแรกและหนุ่มหล่อคนนี้มักจะทักทายเธอเป็นประจำ
“วันนี้มีนัดต่อสินะครับ” เขาถามแล้วส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
“ใช่ค่ะ”
อลิสตอบพร้อมหยุดเดินแล้วควานหากุญแจในกระเป๋าของตนเองเมื่อมาถึงรถแต่รู้สึกว่ามีร่างของใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังพร้อมได้กลิ่นคล้ายยาปะทะเข้ากับจมูกเธออย่างจัง ไม่นานสติสัมปชัญญะก็เลือนหายไป
ปัจจุบัน เช้าวันใหม่
หญิงสาวนั่งมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่อยู่ในห้องน้ำ ใบหน้ากับลำคอของเธอขึ้นปื้นแดงและมีรอยคิสมาร์กตามร่างกายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ชายเลวๆ คนนั้น เคลย์ตัน มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของอิตาลี
‘นี่สินะของขวัญวันเกิดวัยเบญจเพสของเธอ’
อลิสนั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นชั่วโมง จนได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาในห้องและหยุดอยู่บริเวณหน้าประตูห้องน้ำพร้อมกับเสียงเคาะที่ดังขึ้น เธอจึงเดินไปเปิดประตูแล้วกระชับชุดคลุมอาบน้ำให้แน่นขึ้นอย่างระวังตัว
เธอเดินออกจากห้องน้ำสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ลูกน้องของเคลย์ตันอย่างไม่ไว้ใจ จนสายตาไปสะดุดกับถุงแบรนด์เนมมากมายที่วางอยู่บนเตียง
เธอหันไปมองบอดี้การ์ดหนุ่มชุดดำอีกครั้งอย่างละเอียด หน้าตาหล่อเหลาผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวเหลือง ไม่ว่าจะรูปร่างหรือใบหน้าล้วนดูดีทั้งสิ้น จะมีก็แต่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นั้นทำให้ยากที่จะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่ดูแล้วรู้สึกขัดใจไม่น้อย
“ผมชื่อไนล์ เป็นลูกน้องของคุณเคลย์ตันและจะเป็นคนที่คอยดูแลคุณระหว่างอยู่ที่นี่ครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มพูดกับหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังมองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ใครจะอยากรู้กัน” เธอพึมพำออกมาเบาๆ แล้วใช้สายตาเป็นเชิงถามว่าของบนเตียงหมายความว่าอย่างไร เขาเห็นสายตาของเธอจึงพูดขึ้น
“คุณเคลย์ตันให้ผมนำสิ่งของที่คุณจำเป็นต้องใช้มาให้ ถ้าขาดอะไรก็ให้บอก ผมจะจัดการให้ทุกอย่างครับ” เขาพูดออกมาเสียงราบเรียบเช่นเดิม
“ไปบอกมันว่าฉันไม่ต้องการ” แววตาขุ่นเคืองตวัดไปสบตากับลูกน้องของเขาทันทีเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น
“คุณไม่สมควรเรียกนายแบบนั้นนะครับ ผมเกรงว่าหากคุณเคลย์ตันได้ยิน ตัวคุณเองจะลำบาก” บอดี้การ์ดหนุ่มกล่าวตักเตือน
“ฉันไม่สนใจหรอก”
“อีกเรื่องครับ คุณเคลย์ตันนัดหมอไว้ให้คุณและตอนนี้นายรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขกมาสักพักแล้ว นายไม่ชอบรออะไรนานๆ แต่งตัวเสร็จแล้วออกไปได้เลยครับ”
“แล้วอลิสไม่พยายามตรงไหน มึงสองคนก็พยายามด้วยกันทั้งนั้น และตอนนี้พวกมึงควรคุยและเป็นกำลังใจให้กันและกันมากกว่าจะมาใส่อารมณ์กันแบบนี้” อาร์เดลพยายามพูดให้มาเฟียหนุ่มได้คิดตามทั้งสองจะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน“มึงไม่ใช่กู มึงก็พูดได้สิ” เขามองสองหนุ่มด้วยใบหน้าบึ้งตึง“ไอ้นี่แม่ง” อาร์เดลเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย“กูไม่อยากคุยกับพวกมึงแล้ว”เคลย์ตันพูดเสร็จก็เดินไปทันทีโดยไม่สนใจอาร์เดลและไนล์ที่มองตามเขาไปพร้อมกับส่ายหัว“เดี๋ยวมันก็เป็นหมา เชื่อเถอะ” ไนล์หัวเราะในลำคอเบาๆอลิสใส่ชุดนอนสายเดี่ยวสีดำสุดเซ็กซี่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวใช้ครีมบำรุงผิวลูบไล้ไปทั่วผิวกายเนียนละเอียดของเธอ จากนั้นก็หยิบชุดคลุมขึ้นมาสวมใส่การกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของมาเฟียหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เขาเหลือบมองหญิงสาวตั้งแต่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว และเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดประตูห้องออกไปเขาจึงถามขึ้นเสียงราบเรียบ“จะไปไหน”“ไปนอนห้องอื่น”“ไม่ให้ไป” เขารีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วไปยืนขวางประตูไว้“หลีกไป” เธอพยายามดันตัวเขาให้ถอยออกไป แต่แรงที่เธอม
