ใบหน้าชราของดักลาสมืดลง “เธอผ่านการทดสอบของพ่อแล้ว พ่อคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะเป็นเลขาของลูกได้นะ”ไซม่อนหรี่ตาลง “แต่ผมไม่ได้ต้องการเลขา ถ้าคุณพ่อยังยืนกรานให้เธอทำงานที่บริษัทนี้ ผมก็จะให้ฝ่ายบุคคลจัดเธอให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกว่านี้”“ไม่จำเป็นหรอก ให้เธอเป็นเลขาของลูกดีกว่า”“พ่อครับ นี่พ่อกำลังหาเลขาหรือผู้หญิงให้ผมอยู่กันแน่?” ไซม่อนไม่อยากพูดอ้อมไปอ้อมมาอีกต่อไปแล้วดักลาสรู้สึกว่ามันเป็นบทสนทนาที่ค่อนข้างน่าเหนื่อยใจ ดังนั้น เขาจึงพูดอยากตรงไปตรงมา "รีเบคก้าเป็นเด็กที่พ่อรู้จักมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กจนเธอโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้เก่งมาก เธอทั้งเก่งด้านวิชาการและเป็นคนอ่อนโยน เธอเหมาะที่จะเป็นภรรยาของลูกด้วยซ้ำ เธอจะสามารถช่วยลูกได้ในทุกเรื่อง"“พ่อครับ ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงหรือภรรยาสักหน่อย” ในตอนนี้ ไซม่อนตั้งใจจะบอกพ่อของตัวเองว่าเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงรอบตัวเลยแม้แต่น้อยดักลาสสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “อ่า งั้นเหรอ? งั้นก็แปลว่าลูกมีผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยแล้วสิ ทำไมพ่อถึงจะไม่รู้เรื่องนั้นล่ะ?”ไซม่อนมองไปรอบกาย เขาเริ่มคิดถึงชารอนขึ้นมา ทันใดนั้น น้ำเสียงของไซม่อนก็เ
ชารอนรู้สึกประหลาดใจทันทีที่เห็นไซม่อน “ท่านประธานแซคคารี่ ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่กันล่ะคะ?”“คุณลุงมาเยี่ยมแม่น่ะครับ เขาอยากรู้ว่าขาของแม่หายดีหรือยัง." เซบาสเตียนตอบกลับแทนไซม่อนอันที่จริง ชารอนไม่คิดว่าไซม่อนจะเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้ ดังนั้น เธอจึงรีบตอบกลับไป “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันกลับไปทำงานได้แล้วแหละ"“ไม่ต้องลำบากเลย คุณได้รับบาดเจ็บก็เพราะผม” ไซม่อนกล่าวอย่างแผ่วเบา“ชาร์ ทำไมเธอถึงไม่รีบเชิญคุณไซม่อนเข้าไปข้างในล่ะ?” ไรลีย์กล่าวเสริมหลังจากนั้น ชารอนก็ได้สติและหลีกทางให้ทั้งสามอย่างรวดเร็ว “เข้ามานั่งข้างในก่อนเถอะค่ะ”ไซม่อนเหยียดขาและก้าวเท้าเข้ามาข้างใน เขาไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่น้อยชารอนบอกให้ไซม่อนนั่งลงในห้องโถงก่อนที่เธอจะเทน้ำให้เขาแก้วหนึ่งและนำมาวางไว้ตรงหน้า ในระหว่างที่ไรลีย์ขับรถไปรับเซบาสเตียน เธอได้ซื้อกับข้าวสำหรับอาหารค่ำมาด้วย เพราะฉะนั้น เธอจึงวางกับข้าวเหล่านั้นเอาไว้ในครัวแล้วเดินออกมาพูดกับชารอน "ชาร์ ฉันลืมซื้อซีอิ๊วน่ะ เดี๋ยวฉันขอตัวลงไปซื้อที่ชั้นล่างก่อนนะ ดูแลคุณไซม่อนให้ดีด้วยล่ะ"ชารอนขมวดคิ้ว 'เมื่อวานเธอเพิ่งซื้อซีอ
ชารอนวางจานข้าวลงบนโต๊ะอาหารแล้วชวนไซม่อนเข้ามานั่งอันที่จริง ชารอนรู้สึกแย่นิดหน่อย เพราะเธอทำอาหารที่ดูธรรมดามาก ทั้งสามจานเลย ไม่นานนัก ชารอนกล่าวคำพูดออกมาอย่างเขินอาย "เอ่อ... มันก็ไม่ใช่อาหารจานพิเศษอะไรขนาดนั้นหรอกนะคะ ฉันหวังว่าคุณจะทนกินได้"ไซม่อนไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่นั่งลงที่ข้างโต๊ะเท่านั้นในทางกลับกัน เซบาสเตียนรู้สึกดีใจไม่น้อย “แม่ครับ แค่หมูตุ๋นจานโตจากนี้ก็มากเกินพอแล้วครับ”ไซม่อนมองไปยังเซบาสเตียนและจ้องไปยังแขนและขาอันผอมเพรียวของเขา 'ชีวิตพวกเขาก่อนหน้านี้ลำบากกันไหมนะ? หรือเมื่อก่อนเด็กคนนี้ไม่มีแม้แต่เนื้อให้กินเลย?'“งั้นกินให้เต็มที่เลย” ไซม่อนตักหมูตุ๋นชิ้นโตให้เซบาสเตียน“ขอบคุณครับ แต่ผมตักเองได้นะ คุณลุงไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้” ทันทีที่เซบาสเตียนพูดจบ เขาก็ใช้ช้อนตักเนื้อขึ้นมาอีกสองชิ้นพร้อมกับวางมันลงบนจาน เมื่อพูดถึงเรื่องกิน เซบาสเตียนไม่ยอมแพ้แน่นอนเมื่อเห็นเซบาสเตียนรับประทานอาหารอย่างมีความสุข ไซม่อนเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“ท่านประธานแซคคารี่คะ คุณเองก็ควรกินนะ ไม่ต้องตักให้เขาก็ได้ค่ะ” ชารอนตักข้าวให้ไซม่อนหนึ่งช้อนไซม่อน
ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าคั่นกลาง แต่ฝ่ามือขนาดใหญ่ของไซม่อนก็กำลังโอบเอวของชารอนอยู่ ถึงอย่างไร ชารอนรู้สึกราวกับผิวหนังบริเวณนั้นของตัวเองกำลังไหม้ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วแก้มของชารอน ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าว'ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นกับเรากันล่ะเนี่ย?'ชารอนไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเดินมาถึงข้างรถได้ยังไง นอกจากนี้ แฟรงกี้เองก็ถือร่มเอาไว้ข้างประตูรถเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาหา เขาก็เดินไปเปิดประตูรถให้ พร้อมกับรอให้ไซม่อนเข้าไปในรถชารอนรู้สึกแปลกไป 'แฟรงกี้อุตส่าห์เอาร่มมาตั้งสองคัน ทำไมเราต้องลงมาข้างล่างด้วยล่ะเนี่ย?' ด้านข้างรถ ไซม่อนปล่อยมือที่โอบเอวชารอนไว้และคืนร่มให้เธอ คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าแฟรงกี้กำลังถือร่มอีกอันให้กับใคร ถ้าไม่ใช่ไซม่อนชารอนกระพริบตา “เอ่อ... เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะคะ”“ได้เลย คุณก็เหมือนกัน ระวังตัวด้วย” ดวงตาของไซม่อนเต็มไปด้วยความสนใจระหว่างที่กำลังจ้องมองไปที่ชารอน“งั้น ฉันกลับก่อนนะคะ” ชารอนรู้สึกว่าการจ้องมองของไซม่อนแตกต่างไปจากเมื่อก่อน“เจอกันพรุ่งนี้” ไซม่อนโพล่งคำพูดสุดท้ายออกไปชารอนเงยหน้าขึ้นมอง “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” เธอรีบตอบ
นับตั้งแต่วันที่ชารอนบังเอิญได้พบกับแซลลี่และคอนเนอร์ ลีโอนาร์ดที่โรงพยาบาล แซลลี่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอกลัวเรื่องที่ชารอนล่วงรู้ความลับของตน ด้วยเหตุนั้น เธอจึงจ้างนักสืบเพื่อมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของชารอนจากเงามืดแซลลี่ไม่คิดว่าชารอนจะหว่านเสน่ห์ใส่ไซม่อนแบบนี้!หลังจากเห็นภาพที่ส่งมา แซลลี่ก็รู้สึกกระวนกระวายใจในทันใด ดวงตาของแซลลี่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอเกือบจะทุบโทรศัพท์ทิ้งเลยด้วยซ้ำทว่า ภาพสุดท้ายเป็นภาพที่โฮเวิร์ดและชารอนอยู่ด้วยกัน!'มันดึกมากแล้ว แถมตอนนี้เขาก็ไม่อยู่บ้าน สรุปว่าเขากลับไปหานางชารอน!'แซลลี่จ้องไปที่ภาพด้วยความเกลียดชัง ความโกรธและโทสะวนเวียนอยู่ในดวงตาของเธอ 'นางชารอนสมควรตาย! เราจะปล่อยให้มันทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราต้องสอนบทเรียนให้นางแพศยาสักหน่อยแล้ว!'...วันรุ่งขึ้น หลังฝนตกกลับมีแดดจัด อากาศสดชื่นเป็นอย่างมากอาการบาดเจ็บที่ขาของชารอนเกือบจะหายดีแล้ว นอกจากนี้ เธอเองก็ได้กลับไปทำงานแล้วด้วยโดยปกติแล้ว ชารอนจะไปส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อน หลังจากนั้น เธอจะมุ่งหน้าไปที่บริษัทเพื่อไปรายงานตัวเนื่องจากชารอนต้อ
"เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?” ไซม่อนได้ยินว่าชารอนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทันใดนั้น ไซม่อนสั่งหยุดการประชุมทันทีและรีบไปโรงพยาบาลโดยไม่ได้ถามถึงสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมเลย ไซม่อนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่เห็นว่าชารอนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้อง เธอยังมีชีวิตอยู่และสบายดี มีเพียงแค่หน้าผากของชารอนเท่านั้นมีได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหล ไซม่อนถึงกับขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเช่นนั้น ทว่า ชารอนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาระหว่างที่ยังนั่งอยู่ ทันใดนั้น ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักออก ชารอนรีบลุกขึ้นและวิ่งไปทันที “คุณหมอคะ เขาเป็นยังไงบ้างคะ? คุณช่วยเขาได้ไหมคะ?” ชารอนรีบคว้าคุณหมอที่เดินออกมาและเอ่ยถามอย่างประหม่าทว่า คุณหมอกลับส่ายหัว “อาการบาดเจ็บของคนไข้รุนแรงเกินไปครับ เราช่วยเขาเอาไว้ไม่ทัน คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ"ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชารอนตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดเข้ามายังหัวใจของตัวเอง!หลังจากนั้น ชารอนก็ชำเลืองมองไปยังผู้จัดการคุกที่ถูกผลักออกมาจากประตู เขาอยู่บนเตียงโดยมีผ้าขาวคลุมอยู่ ชารอนถึงกับอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง ชารอนไม่อยาก
สายตาของไซม่อนถึงกับร้อนระอุ นั่นทำให้ชารอนต้องมองไปทางอื่น “งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ” ชารอนลงจากรถแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองอีกเลยสำหรับตอนนี้ ชารอนกำลังสัยว่าตัวเองอ่อนไหวมากเกินไป หรือความคิดของไซม่อนที่มีต่อเธอแตกต่างไปจากเมื่อก่อน?...ในวันนี้ ชารอนได้มาเข้าร่วมงานศพของผู้จัดการคุกถ้าไม่ใช่เพราะผู้จัดการคุก เธอคงเป็นคนที่นอนอยู่ในโลงศพแทนไปแล้วตำรวจได้ทำการปิดคดีและสรุปว่าคนขับดื่มสุราก่อนขับรถ ด้วยเหตุนั้น คนขับจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับอุบัติเหตุทั้งหมดนี้หลังจากที่ชารอนออกมาจากสุสาน ฝนก็เริ่มตกลงมา เธอหยิบร่มออกมาจากกระเป๋าและกางออก ทันใดนั้น ชารอนก็ได้รับข้อความทางโทรศัพท์สีหน้าของชารอนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากคลิกที่ข้อความอ่านข้อความเขียนว่า [โชคดีจังนะที่ยังมีตัวตายตัวแทน ครั้งต่อไปเธอไม่โชคดีแบบนี้แน่!]มันเป็นข้อความจากหมายเลขที่ไม่ปรากฎนามชารอนพลันมือสั่นระหว่างที่กำลังถือโทรศัพท์ สิ่งนี้ทำให้ชารอนรู้ได้ทันทีว่าสาเหตุของอุบัติเหตุนั้นไม่ได้มาจกการเมาและขับแน่นอน! ใครกันล่ะที่อยากจะให้เธอตายมากขนาดนั้น? ฟีโอน่า? หรือแซลลี่?ชารอนค
ชารอนรู้สึกราวกับหัวใจกำลังถูกบีบรัด เธอรีบหันหลังกลับไปเพื่อตามหาลูกชายไซม่อนไม่คิดที่จะหยุดชารอนเลย ดวงตาของไซม่อนพลันเปลี่ยนเป็นความดำมืด ทันใดนั้น ไซม่อนก็เดินตามไปชารอนรีบวิ่งไปสถานที่ที่เด็กเรียนปลูกต้นไม้กัน มันอยู่ไม่ไกลนัก ทว่า น้อยคนนักที่จะเดินผ่านแถวนี้ เพราะมันเป็นพื้นที่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยป่าไม้“เซบาสเตียน? ลูกอยู่ที่ไหน?" ชารอนรีบเดินลงไปในโคลนพร้อมกับร่มในมือ เพราะตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก “เซบาสเตียน ตอบแม่สิลูก...” ชารอนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ท่ามกลางสายฝนที่หนาเม็ด เธอไม่พบลูกชายเลย...ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว นอกจากนี้ เซบาสเตียนคือกำลังใจเดียวของชารอน ถ้าลูกชายหายไป ชีวิตของชารอนต้องพังไม่เป็นท่าแน่!หลังจากนั้น ชารอนพลันลื่นล้มลงไปในโคลนอย่างน่าเขินอาย ทันทีที่ร่มในมือร่วงตกลงไปด้านข้าง น้ำฝนสุดเย็นยะเยือกก็โปรยปรายลงมาทั่วทั้งตัวชารอน ถึงกระนั้น เธอก็ยังพยายามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนเรียกลูกชายไปด้วย “เซบาสเตียน!”ไซม่อนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลหลังสังเกตเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า เขาขมวดคิ้วและก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ทว่า โทรศัพท์ในกระเป๋าของไซม่อน