All Chapters of มารดามือใหม่ของนางร้ายอันดับหนึ่ง: Chapter 61 - Chapter 70

"ในตอนนี้กองทัพของเยี่ยอ๋องเดินทัพเข้าประชิดประตูเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ""บังอาจ! ในขณะที่ฝ่าบาทกำลังประชวรเขามีสิทธิ์อันใดมาเคลื่อนทัพเข้าเมืองหลวง" เผิงฮองเฮารู้สึกโมโหจนหน้าสั่น"ทูลฮองเฮากระหม่อมขอพระราชทานอนุญาตเป็นผู้นำกองกำลังทหารไปจัดการกับกบฏเยี่ยอ๋องด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ" เผิงเซียงเหอ กล่าวอย่างหนักแน่น ในขณะเดียวกันเหล่าขุนนางในท้องพระโรงก็เกิดอาการแตกตื่นไม่แพ้กันผู้ใดเล่าจะมิรู้ว่าเยี่ยอ๋องหรืออดีตองค์ชายใหญ่ในรัชสมัยของอดีตฮ่องเต้นั้นมากความสามารถเพียงใด เพียงแค่กองกำลังเจ็ดร้อยนายของเขาผู้นั้นยังสามารถฆ่าล้างชนเผ่านอกด่านได้นับพันนับหมื่น แล้วนับประสาอันใดกับกองทหารรักษาเมืองที่ไม่เคยสังหารศัตรูในสนามรบจริง ๆ คราวนี้คงหนีไม่พ้นเมืองหลวงต้องลุกเป็นไฟเสียแล้วในขณะที่ท้องพระโรงกำลังเกิดความชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น อยู่ ๆ น้ำเสียงอันทรงพลังของใครบางคนก็ดังกึกก้องขึ้นจากทางด้านหลัง"มันผู้ใดคิดที่จะสังหารข้าเช่นนั้นหรือ" แน่นอนว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินนั้นมิใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นเยี่ยอ๋องที่แม้จะผ่านวัยล่วงเลยมาจนถึงเลขห้าแล้วหากแต่ความสุขุมองอาจที่เปี่ยมไปด้วยพลังและไอสังหารก็ยังคงมี

หลังจากจัดการระบบขุนนางใหม่ทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เยี่ยอ๋องก็ทรงมอบบัลลังก์ให้กับเป่ยติ้งหรงอ๋อง ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นต้าซ่ง พระนามว่าหรงเซ่อฮ่องเต้ เริ่มต้นรัชสมัยใหม่อย่างเป็นทางการแต่งตั้งพระชายาเอกเป่ยติ้งหรงอ๋องเป็นเมิ่งฮองเฮา แต่งตั้งท่านหญิงรั่วหวาเป็นองค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิง แต่งตั้งท่านชายน้อยรั่วเหยียนเป็นองค์ชายใหญ่โจวเต๋อ แต่เพราะเป่ยติ้งหรงอ๋องนั้นได้ปลดเหล่าอนุทั้งหมดของเขาทั้งยังตั้งข้อหาสตรีเหล่านั้นว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ทำให้วังหลังของเขาว่างเปล่ามีเพียงเมิ่งฮองเฮาพระองค์เดียวเท่านั้น เหล่าขุนนางจึงได้เรียกร้องให้หรงเซ่อฮ่องเต้รับสนมเพิ่มเพื่อที่หกตำหนักจะได้มีคนช่วยดูแล หากแต่ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างชัดเจนพร้อมกับข่มขู่มิให้ขุนนางเหล่านั้นเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จนกระทั่งเกิดเรื่องราวข่าวลือมากมายภายในเมืองหลวงอย่างไม่หยุดหย่อน"เขาว่ากันว่าฮองเฮาคือนางจิ้งจอกที่ล่อลวงฝ่าบาท" ชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้นในขณะที่สายตาของเขาก็เกิดความหวาดระแวง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา"ว่ากันว่าตระกูลเมิ่งเป็นผู้ครอบครองของวิเศษ เช่นนั้นฮองเฮาจะสามารถใช้ของวิเศษนั่นควบคุมฝ่าบา

