อเล็กซิส ถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากรเพียงเพราะเธอมีพรสวรรค์โดดเด่นกว่าคนอื่น เธอจะทำอย่างไรเมื่อถูกส่งตัวไปยังสถานบำบัดสุดแสนพิลึก และไม่มีใครตอบเธอได้ว่า มีสิ่งใดที่กำลังรออยู่
Lihat lebih banyakเย็นวันหนึ่งของเดือนตุลาคม มาร์กาเร็ต ลูกสาวคนที่สองของครอบครัวสตีเว่นนั่งเป็นตัวเอกท่ามกลางสมาชิกครอบครัว พวกเขาต่างรับประทานอาหารพร้อมหน้าเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดครบหกขวบของเธอ
มันควรเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง เพียงแต่ว่าความพิเศษถูกยกระดับไปอีกขั้น และมันไม่ใช่ระดับที่เธอพึงปรารถนาเลยสักนิด
ท่ามกลางกลิ่นอายแห่งความสุข เธอไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ากำลังจะมีเหตุการณ์แย่ ๆ เกิดขึ้นในไม่ช้านี้
สมาชิกทุกคนในครอบครัวสตีเว่นล้วนมีผมสีบลอนด์ทองหยักศกกับดวงตาสีเขียวดั่งหยก ขณะนั้นเด็กหญิงเจ้าของวันเกิดยิ้มจนปากแทบฉีกไปถึงแก้ม
วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดเลย เธอคิดในใจ
เด็กหญิงอาจลืมไปแล้วว่าเคยสัมผัสความสุขสนุกสนานแบบนี้ทุกปี ไม่แปลกหรอก เด็กอย่างเธอชอบงานปาร์ตี้ เค้ก และของขวัญ และเธอก็ไม่ได้ต่างจากเด็กคนอื่นเลย พ่อแม่จัดงานถูกใจเธอเสมอ ทั้งสองยังมอบของขวัญเป็นบ้านตุ๊กตาที่เพิ่งวางขายล่าสุด ของขวัญที่เด็กผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนยังไม่ได้ครอบครอง และมาร์กาเร็ตจะเป็นคนแรกที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ เด็กหญิงตัวน้อยคิดภาพเพื่อน ๆ รายล้อมดูของเล่นชิ้นใหม่ โดยลืมไปว่าเธอไม่มีทางขนของเล่นขนาดนี้ไปที่โรงเรียนได้ และที่สำคัญที่สุด โรงเรียนไม่อนุญาตให้เอาไปเสียด้วย แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของคนแรกจนลืมข้อเท็จจริงนี้ไป นอกจากพ่อแม่แล้ว มอลลี่ พี่สาวคนโตยังมอบสร้อยคอเจ้าหญิงให้เป็นของขวัญอีกหนึ่ง ซึ่งมันเข้ากับชุดเจ้าหญิงที่พ่อและแม่ให้เธอเมื่ออาทิตย์ก่อน มีเพียงคนเดียวที่ไม่ต้องให้ของขวัญแก่มาร์กาเร็ต นั่นคือ น้องน้อย แมรี่ น้องสาวที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี
ห่างจากโต๊ะรับประทานอาหารประมาณหนึ่งเมตร เสียงใส ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากโทรทัศน์กรอบไม้ที่ตั้งอยู่ โดยมีเสาอากาศวางอยู่ด้านบน
“สวัสดียามเย็นค่ะท่านผู้ชม ขอต้อนรับสู่รายการนั่งคุยกับเซซิเลีย ช่วงรับประทานอาหารเย็นวันนี้ ดิฉันมั่นใจว่าผู้ชมทางบ้านคงนั่งไม่ติดเก้าอี้แน่ ๆ เลยค่ะ เพราะแขกรับเชิญในวันนี้ คือ ดร. แคลสเตอร์ ดีนส์ รองศาสตราจารย์จากโรงเรียนกฎหมายเฮมส์เวิร์ธ ผู้ที่ทำให้สถานการณ์การเมืองร้อนฉ่าอยู่ตอนนี้ สวัสดีค่ะ ดร. ดีนส์”
“สวัสดีครับ เซซิเลียที่รัก”
