Share

บทที่ 12

หลินเซียวนั่งอยู่โต๊ะของตัวเองเพื่อรอให้ซูหว่านเอ๋อร์กลับมา

และรอให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้

โดยไม่คิดว่า ซูไม่ได้กลับมา แต่หวังม่านนีและจ้าวเสี่ยวเลี่ยงกลับมาที่บริษัทแทน

ทันทีที่หวังม่านนีเดินเข้าประตูของบริษัทมา จางเทาพุ่งมาตรงหน้าเธอด้วยความโกรธและด่าทอเธอ "หวังม่านนี พวกเรารอคุณอยู่ รีบหน่อย! คืนเงินมาซะ! ให้ตายเถอะ! หลินเซียวเป็นบ้าอะไร? ผู้ชายเลวนั่นฟ้องกับประธานซูลับหลังเรา ทำให้พวกเราทุกคนถูกปรับเงินเดือนทั้งเช้าเพราะเขาคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้ รีบจ่ายเงินคืนทุกคนซะ!"

จางเทาแผดเสียงก้องกับหวังม่านนีที่เพิ่งเข้ามา มันทำให้หวังม่านนีได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ที่ประตู

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินจากเสียงด่าของเพื่อนร่วมงานรอบเธอข้าง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทเมื่อกี้นี้

หวังม่านนีโกรธมาก เพราะเธอกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว แต่ไอ้โง่คนนี้ยังทำให้เธอต้องอับอาย

เธอโกรธมากจนทนไม่ไหวว เลยเอาใบหย่าออกจากกระเป๋าและยกมันขึ้นมา พูดกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทว่า "ทุกคนดูดีๆ นะ ฉันกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว นี่ยังไงล่ะใบหย่า ตั้งแต่เป็นต้นไป เราแยกย้ายกันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว "

เมื่อกี้นี้บริษัทเต็มไปด้วยเสียงของพนักงาน ก็เงียบกริบทันที

ใครๆ ก็ไม่คิดว่าหวังม่านนีและหลินเซียวจะหย่ากัน

จางเทาแย่งใบหย่าในมือของหวังม่านนี รีบเปิดมันเพื่อยืนยัน "อะไรวะ พวกแกหย่าจริง ๆหรอ ฮะ ยังหย่ากันวันนี้"

หวังม่านนียัดใบหย่าใส่กระเป๋า น้ำตาไหลเอ่อ เพราะคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

"เวลาเขาทำอะไรผิดพวกคุณก็มาหาฉัน แล้วฉันล่ะ ฉันจะไปหาใคร ฉันแต่งงานกับหลินเซียวมาหกเดือน ต้องอยู่ที่คับแคบเหมือนรังหนู เสื้อผ้าก็ซื้อจากร้านเล็กๆ ไม่เคยได้กินข้าวข้างนอก ตอนนี้ฉันยังต้องทนต่อการเยาะเย้ยของพวกคุณทุกวันเพราะเขาส่งสินค้าในตึกนี้ "

“ฉันจะไปบ่นเรื่องพวกนี้กับใครล่ะ เมื่อกี้ที่เราหย่ากันเสร็จแล้วออกจากสำนักงานบริหารการทะเบียน เขายังเชิญนักแสดงหญิงขับรถปลอมมาแสดงตัว บัตรธนาคารของเขามีกว่าหลายร้อยล้านบาทและบอกว่ารถของเขามมูลค่าห้าสิบล้านบาท ต่อหน้าฉันหญิงสาวคนนั้นเผากระเป๋าและเครื่องสำอางเลียนแบบระดับไฮเอนด์ ยังวางมาดเป็นอาเสี่ยในในถนน ฉันจะหันไปบ่นกับใครได้บ้างเกี่ยวกับความคับข้องใจที่ฉันต้องทนทุกข์ทรมานเหล่านี้”

"เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ พวกคุณรู้สึกน้อยใจใช่ไหมล่ะ ของพวกคุณก็แค่เงินเดือนเช้านี้นั่นแหละ แต่ฉันล่ะ ฉันสูญเสียการแต่งงานครั้งแรกของฉัน คือชีวิตตลอดหกเดือนของฉัน"

