“ด่ามาเลยผมไม่เจ็บหรอก ในเมื่อผมถามคุณดีๆ แต่คุณไม่ยอมบอกว่าพี่ชายคุณมันพาน้องสาวผมไปหลบที่ไหน ถ้าอย่างนั้นขอเอาคุณหน่อยแล้วกัน เผื่อความลับจะหลุดออกมาพร้อมเสียงคราง”
“บอกว่าไม่รู้ไง!”
“คิดว่าผมจะเชื่อ? ถ้าคำตอบที่ผมต้องการไม่หลุดออกมาจากปากคุณ อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเสียงครางหลุดลอดให้ได้ฟัง แต่ไม่ว่าเสียงอะไรจะหลุดออกมาตอนอยู่บนเตียงผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ ยิ่งร้องดังๆ ผมยิ่งชอบ”
“ไอ้โรคจิต วิปริตเกินมนุษย์ ชิงโคตรพ่อโคตรแม่หมามาเกิดหรือไง”
เธอพ่นคำด่าออกมาไม่ขาดปาก มาเฟียหนุ่มไม่รอช้าอุ้มเธอขึ้นบนแขนแกร่งเดินออกไปจากห้องรับรองแขกแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องของเขาพร้อมโยนเธอลงบนเตียงใหญ่อย่างแรง
“อ๊ะ ไอ้ F***”
เขามองหญิงสาวตรงหน้าพลางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด แล้วเดินเข้าไปหาเธอพลางรูดแกนกายที่กำลังขึงขังใหญ่โตของเขาให้เธอเห็น
“อุบาทว์ที่สุด” เธอพูดพร้อมยกมือเล็กขึ้นปิดตา
“เดี๋ยวคุณก็หลงรักมัน เก็บแรงไว้เด้งเอวรับการกระทำของผมดีกว่า”
เขาพูดพลางกระชากเสื้อผ้าของเธอจนขาดวิ่นแล้วโยนมันทิ้งลงพื้นไม่พอแค่นั้นเขาปลดชุดชั้นในสีดำของเธอออกอย่างง่ายดายแม้ว่าเธอจะพยายามผลักเขายังไง แต่ไม่อาจสู้แรงของมาเฟียหนุ่มตรงหน้าได้
เรือนร่างเปล่าเปลือยที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าช่างเย้ายวนและน่าหลงใหลจนอยากจะขย่มเธอให้จมเตียง ไม่รอช้าเขาก้มลงประกบปากเธอแล้วส่งลิ้นร้อนเข้าไป
“ปากนี้ใช่มั้ยที่ด่าผม” เขาพูดพลางจูบเธออย่างรุนแรง
“อื้อ”
“มือนี้ใช่มั้ยที่ถือปืนยิงผม”
เขากดมือเธอทั้งสองข้างลงบนเตียงแล้วบีบมันอย่างแรง
“อ๊ะ เจ็บ”
เมื่อเห็นเธอมีสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บเขาก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจแล้วใช้ลิ้นร้อนโลมเลียหน้าอกอวบอิ่มอย่างหยาบโลนจนหญิงสาวบิดกายเร่า แม้ปากจะด่าทอแต่ร่างกายกลับตอบสนองสิ่งที่เขามอบให้อย่างน่าอาย
เขาเห็นใบหน้าของเธอที่พยายามระงับอารมณ์ตัวเองก็ยิ่งอยากแกล้งจึงใช้นิ้วเรียวกรีดกรายไปยังกลีบกุหลาบที่เปียกชุ่มแล้วแค่นหัวเราะออกมา
“คุณต้องการมัน อย่าปฏิเสธเลย” เขามองใบหน้าหญิงสาวที่เสมองไปทางอื่นเพราะความอาย
“อีกอย่าง ผมชอบสดและหวังว่าคนอย่างคุณจะสะอาดเหมือนเดิม”
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้” เมื่อได้สติเธอเริ่มต่อต้านเขาอีกครั้ง
“พูดกับผัวคนแรกของตัวเองแบบนี้เหรอ”
“ผัวบ้าอะไร ประสาทนะแกนะ”
“คุณจำผมไม่ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรื้อฟื้นให้ใหม่ว่าคืนนั้นเราเมามันกันขนาดไหน”
มาเฟียหนุ่มพูดพร้อมประกบริมฝีปากอวบอิ่มสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานในโพรงปากนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้สึกเบื่อ
