บททั้งหมดของ Undisclosure : บทที่ 541 - บทที่ 550

คนทั้งสามหัวเราะเบา ๆ พวกเขารู้ดีว่าอเล็กซิสค่อนข้างผิดหวังเมื่อการได้เจอกับครอบครัวไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอฝัน โดยเฉพาะไมเคิลที่ค่อนข้างตั้งแง่กับเจสซี่ เหมือนพวกเขามีเคมีไม่ตรงกัน แม้อเล็กซ์กับไมเคิลเคยมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่มาก่อน แต่ตอนนี้กลับซี้ปึกเหมือนเพื่อนสนิทคนอื่น และเขาก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับมุมมองว่าเจสซี่จะเป็นคนที่ทำให้อเล็กซิสอยู่ไม่สุข พี่ชายคนนี้ผ่านเหตุการณ์ที่ยากลำบากมาไม่ต่างจากพวกเขา ทว่าทัศนคติของชายหนุ่มค่อนข้างมุ่งไปทางล้างแค้นมากจนเกินไป เขาเพียงต้องการทำลาย ทำลาย และทำลายแต่นั่นก็เป็นอคติเริ่มแรกล่ะนะเจสซี่ไม่เคยฆ่าคนมาก่อนเหมือนกับพวกเขาเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ชายหนุ่มอาจจะเป็นประเภทพอได้ฆ่า...เมื่อมือของเขาเปื้อนเลือดมากมายนับไม่ถ้วน วิธีลดความรู้สึกผิดบาปคือทำต่อไป เพราะเขาถือว่าตัวเองได้เลือกวิถีแห่งปีศาจแล้ว ขจัดคนเลวเพื่อปกป้องคนดี อะไรประมาณนั้น เจสซี่อาจจะทำให้เป้าหมายของน้องสาวชัดเจนมากขึ้น แต่ในทางลบ ไมเคิลบอกอเล็กซ์ว่าเจสซี่จะต้องกระตุ้นให้อเล็กซิสเดินหน้ามุ่งไปเอไลโต ล้มล้างกลุ่มคนที่มีอำนาจราวกับพระเจ้าให้จงได้แน่นอน

“ลูเซียนเสนอให้พวกเราเป็นพวกของเขา ฟังดูดีไหม จะจบทุกอย่างได้จริงใช่ไหม แต่...พอฉันนึกถึงสิ่งที่เอไลโตทำกับเพื่อนพวกเรา เราสู้เพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือเป้าหมายแรก ต่อมาพวกเราก็ไม่ทนแล้ว เราต้องการล้มระบบ สุดท้าย...พวกมันกลับเป็นฝ่ายยกเลิกเอง ไม่มีกฎหมายเวร ๆ นั่นอีก ไม่มีการจับเด็กไปทดลอง ทอยซิตี้พินาศ ทุกอย่างพัง แต่มันไม่ใช่ฝีมือของพวกเราเลย เป็นพวกมัน แล้วทีนี้...เราก็จะเป็นพวกมัน...เหรอ”“แล้วทำไมเราต้องเป็นพวกมัน” เขาย้อนถาม “สกาย เธอก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรขาวกับดำ ฉันรู้ว่าจับมือกับพวกมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจ แต่ง่ายที่จะจบ แต่ว่านะ ทำไมเราต้องจับมือเพื่อจบ เราอยากจะล้มเอไลโต แต่เราไม่ได้อยากจะปกครองโลก ถ้าอย่างนั้นอะไรล่ะคือสิ่งที่เราต้องการ สุดท้ายแล้ว พวกเราต้องการอะไร เธอต้องการอะไร” เขาถาม จ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงิน ดวงตาที่สะกดเขาตั้งแต่เจอเธอในท้องฟ้าจำลอง มันสวยงามกว่าจักรวาลลวงตาในนั้น แต่วันนี้มันกลับหม่นหมองถึงที่สุด เหมือนกับดาวฤกษ์ที่กำลังจะตายแน่นอนว่าเขาไม่ยอม“...อเล็กซ์”เขาก้มลงจูบเธ

