หลังจากมองดูรูปภาพ คุณหมอคอลลินส์ขมวดคิ้วและกล่าวคำพูดออกมา “หมอค่อนข้างคุ้นเคยกับชายคนนี้นะ เดี๋ยวหมอขอนึกสักครู่...” เนื่องจากไม่มีภาพถ่ายด้านหน้าของผู้ชายนิรนามคนนั้นเลย มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับคุณหมอคอลลินส์ที่จะจำชายในรูปได้"ไม่เป็นไรค่ะ ตามสบายเลย” ชารอนรู้สึกเป็นกังวล แต่เธอก็ไม่สมควรเร่งรัดเขามากเกินไป“อ่า หมอจำได้แล้ว ผู้ชายคนนี้ดูคล้ายกับคุณหมอเวย์น จอห์นเลย เขาอยู่ในแผนกศัลยกรรม”“คุณหมอเวย์น จอห์น? แน่ใจนะคะ?” ดวงตาของชารอนเป็นประกายสว่างจ้า“มันก็ทรงเหมือนเขาอยู่นะ ลองไปที่แผนกศัลยกรรมแล้วถามดูสิ"“ขอบคุณค่ะคุณหมอคอลลินส์” ชารอนรู้สึกต้องการพบคุณหมอเวย์น จอห์นคนนี้ทันที"ด้วยความยินดี แต่เอ่อ... หมอรู้สึกผิดมากจริง ๆ นะที่ไม่สามารถช่วยพ่อของเธอได้ในตอนนั้น”ทันทีที่ชารอนสังเกตว่าคุณหมอคอลลินส์ลังเลที่จะพูดต่อ เธอก็สงสัยอีกครั้ง “คุณหมอคอลลินส์คะ มีอะไรมากกว่านั้นที่คุณไม่ได้บอกฉันเกี่ยวกับการตายของพ่อในตอนนั้นไหมคะ?”ทันใดนั้น สีหน้าของคุณหมอคอลลินส์เปลี่ยนไปในทันที เขาก็ตอบอย่างรวดเร็ว “มันเป็นเพราะความสามารถของเรามีจำกัดน่ะ มันก็แค่นั้นแหละ รีบไปหาเขาเถอะ เดี๋
ชารอนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่และบ่นพึมพำ “เขา... คือคนที่ลูกรู้จักอยู่แล้วแหละจ้ะ คุณลุงไซม่อนไง”เซบาสเตียนตกใจ “แม่กำลังจะบอกว่าคุณลุงตัวเหม็นเป็นพ่อของผมงั้นเหรอ? ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย แม่?”ชารอนเผยสีหน้าเคร่งขรึมราวกับต้องการบอกลูกชายว่าแม่ไม่ได้ล้อเล่น เธอสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเซบาสเตียนอย่างประหม่า เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหมนะ?“งั้นก็ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนบอกว่าเราหน้าเหมือนกัน เพราะว่าเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ของผมจริง ๆ ด้วย!”“แล้วลูกยอมรับให้เขาเป็นพ่อได้ใช่ไหม?” ชารอนถามอย่างสงสัย“แน่นอนสิครับ ผมโอเคที่คุณลุงจะเป็นพ่อของผม แม่ครับ คุณลุงตัวเหม็นคนนั้นรวยมากเลยนะครับ ผมว่าเขาต้องดูแลและรับผิดชอบเราสองคนได้แน่นอน”ริมฝีปากของชารอนกระตุกทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เซบาสเตียนกำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?ก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยกันเสร็จ โทรศัพท์ของชารอนก็ดังขึ้น ไซม่อนโทรมาบอกเธอว่าตอนนี้เขารออยู่ชั้นล่างแล้ว ไซม่อนขอให้ทั้งสองลงไปเลยเธอวางสาย หลังจากนั้น เซบาสเตียนก็รีบดึงมือเธออย่างตื่นเต้น “ลงไปกันเถอะครับแม่”ชารอนยังคงไม่นั่งนิ่งและกล่าวคำพูด “ลูกยอมรับเขาจริง ๆ เหรอ? เรากำ
ชารอนรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันใด มันไม่ใช่การแต่งงานแบบปลอม ๆ หรอกหรือ? ทำไมเขาถึงต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยล่ะ?เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ท้ายที่สุด รถหรูสีดำก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลแซคคารี่รถจอดอยู่ตรงหน้าน้ำพุขนาดยักษ์ ทันทีที่มองผ่านหน้าต่างรถ ชารอนก็เห็นว่ามีคนรับใช้ยืนรออยู่ไซม่อนและเซบาสเตียนลงจากรถไปแล้ว ทั้งชายร่างใหญ่และเด็กน้อยร่างเล็กกำลังยืนรอชารอนอยู่ข้างนอกชารอนต้องให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะก้มหน้ารับกรรมและลงจากรถ ทันใดนั้น ชารอนก็ตระหนักถึงบางสิ่ง “เดี๋ยวก่อนสิ เราไม่มีของอะไรติดตัวเลย คุณคิดว่ามันจะไม่เป็นการเสียมารยาทไปหน่อยเหรอ?” ในตอนนี้ ชารอนพลันตระหนักว่าตัวเองควรมีของเยี่ยมมาให้พวกเขาหน่อย “แค่พาลูกชายมาก็พอ” ไซม่อนรู้สึกว่าแค่ความเอาใจใส่ของชารอนก็เพียงพอแล้ว“เข้าไปข้างในกันเถอะ” ไซม่อนหันหน้าไปพูดกับเซบาสเตียนชารอนมองไปยังด้านหลังที่ดูเยือกเย็นของชายตรงหน้าและแอบแลบลิ้นออกก่อนจะเดินตามเขาไปทั้งพ่อบ้านและคนรับใช้ต่างต้อนรับและพาทั้งสองเข้าไปในบ้าน ภายในห้องนั่งเล่น ดักลาสกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังพร้อมกับถือลูกประคำอยู่ในมือ“พวกเรามาถึงบ้านแล้วครับ พ่อ” ไซม่อนพ
ภายในห้องหนังสือ ไซม่อนได้แสดงเอกสารทดสอบความเป็นบิดาระหว่างตนและเซบาสเตียนให้ดักลาสดู ไซม่อนกล่าวคำพูดเชิงสรุปเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนทันทีที่ทั้งสองออกมาจากห้องหนังสือ ชารอนสังเกตเห็นว่าดักลาสยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้าง แต่ทว่า เขาไม่ได้มีท่าทีเหมือนในตอนแรกแล้วดักลาสกลับมานั่งบนโซฟาหนังอีกครั้งแล้วมองดูเจ้าตัวเล็กตรงหน้า ดักลาสโบกมือให้และกล่าวคำพูด “มานี่หน่อยสิ เจ้าหนูน้อย”“ผมไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อย” เซบาสเตียนไม่แม้แต่จะขยับตัวดักลาสพินิจพิเคราะห์เด็กชายตรงหน้า เนื่องจากเด็กน้อยเป็นหลานชายของดักลาส เขาจึงกล่าวคำพูดออกมา “เจ้าชื่อเซบาสเตียนใช่ไหม? มาหาปู่ทีสิ”“คุณไม่ใช่ปู่ของผม” เซบาสเตียนอารมณ์เสียนิดหน่อยสีหน้าของดักลาสดูไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขาแบบนี้มาก่อนชารอนก้าวไปข้างหน้าเพื่อยุติสงครามระหว่างทั้งสอง “ท่านผู้อำนวยการแซคคารี่คะ ดิฉันว่าคุณพูดกับเขาจากตรงนั้นเลยก็ได้นะคะ”ไซม่อนมองไปยังชารอนและกล่าวคำพูด “ชารอน คุณควรเรียกว่าคุณพ่อนะ”ชารอนเหลือบมองไซม่อนกลับ เธอเรียกเขาแบบนั้นได้ยังไงกัน? ไซม่อนกำลังทำให้หลายอย่างอึดอัดเกินไปหร