“อื้อ หะ.หยุด”
เขาไม่ฟังเสียงของเธอแม้แต่น้อยแล้วใช้นิ้วเรียวยาวเข้าไปสำรวจช่องรักที่ฉ่ำแฉะและคับแน่นของเธอพร้อมส่งนิ้วเข้าออกถี่ยิบ หญิงสาวนอนเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเกิดเส้นตรงเพื่อไม่ให้มีเสียงน่าอายเล็ดลอดออกมา เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอเขายิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“อยากให้ผมหยุดจริงๆ เหรอ” จากนิ้วเดียวที่ส่งเข้าไปเขาเพิ่มเป็นสองนิ้วพร้อมกับใช้นิ้วโป้งขยี้เม็ดไตที่แข็งทื่อของเธออย่างหยอกล้อ
“อ๊าส์” ในที่สุดเธอก็ส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหวกับความปั่นป่วนที่เขามอบให้
“แน่นมาก ตอดก็ดี”
“อ๊ะ อ๊าส์” เขาเร่งจังหวะเข้าออกของนิ้วให้เร็วขึ้นจนหญิงสาวทนไม่ไหวภายในตอดรัดและกระตุกพร้อมปล่อยน้ำหวานเปรอะเปื้อนนิ้วของเขาจนเปียกชุ่ม
“หึ แล้วปากบอกให้หยุด”
หญิงสาวตั้งสติได้กับความน่าอายของตัวเองก็เตะไปยังผ่าหมากของเขาอย่างแรง จนมาเฟียหนุ่มรู้สึกจุกและเจ็บปวด
“โอ๊ย อ๊ะ กล้ามากนะคุณ”
เมื่อเห็นเขานั่งกุมเจ้าโลกด้วยสีหน้าเจ็บปวด เธอก็รีบคว้าชุดคลุมอาบน้ำที่วางอยู่ไม่ไกลแล้ววิ่งออกไปทางประตูห้องที่เขาพาเข้ามา มาเฟียหนุ่มรีบเดินตามเธอไปด้วยสีหน้าเหยเก
“ถ้าคุณอยากให้ลูกน้องของผมที่อยู่หน้าห้องอีกห้าหกคนเป็นผัวด้วยละก็ ออกไปสิ” เธอเปิดประตูออกไปก็พบกับบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่อย่างที่เขาว่าก็หน้าเสียทันที
“ปะ.ปล่อยฉันไปเถอะ” หลังจากเห็นว่าไม่สามารถหนีไปได้เธอก็ลองขอร้องเขาอีกครั้ง
“อย่าหวังอะไรลมๆ แล้งๆ เลย ถ้าไม่บอกว่าพี่ชายคุณมันอยู่ที่ไหนผมก็ไม่ปล่อยไป ถ้ามันกลับมา มันต้องตามหาคุณอย่างแน่นอน”
“แต่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ”
“คุณโชคร้ายเกิดเป็นน้องของมันเอง ในเมื่อมันพาน้องสาวของผมไป ผมก็จะเอาน้องสาวมันมาเช่นเดียวกัน”
“คาเทียร์เองก็โชคร้ายที่เกิดเป็นน้องของคุณสินะ” เมื่อเห็นว่ามาเฟียหนุ่มตรงหน้าเอาแต่ว่าเธอโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ทำให้หญิงสาวมีอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน
“หุบปาก”
เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่พร้อมโยนไปบนเตียงอีกครั้งแล้วกระชากชุดคลุมออกพร้อมกับเดินไปหยิบเชือกหนังและสกอตช์เทปที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกล
“ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องคุย”
เขาพูดพลางใช้สกอตช์เทปปิดปากของเธอแน่นแล้วใช้เชือกหนังอย่างดีมัดข้อมือเล็กไว้ เธอพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแต่กลับทำให้เชือกยิ่งมัดกันแน่นขึ้น แรงเสียดสีที่เธอทำทำให้เกิดรอยแผลที่ข้อมือ