“ดร.คะ กล่าวถึงบทความของคุณที่ลงในวารสารเฮมส์เวิร์ธฉบับ122 หน้า 22 ถึง 25 คุณได้แถลงจุดยืนคัดค้านรัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมกลุ่มเสี่ยงภัยต่อมนุษยชาติ ปี 2966 หลายคนชื่นชมผลงานของคุณมากเลยค่ะ ดิฉันก็เช่นกัน (“ขอบคุณครับผม!” ดร.ดีนส์กล่าวพร้อมยืดตัวขึ้น ขณะที่เซซิเลียหันมาสบกับกล้อง) ท่านผู้ชมคะ บทความนี้กลายเป็นหัวข้อร้อนทันทีที่วารสารได้รับการตีพิมพ์ (เสียงไพเราะของเธอดึงดูดให้มาร์กาเรตสนใจ แต่พิธีกรสาวได้หันกลับไปหาแขกรับเชิญแล้ว) คุณกำลังบอกว่า คุณไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวที่ขัดแย้งกับหลักเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน...”
“พ่อคะ ปิดทีวีสักทีสิ เราจะร้องเพลงอวยพรให้เม็กนะคะ” พี่สาววัยสิบหกปีขอร้องเชิงตำหนิ แต่แทนที่จะปิดทีวี พ่อกลับลดเสียงให้เบาลงเท่านั้น ทำไงได้ เขาชื่นชอบรายการนี้มากและมักจะอวดว่าเซซิเลียซึ่งเป็นพิธีกรรายการเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา “เธอเป็นคนฉลาดมาก” เพราะเหตุนี้เอง มอลลี่จึงชอบแหย่พ่อกับแม่ด้วยการพูดว่าเซซิเลียคือรักแรกของพ่อแน่ ๆ เลย และแม่จะหัวเสียทุกครั้งที่พี่พูดแบบนี้
มาร์กาเร็ตเลียซอสบนมุมปาก ตอนนี้ก็ยังได้ยินเสียงทีวีอยู่
“...ครับ เราต้องพิจารณาคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน ‘กลุ่มเสี่ยง’ ทำไมเราถึงเรียกพวกเขาแบบนั้น พวกเขาก็เหมือนกับพวกเรา เพียงแต่มีทักษะพิเศษที่น่าเหลือเชื่อเท่านั้นเอง แค่หลักการทางวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้ยังไม่สามารถหาที่มาของความพิเศษนี้ได้ อ้อ ใช่แล้ว เพราะการที่เราหาคำตอบไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดกฎหมายนี้ เพราะคำถามที่ว่าอะไรทำให้พวกเขาถึงพิเศษกว่าคนอื่นยังไม่มีคำตอบ เอาละ ๆ ผมจะไม่พูดถึงหลักศาสนาหรือผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอหรอกนะ มันฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ สำหรับผม การที่เราให้คุณค่ากับคนกลุ่มนี้ต่างหากที่ผมอยากจะเน้นย้ำให้ตระหนัก แม้เราไม่สามารถหาคำตอบได้ในตอนนี้ก็จริง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะลดคุณค่าของพวกเขาในฐานะมนุษย์ หากให้ขยายความ มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ที่มีพรสวรรค์หรือมีทักษะพิเศษในบางกิจกรรมที่อาจทำให้เราแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่ากลัวเลย คำถามของผมคือ ทำไมเรามองพวกเขาเหมือนเป็นตัวอันตราย ทำไมเราต้องปฏิบัติกับพวกเขาราวกับเป็นเชื้อโรคร้ายแรง ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่สิ่งน่ากลัว มันก็เหมือนกับเวลาคุณมีพรสวรรค์ในการวาดรูปหรือร้องเพลง หรือลองคิดถึงทักษะประหลาด ๆ ที่เรามักเห็นในรายการทีวีหรือคณะละครสัตว์สิ บางที นี่อาจจะเป็นวิวัฒนาการบางอย่างของมนุษย์ทางร่างกายและมันสมอง ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว พวกเราวิวัฒนาการอยู่เรื่อย ๆ หรือนี่อาจเป็นเพียงแค่พรสวรรค์พิเศษจริง ๆ”