“มิเกล แม็กซ์เวลล์” อลิสเรียกคนทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาแล้วรีบลุกขึ้นไปรับเด็กชายมาอุ้มด้วยความคิดถึง คาเทียร์ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างก็พอจะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร“สวัสดีค่ะ เกลพาแม็กซ์มาหาอลิสและเห็นว่ามาร์ตินคลอดแล้วจึงซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก” เธอหันไปทักทายคุณแม่มือใหม่อย่างเป็นมิตรแล้วเดินไปวางของที่นำมาให้ลงข้างๆ พร้อมนั่งลง“ไม่เห็นต้องลำบากเลย ขอบคุณนะคะ” คาเทียร์ตอบกลับเธอด้วยความเกรงใจ“ไม่ลำบากเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้กับคาเทียร์“คิดถึงแม็กซ์จังเลย” เธอกดจมูกลงบนแก้มป่องๆ ของเด็กน้อย ทำให้เขาหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ“เกลมีของมาฝากอลิสกับคุณเคลย์ตันด้วยนะ” เธอวางถุงผ้าไว้ตรงหน้าพร้อมกับหยิบขวดใสที่บรรจุน้ำสีอำพันออกมา“ยาสมุนไพร เห็นว่ากำลังพยายามมีเบบี้กันอยู่ใช่มั้ย พอดีเกลไปได้สูตรมาจากคนรู้จักที่เขาก็อยากมีลูกและตอนนี้พวกเขาสมหวังไปแล้ว”“ขอบคุณมากเลยนะ”อลิสพูดอย่างซาบซึ้งใจเพราะตั้งแต่พวกเขาพยายามที่จะมีลูกน้อย คนรอบข้างก็คอยให้คำแนะนำและซื้อนั่นซื้อนี่มาฝากเป็นประจำ แม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอที่ส่งยาสมุนไพรมาให้จากไทยตลอด พวกท่านพึ่งกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนและอีกไม่นานก็คงจะก
เสียงของคาเทียร์ที่ดังขึ้นทำให้พวกเขารีบหันไปมองพร้อมกัน“ที่รักเป็นอะไร ปวดท้องจะคลอดเหรอ” อาร์เดลถามอย่างตกใจ“ลูกดิ้นแรงไปหน่อยค่ะ” คุณแม่ยังสาวพูดแล้วยิ้มแหยๆเพราะทำให้คนอื่นตกใจ“เบาๆกับคุณแม่หน่อยสิครับเจ้าลูกชาย” อาร์เดลใช้มือสัมผัสกับหน้าท้องของผู้เป็นภรรยาเบาๆและรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ดิ้นอยู่ในนั้น เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขมาเฟียหนุ่มมองว่าที่คุณพ่อคุณแม่ตรงหน้าแล้วหันไปพูดกับหญิงสาวข้างกาย“ผมอยากมีความรู้สึกแบบนั้นบ้าง เรารีบไปกันเถอะ” เขาลุกขึ้นแล้วกระตุกมืออลิสเบาๆ เธอทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินออกไปจากตรงนั้นโดยมีอาร์เดลตะโกนไล่หลังไป“ขอให้สมหวังนะเว้ย”เมื่อเข้าไปในห้องพักของโรงแรมหรู พวกเขาต่างถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นมาเฟียหนุ่มก็ต้อนร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอไปยังเตียงนอนเขาขึ้นคร่อมร่างเล็กแล้วโน้มตัวลงไปชิมริมฝีปากหวานและซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นพร้อมขบเม้มมันเบาๆ จากนั้นเขาเลื่อนลงมาใช้ลิ้นร้อนแตะลงไปบนยอดถันสีชมพูอ่อนแล้วดูดดึงมันอย่างหิวโหยจนหญิงสาวบิดกายเร่าพร้อมความต้องการที่มากล้นจนต้องส่งเสียงออกมา“อ๊าส์”เสียงหวานที่เปล่งออกมาจากปา