“อ๊ะ อ่อยอะ อี๊ดดดด” เธอส่ายหน้ามองเขาอย่างหวาดกลัวน้ำใสๆ ไหลออกจากตาไม่ขาดสาย
เขาขึ้นคร่อมร่างเล็กแล้วใช้ลิ้นละเลงบนกายของเธอพร้อมขบเม้มสร้างรอยแดงไว้ทั่วร่างราวกับว่าเป็นสัญลักษณ์ที่เขาได้ตีตราจองไว้แล้ว
เขาไล้ลงไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่กลีบกุหลาบสีหวานอมชมพูจากนั้นก็ละเลงลิ้นร้อนลงดูดชิมมันอย่างหิวกระหาย หลังจากเห็นว่าหญิงสาวขึ้นสวรรค์ไปด้วยลิ้นของเขาแล้ว
เขาจึงลุกขึ้นชันเข่าพลางรูดแกนกายที่ปวดหนึบจ่อไปยังกลีบกุหลาบสีหวานของเธอแล้วส่งมันเข้าไปทีเดียวจนสุด หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเพราะความเจ็บปวด
เธอยังคงนอนส่ายหน้าไปมาเพื่อที่จะให้เขาหยุดการกระทำลงแต่ดูแล้วมาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เขายังคงส่งเอวหนาเข้าออกอย่างหนักหน่วงและกระแทกกระทั้นตามแรงปรารถนาของตัวเองเท่านั้น แม้จะเห็นว่าหญิงสาวเจ็บปวดแต่มันกลับทำให้เขาเกิดอารมณ์มากขึ้น
“อื้มส์” เขาคำรามออกมาโดยที่เอวยังคงทำหน้าที่อยู่
เขากระแทกต่อไปเรื่อยๆ จนเมื่อทนไม่ไหวก็ฉีดน้ำรักเข้าไปยังภายในกายของเธอจนหมดทุกหยาดหยดแล้วถอดถอนแกนกายออกมาพร้อมกับดึงสกอตช์เทปและเชือกที่พันธนาการเธออยู่ออกจนหมด
“ฉันจะบอกอะไรให้คุณรู้ไว้นะ การที่คุณทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้คุณเจอน้องสาวเร็วขึ้นและมันยิ่งทำให้ฉันเกลียดคุณเข้าไปอีก” เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาเคียดแค้น
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะรักหรือเกลียดผมเพราะผมไม่เคยอยู่ในสายตาคุณอยู่แล้วและต่อจากนี้คุณต้องอยู่กับผมที่นี่จนกว่าพี่ชายคุณจะติดต่อกลับมา”
หญิงสาวได้ยินคำพูดเห็นแก่ตัวของเขาก็จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น”
“ตัวเองไม่มีปัญญาตามหาตัวพวกเขาแต่มาจับฉันซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ” เธอแค่นหัวเราะใส่เขาพร้อมส่ายหน้าอย่างนึกขันในสิ่งที่เขาทำ
“อย่ามาปากดีกับผม เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมทำอะไรได้บ้าง”
“คุณมันก็แค่คนน่ารังเกียจ”
“ผมไม่สนหรอกว่าจะเป็นคนยังไงในสายตาคุณ และไม่ต้องคิดที่จะหนี หน้าห้องมีบอดี้การ์ดตลอด แต่ถ้าคุณอยากกระโดดหน้าต่างลงไปจากชั้นสามสิบก็ลองดูได้ เผื่อรอด” เขาพูดแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“คุณจำไว้นะ ถ้าฉันหนีออกไปได้เมื่อไหร่ฉันจะฆ่าคุณ”
“ผมจะรอ”
เขาพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องปล่อยให้เธอมองเขาไปด้วยสายตาอาฆาตแค้น หญิงสาวคุกเข่าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจโดยที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยแม้แต่น้อย
แล้วเขาพูดราวกับว่าเธอกับเขาเคยเจอและเคยร่วมเตียงกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!
