เจียงหมิ่นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของใต้เท้าเจียงผู้เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้นั้นถูกขังอยู่ในคุกหลวงที่อากาศหนาวเย็นที่สุดในยามค่ำคืน นางที่เดิมทีก็มิได้เป็นที่รักและเอ็นดูของบิดาอยู่แล้วซ้ำยังมาก่อเรื่องเช่นนี้อีก
นางถูกขังอยู่กับนักโทษเดนตายที่รอวันพิจารณาเพื่อประหารชีวิต นักโทษที่นี่ส่วนใหญ่ถูกขังลืมหรือไม่ก็รอวันตายเท่านั้น เจียงหมิ่นรู้สึกว่าตนเองนั้นทำพลาดไปแล้วจริง ๆ นางไม่น่าหลงเชื่อคำพูดของเจียงซุนหนิงพี่สาวต่างมารดาเลยแม้แต่น้อย เพราะซุนหนิงกล่าวว่าหากนางทำเช่นนี้นางก็จะได้มีโอกาสกลายเป็นหนึ่งในพระสนมของฝ่าบาท จนกระทั่งนางต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะนึกไปถึงแผนการที่ล้มเหลวเป็นเพราะความหึงหวงของเมิ่งฮองเฮาโดยแท้
อยู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ เจียงหมิ่นพยายามที่จะพาร่างของนางไปที่หน้าลูกกรงเหล็กก่อนจะพบกับสตรีที่มีใบหน้างดงามผู้หนึ่ง หากแต่สตรีผู้นั้นมิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจียงซุนหนิงพี่สาวต่างมารดาของนางนั่นเอง
"น้องสาว... เจ้าสบายดีหรือไม่" เจียงซุนหนิงเอ่ยกับเจียงหมิ่นก่อนจะยกยิ้มที่ร
ต่อมามีฎีการ้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของคุณหนูหลิวอี้หลัน คุณหนูลี่อิน คุณหนูไป๋ถิง และท่านหญิงซูฉีในเรื่องที่พวกนางเอ่ยให้ร้ายองค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิง ฎีกานี้เขียนขึ้นโดยเสิ่นชิงหลวนก่อนจะถูกส่งให้กับฝ่าบาทโดยตรง ทำให้สตรีเหล่านั้นถูกลงโทษด้วยการถูกโบยคนละยี่สิบไม้พร้อมกับถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน และคัดพระคัมภีร์เป็นจำนวนหนึ่งร้อยจบเรื่องราวการร้องเรียนนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในที่ลับและในที่แจ้งกันอย่างคึกคัก ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์หญิงใหญ่มากเพียงใด การกล่าววาจาให้ร้ายองค์หญิงใหญ่ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นช่างไม่รู้จักเกรงกลัวเสียบ้างบ้างก็กล่าวว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงมากเกินไป สตรีกลุ่มนั้นล้วนแต่เป็น
ทั้งสองฝ่ายเริ่มทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นและดูเหมือนว่าจินเยว่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบพวกนางไม่น้อย เพราะความตรงไปตรงมาไม่เสแสร้งของนางทำให้ไม่อาจเทียบได้กับหลิวอี้หลันที่อยู่ท่ามกลางสังคมที่สวมหน้ากากนี้มาเนิ่นนานในขณะที่ซิ่วจื่อหลิงกำลังจะก้าวเข้าไป ใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อนางได้เห็นเขาดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างด้วยความแปลกประหลาดใจยิ่งเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า ?"ให้ร้ายเชื้อพระวงศ์มีโทษสถานหนัก พวกเจ้ารู้หรือไม่ ?"