ลูกน้องคนสนิทที่หลับใหลไปหลายชั่วโมงลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้านายของเขานั่งคิ้วขมวด ส่วนหญิงสาวข้างๆ ก็มีใบหน้ากังวลไม่ต่างกัน“หมอบอกว่าผมรอดตายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกัน เอ๊ะ หรือผมตายไปแล้ว” ไนล์พูดอย่างล้อเล่น เมื่อมองอาการของคนทั้งสอง“ไนล์ ฮึก” อลิสที่ได้ยินรีบเดินเข้าไปหาเขาแล้วปล่อยโฮอีกครั้งตามด้วยเคลย์ตันที่เดินมาหยุดยืนข้างๆ เตียง“ทำไมถึงทำแบบนั้น” เคลย์ตันถามลูกน้องคนสนิทออกไป“ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกระสุนคงจะฝังไปที่คุณอลิสแทนนะสิครับ”“แล้วนายมาบังฉันไว้ทำไม ดูสิต้องมาเจ็บแบบนี้” หญิงสาวปาดน้ำตาออกลวกๆ“ก็ถ้าคุณอลิสเป็นอะไรไป เพื่อนของผมคงอยู่ไม่ได้” คำว่าเพื่อนที่หลุดออกมาจากปากของไนล์ ทำให้เคลย์ตันถึงกับชะงักแม้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ไนล์มักจะปฏิบัติกับมาเฟียหนุ่มแบบเจ้านายกับลูกน้องตั้งแต่เหตุการณ์ของโลแกนในครั้งนั้น เพราะเขารู้ว่าเคลย์ตันเป็นคนอ่อนไหวกับคำว่าเพื่อนมากขนาดไหน มาเฟียหนุ่มกลัวว่าเมื่อใช้คำนี้เขาจะสูญเสียคนๆ นั้นไปและเขาไม่อยากเสียเพื่อนอย่างไนล์ไปอีกคน“ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกกูว่านายแล้ว เรียกเหมือนเมื่อก่อนได้เลย” อลิสยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างแป
สายลมพัดผ่านปะทะใบหน้าของหญิงสาวทำให้เธอหยุดพูดครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็พูดต่อ“ตอนที่ฉันรู้ความจริงจากปากเคลย์ตัน ฉันตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคุณจะทำถึงขนาดนั้น ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาเป็นคนทำให้ฉันสูญเสียคุณไป แต่ฉันไม่เคยรับรู้เลยว่าเขาเองได้สูญเสียอะไรไปบ้างในชีวิต ฉันเข้าใจเขาผิดมาตลอดและเรื่องที่คุณทำกับฉัน ฉันยกโทษให้คุณทุกอย่าง เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ลาก่อน โลแกน”หญิงสาวพูดเสร็จก็วางดอกไม้ลงแล้วหันหลังเดินไปที่รถ เธอรู้สึกผิดกับมาเฟียหนุ่มอย่างสุดหัวใจ หญิงสาวเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมสังเกตว่ามีคนกำลังเดินตามเธอมา อยู่ดีๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆ ปะทะเข้าที่ก้านคอแล้วเธอก็สลบไปเอี๊ยดดดมาเฟียหนุ่มที่กำลังขับรถไปธุระข้างนอกเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานให้ฟัง เขารีบวนรถกลับไปแล้วเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ไนล์บอก เขาขับรถไปด้วยหัวใจสั่นระรัวหลังจากรับรู้ว่าหญิงสาวถูกผู้เป็นพ่อของแดเนียลจับตัวไปที่บ้านหลังหนึ่งเส้นทางที่เข้าไปล้วนเป็นป่าและดูน่ากลัว เขาจอดรถยังหน้าบ้านขนาดเล็ก แม้ว่าไนล์จะกำชับว่าให้คนของพวกเขามาก
“ผู้หญิงเขาบอกให้ปล่อย หูหนวกหรือไง” เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะคุ้นเคยทำให้หญิงสาวถึงกับชะงักแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใกล้ๆ“เคลย์ตัน” หญิงสาวเรียกเขาเสียงแผ่ว“มึงเป็นใคร แล้วมาเสือกอะไรด้วย” ชายคนนั้นปลดปล่อยอลิสให้เป็นอิสระแล้วหันไปทางเคลย์ตันอย่างเอาเรื่อง“มึงคงไม่อยากรู้หรอกว่ากูเป็นใคร” มาเฟียหนุ่มพูดเสียงเย็นแล้วหันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ไม่ไกล“เอามันไปจัดการ”หลังจากลูกน้องของเขาได้พาชายหนุ่มคนนั้นออกไป มาเฟียหนุ่มก็ปรายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดขึ้น “แต่งตัวขนาดนี้มันคงคิดว่า..ขาย”“เคลย์” อลิสเรียกเขาเสียงเบาหวิว เธอไม่สนใจคำพูดเจ็บแสบของเขาก่อนหน้านี้ เธอเดินเข้าไปแล้วเตรียมจะกอดเขาด้วยความคิดถึงแต่มาเฟียหนุ่มเบี่ยงตัวหลบอย่างไร้เยื่อใย“เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้ว”“ฉันพยายามโทรหาคุณ คุณก็ไม่รับ ไปหาที่เพนต์เฮาส์คนพวกนั้นก็ไม่ให้ฉันเข้าไป ตอนนี้ฉันได้กลับไปทำงานที่เดิมแล้วนะ”“อืม ดีใจด้วย” เขามองหน้าเธอแล้วพูดเสียงเรียบจากนั้นก็หันหลังให้เตรียมจะเดินออกไป แต่อลิสนึกขึ้นได้จึงถามเขาและคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะตามเธอมา“คุณมาที่นี่ทำไม นัดเพื่อนไว้เหรอ”“มาธุระ” เขา