“พี่ภูไปนอนในห้องดีกว่าไหม ตรงนี้นอนไม่สบายหรอกค่ะ เดี๋ยวใบตองพาไปนะคะ”
“ไม่เป็นไรพี่อยากนอนตรงนี้”
“แต่มันไม่สบายเหมือนนอนบนเตียงนะคะ” กัญญ์วราสังเกตว่าเขามีท่าทีแปลกก็เลยเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงใย
“พี่ภู ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะบอกใบตองได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ใบตองว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เล่าให้ใบตองฟังนะคะ”
“พี่ไม่รู้ว่าควรเล่าดีไหม เรื่องมันนานมาแล้ว” ภูเมฆาคิดว่าตนเองลืมเรื่องนี้ไปสนิทแล้วแต่พอวันนี้ภาพในวันเก่าๆ มันก็ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง ความทรงจำที่เขาอยากจะลืมไปให้หมด
“เรื่องมันนานมาแล้วแต่พี่ภูยังเก็บมาคิดอีก แสดงว่ามันต้องสำคัญมากๆ ใช่ไหมคะ”
“อือ”
“เล่ามาเถอะค่ะ พี่ก็รู้ใบตองเป็นผู้ฟังที่ดี”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่โดนแทง”
“อะไรนะคะ แล้วครั้งแรกตอนไหนคะ”
“น่าจะห้าขวบได้มั้ง”
“พี่ภู” กัญญ์วราขยับเข้ามานั่งบนพื้นขณะที่เขานอนเล่าอยู่บนโซฟา แล้วหันหน้าออกมาทางที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างเพียงนิด เธอเห็นความเจ็บปวดอยู่ในแววตาคู่นั้น
ภูเมฆาหลับตาลงจากนั้นก็เล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้กับกัญญ์วราฟัง
เรื่องมันเกิดขึ้นในขณะที่เขายังเด็กมาก แต่ชายหนุ่มก็จำได้ดี เพราะนั่นเป็นคืนสุดท้ายที่เขาได้นอนกอดมารดา
บิดาของเขาไปดื่มเหล้ากับเพื่อนและเมากลับมาอย่างเคย เขานั้นเข้านอนไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำแต่ก็ต้องตกใจตื่นเพราะเสียงทะเลาะกันของบิดามารดาที่ดังไปทั่วบ้าน คืนนี้ทั้งสองทะเลาะกันอย่างหนักถึงขั้นลงไม่ลงมือกัน มารดาของเขาถูกผู้เป็นบิดาตบจนล้ม และเธอก็หยิบมีดเล็กๆ ที่ใช่ปอกผลไม้ขึ้นมาหมายจะสู้กับบิดา
ถึงแม่บิดาจะเมาแต่แรงของผู้ชายก็ยังมีมากกว่า บิดาของภูเมฆาเข้าไปแย่งมีดในมือของมารดาจากนั้นทั้งสองก็ฉุดกระชากกันอยู่นานจนเขาที่แอบมองอยู่ต้องรีบออกมาห้าม แล้วจังหวะหนึ่งปลายมีดก็มาโดนหน้าท้องจนเลือดไหลพอเขาร้องไห้และก้มลงกุมหน้าท้องบิดามารดาจึงได้สติและรีบพาส่งโรงพยาบาล
ตอนนั้นแผลไม่ได้ลึกมากเท่าไหร่แต่เขาก็เจ็บมากหลังจากทำแผลและกลับมาอยู่ที่บ้านบิดามารดาของเขาก็คุยกันและตัดสินใจแยกทางกัน เขาได้ยินที่ทั้งสองทะเลาะกันว่าใครจะเป็นคนดูแลลูก แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากให้เขาไปภาระ คืนนั้นภูเมฆาไข้ขึ้นเพราะแผลอักเสบต้องนอนฟังผู้ให้กำเนิดทะเลาะกันจนหลับ พอตื่นมาในเวลาเช้าบิดามารดาของเขาก็หอบผ้าออกจากบ้านไปแล้ว เหลือแค่เขานอนเป็นไข้อยู่คนเดียว
เขานอนซมอยู่หนึ่งวันเต็มจนกระทั่งเวลาเย็นเพื่อนของบิดาที่มักจะมาชวนไปกินเหล้าก็เข้ามาหาจากนั้นเขาก็ถูกพาส่งโรงพยาบาลเพราะแผลอักเสบและเป็นไข้ เขารักษาจนหายก็ไม่มีผู้ปกครองมารับจนในที่สุดก็ถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์
กัญญ์วราไม่รู้จะปลอบเขายังไงเพราะเธอเด็กกว่าเขาหลายปีนักและเรื่องมันก็เกิดขึ้นนานมาแล้ว หญิงสาวจึงได้แต่จับมือเขาไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ
“พี่ภูกลัวว่าตื่นมาแล้วจะถูกทิ้งไปอีกใช่ไหมคะ ไม่ต้องกลัวนะคะ ยังไงใบตองก็อยู่ข้างพี่ภู”