บางครั้งเหมือนโชคชะตาส่งสัญญาณ เธอไม่รู้ว่ามันเป็นสัญญาณเตือนเรื่องไม่ดีหรือเป็นเพียงความบังเอิญ หรือสัญญาณแห่งความคลี่คลาย เพราะนอกจากอเล็กซิสจะได้สะสางปมของตัวเอง เธอกับพี่ชายก็เข้าใจกันในที่สุด เธอควรจะเตรียมตัวเข้านอน หรือทบทวนแผนการที่ฝ่ายไลบราเลียได้วางไว้ แต่กลับมีแขกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะถ่อสังขารมาถึงนอร์ธพอร์ตจูนนั่งเครื่องบินลงเมืองข้างเคียงแล้วนั่งรถไฟต่อเข้ามา เธอบอกว่าตอนนี้พวกคุณและคุณนายมิลเลอร์หาที่อยู่ใหม่แล้ว และยอมให้เวดอยู่กับคาเลบ พ่อของเธอยังรอกลับไปยังอพาร์ตเมนต์เดิมทันทีที่ประตูซ่อมเสร็จ ส่วนเวดกับจีฮุนยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปอยู่กับใคร หรือแยกตัวออกไป เอโลดี้ก็หาที่อยู่ใหม่ได้ ส่วนจูนก็ย้ายออกไปเช่นกัน ไม่ได้กลับไปบ้านของพ่อเลี้ยง แต่เธอเลือกเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่คำถามคือ ทำไมจูนต้องถ่อมาหาอเล็กซิสด้วย หรือว่ามาหาเจสซี่?ริงโก้บอกว่ามีเพื่อนมาหา ตอนนั้นอเล็กซิสแทบไม่อยากเชื่อหูและสงสัยว่าเป็นใคร ไม่ใช่เพราะว่าเธอลืมเพื่อนในซานโบซ่าไปแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกตั้งแต่เธอไป และเธอไม่คิดว่าเป็นจูนสาวผมสีน้ำตาลแดงมัดเป็นมว

ชั่วพริบตาที่เธอละความสนใจจากอเล็กซ์ก็เห็นไมเคิลกระโดดห่างออกไป เปลวเพลิงขนาดยักษ์ทลายยานรบที่ไล่ยิง อเล็กซิสติดต่อกับยานฝั่งตัวเองเพื่อขอให้พวกเขาอัปโหลดแผนผังเมืองโมลต้าที่เจสซี่เคยทำไว้คร่าว ๆ ก่อนลงรายละเอียดด้วยโดรนสแกนของฝั่งเจ้าชายเมเคอร์ มันจะอัปโหลดเข้ากับระบบเสื้อสูทในตัวทุกคน เป้าหมายของเธอคือหัวหน้าใหญ่ คาเรล ฮีบิส เจสซี่บอกว่าในคณะผู้นำ หมอนี่เป็นตัวหลัก โดยมีรองหัวหน้าคือซีเซอร์ ฮีบิส หลานชายหญิงสาวป้อนค่าแผนที่แล้วเปิดระบบนำทาง ลูกศรชี้ผ่านหน้ากากกระจก อเล็กซิสสูดหายใจแล้วเริ่มเพ่งสมาธิ หิมะที่เริ่มละลายเพราะไฟของไมเคิลแข็งตัวรวมกันกลายเป็นทางเดินน้ำแข็ง เธอวิ่งนำทุกคนไป“อเล็กซ์ตามแฟนนาย เทสต่อเลย ส่วนฉันรั้งท้ายเอง” เสียงไมเคิลดังขึ้นผ่านลำโพงในหมวก เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตามมา ยานรบของโมลต้าสองลำลอยปรากฏให้เห็น แต่ถูกพลังของอเล็กซ์ซัดก่อนจะออกอาวุธ เมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นว่าพวกมันเริ่มตื่นตัวกับคนทั้งสี่มากขึ้น ใช่สิ นี่ไม่ใช่พลทหารธรรมดา และเมื่อเธอเงยหน้าจะเห็นว่ากระแสไฟฟ้าวิ่งเป็นเส้นแล้วแวบหายไปสัญญาณบอกว่าโคดี้กำลังจะทำสำเร็จ อีก

“พวกเธอเรียกตัวเองอย่างนั้นเหรอ แปลกดีนะ กลุ่มเสี่ยง...ฉันกลับมองว่าเป็นการวิวัฒนาการที่น่าเหลือเชื่อ อะไรที่พวกเรามี เอไลโตก็มีสินะ” สิ้นประโยคนั้น ใบหน้าของเธอเริ่มบิดเบี้ยวจนน่ากลัว ราวกับมีบางสิ่งฉีกร่างของเธอจากภายใน เทสซ่าถึงกับปิดปาก อเล็กซิสอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เพราะนึกถึงร่างของเบ็กกี้ที่ถูกทดลอง ทว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน หากไม่เกริ่นประโยคข้างต้น อเล็กซิสอาจจะคิดว่าเธอเป็นผลผลิตของการดัดแปลงพันธุกรรมในตัวมนุษย์ หรือเรียกได้ว่ามาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถเปลี่ยนร่างได้คล้ายกับทั้งเรมีและบราม ทว่าบรามจะเปลี่ยนได้เพียงอวัยวะ และเป็นได้ทั้งเหล็ก ไม้ หรือแม้แต่ยาง ส่วนเรมีเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ เธอคนนี้เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์หมาป่ายืนสูงเกือบสามเมตร กรงเล็บแหลมยาว ใบหน้าแหลม ฟันแหลมคม ทั้งดวงตากลายเป็นสีเหลืองออกแดง เสียงที่คำรามออกมายังดังสะเทือนไปทั่วโดม“คิดเสียว่าเป็นสุนัขพวกนั้น” เทสซ่าบอกทุกคนพวกเขาคิดผิดเพียงแค่คิดจะว่าจะโจมตีอย่างไรดีก็ถูกไม