“แล้วอลิสไม่พยายามตรงไหน มึงสองคนก็พยายามด้วยกันทั้งนั้น และตอนนี้พวกมึงควรคุยและเป็นกำลังใจให้กันและกันมากกว่าจะมาใส่อารมณ์กันแบบนี้” อาร์เดลพยายามพูดให้มาเฟียหนุ่มได้คิดตามทั้งสองจะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน“มึงไม่ใช่กู มึงก็พูดได้สิ” เขามองสองหนุ่มด้วยใบหน้าบึ้งตึง“ไอ้นี่แม่ง” อาร์เดลเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย“กูไม่อยากคุยกับพวกมึงแล้ว”เคลย์ตันพูดเสร็จก็เดินไปทันทีโดยไม่สนใจอาร์เดลและไนล์ที่มองตามเขาไปพร้อมกับส่ายหัว“เดี๋ยวมันก็เป็นหมา เชื่อเถอะ” ไนล์หัวเราะในลำคอเบาๆอลิสใส่ชุดนอนสายเดี่ยวสีดำสุดเซ็กซี่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวใช้ครีมบำรุงผิวลูบไล้ไปทั่วผิวกายเนียนละเอียดของเธอ จากนั้นก็หยิบชุดคลุมขึ้นมาสวมใส่การกระทำของหญิงสาวตกอยู่ในสายตาของมาเฟียหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เขาเหลือบมองหญิงสาวตั้งแต่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว และเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดประตูห้องออกไปเขาจึงถามขึ้นเสียงราบเรียบ“จะไปไหน”“ไปนอนห้องอื่น”“ไม่ให้ไป” เขารีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วไปยืนขวางประตูไว้“หลีกไป” เธอพยายามดันตัวเขาให้ถอยออกไป แต่แรงที่เธอม
“มิเกล แม็กซ์เวลล์” อลิสเรียกคนทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาแล้วรีบลุกขึ้นไปรับเด็กชายมาอุ้มด้วยความคิดถึง คาเทียร์ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างก็พอจะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร“สวัสดีค่ะ เกลพาแม็กซ์มาหาอลิสและเห็นว่ามาร์ตินคลอดแล้วจึงซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก” เธอหันไปทักทายคุณแม่มือใหม่อย่างเป็นมิตรแล้วเดินไปวางของที่นำมาให้ลงข้างๆ พร้อมนั่งลง“ไม่เห็นต้องลำบากเลย ขอบคุณนะคะ” คาเทียร์ตอบกลับเธอด้วยความเกรงใจ“ไม่ลำบากเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้กับคาเทียร์“คิดถึงแม็กซ์จังเลย” เธอกดจมูกลงบนแก้มป่องๆ ของเด็กน้อย ทำให้เขาหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ“เกลมีของมาฝากอลิสกับคุณเคลย์ตันด้วยนะ” เธอวางถุงผ้าไว้ตรงหน้าพร้อมกับหยิบขวดใสที่บรรจุน้ำสีอำพันออกมา“ยาสมุนไพร เห็นว่ากำลังพยายามมีเบบี้กันอยู่ใช่มั้ย พอดีเกลไปได้สูตรมาจากคนรู้จักที่เขาก็อยากมีลูกและตอนนี้พวกเขาสมหวังไปแล้ว”“ขอบคุณมากเลยนะ”อลิสพูดอย่างซาบซึ้งใจเพราะตั้งแต่พวกเขาพยายามที่จะมีลูกน้อย คนรอบข้างก็คอยให้คำแนะนำและซื้อนั่นซื้อนี่มาฝากเป็นประจำ แม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอที่ส่งยาสมุนไพรมาให้จากไทยตลอด พวกท่านพึ่งกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนและอีกไม่นานก็คงจะก