น้ำตาของผู้หญิงเป็นอาวุธที่ทำลายคนโดยมองไม่เห็น โดยเฉพาะน้ำตาจากผู้หญิงสวยอย่างหวังม่านนี

เพื่อนร่วมงานในบริษัทที่เคยตะโกนมาก่อนโดยขอให้หวังม่านนีชดใช้เงิน

แต่หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ที่แสดงถึงความเดือดร้อนของหวังม่านนี พวกเขาก็กลายเป็น "นักพิทักษ์ความยุติธรรม" หน้าตาเป็นโทษที่เด่นชัด โต้แย้งกันว่าจะเอาความยุติธรรมให้กับหวังม่านนี

แม้ว่าภาพที่พวกเขาจะเห็นคือ หวังม่านนีกำลังเกาะแขนของจ้าวเสี่ยวเลี่ยงและเดินเข้าไปในบริษัท

มันไม่ได้ขัดขวางที่เรียกว่า "ความยุติธรรม" ที่พวกเขายังคงใช้ในบริษัท นำหัวหอกของความโกรธเปลี่ยนให้ทิศของหลินเซียว

โดยเฉพาะจางเทา เขารีบไปถึงด้านหน้าของหลินเซียว ชี้หน้าหลินเซียวด่าว่า "หลินเซียว เศษสวะจริง ๆ รีบออกไปจากบริษัทซะ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้องจริงๆ ม่านนีอยู่กับแก มันเป็นการเสียเวลาชีวิตอย่างมาก สาวสวยเช่นนี้ แกไม่รู้จักดูแลได้ยังไง แล้วทำไมตอนหย่ายังต้องหานักแสดงหญิงมาแสดงตัวต่อหน้าภรรยาเก่าด้วย เชี่ยไรเนี่ย มีทรัพย์สินกว่าหลายร้อยล้านบาท ทำไมไม่บอกคนอื่นด้วยล่ะว่าตัวเองเป็นลูกชายของบิลเกตส์อ่ะ "

ทันทีจางเทาพูดจบ เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ก็รวมตัวกัน ชี้หน้าหลินเซียวตะคอกใส่เขา

สักพักนึงบริษัทมันก็เต็มไปด้วยคำด่าที่ไม่อาจทนฟังได้

เหมือนกับว่าหลินเซียวได้กระทำความผิดที่ไม่ควรอภัยให้ได้เลย

หลินเซียวมองไปรอบ ๆ ในที่สุดเขาหยุดมองใบหน้าน่ารังเกียจที่มีอาการผมร่วงและตาเดียวของจ้าวเสี่ยวเลี่ยง

"พวกคุณด่าผมอย่างนี้ ก็เพื่อเลียจ้าวเสี่ยวเลี่ยงใช่ไหม เพราะพ่อเขาเป็นผู้จัดการในบริษัท ดังนั้น ถึงแม้ว่าพวกคุณรู้เรื่องเธอนอกใจลับหลังผม พวกคุณก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อจ้าวเสี่ยวเลี่ยง ก็เพราะพ่อเขาเป็นผู้จัดการ เพราะเหตุนี้พวกคุณไม่กล้าล่วงเกินผู้จัดการจ้าวเหล่านี้ ด้วยการถูกชักจูงของจางเทาไอ้หมารับใช้คนนี้ ไม่เคยสนใจความรู้สึกผม ทำร้ายผม แค่นี้ใช่ไหม"

คำที่หลินเซียวพูดนั้นพูดถึงความเจ็บปวดที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของทุกคน

ดังนั้นพวกเขาขึ้นเสียงดัง และพยายามวิพากษ์วิจารณ์เขาให้มากขึ้น

เหมือนว่าทำนองเสียงของทุกคนจะเริ่มดังขึ้น จะแสดงได้ยิ่งกว่าว่าพวกเขาเป็นดั่งฮีโร่ให้ความเป็นธรรมของบริษัท

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status