All Chapters of ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา: Chapter 2701 - Chapter 2710

2732 Chapters

บทที่ 2701

หลิงเฟิงในยามนี้ราวกับเด็กน้อยจอมซน แม้จะเห็นว่าเจ้าตัวประหลาดตาเขียวมิพอใจ แต่เขาก็ยังเอ่ยหยอกเย้าว่า “ก็ให้ชื่อนี้แหละ!”“เจ้าจะคงมิได้จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเจ้าถั่ว เจ้าจิ๋ว หรือว่าเจ้าลิงหรอกใช่หรือไม่?”เจ้าตัวประหลาดตาเขียวกลอกตาอย่างจนใจ ชื่อพวกนี้ยังสู้ชื่อปี้อวี้มิได้เลยด้วยซ้ำ!“หรือจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเจ้ากร่าง?”หลังจากหยอกเย้าเจ้าตัวประหลาดตาเขียวจนพอใจแล้ว หลิงเฟิงก็เริ่มตั้งชื่ออย่างจริงจังเสียที“เจ้ากร่าง ก็มิเลวนะ ต่อให้เจ้ามิชอบ ข้าก็มิเปลี่ยนแล้ว!”หลิงเฟิงแสร้งทำเป็นข่มขู่เจ้าตัวประหลาดตาเขียวเอียงคอ ดูเหมือนจะมิเข้าใจว่าเจ้ากร่างหมายความว่าอะไรหลิงเฟิงจึงทำท่าทางวางมาดใหญ่โตในท่วงทีแบบประหนึ่งตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในปฐพี พร้อมกับอธิบายอย่างใจเย็น“เจ้ากร่าง ก็คือความหมายที่ว่าเก่งกาจมาก ๆ เจ้าสามารถเอาชนะเสือดำตัวนั้นได้ ก็นับเป็นเจ้าป่าได้แล้ว!”“ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่าหวังป้า[footnoteRef:0]ก็ได้ แต่หวังป้ากับหวังปา[footnoteRef:1]ฟังดูคล้ายกันนัก ฝ่ายหนึ่งเป็นคำด่าคน แต่อีกนัยหนึ่งก็แฝงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม!” [0: หวังป้า 王霸 หมายถึง เจ้าป่า]
Read more

บทที่ 2702

สือเหล่ยเห็นดังนั้นก็เอ่ยยิ้มขึ้นมา “ท่านแม่ทัพหลิง แม้มันจะเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ยังเป็นเพียงสัตว์ป่าที่ยังมิถูกขัดเกลา”“ข้าคาดว่ามันคงฟังที่ท่านพูดมิเข้าใจ ต่อไปภายหน้าท่านค่อย ๆ สอนมันไปเรื่อย ๆ มิช้ามันย่อมสื่อใจกับท่านได้!” หลิงเฟิงครุ่นคิดแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล ในเมื่อพูดกับเจ้ากร่างมิรู้เรื่อง ก็คงต้องพามันออกเดินทางไปด้วยกัน!ทั้งสองคำนึงถึงบาดแผลบนตัวของเจ้ากร่าง จึงมิได้เร่งฝีเท้า เพียงค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆเดินมาได้ครึ่งค่อนวัน ครั้นเมื่อถึงจุดนัดหมาย ก็ยังมิเห็นวี่แววของอู่หรานและเถาจื่อทั้งสองจึงตัดสินใจเดินตามเส้นทางที่ซานเชวี่ยทิ้งร่องรอยไว้ครั้งนี้เมื่อเดินมาจนเกือบค่อนบ่าย ก็ได้ยินเสียงวิ่งมาจากที่ไกล ๆ ตามมาด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของสัตว์ป่า“หรือว่าอู่หรานกับเถาจื่อจะเจอเรื่องอันตรายเข้าแล้ว?”หลิงเฟิงชักกระบี่ออกมา แล้วรีบรุดไปข้างหน้าพร้อมกับสือเหล่ยเพื่อไปสมทบกับเถาจื่อและอู่หรานวิ่งไปได้มิถึงร้อยเมตร ก็เห็นเถาจื่อและซานเชวี่ยกำลังประคองอู่หรานที่อาบไปด้วยเลือดวิ่งตรงมาเมื่อเห็นหลิงเฟิง เถาจื่อก็ตะโกนลั่น “พี่ใหญ่หลิง รีบมาช่วยเร็วเข้า!”“พี
Read more