“...แฮปปี้เบิร์ธเดยยย์ ทู—ยู” พวกเขาเกือบจบเพลงพร้อมกันแล้ว ถ้าหากพ่อหยุดมองจอโทรทัศน์สักนิด เขาถลึงตาจ้องหน้าจอ ส่วนปากฮัมเพลงอวยพรเธอด้วยเสียงเหมือนกับเครื่องดูดฝุ่นเก่า ๆ
“อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าคุณคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนป่วย พวกเขาเหมือนกับพวกเราและสมควรได้รับสิทธิในฐานะมนุษย์เหมือนกับคนปกติ”
“ใช่ครับ พวกเขาเป็นมนุษย์ปกติเหมือนพวกเรา มีสิทธิเช่นเดียวกับ...”
ทันใดนั้น มาร์กาเร็ตเหลือบเห็นหน้าจอโทรทัศน์ปรากฏข้อความแจ้งว่ารายการนี้ขัดต่อบทบัญญัติทางกฎหมาย แต่เวลานี้พ่อหันเหความสนใจทั้งหมดมาที่เธอแล้ว เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ารายการโปรดได้ถูกระงับออกอากาศเป็นที่เรียบร้อย
“ขอพรเลยเม็ก แต่ระวังพรที่ขอด้วยนะ”
เด็กหญิงเลิกจ้องทีวีแล้วก้มมองเค้กตรงหน้า
“ถ้าน้องขอให้พรุ่งนี้โรงเรียนประกาศหยุดละก็ ยังไงพรก็ไม่มีวันเป็นจริงหรอกจ้ะ” พอมอลลี่พูดจบ ทุกคนหัวเราะกันทันที เด็กหญิงทำหน้ามุ่ยที่พี่สาวรู้ทัน
เธอจะขอพรอะไรดี ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปดีไหม มีพ่อ แม่ มอลลี่ และแมรี่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันขอให้มีความสุขและชีวิตราบรื่นเหมือนวันนี้ละกัน เด็กหญิงขอพรในที่สุด แต่โชคร้าย พรของมาร์กาเร็ตไม่มีวันเป็นจริง ไม่มีวัน...เพราะเงาดำย่างกรายมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เวลาแห่งความสุขของเธอกำลังจะจบลงในไม่ช้า
เสียงกริ่งดังขึ้น แม่ทำจมูกย่นแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจนัก คงนึกสงสัยว่าใครมาเยี่ยมในเวลาเย็นแบบนี้แน่เลย
“โธ่ ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้สิ พวกเขาระงับการออกอากาศแล้ว” นายสตีเว่นคร่ำครวญอยู่คนเดียว
“ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่รัก คุณต้องหาช่องโปรดช่องใหม่แล้วล่ะค่ะ บอกลาเซซิเลียที่รักของคุณได้เลย อาชีพการงานของเธอจบแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจจนออกนอกหน้า จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู
มาร์กาเร็ตวิ่งไปที่บ้านตุ๊กตา เธอเอาเศษกระดาษของขวัญมาถมทับไว้ก่อนจะหันไปมอง
แมรี่ “ยังเล่นไม่ได้นะ” แต่น้องเล็กหัวเราะแล้วจ้วงเค้กเข้าปาก ไม่สนใจคำพูดของพี่สาวเลย เด็กหญิงเท้าเอวขัดใจแล้วเดินกลับไปที่เก้าอี้ “มันเป็นของฉัน”“แบ่งให้แมรี่เล่นสิ อย่าไร้น้ำใจ” มอลลี่เอ็ด
“เดี๋ยวถึงวันเกิดแมรี่เมื่อไรก็จะได้เหมือนกัน!” เธอเถียง
“เราก็จะมีบ้านสองหลัง พวกเธอก็เล่นเป็นเพื่อนบ้านกันไง” พี่สาวแนะนำ แมรี่หันมาพยักหน้าหงึก ๆ ใบหน้าเปื้อนครีมสดเป็นที่เรียบร้อย
“เดี๋ยวนะคะ ลูกสาวของฉันทำอะไรผิดเหรอคะ!”