หากจะกล่าวถึงเสด็จปู่ของนางหรือว่าเยี่ยอ๋อง การทวงคืนบัลลังก์ของท่านปู่ในคราวนั้นนับว่ายังตราตรึงในความทรงจำของนางเป็นอย่างยิ่ง นับว่าท่านปู่ของนางนั้นเป็นยอดบุรุษที่หาผู้ใดเปรียบได้ยาก แม้ว่าจะได้พบเจอกับสตรีที่ร้ายกาจเช่นเผิงฮองเฮา หากแต่สุดท้ายแล้วยังได้พบกับสตรีที่รักในที่สุด องค์หญิงม่านสวีคือน้องสาวของฮ่องเต้แคว้นหนานเฉินในปัจจุบัน ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันเพียงคนเดียวนั่นก็คือตู๋กูอันชิงหรือว่าท่านอาเล็กของนางนั่นเอง การย้อนกลับมาในครั้งนี้นางมีโอกาสได้มีครอบครัวใหญ่ ทุกคนล้วนสำคัญกับนางต่างจากชาติก่อนที่นางไม่เหลือใครเลยสักคน ต่อให้ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทรงอำนาจนั้นแล้วเช่นไร แม้แต่คนที่นางรักก็ไม่เคยจริงใจกับนางสักนิด ในชีวิตใหม่นี้นางจะจดไว้ให้ดีจดจำในสิ่งที่คนผู้นั้นเคยได้ทำกับนาง ไม่ได้คาดหวังจะแก้แค้นเพราะไม่ต้องการนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวและขออยู่ให้ห่างไกลไม่ต้องพบเจอกันอีก ณ ตำหนักหนิงอัน "หว่านหว่าน นี่เจ้ายังไม่เลิกเขียนบันทึกอีกหรือ ?" หรงเซ
องค์ชายโจวเต๋อและองค์หญิงซิ่วจื่อหลิงถูกนำทางให้เข้ามาในห้องเรียนในวันแรกก็ได้รับความสนใจจากผู้คนในสำนักศึกษาเป็นอย่างมากทั้งสองพี่น้องถูกเชิญให้นั่งโต๊ะพิเศษด้านหน้าหากแต่ซิ่วจื่อหลิงนั้นปฏิเสธ นางให้เพียงน้องชายนั่งตรงนั้นส่วนตัวนางกลับเดินไปด้านหลังสุดของห้องก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะธรรมดาตัวหนึ่งไม่ต่างจากศิษย์คนอื่น ๆ ท่านอาจารย์เฉิงที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากหากแต่ไม่คิดแสดงออก"เจ้านั่งที่ตรงนี้เถิด พี่ไม่ชอบนั่งหน้าจะไปนั่งตรงโน้นแทนก็แล้วกัน""ขอรับ" โจวเต๋อไม่คิดเอ่ยเหนี่ยวรั้งผู้เป็นพี
ซิ่วจื่อหลิงถูกปลุกตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนผลัดเสื้อเป็นชุดของสำนักศึกษา หญิงสาวเพียงรองท้องด้วยอาหารอ่อนสองสามอย่าง หลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อยก็นั่งจิบชาเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางไปรอน้องชายที่บริเวณหน้าวังหลวงเพื่อไปสำนักศึกษาพร้อมกันองค์ชายโจวเต๋อเดินมาถึงรถม้าล่าช้ากว่าพี่สาวเล็กน้อย ปีนี้เขาอายุสิบสองแล้วหากแต่ความสูงกลับมากกว่าพี่สาวแล้ว อาจเป็นเพราะสามปีที่ผ่านมาเขาเริ่มที่จะฝึกวรยุทธ์ทุกวันในช่วงตื่นนอนตอนเช้า ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซิ่วจื่อหลิงมองดูน้องชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตขึ้นมากอย่างภูมิใจ"คารวะเจี่ยเจีย"
"เจ้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวงคงมิรู้ว่าปีนี้น้องชายของเจ้าก็กำลังจะเข้าสำนักศึกษาหลวงชั้นสูงแล้ว""นั่นสิเพคะ ลูกจากเมืองหลวงไปถึงสามปี ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียวเพคะ""อื้ม ปีนี้เจ้าเองก็คงต้องเข้าเรียนพร้อมกับน้องชาย จะเป็นอันใดหรือไม่เจ้าเรียนช้าไปถึงสามปี ให้แม่หาอาจารย์มาสอนให้กับเจ้าเป็นการส่วนตัวในวังหลวงดีหรือไม่" เมิ่งฮองเฮาเอ่ยกับบุตรสาวด้วยความรู้สึกห่วงใย นางกลัวความรู้สึกของบุตรสาวในยามที่พบกับเหล่าสตรีชั้นสูงปากมากเหล่านั้น"ไม่เป็นอัน