ชารอนวางจานข้าวลงบนโต๊ะอาหารแล้วชวนไซม่อนเข้ามานั่งอันที่จริง ชารอนรู้สึกแย่นิดหน่อย เพราะเธอทำอาหารที่ดูธรรมดามาก ทั้งสามจานเลย ไม่นานนัก ชารอนกล่าวคำพูดออกมาอย่างเขินอาย "เอ่อ... มันก็ไม่ใช่อาหารจานพิเศษอะไรขนาดนั้นหรอกนะคะ ฉันหวังว่าคุณจะทนกินได้"ไซม่อนไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่นั่งลงที่ข้างโต๊ะเท่านั้นในทางกลับกัน เซบาสเตียนรู้สึกดีใจไม่น้อย “แม่ครับ แค่หมูตุ๋นจานโตจากนี้ก็มากเกินพอแล้วครับ”ไซม่อนมองไปยังเซบาสเตียนและจ้องไปยังแขนและขาอันผอมเพรียวของเขา 'ชีวิตพวกเขาก่อนหน้านี้ลำบากกันไหมนะ? หรือเมื่อก่อนเด็กคนนี้ไม่มีแม้แต่เนื้อให้กินเลย?'“งั้นกินให้เต็มที่เลย” ไซม่อนตักหมูตุ๋นชิ้นโตให้เซบาสเตียน“ขอบคุณครับ แต่ผมตักเองได้นะ คุณลุงไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้” ทันทีที่เซบาสเตียนพูดจบ เขาก็ใช้ช้อนตักเนื้อขึ้นมาอีกสองชิ้นพร้อมกับวางมันลงบนจาน เมื่อพูดถึงเรื่องกิน เซบาสเตียนไม่ยอมแพ้แน่นอนเมื่อเห็นเซบาสเตียนรับประทานอาหารอย่างมีความสุข ไซม่อนเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว“ท่านประธานแซคคารี่คะ คุณเองก็ควรกินนะ ไม่ต้องตักให้เขาก็ได้ค่ะ” ชารอนตักข้าวให้ไซม่อนหนึ่งช้อนไซม่อน
ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าคั่นกลาง แต่ฝ่ามือขนาดใหญ่ของไซม่อนก็กำลังโอบเอวของชารอนอยู่ ถึงอย่างไร ชารอนรู้สึกราวกับผิวหนังบริเวณนั้นของตัวเองกำลังไหม้ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วแก้มของชารอน ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าว'ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นกับเรากันล่ะเนี่ย?'ชารอนไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเดินมาถึงข้างรถได้ยังไง นอกจากนี้ แฟรงกี้เองก็ถือร่มเอาไว้ข้างประตูรถเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาหา เขาก็เดินไปเปิดประตูรถให้ พร้อมกับรอให้ไซม่อนเข้าไปในรถชารอนรู้สึกแปลกไป 'แฟรงกี้อุตส่าห์เอาร่มมาตั้งสองคัน ทำไมเราต้องลงมาข้างล่างด้วยล่ะเนี่ย?' ด้านข้างรถ ไซม่อนปล่อยมือที่โอบเอวชารอนไว้และคืนร่มให้เธอ คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าแฟรงกี้กำลังถือร่มอีกอันให้กับใคร ถ้าไม่ใช่ไซม่อนชารอนกระพริบตา “เอ่อ... เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะคะ”“ได้เลย คุณก็เหมือนกัน ระวังตัวด้วย” ดวงตาของไซม่อนเต็มไปด้วยความสนใจระหว่างที่กำลังจ้องมองไปที่ชารอน“งั้น ฉันกลับก่อนนะคะ” ชารอนรู้สึกว่าการจ้องมองของไซม่อนแตกต่างไปจากเมื่อก่อน“เจอกันพรุ่งนี้” ไซม่อนโพล่งคำพูดสุดท้ายออกไปชารอนเงยหน้าขึ้นมอง “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” เธอรีบตอบ
นับตั้งแต่วันที่ชารอนบังเอิญได้พบกับแซลลี่และคอนเนอร์ ลีโอนาร์ดที่โรงพยาบาล แซลลี่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอกลัวเรื่องที่ชารอนล่วงรู้ความลับของตน ด้วยเหตุนั้น เธอจึงจ้างนักสืบเพื่อมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของชารอนจากเงามืดแซลลี่ไม่คิดว่าชารอนจะหว่านเสน่ห์ใส่ไซม่อนแบบนี้!หลังจากเห็นภาพที่ส่งมา แซลลี่ก็รู้สึกกระวนกระวายใจในทันใด ดวงตาของแซลลี่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอเกือบจะทุบโทรศัพท์ทิ้งเลยด้วยซ้ำทว่า ภาพสุดท้ายเป็นภาพที่โฮเวิร์ดและชารอนอยู่ด้วยกัน!'มันดึกมากแล้ว แถมตอนนี้เขาก็ไม่อยู่บ้าน สรุปว่าเขากลับไปหานางชารอน!'แซลลี่จ้องไปที่ภาพด้วยความเกลียดชัง ความโกรธและโทสะวนเวียนอยู่ในดวงตาของเธอ 'นางชารอนสมควรตาย! เราจะปล่อยให้มันทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราต้องสอนบทเรียนให้นางแพศยาสักหน่อยแล้ว!'...วันรุ่งขึ้น หลังฝนตกกลับมีแดดจัด อากาศสดชื่นเป็นอย่างมากอาการบาดเจ็บที่ขาของชารอนเกือบจะหายดีแล้ว นอกจากนี้ เธอเองก็ได้กลับไปทำงานแล้วด้วยโดยปกติแล้ว ชารอนจะไปส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อน หลังจากนั้น เธอจะมุ่งหน้าไปที่บริษัทเพื่อไปรายงานตัวเนื่องจากชารอนต้อ
"เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?” ไซม่อนได้ยินว่าชารอนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทันใดนั้น ไซม่อนสั่งหยุดการประชุมทันทีและรีบไปโรงพยาบาลโดยไม่ได้ถามถึงสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมเลย ไซม่อนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่เห็นว่าชารอนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้อง เธอยังมีชีวิตอยู่และสบายดี มีเพียงแค่หน้าผากของชารอนเท่านั้นมีได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหล ไซม่อนถึงกับขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเช่นนั้น ทว่า ชารอนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาระหว่างที่ยังนั่งอยู่ ทันใดนั้น ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักออก ชารอนรีบลุกขึ้นและวิ่งไปทันที “คุณหมอคะ เขาเป็นยังไงบ้างคะ? คุณช่วยเขาได้ไหมคะ?” ชารอนรีบคว้าคุณหมอที่เดินออกมาและเอ่ยถามอย่างประหม่าทว่า คุณหมอกลับส่ายหัว “อาการบาดเจ็บของคนไข้รุนแรงเกินไปครับ เราช่วยเขาเอาไว้ไม่ทัน คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ"ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชารอนตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดเข้ามายังหัวใจของตัวเอง!หลังจากนั้น ชารอนก็ชำเลืองมองไปยังผู้จัดการคุกที่ถูกผลักออกมาจากประตู เขาอยู่บนเตียงโดยมีผ้าขาวคลุมอยู่ ชารอนถึงกับอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง ชารอนไม่อยาก
สายตาของไซม่อนถึงกับร้อนระอุ นั่นทำให้ชารอนต้องมองไปทางอื่น “งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ” ชารอนลงจากรถแล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองอีกเลยสำหรับตอนนี้ ชารอนกำลังสัยว่าตัวเองอ่อนไหวมากเกินไป หรือความคิดของไซม่อนที่มีต่อเธอแตกต่างไปจากเมื่อก่อน?...ในวันนี้ ชารอนได้มาเข้าร่วมงานศพของผู้จัดการคุกถ้าไม่ใช่เพราะผู้จัดการคุก เธอคงเป็นคนที่นอนอยู่ในโลงศพแทนไปแล้วตำรวจได้ทำการปิดคดีและสรุปว่าคนขับดื่มสุราก่อนขับรถ ด้วยเหตุนั้น คนขับจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับอุบัติเหตุทั้งหมดนี้หลังจากที่ชารอนออกมาจากสุสาน ฝนก็เริ่มตกลงมา เธอหยิบร่มออกมาจากกระเป๋าและกางออก ทันใดนั้น ชารอนก็ได้รับข้อความทางโทรศัพท์สีหน้าของชารอนเปลี่ยนไปทันทีหลังจากคลิกที่ข้อความอ่านข้อความเขียนว่า [โชคดีจังนะที่ยังมีตัวตายตัวแทน ครั้งต่อไปเธอไม่โชคดีแบบนี้แน่!]มันเป็นข้อความจากหมายเลขที่ไม่ปรากฎนามชารอนพลันมือสั่นระหว่างที่กำลังถือโทรศัพท์ สิ่งนี้ทำให้ชารอนรู้ได้ทันทีว่าสาเหตุของอุบัติเหตุนั้นไม่ได้มาจกการเมาและขับแน่นอน! ใครกันล่ะที่อยากจะให้เธอตายมากขนาดนั้น? ฟีโอน่า? หรือแซลลี่?ชารอนค