เสียงแม่ดังมาจากด้านหน้า พ่อที่กำลังกุมหัวจ้องทีวีรีบกดปิดแล้วเดินอาด ๆ ตามแม่ไป “อะไรเหรอคุณ”
มอลลี่ได้ทีแอบขโมยมันฝรั่งทอดที่เธอปฏิเสธไปตอนแรกจากจานของพ่อ
“พี่บอกว่ากลัวอ้วนนี่นา” เด็กหญิงเลิกคิ้วถาม พี่สาวหันมาทำเสียงขู่ใส่
มาร์กาเร็ตหยิบช้อนสับเค้กในจานเล่น นึกสงสัยว่าทำไมพ่อกับแม่หายไปนาน แถมยังไม่พาแขกเข้ามา หรือว่าเป็นพวกขายของ แต่ว่าปกติแล้วพวกเขาไม่มาตอนเย็นแบบนี้นี่นา ความอยากรู้ของเด็กน้อยดึงความสนใจจากจานของหวานไปที่ประตู เธอกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งตรงไปยังทางเดินเข้าบ้าน ร่างเล็กหลบอยู่หลังตู้โชว์แจกันกระเบื้องเคลือบ เธอเห็นพ่อกับแม่คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาเป็นตำรวจแน่ ๆ เธอจำเครื่องแบบสีกรมท่าได้ แถมมากันสองคน
“...นี่เป็นหมายจับภายใต้อำนาจดำเนินการของกฎหมายที่พวกเราก็รู้ว่ามาจากข้อไหน คงไม่ต้องให้อธิบายมากความหรอกนะครับ โปรดให้พวกเราเข้าไปเถอะครับ เราต้องการพบกับมอลลี่ สตีเว่น” หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ยังแฝงว่ารีบร้อน
หมายจับ...จับใคร
ไฟแผดเผาทุกสิ่ง อาจเป็นการจำลองนรกก่อนเจอของจริง และยิ่งเขาไม่เชื่อในพระเจ้า หากสิ่งนั้นมีจริง ความตายจะเปิดประตูพาเขาไปยังที่นั่น หากแต่หนึ่งชีวิตในอ้อมกอดนี้ไม่ควรอยู่ตรงนี้ ยัยโง่ ดื้อด้าน เสียสติเขาไม่รู้สึกร้อนอีกต่อไป ไม่แม้แต่เจ็บปวด มีแต่ความอบอุ่นและเสียงหัวใจของตัวเองพร้อมกับร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สภาวะแน่นิ่งเหมือนกาลเวลาหยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ “Sleep my little boy. Sleep in peace before they come. They took one from me. I won’t let them get you.” มันไม่ใช่เสียงของเขาหากแต่เป็นเสียงของแม่ เหมือนกับครั้งหนึ่งเขาเคยมีสภาพแบบนี้ในสถานที่ปลอดภัยที่สุดเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปลวไฟห่อล้อมรอบกายหากแต่มันไม่อาจสัมผัสพวกเขา ยกเว้นเพียงไอร้อนที่ทำให้เหงื่อแตกจนคอดับ “อเล็กซิส” เขาเรียกเสียงแหบพร่า แต่เธอไม่ตอบแล้ว แววตาของเธอปิดสนิท หากแต่ยังมีลมหายใจ คงหมดสติไปตั้งแต่แรงกระแทกแรก ๆมันคืออะไร วงกลมปริศนาที่ห่อล้อมรอบกายนี้คืออะไรกันแน่ “พลังของเธอหรือ” แต่เด็กสาวในอ้อมกอดยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิร
มุมปากเธอกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง “ฉันเจอเบ็กกี้แล้วนะ”“ออกไป” ไมเคิลจ้องหน้าเขม็ง เขาโกรธมากจริง ๆ “ออกไปเดี๋ยวนี้!”“ฉันไม่น่าเจอเธอเลย” อเล็กซิสยังคงพูดเล่า ไม่สนใจว่าเขาจะไล่เธอเขาเปลี่ยนจากถ้อยคำขับไสมาเป็นคำถาม “ติดเชื้อใช่ไหม”เด็กสาวพยักหน้า สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับมีใครกำลังกรีดอกเธออยู่ “กลีเอาเบ็กกี้ไปทดลองไวรัส และมันก็ได้ผลมากกว่าร่างคนอื่น” น้ำตาหยดลงพื้น อารมณ์เกรี้ยวกราดโมโหที่เธอไม่ยอมออกไปจากตึกมลายหายไปกลายเป็นอยากปลอบโยน เขายกมือจับแก้มเธอ แต่อเล็กซิสส่ายหน้า “นายกลัวหรือเปล่า” พยักพเยิดไปทางระเบิดเขาส่ายหน้า “ฉันเกือบตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่อยากให้เธอตาย ขอร้องล่ะ ออกไปเถอะนะ ทิ้งฉันไว้” และตอนนั้นเอง เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ต่อหน้าเธออีกแล้ว“ก็นะ” อเล็กซิสยักไหล่ทั้งน้ำตา “ฉันแค่เลื่อนเวลาให้มันเร็วขึ้น นายก็รู้”“มีคนรักษาเธอได้ เชื่อฉันเถอะนะ ยังมีเวลา ออกไปเถอะ” เขาอ้อนวอน
“พาทุกคนออกไป” เขาบอกโคดื้ “รีบเปิดประตูกลซะ แจ้งกลุ่มบี บอกทุกคนให้ออกจากตึกนี้” แต่เพื่อนกลับไม่ขยับ ดวงตาดวงเดียวมองสลับระเบิดกับไมเคิลแล้วเริ่มยกมือพยายามจะปลดมันออก “เก็บพลังไว้พาทุกคนออกไป” เขาตวาด “โคดี้! นายต้องพามินนี่กลับไปหาแฟนนาย นายปลดระเบิดทุกอันไม่ได้”“แล้วนายล่ะ”“ยืนนิ่งทำไมวะ ไอ้หุ่นเวรพวกนั้นไปหมดแล้ว ที่เหลือพอรับมือได้...” อเล็กซ์โผล่มา “นายบาดเจ็บหรือ” เขามองเข้ามา“แย่กว่านั้น” โคดี้ตอบแทนก่อนพยักพเยิดไปทางระเบิดอเล็กซ์มองตามสายตา สาวผมสั้นยังคงเกาะติดเขาราวกับปลิงที่สลัดไม่หลุด “อเล็กซ์ พวกเราต้องรีบจัดการหุ่นให้หมด”แต่เขายกมือไม่ให้เธอพูด “นายทำให้มันไม่ระเบิดได้นี่ เมื่อกี้ยังปิดระ...บบ” ชายหนุ่มรู้แล้วว่ามันเกินกว่าโคดี้จะจัดการได้เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่กล่องเดียวและดูท่ากล่องจิ๋วพวกนี้ถูกฝังอยู่ภายในทั่วทั้งอาคาร ดวงตาสีดำตวัดกลับมาที่ขาในซอก “บางทีอาจจะไม่มี...”“ไม่”