เสียงของคาเทียร์ที่ดังขึ้นทำให้พวกเขารีบหันไปมองพร้อมกัน“ที่รักเป็นอะไร ปวดท้องจะคลอดเหรอ” อาร์เดลถามอย่างตกใจ“ลูกดิ้นแรงไปหน่อยค่ะ” คุณแม่ยังสาวพูดแล้วยิ้มแหยๆเพราะทำให้คนอื่นตกใจ“เบาๆกับคุณแม่หน่อยสิครับเจ้าลูกชาย” อาร์เดลใช้มือสัมผัสกับหน้าท้องของผู้เป็นภรรยาเบาๆและรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ดิ้นอยู่ในนั้น เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขมาเฟียหนุ่มมองว่าที่คุณพ่อคุณแม่ตรงหน้าแล้วหันไปพูดกับหญิงสาวข้างกาย“ผมอยากมีความรู้สึกแบบนั้นบ้าง เรารีบไปกันเถอะ” เขาลุกขึ้นแล้วกระตุกมืออลิสเบาๆ เธอทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินออกไปจากตรงนั้นโดยมีอาร์เดลตะโกนไล่หลังไป“ขอให้สมหวังนะเว้ย”เมื่อเข้าไปในห้องพักของโรงแรมหรู พวกเขาต่างถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นมาเฟียหนุ่มก็ต้อนร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอไปยังเตียงนอนเขาขึ้นคร่อมร่างเล็กแล้วโน้มตัวลงไปชิมริมฝีปากหวานและซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นพร้อมขบเม้มมันเบาๆ จากนั้นเขาเลื่อนลงมาใช้ลิ้นร้อนแตะลงไปบนยอดถันสีชมพูอ่อนแล้วดูดดึงมันอย่างหิวโหยจนหญิงสาวบิดกายเร่าพร้อมความต้องการที่มากล้นจนต้องส่งเสียงออกมา“อ๊าส์”เสียงหวานที่เปล่งออกมาจากปา
ลูกน้องคนสนิทที่หลับใหลไปหลายชั่วโมงลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้านายของเขานั่งคิ้วขมวด ส่วนหญิงสาวข้างๆ ก็มีใบหน้ากังวลไม่ต่างกัน“หมอบอกว่าผมรอดตายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกัน เอ๊ะ หรือผมตายไปแล้ว” ไนล์พูดอย่างล้อเล่น เมื่อมองอาการของคนทั้งสอง“ไนล์ ฮึก” อลิสที่ได้ยินรีบเดินเข้าไปหาเขาแล้วปล่อยโฮอีกครั้งตามด้วยเคลย์ตันที่เดินมาหยุดยืนข้างๆ เตียง“ทำไมถึงทำแบบนั้น” เคลย์ตันถามลูกน้องคนสนิทออกไป“ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นกระสุนคงจะฝังไปที่คุณอลิสแทนนะสิครับ”“แล้วนายมาบังฉันไว้ทำไม ดูสิต้องมาเจ็บแบบนี้” หญิงสาวปาดน้ำตาออกลวกๆ“ก็ถ้าคุณอลิสเป็นอะไรไป เพื่อนของผมคงอยู่ไม่ได้” คำว่าเพื่อนที่หลุดออกมาจากปากของไนล์ ทำให้เคลย์ตันถึงกับชะงักแม้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ไนล์มักจะปฏิบัติกับมาเฟียหนุ่มแบบเจ้านายกับลูกน้องตั้งแต่เหตุการณ์ของโลแกนในครั้งนั้น เพราะเขารู้ว่าเคลย์ตันเป็นคนอ่อนไหวกับคำว่าเพื่อนมากขนาดไหน มาเฟียหนุ่มกลัวว่าเมื่อใช้คำนี้เขาจะสูญเสียคนๆ นั้นไปและเขาไม่อยากเสียเพื่อนอย่างไนล์ไปอีกคน“ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกกูว่านายแล้ว เรียกเหมือนเมื่อก่อนได้เลย” อลิสยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างแป