บทที่ 2703

เถาจื่อยังคงเป็นกังวลกับอาการบาดเจ็บของอู่หราน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นพี่ใหญ่หลิง ท่านค่อย ๆ ตามมาแล้วกัน พวกเราขอไปก่อนนะเจ้าคะ!สือเหล่ยแบกอู่หรานขึ้นหลังเรียบร้อยแล้ว ทุกคนคิดว่าเมื่อมีเจ้ากร่างคอยช่วยเหลือหลิงเฟิง เขาย่อมมิน่าจะเกิดเหตุมิคาดฝันอันใดขึ้นได้ จึงรีบเดินทางกลับซานเชวี่ยเดินนำทางอยู่ข้างหน้า สือเหล่ยพลางเดินพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ซานเชวี่ย เจ้าหลงทางได้อย่างไร?”“ระหว่างทางเจ้ามิได้ทำเครื่องหมายไว้ตลอดหรือ?”ซานเชวี่ยแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยตอบอย่างเก้อเขินว่า “ตอนแรกก็เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่ภายหลังเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้น ข้าจึงมิทันได้ทิ้งสัญลักษณ์ไว้!”“ข้าจะบอกพวกท่านให้ ในภูเขานี้ยังมีคนป่าผู้หนึ่ง เขาปกคลุมไปด้วยขนสีขาวทั่วทั้งร่าง เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ!”“วันนั้นข้าเห็นเขาในป่า ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก!”“มิใช่ว่าฮองเฮาทรงรับสั่งให้แม่ทัพเผยคอยจับตาดูว่าหลงหมิงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พอข้าเห็นคนผู้นั้นเข้า ก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นหลงหมิง จึงได้แอบติดตามเขาไป!”“เขาวิ่งเร็วมาก ข้ามัวแต่รีบไล่ตามเขา เลยมิทันได้ทิ้งสัญลักษณ์ไ
Read more

บทที่ 2704

เมื่อสือเหล่ยเห็นท่าทางกังวลของเผยอวี้ ก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “แม่ทัพเผย ท่านมิต้องเป็นห่วง แม่ทัพหลิงมิเป็นอะไร!”“มิเพียงแต่มิเป็นอะไร เขายังได้พบกับวาสนาอันน่าอัศจรรย์ สามารถสยบสัตว์อสูรได้ตัวหนึ่งด้วย!”“ข้าจะบอกให้นะ สัตว์อสูรตัวนี้เป็นลิงตัวหนึ่ง มีพละกำลังมหาศาล...”สือเหล่ยเล่าเจื้อยแจ้วถึงเรื่องราวที่พวกเขาไปพบเจอสัตว์อสูรสองตัวกำลังต่อสู้กัน และท้ายที่สุดหลิงเฟิงก็เป็นฝ่ายเก็บผลประโยชน์ไปอย่างไรให้เผยอวี้ฟังจนหมดสิ้นฉินซานที่ตามมาถึงกับยืนตะลึงเมื่อได้ฟัง ครู่ต่อมาจึงกล่าวขึ้นอย่างอิจฉาว่า “หลิงเฟิงนี่ช่างโชคดีเสียจริง!”“หากรู้แต่แรกว่าเป็นเช่นนี้ ข้าไปตามหาซานเชวี่ยเสียก็ดี บางทีสัตว์วิเศษตัวนั้นอาจจะกลายเป็นของข้า!”ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่ ก็พลันเห็นหลิงเฟิงและลิงตัวหนึ่งเดินเรียงแถวกลับมาหลิงเฟิงหัวเราะเหอะ ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “เผยอวี้ ฉินซาน ดูเจ้ากร่างของข้าสิ สง่างามองอาจหรือไม่?”“เอ้อ จริงสิ วันนี้ทุกคนจะได้กินของดีกันแล้ว เจ้ากร่างได้นำของกำนัลแรกพบมาให้พวกเจ้ามากมายเลยทีเดียว!”พลางพูด หลิงเฟิงก็เททุกอย่างออกมาจากแหวนพระสุเมรุของเขาจนหมดสิ้น มีทั้งเนื้อเส
Read more