“ไทรอน กลุ่มเอ ประตูหลายแห่งถูกปิด หุ่นยนต์ออกมาเต็มไปหมด” ไม่ทันไรผู้แจ้งข่าวถูกปีศาจปราดเปรียวใช้แขนอันทรงพลังแทงทะลุทรวงอกจนหัวใจหล่นออกมาดิ้นตุบ ๆ สาวอาสาสมัครคนหนึ่งกรีดร้องกับภาพที่เห็นแม้มันละเว้นเธอไปหาเป้าหมายอื่น หุ่นยนต์รุ่นนี้ไม่มีแสงเลเซอร์ที่ตา แต่คล่องแคล่วว่องไวและแข็งแกร่งยิ่งนักโผล่มาจากไหนวะ หุ่นยนต์พิฆาตสองตัวที่กำลังทำลายประตูถูกทำลายสิ้น ไมเคิลมองไปทางโคดี้ เขาทาบมือกับประตูห้องแล็บ กระจกฝ้ามัวค่อย ๆ กลับมาใสและทึบสลับอยู่อย่างนั้น พาสองสาวออกมาให้ได้นะ เขาฝากมินนี่และเบลินดาไว้ในมือเพื่อนแล้ววิ่งตรงไปยังปีศาจตัวดังกล่าวมันไหวตัวทันราวกับถูกติดตั้งเซนเซอร์ไว้รอบตัว แก้มขวาเย็นวาบเพียงเสี้ยววินาทีก็ร้อนเหมือนมีเหล็กทาบพลันร่างถลันล้มครูดไปกับพื้น กรามขวาชาลามไปถึงข้างซ้าย ประสาทรับรู้ทั้งห้าเร่งทำงานให้ทันเล่ห์ศัตรู เขากลิ้งตัวหลบ กำปั้นเหล็กตอกลงไปกับพื้นจนแตกเป็นรู ไมเคิลเหวี่ยงดาบเล็งฟันคอฉับ มันทรุดตัวลง ศีรษะหมุนขวับมาข้างหลัง มือสองข้างคว้าดาบของเขาแล้วดึง ร่างเด็กหนุ่มกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงราวกับลูกบอล
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกับเปลวไฟคือภาพเดียวที่ไมเคิลนึกออกในเวลานี้ ท่ามกลางซากคอนกรีตและตัวเลขสีแดงขยับทุกนาที เพียงฟังมันร้องดังติ๊ก ๆ ประหนึ่งบทเพลงสุดท้ายอันแสนไพเราะ เด็กหนุ่มภาวนาให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใช้เวลาเพียงกะพริบตาอีกสามสิบห้านาทีนั่นคือเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ โลกที่ไม่เคยให้คำตอบเลยว่าทำไมเขาจึงไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่งเหมือนเด็กคนอื่น ทำไมครอบครัวถึงถูกตามล่าตลอดเวลา และทำไมถึงไม่มีใครอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วตายโดยไม่รู้อะไร ผมหวังว่าหากได้เจอกัน พ่อกับแม่จะบอกผมนะขาข้างซ้ายติดคาอยู่ในซอก มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดึงออกมา เพียงแต่ว่าอวัยวะส่วนนี้กลายเป็นคานถ่วงเวลาให้ทุกคนหนีออกไป เขาจึงต้องนั่งอยู่ในท่านี้ และที่สำคัญ ถ้าเอาขาออก เขาก็ตายอยู่ดี เพราะเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าแขนที่ติดตั้งอยู่กับขื่อแน่นหนาจะได้รับแรงกระทบกระเทือน ยามนั้นทุกอย่างในนี้จะวอดวายกันเลยทีเดียว ตอนนี้เขาจึงปล่อยให้มันอวดหน้าปัดนาฬิกาที่กำลังเดินถอยหลังอยู่เรื่อย ๆ หากไมเคิลดึงขาออก บริเวณนี้จะพังครืนลงทำให้เจ้าสิ่งนี้ระเบิดทันที และถ้ามั
อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ยเจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิสเทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”“พวกเรามีโดรนจู่โจม”“แ
Komen