ประกาศตามหาเจ้าฟู่ฟู่แมวสุดรักขององค์หญิงซิ่วจื่อหลิงถูกปิดประกาศไว้ทั่วเมืองหลวง สำหรับผู้ที่พบเห็นแล้วนำตัวส่งคืนจะได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ทำเอาชาวบ้านต่างแตกตื่นและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก บ้างก็กล่าวว่าองค์หญิงทรงสิ้นเปลืองเกินไปกับแค่แมวตัวเดียวก็สามารถทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ บ้างก็ว่าองค์หญิงนั้นทรงโง่เขลาเช่นที่ได้ยินข่าวลือจริง ๆ ผู้คนต่างนินทานางจนกลายเป็นเรื่องร้อนแรงที่สุด หากแต่ผู้ที่ถูกนินทาว่าร้ายกลับไม่สนใจสักนิด นางยังคงให้องครักษ์ออกตามหาเจ้าฟู่ฟู่ไม่หยุด และด้านนอกกำแพงวังเองก็มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่กำลังออกตามหาแมวขององค์หญิงเพื่อต้องการเงินรางวัลที่สูงถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แม้ปากจะเอ่ยนินทาเรื่องความสิ้นเปลืองของนางไม่หยุดหากแต่การออกตามหาเจ้าฟู่ฟู่แมวสุดโปรดขององค์หญิงก็ยังเป็นไปอย่างคึกคักเช่นกันในขณะเดียวกันบนรถม้าคันหนึ่งปรากฏร่างของฮูหยินและบุตรสาวคู่หนึ่งทั้งคู่กำลังเดินทางไปยังร้านผ้าไหมชั้นดีเพื่อตัดชุดในการเข้าร่วมงานชมบุปผาที่กำลังจะถึงนี้"อีกไม่ช้าไม่นานเจ้าก็จะได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงชั้นต้น จำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดี" ผู

กลางฤดูใบไม้ผลิ เริ่มต้นด้วยเทศกาลชมบุปผาที่สวนพฤกษศาสตร์หลวงนอกกำแพงวัง ภายในงานนั้นเปิดโอกาสให้หญิงสาวที่ผ่านการปักปิ่นและยังไม่ปักปิ่นสามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ โดยที่มิได้จำกัดเฉพาะสตรีชั้นสูงเท่านั้น ภายในงานจึงได้มีบรรดาบุตรหลานของเหล่าคหบดีผู้ร่ำรวยจำนวนไม่น้อย เนื่องด้วยปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างพิเศษมากกว่าทุกปีเพราะหรงเซ่อฮ่องเต้ก็จะทรงเสด็จมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกันทำให้สตรีในห้องหอจำนวนไม่น้อยต่างตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้กันอย่างตื่นเต้น เห็นจะมีเพียงซิ่วจื่อหลิงที่มิใคร่อยากจะมาร่วมงานนี้สักเท่าใดนัก หากแต่นางมิอาจขัดพระประสงค์ของเสด็จแม่ได้รถม้าคันใหญ่ที่มีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์เคลื่อนตัวเข้ามายังบริเวณสวนก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด ก่อนจะมีเสียงประ

ถึงเวลาที่สาวใช้เป็นผู้นำอาหารมาส่งยังคุกมืดแห่งนี้ ในขณะที่นางกำลังเข็นรถเข็นผ่านมายังบริเวณหน้าห้องขังด้านในสุดก็ต้องรู้สึกแปลกใจ ที่ภายในนั้นเงียบสงบผิดปกติ ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้และเมื่อเพ่งมองดูให้ชัด ๆ ก็พบกับร่างของหญิงชรานอนหงายอยู่ในท่าทางที่ไม่ปกติโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด บริเวณพื้นโดยรอบเต็มไปด้วยสีแดงฉาน นางตกใจแทบสิ้นสติก่อนกรีดร้องออกมาพร้อมกับเป็นลมล้มพับไป เหล่าทหารยามที่ได้ยินเสียงดังกล่าวก็กรูกันเข้ามาพบกับสองร่างที่มีสภาพอเนจอนาถไม่ต่างกันนัก พวกเขาปลุกสาวใช้ผู้นั้นขึ้นมาเพื่อที่จะสอบถามความเป็นมาหากแต่ดูเหมือนว่านางจะตกใจจนเป็นลมไม่ได้สติอีกครั้งเสียแล้ว เหล่าทหารยามจึงได้นำตัวสาวใช้ผู้นั้นออกจากคุกมืดแห่งนี้พร้อมกับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้