บทที่ 2705

หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนนำขบวนเดินทางออกจากหมู่บ้านตระกูลเหมิง มุ่งหน้าต่อไปในวันนั้น ขบวนก็ได้เดินทางมาถึงปากั๋วโจวช่วงเวลานี้เฉาจือรับหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมล่วงหน้าให้กับเซียวหลินเทียน และยังมิทันที่จะเข้าเขตปากั๋วโจว เขาก็ได้เริ่มเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ให้หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนฟังปากั๋วโจวถือเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในแดนเทพ มีประชากรเกือบสามแสนคนด้วยทำเลที่ตั้งอันเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่เชื่อมต่อไปได้ทุกทิศทาง จึงนับเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างยิ่งเฉาจือกล่าวอย่างฉะฉานว่า “ฝ่าบาท เจ้าเมืองคนก่อนของปากั๋วโจวคือหยางเฉิง เขามิได้เริ่มต้นจากการเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่เดิมเป็นขุนพลฝ่ายบู๊ ได้รับบาดเจ็บที่ขาในสนามรบจึงได้ผันตัวมาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นพ่ะย่ะค่ะ!”“หยางเฉิงผู้นี้ ทั้งบุ๋นและบู๊ล้วนเป็นเลิศ มีความเที่ยงธรรมซื่อตรง แต่ก็มีวิธีการที่เด็ดขาดเหี้ยมโหดเช่นกัน”“เจ็ดปีก่อนตอนที่เขามารับตำแหน่ง ปากั๋วโจวยังเป็นเพียงเมืองที่ยากจน แต่ด้วยอำนาจเหล็กและการผลักดันนโยบายใหม่ ๆ ของเขา ก็ทำให้ปากั๋วโจวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเมืองที
Read more

บทที่ 2706

“แล้วหลังจากนั้นเล่า? การกระทำของหยางเฉิงเช่นนี้ พวกลัทธินิกายเหล่านั้นจะยอมแต่โดยดีหรือ?”หลิงหว่านที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ได้ยินถึงตรงนี้ก็อดเอ่ยถามขึ้นมามิได้เฉาจือส่ายหน้า “แน่นอนว่าย่อมมิยอมง่าย ๆ เช่นนั้น ศิษย์ในสำนักที่หลบหนีไปได้ ล้วนส่งคนมาลอบสังหารหยางเฉิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา”“หยางเฉิงได้รับบาดเจ็บนับครั้งมิถ้วน มิว่าเล็กหรือใหญ่ แต่เขาก็รอดมาได้ทุกครั้ง!”“ส่วนคนที่ลอบสังหารเขา หยางเฉิงก็มิเคยปรานี จับได้เป็นต้องสังหาร แล้วนำศีรษะไปแขวนไว้ที่หน้าศาลาว่าการเพื่อข่มขวัญผู้อื่น!”“ข้าจะบอกอะไรให้นะ หากศีรษะพวกนั้นมิถูกน้ำท่วมพัดไป ป่านนี้ก็คงยังแขวนอยู่ที่หน้าศาลาว่าการ”“นี่ถือเป็นทิวทัศน์อีกอย่างหนึ่งของปากั๋วโจว พวกเหล่าร้ายที่คิดจะก่อการอธรรม เพียงได้เห็นศีรษะที่แขวนเรียงรายอยู่เต็มหน้าศาลาว่าการ ก็ต้องชั่งใจดูแล้วว่าจะกล้าต่อกรกับหยางเฉิงหรือไม่!”หลิงอวี๋ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ การที่หยางเฉิงสามารถรอดชีวิตมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่านั้น มิใช่เพียงเพราะความสามารถของเขาเอง แต่เบื้องหลังเขาน่าจะมีหมอเทวดาเหมือนอย่างตนเองคอยช่วยเหลืออยู่เป็นแน่!“ปีนี้หยางเฉิงอายุเท่าใดแล้ว
Read more

