จ่านเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เคราะห์ดีที่ท่านนักพรตยังรู้จักพูดว่า ‘ปกติ’ มิใช่ ‘ทั้งหมด’ ไม่ว่าเรื่องใดมักมีข้อยกเว้นเสมอ ข้าขอเตือนท่านนักพรตสักคำ จะเป็นมนุษย์ก็ดี กำจัดปีศาจก็ช่าง ก็ต้องมองให้ทะลุปรุโปร่ง อย่าได้ลำเอียงดื้อรั้น มิเช่นนั้นจะต้องเสียใจที่มิอาจแก้ไข”“ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงชี้แนะ เพียงแต่กระหม่อมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอันใดอยู่ ชาตินี้กระหม่อมกำจัดปีศาจนับไม่ถ้วน ปีศาจที่ตายด้วยน้ำมือของกระหม่อม มิมีตนใดถูกปรักปรำ”เขาลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือ “ดูท่ากระหม่อมจะทำให้ไทเฮากริ้วแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สนทนาต่อไปก็มิอาจไปในทิศทางเดียวกันได้ กระหม่อมทูลลา!”“เชิญ!” จ่านเหยียนโบกมือพร้อมเอ่ยอย่างเกลียดชังประมาณหนึ่งฟางจี้จื่อจ้องนางนิ่ง ๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ทูลลา!”เสวี้ยนจื่อตามเขาเดินออกไปด้วยใบหน้าปราศจากริ้วคลื่นอารมณ์ทีแรกจิ้นหรูยังเลื่อมใสฟางจี้จื่ออยู่มาก แต่บัดนี้เห็นเขาไม่เคารพจ่านเหยียน จึงอดขุ่นเคืองขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดเขาจึงเป็นคนเช่นนี้?”จ่านเหยียนเอ่ยเรียบ “นึกว่าตัวเองแน่”“เขาเข้าใจอะไรคุณหนูใหญ่ผิดไปหรือไม่เพคะ? หรือว่าคนสกุลหลงพูดอะไร? บ่าวได้ยิน
Baca selengkapnya