ชารอนรู้สึกราวกับหัวใจกำลังถูกบีบรัด เธอรีบหันหลังกลับไปเพื่อตามหาลูกชายไซม่อนไม่คิดที่จะหยุดชารอนเลย ดวงตาของไซม่อนพลันเปลี่ยนเป็นความดำมืด ทันใดนั้น ไซม่อนก็เดินตามไปชารอนรีบวิ่งไปสถานที่ที่เด็กเรียนปลูกต้นไม้กัน มันอยู่ไม่ไกลนัก ทว่า น้อยคนนักที่จะเดินผ่านแถวนี้ เพราะมันเป็นพื้นที่ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยป่าไม้“เซบาสเตียน? ลูกอยู่ที่ไหน?" ชารอนรีบเดินลงไปในโคลนพร้อมกับร่มในมือ เพราะตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก “เซบาสเตียน ตอบแม่สิลูก...” ชารอนแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ท่ามกลางสายฝนที่หนาเม็ด เธอไม่พบลูกชายเลย...ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว นอกจากนี้ เซบาสเตียนคือกำลังใจเดียวของชารอน ถ้าลูกชายหายไป ชีวิตของชารอนต้องพังไม่เป็นท่าแน่!หลังจากนั้น ชารอนพลันลื่นล้มลงไปในโคลนอย่างน่าเขินอาย ทันทีที่ร่มในมือร่วงตกลงไปด้านข้าง น้ำฝนสุดเย็นยะเยือกก็โปรยปรายลงมาทั่วทั้งตัวชารอน ถึงกระนั้น เธอก็ยังพยายามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนเรียกลูกชายไปด้วย “เซบาสเตียน!”ไซม่อนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลหลังสังเกตเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า เขาขมวดคิ้วและก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ทว่า โทรศัพท์ในกระเป๋าของไซม่อน
"ไซม่อน นายมาที่นี่ทำไมกัน?” ฟิโอน่ากล่าวคำพูดออกมาด้วยรอยยิ้มสุดเมินเฉยไซม่อนไม่ตอบอะไร ทันใดั้น เซบาสเตียนก็พลันพูดต่อไป “คุณลุงครับ คุณป้าคนนี้แหละครับที่เดินเข้ามาตบแม่ผมเมื่อวันก่อน แถมตอนนี้ก็ลักพาตัวผมมาอีก คุณป้าต้องไม่ใช่คนนิสัยดีแน่เลยครับ ช่วยผมด้วยนะครับ โทรเรียกตำรวจให้ผมที”ไซม่อนขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ฟิโอน่าเคยตบหน้าชารอนมาก่อนงั้นรึ?ทันใดนั้น ไซม่อนนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของชารอนจริง ๆไซม่อนหรี่ตาลงและเผยออร่าแห่งความเยือกเย็นออกมา “คุณป้าฟีโอน่าครับ ทำไมคุณป้าต้องทำกับเด็กแบบนี้ด้วย?”ฟิโอน่าเผยยิ้มอย่างเฉยเมย “ไซม่อน นี่ถือเป็นเรื่องส่วนตัวและเวรกรรมของโฮเวิร์ดนะ นายไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง"ทั้งสามยังคงอยู่นอกห้องตรวจดีเอ็นเอ ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าฟิโอน่ากำลังจะทำการตรวจดีเอ็นเอเพื่อดูว่าเซบาสเตียนเป็นลูกของโฮเวิร์ดหรือไม่“ไซม่อน ส่งเด็กคนนั้นมาเดี๋ยวนี้” ฟิโอน่ายืนกรานที่จะจัดการเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จในวันนี้ เซบาสเตียนมองขึ้นไปยังชายร่างสูงแล้วกระพริบตา “คุณลุงครับ คุณลุงจะไม่เรียกตำรวจให้ผมเหรอ? งั้นเอาโทรศัพท์ของคุณลุงมาเล
ในตอนนี้ฟีโอน่ารู้สึกสับสนไปหมดแล้ว เด็กคนนั้นจะเป็นลูกของไซม่อนได้ยังไงกัน? เขาทำมีอะไรกับชารอนจริง ๆ งั้นเหรอ?ให้ตายเถอะ! งั้นไซม่อนจะยอมรับผิดชอบทั้งสองและแต่งงานกับชารอนจริง ๆ ไหมเนี่ย?ฟิโอน่ากำหมัดแน่นด้วยความโกรธไซม่อนพาเซบาสเตียนออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับโทรหาชารอนเพื่อบอกเธอว่าพบลูกชายแล้ว ไซม่อนบอกว่าจะพาเซบาสเตียนกลับคอนโด และชารอนเองก็ควรกลับคอนโดด้วยเช่นกันระหว่างทางกลับคอนโด ทั้งสองนั่งอยู่ในรถ เซบาสเตียนนั่งเตะขาไปมาและจ้องมองไปยังชายร่างสูงผู้ดูเย็นชาข้างกาย เขาถามขึ้น “คุณลุงครับ เกิดอะไรขึ้นกับคุณป้าคนนั้นเหรอครับ?”ไซม่อนเลิกคิ้วและหรี่ตามองเซบาสเตียน “ลุงบอกคุณป้าคนนั้นไปว่าลุงเป็นพ่อของนายน่ะ แล้วก็บอกเธอว่าอย่ามายุ่งกับนายอีก”เซบาสเตียนนั่งตัวตรงแล้วถามต่อ “มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”ไซม่อนพยักหน้า "ใช่"เซบาสเตียนรู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อ “คุณลุงเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอครับ? คุณป้าคนนั้นกลัวคุณลุงบ้างหรือเปล่า?”ไซม่อนยังคงเผยสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง เขากล่าวคำพูดออกมาโดยไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอะไรทั้งนั้น “แน่นอน ถ้าครั้งหน้ามีพวกคนเลวมาจับตัวนายไปอีก บอก