บทที่ 2707

หลิงอวี๋และหลิงหว่านเดินทางต่อไป ระหว่างทางจึงได้เห็นว่าน้ำท่วมในหมู่บ้านโดยรอบล้วนถูกระบายลงสู่แม่น้ำหงส์ฟ้าแล้วมิรู้ว่าเป็นเพราะได้รับข่าวสารจากแม่ทัพจี้ หรือเป็นวิธีเอาตัวรอดที่หยางเฉิงคิดขึ้นมาได้เองหลิงอวี๋เห็นว่าหมู่บ้านสองแห่งได้เริ่มบูรณะบ้านเรือนขึ้นใหม่ ทั้งยังมีเหล่าทหารจำนวนมากคอยช่วยเหลือชาวบ้านในการฟื้นฟูอีกด้วย“พี่หญิงหลิงหลิง ข้าดูแล้วว่าข้าหลวงหยางผู้นี้ก็นับเป็นขุนนางที่ดีผู้หนึ่ง หากเป็นเช่นนี้ พวกเราคงจะผ่านปากั๋วโจวไปได้อย่างราบรื่นแล้ว!”หลิงหว่านมองดูภาพเบื้องหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ“ดูกันไปก่อน ข้าก็หวังว่าพวกเราจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน!”ขณะที่หลิงอวี๋และหลิงหว่านกำลังเดินอยู่นั้น ก็พลันเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมาข้างหน้า เด็กสาวผู้นำกลุ่มสวมกระโปรงสีแดงอมชมพูยาวคลุมเข่า ทับด้วยเสื้อคลุมตัวสั้นสีแดงกุหลาบบนสาบเสื้อและชายเสื้อคลุมของนางประดับด้วยหินกุหลาบและหินตาเสือเม็ดเล็กกลมมนลูกปัดเล็ก ๆ เหล่านี้ส่องประกายระยิบระยับดุจพู่ดารา แสงสะท้อนงดงามราวกับสีเมฆายามอัสดง เผยให้เห็นกลิ่นอายของความสูงศักดิ์ผิวพรรณของเด็กสาวละเอียดอ่อน ใบหน้างดงามดุจดอกท้อ
Read more

บทที่ 2708

หลิงอวี๋หลุดหัวเราะออกมา เด็กสาวผู้นี้ช่างมีวาจาโอหังยิ่งนักยังมิรู้ด้วยซ้ำว่านางมีวรยุทธ์ระดับใด กลับกล้าเอ่ยว่าจะสังหารนางได้นางคลายปลายแส้ลงอย่างเย็นชา กล่าวว่า “เช่นนั้นเหตุใดมิแจ้งนามของเจ้ามาเล่า คุณชายเช่นข้าก็มิรังแกคนไร้นาม!”เด็กสาวโกรธจนคิ้วเรียวงามเลิกขึ้น นางแค่นเสียงเย็นชา “เจ้ามิคู่ควรที่จะรู้นามของคุณหนูอย่างข้า!”“หากอยากรู้ ก็รอให้คุณหนูเช่นข้าส่งเจ้าลงไปนรกเสียก่อน แล้วข้าจะบอกเจ้าเอง!”กล่าวจบ เด็กสาวก็ทะยานร่างขึ้น เงาแส้พลิ้วไหวสะบัดไปมา ปราณสังหารสีขาวสายแล้วสายเล่าเคลื่อนไหวร่ายรำไปตามเงาแส้ พุ่งเข้าใส่หลิงอวี๋“น้องเล็ก ถอยไป!”หลิงอี๋ร้องเตือนหลิงหว่านแล้วจึงพุ่งร่างเข้าไปรับมือหลิงหว่านเห็นจิตสังหารอันรุนแรงของเด็กสาวผู้นั้นแล้วจึงรีบถอยห่างออกไปหลายสิบเมตรณ ใจกลางลานต่อสู้ หลิงอวี๋ถูกเงาแส้ของเด็กสาวปกคลุมไว้จนหมดสิ้นแม้หลิงหว่านจะรู้ว่าระดับวรยุทธ์ของหลิงอวี๋นั้นสูงกว่าตน แต่นางก็มิเคยเห็นหลิงอวี๋ต่อสู้กับใครมาก่อนเมื่อเห็นจิตสังหารที่รุนแรงและเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้ หลิงหว่านก็อดเป็นห่วงหลิงอวี๋มิได้นางค่อย ๆ หยิบนกหวีดเหล็กออกมาอย่างเงีย
Read more