ฟิโอน่าในตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากในการโต้เถียง ไม่นานนัก เธออธิบายออกมาอย่างกังวล “คุณพ่อคะ หนูไม่ได้ลักพาตัวเด็กคนนี้ไปทดลองอะไรหรอกค่ะ หนูแค่... หนูแค่อยากรู้ว่าเขาใช่ลูกของโฮเวิร์ดหรือเปล่า”ฟิโอน่าเงียบและจ้องไปที่ชารอนอย่างเย็นชา หลังจากนั้น ฟิโอน่ากัดฟันและเอ่ยขึ้น “ใครจะไปคิดกันล่ะว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของไซม่อน? ใครจะไปรู้กันล่ะว่าเธอจะเล่นแง่จนทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น?!”“ผมไม่สนใจคำพูดของคุณป้าหรอกนะ คุณป้าลักพาตัวผมไป ผมจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้!” เซบาสเตียนหยิบโทรศัพท์ของแม่ตัวเองออกมาเพื่อโทรหาตำรวจ“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ลักพาตัวเธอ! เจ้าเด็กนี่...” ฟิโอน่าอยากจะพุ่งเข้าไปดึงโทรศัพท์ออกมา แต่ทว่า เมื่อดักลาสตระหนักได้แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นหลานชายของตน เขาจึงต้องปกป้อง ด้วยเหตุนั้น ฟิโอน่าจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงท่าทีเลินเล่ออีกต่อไปฟิโอน่าหันไปมองดูไซม่อนอย่างเป็นกังวลและพูดกับเขา “ไซม่อน นายจะไม่หยุดเด็กคนนี้หน่อยหรือยังไง? นายจะปล่อยให้พี่สะใภ้ผู้บริสุทธิ์ของนายถูกลากตัวไปที่สถานีตำรวจงั้นเหรอ?”ไซม่อนหันมองไปทางเซบาสเตียนก่อนที่จะกล่าวคำพูดออกมาอ
“พ่อคะ พ่ออนุญาตให้ไซม่อนแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้เหรอคะ?” เธอหันมองไปทางดักลาสดักลาสเหลือบมองชารอนอย่างเฉยเมย อันที่จริง เขาไม่อยากยอมรับลูกสะใภ้คนนี้เท่าไหร่ แต่ทว่า ชารอนก็เป็นแม่ของเด็ก เพราะฉะนั้น ถ้าดักลาสปฏิเสธที่จะยอมรับชารอน เขาก็จะต้องปล่อยให้หลานชายไปอยู่ข้างนอก ดักลาสไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะฉะนั้น ความเงียบของดักลาสจึงดูเหมือนจะเป็นการยอมรับในตัวชารอนไปโดยปริยายฟิโอน่ารู้สึกผวาและหันไปพูดกับไซม่อนด้วยความโกรธ “ไม่เป็นไร ก็ได้... นายรอดูก็แล้วกัน สักวันหนึ่ง เธอก็จะนอกใจนายเหมือนกัน แล้วสุดท้ายนายจะต้องเสียใจ!”สำหรับตอนนี้ ชารอนแทบทนไม่ไหวแล้วที่ต้องมาได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากล่วงรู้ความลับจากแซลลี่ ระหว่างงานวิวาห์ของเธอกับโฮเวิร์ด ฟิโอน่าเป็นคนอนุญาตให้แซลลี่ปล่อยภาพหลุดพวกนั้นออกไป ฟิโอน่าคือคนที่ทำลายชีวิตของชารอน!แถมตอนนี้ ฟิโอน่ายังไม่หยุดใส่ร้ายเธออีก!“คุณนายฟิโอน่าคะ ช่วยระวังคำพูดของตัวเองด้วยนะคะ ฉันบริสุทธิ์และไม่เคยทรยศต่อโฮเวิร์ด” ชารอนมองไปยังฟิโอน่าอย่างเย็นชาฟิโอน่าเผยเสียงหัวเราะออกมา “ไม่เคยงั้นเหรอ? เธอกล้าพูดคำพวกนั้นออก