“พี่ไม่อยากถูกทิ้งอีกแล้ว” ภูเมฆาเสียงสั่นแม้ว่าตอนนี้เขาจะโตแล้วแต่ความทรงจำในวัยเด็กก็ยังตามหลอกหลอนจนไม่กล้าเข้าไปนอนในห้อง
“ใบตองไม่ทิ้งพี่ไปไหนหรอกค่ะ แค่จะลงไปซื้อของสดมาทำกับข้าวเพิ่มอีกนิดหน่อย”
“งั้นใบตองไปเถอะ เดี๋ยวพี่เข้าไปนอนในห้องเอง”
“ไปคนเดียวได้แน่นะคะ”
“แน่สิ ใบตองรีบไปรีบกลับนะ”
“ค่ะ ใบตองไปไม่นานหรอก พี่ภูจะฝากซื้ออะไรไหม”
“ไม่ล่ะ”
“ถ้านึกออกว่าอยากได้อะไรก็โทรไปบอกนะคะ”
“อือ”
พอหญิงสาวเดินออกจากห้องไปแล้วภูเมฆาก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่คิดจะเข้าไปในห้องอย่างที่รับปาก เขาไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ที่รู้สึกง่วงก็คงจะเป็นเพราะยาที่ทานเข้าไปเมื่อครู่
ชายหนุ่มเริ่มชินกับการมีกัญญ์วราอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักจะเห็นหญิงสาวอยู่ในสายตลอด ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงจะดีเพราะเธอทำให้เขารู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน เป็นสถานที่ซึ่งกลับมาแล้วรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นเขาคุยกับเธอมากกว่าใคร เธอฟังทุกเรื่องราวของเขาด้วยใบหน้าและแววตาที่มีแต่ความจริงใจไม่เคยรังเกียจที่มาของเขา
เมื่อคิดถึงมาถึงตรงนี้ก็ทำให้ภูเมฆาอดนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ก่อนเขาก็เคยมีแฟนและรักใคร่กันดี เขารู้จักกับเธอที่ต่างประเทศ ขณะที่เธอไปเรียนต่อส่วนเขาก็ทั้งเรียนและทำงาน แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคเลยเพราะทั้งเขาและเธอยังหาเวลาว่างให้กันและกันอยู่เสมอ
ผู้หญิงคนนั้นชื่อพศิกาหรือศิ เขารักเธอมากและคิดว่าจะกลับมาสร้างอนาคตด้วยกัน เขาทำงานและเก็บเงินได้ก้อนโตเพื่อกลับมาเปิดบริษัทที่เมืองไทย ภูเมฆาคิดว่าคนรักจะต้องดีใจมากที่เขากลับมาตั้งรกรากที่นี่แต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะครอบครัวของพศิกาไม่ต้อนรับเขา แม้ว่าเขาจะตั้งตัวได้ บริษัทมีผลกำไรมากมายแค่ไหนแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเหตุผลที่ครอบครัวของเธอไม่ยอมรับเพราะเขาไม่มีหัวนอนปลายเท้า
ภูเมฆาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะพศิกาเองก็เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่น่าจะเก็บเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เขาเชื่อว่าถ้าคนกลางอย่างพศิกายืนยันจะคบกับเขาอย่างจริงจัง เรื่องก็คงผ่านไปได้ แต่พศิกาไม่ได้ทำแบบนั้น หญิงสาวไม่คิดที่จะต่อสู้หรือช่วยพูดให้ครอบครัวของเธอยอมรับเขาเลย
สิ่งเดียวที่พศิกาทำก็คือขอโทษเขาและบอกให้เขาเลิกติดต่อเธอ ตั้งแต่นั้นมาภูเมฆาก็ไม่เชื่อในความรัก เขาไม่คิดจะคบใครอย่างจริงจัง ถ้าถูกใจก็นอนแล้วจากนั้นก็จ่ายเงินแล้วแยกย้ายกันไป เขามีเงินมากมายและก็คิดว่าเงินเท่านั้นที่จะทำให้เขามีความสุขได้
แม้ว่าจะรู้สึกดีที่มีกัญญ์วรามาอยู่ด้วยแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าที่เธอทำดีกับเขานั้นเพราะทำตามหน้าที่หรือเพราะทำทุกอย่างออกมาจากใจ แต่อย่างน้อยวันนี้ภูเมฆาก็รู้สึกดีกับเธอขึ้นไปอีกนิดเพราะกัญญ์วราก็กลับมาหาในวันที่เขากำลังจมดิ่งอยู่กับความทรงจำในอดีต
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”