บทที่ 2709

เด็กสาวกำลังประลองฝีมือกับหลิงอวี๋ นางรู้สึกว่าขอเพียงตนออกแรงอีกสักหน่อย หลิงอวี๋ก็จะต้องถูกปลายแส้ของนางสังหารจนสิ้นใจเป็นแน่นางหารู้ไม่ว่าตนได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการตวัดแส้นั้นแล้วในขณะที่หลิงอวี๋นั้นมือเปล่าไร้อาวุธ ใช้เพียงฝ่ามือข้างเดียวรับการโจมตีอันหนักหน่วงของนางยิ่งไปกว่านั้น หลิงอวี๋มิได้คิดจะสังหารนาง เพียงแต่ใช้พลังเจ็ดส่วนในการรับมือเท่านั้นในตอนนั้นเอง ชาวบ้านและทหารที่กำลังก่อสร้างอยู่โดยรอบต่างพากันเข้ามามุงดูการประลองของคนทั้งสองและที่ไกลออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมด้วยผู้คุ้มกันหลายคนก็กำลังเดินเข้ามาเช่นกันเมื่อเห็นภาพนี้จากระยะไกล หัวใจของชายหนุ่มพลันกระตุกวูบ เขารีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปี มีเค้าหน้าละม้ายคล้ายเด็กสาวอยู่บ้าง รูปโฉมงดงามดุจหยกสลัก ดวงตาสุกใสราวกับดวงดาวคิ้วดกหนา จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแฝงแววเย็นชาเขาสวมใส่เสื้อคลุมผ้าต่วนลายดอกเหมยสีคราม ทับด้วยเสื้อกั๊กขนมิงค์ปกคอประดับลายเมฆา เครื่องแต่งกายทั้งร่างบ่งบอกถึงฐานะอันสูงส่งชายหนุ่มกวาดสายตามองการต่อสู้ของเด็กสาวและหลิงอวี๋แวบหนึ่ง ก็ชักกระบี่พรวด
Read more

บทที่ 2710

ในขณะที่เสียงของหยวนซือหลิงยังคงดังก้อง ฝ่ามือของหลิงอวี๋ที่วาดเป็นวงแหวนก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด ทะลวงผ่านห่วงแส้ที่ปลายแส้ของหยวนซือหลิงสร้างขึ้นในพริบตายังมิทันที่หยวนซือหลิงจะได้สติกลับคืนมา ฝ่ามือของหลิงอวี๋ก็คว้าจับปลายแส้ไว้ได้แล้ว พร้อมกับออกแรงกระชากอย่างรุนแรงหยวนซือหลิงเพียงรู้สึกราวกับว่ามีกระแสพลังอันเกรี้ยวกราดสายหนึ่งพุ่งผ่านด้ามแส้ที่นางกำอยู่เข้ามาในร่าง ทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว และคลายมือออกจากด้ามแส้ในทันใด“นี่แน่ะ…”หลิงอวี๋สะบัดข้อมือฟาดแส้กลับไปถูกร่างของหยวนซือหลิงเต็ม ๆ จนนางกระเด็นล้มกลิ้งออกไปไกลหลายเมตร“สารเลว กล้าทำร้ายน้องสาวข้างั้นรึ! รับกระบี่ไป!”หยวนป๋อคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว กวัดแกว่งกระบี่พุ่งเข้าใส่หลิงอวี๋หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางสะบัดแส้ของหยวนซือหลิงในมือ เงาแส้พลิ้วไหวเข้าพันรัดกระบี่ของหยวนป๋อไว้ในชั่วพริบตา“คุณชาย มิถามไถ่ผิดถูกขาวดำกลับเข้าข้างน้องสาวของตนเสียแล้ว หากบิดามารดาของพวกเจ้าสอนมาให้เอาแต่ใจ มิแยกแยะผิดถูก รังแกผู้อ่อนแอกว่า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด คงต้องตัดสินกันด้วยฝีมือแล้ว!”หลิงอ
Read more
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status