สายลมพัดผ่านปะทะใบหน้าของหญิงสาวทำให้เธอหยุดพูดครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็พูดต่อ“ตอนที่ฉันรู้ความจริงจากปากเคลย์ตัน ฉันตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคุณจะทำถึงขนาดนั้น ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาเป็นคนทำให้ฉันสูญเสียคุณไป แต่ฉันไม่เคยรับรู้เลยว่าเขาเองได้สูญเสียอะไรไปบ้างในชีวิต ฉันเข้าใจเขาผิดมาตลอดและเรื่องที่คุณทำกับฉัน ฉันยกโทษให้คุณทุกอย่าง เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ลาก่อน โลแกน”หญิงสาวพูดเสร็จก็วางดอกไม้ลงแล้วหันหลังเดินไปที่รถ เธอรู้สึกผิดกับมาเฟียหนุ่มอย่างสุดหัวใจ หญิงสาวเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลืมสังเกตว่ามีคนกำลังเดินตามเธอมา อยู่ดีๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆ ปะทะเข้าที่ก้านคอแล้วเธอก็สลบไปเอี๊ยดดดมาเฟียหนุ่มที่กำลังขับรถไปธุระข้างนอกเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานให้ฟัง เขารีบวนรถกลับไปแล้วเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ไนล์บอก เขาขับรถไปด้วยหัวใจสั่นระรัวหลังจากรับรู้ว่าหญิงสาวถูกผู้เป็นพ่อของแดเนียลจับตัวไปที่บ้านหลังหนึ่งเส้นทางที่เข้าไปล้วนเป็นป่าและดูน่ากลัว เขาจอดรถยังหน้าบ้านขนาดเล็ก แม้ว่าไนล์จะกำชับว่าให้คนของพวกเขามาก
“ผู้หญิงเขาบอกให้ปล่อย หูหนวกหรือไง” เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะคุ้นเคยทำให้หญิงสาวถึงกับชะงักแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใกล้ๆ“เคลย์ตัน” หญิงสาวเรียกเขาเสียงแผ่ว“มึงเป็นใคร แล้วมาเสือกอะไรด้วย” ชายคนนั้นปลดปล่อยอลิสให้เป็นอิสระแล้วหันไปทางเคลย์ตันอย่างเอาเรื่อง“มึงคงไม่อยากรู้หรอกว่ากูเป็นใคร” มาเฟียหนุ่มพูดเสียงเย็นแล้วหันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ไม่ไกล“เอามันไปจัดการ”หลังจากลูกน้องของเขาได้พาชายหนุ่มคนนั้นออกไป มาเฟียหนุ่มก็ปรายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดขึ้น “แต่งตัวขนาดนี้มันคงคิดว่า..ขาย”“เคลย์” อลิสเรียกเขาเสียงเบาหวิว เธอไม่สนใจคำพูดเจ็บแสบของเขาก่อนหน้านี้ เธอเดินเข้าไปแล้วเตรียมจะกอดเขาด้วยความคิดถึงแต่มาเฟียหนุ่มเบี่ยงตัวหลบอย่างไร้เยื่อใย“เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้ว”“ฉันพยายามโทรหาคุณ คุณก็ไม่รับ ไปหาที่เพนต์เฮาส์คนพวกนั้นก็ไม่ให้ฉันเข้าไป ตอนนี้ฉันได้กลับไปทำงานที่เดิมแล้วนะ”“อืม ดีใจด้วย” เขามองหน้าเธอแล้วพูดเสียงเรียบจากนั้นก็หันหลังให้เตรียมจะเดินออกไป แต่อลิสนึกขึ้นได้จึงถามเขาและคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะตามเธอมา“คุณมาที่นี่ทำไม นัดเพื่อนไว้เหรอ”“มาธุระ” เขา