เซบาสเตียนยัดอาหารทุกอย่างเข้าปาก เขาพลันตบท้องบวม ๆ ของตัวเอง “แม่ครับ แม่คิดว่าท้องผมใหญ่เหมือนแตงโมไหมครับ?”ชารอนตบท้องของเซบาสเตียนพร้อมเผยเสียงหัวเราะ “ใครบอกให้ลูกกินเยอะขนาดนั้นล่ะ?”“อาหารอร่อยมากเลย ผมอดใจไม่ไหวจริง ๆ” เซบาสเตียนยังคงลูบท้อง ถ้าเซบาสเตียนไม่ยัดอาหารเข้าไปจนเต็มปากขนาดนั้น เขาอาจกินได้มากกว่านี้ก็ได้“แม่ครับ อาหารบ้านพ่ออร่อยสุด ๆ ไปเลย” เด็กน้อยถอนหายใจ“แล้วคราวหน้าถ้าลูกมาอยู่ที่นี่อีก ลูกจะได้กินของอร่อย ๆ มากมายแบบนี้ทุกวันเลยล่ะ” ไซม่อนพูดขึ้นทันใด"ใช่แล้ว ถ้าหลานอยากอยู่ที่นี่ ปู่จะรีบบอกให้สาวใช้เตรียมห้องให้เลย” หลังจากพูดจบ ดักลาสรีบสั่งให้พ่อบ้านจัดการทันทีเซบาสเตียนมองมาที่ชารอนเพื่อขอความเห็น “พวกเราจะอยู่ที่นี่เหรอครับ?”“เอ่อ...” ชารอนเหลือบมองไปยังดักลาส จากนั้น เธอก็มองไซม่อน พวกเขาอยากให้เซบาสเตียนอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?ทั้งนี้ ไซม่อนเองก็เป็นพ่อของเด็ก ดังนั้น ชารอนคิดว่าเธอต้องให้เวลาพวกเขาได้อยู่ด้วยกันบ้าง“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ ลูกก็อยู่ได้สองสามวันนะจ้ะ” ชารอนลูบหัวเซบาสเตียน"แล้วแม่ล่ะ? แม่ไม่อยู่เหรอครับ?” เซบาสเตียนกังวลเรื่อง
“พอดีฉันเพิ่งไปอาบน้ำเสร็จ แล้วก็ลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไป...” ชารอนพยายามอธิบายให้ไซม่อนฟัง แต่ทว่า เมื่อสังเกตเห็นว่าไซม่อนไม่คิดจะหยุดและยังคงเดินเข้ามาใกล้เธอ ชารอนจึงบ่นพึมพำออกมาอย่างเป็นกังวล “อย่า... อย่านะคะ... ถึงเราสองคนจะจดใบสมรสกันแล้ว แต่มันก็เป็นแค่การแต่งงานปลอม ๆ ถ้าคุณฝ่าฝืนข้อตกลงและทำอะไรกับฉัน ฉัน... สามารถหย่ากับคุณได้ทันที...”ทว่า ไซม่อนดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่ชารอนพูดเลยแม้แต่น้อย เธอถึงกับผงะถอยจนติดกับกำแพง ทันทีที่รู้ว่าตัวเองไม่มีที่ให้หนีแล้ว ไซม่อนก็เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นมือออกมาข้างหน้าดักชารอนเอาไว้ระหว่างกำแพงลมหายใจของไซม่อนกำลังรายล้อมเธอ ชารอนรู้สึกหน้าชาในระหว่างที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เธอกล่าวคำพูดอย่างตะกุกตะกักออกมา “ไซม่อน ฉันเตือนคุณแล้วนะ...”ไซม่อนมองต่ำลงมาและขัดจังหวะชารอนด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชาและเงียบสงบ “คุณนายแซคคารี่ครับ ผมควรเป็นคนเตือนคุณหรือเปล่าว่านี่คือห้องของผม” นั่นเป็นเหตุผลที่ไซม่อนเข้ามาได้ทุกครั้งที่ต้องการโดยไม่คิดจะเคาะประตูเลย ชารอนรู้สึกเหมือนมีคำพูดตะกุกตะกักติดอยู่ในลำคอ ไซม่อนพูดถูก นี่คือบ้านของเขา เ