อเล็กซิส ถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากรเพียงเพราะเธอมีพรสวรรค์โดดเด่นกว่าคนอื่น เธอจะทำอย่างไรเมื่อถูกส่งตัวไปยังสถานบำบัดสุดแสนพิลึก และไม่มีใครตอบเธอได้ว่า มีสิ่งใดที่กำลังรออยู่
View Moreเย็นวันหนึ่งของเดือนตุลาคม มาร์กาเร็ต ลูกสาวคนที่สองของครอบครัวสตีเว่นนั่งเป็นตัวเอกท่ามกลางสมาชิกครอบครัว พวกเขาต่างรับประทานอาหารพร้อมหน้าเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดครบหกขวบของเธอ
มันควรเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง เพียงแต่ว่าความพิเศษถูกยกระดับไปอีกขั้น และมันไม่ใช่ระดับที่เธอพึงปรารถนาเลยสักนิด
ท่ามกลางกลิ่นอายแห่งความสุข เธอไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ากำลังจะมีเหตุการณ์แย่ ๆ เกิดขึ้นในไม่ช้านี้
สมาชิกทุกคนในครอบครัวสตีเว่นล้วนมีผมสีบลอนด์ทองหยักศกกับดวงตาสีเขียวดั่งหยก ขณะนั้นเด็กหญิงเจ้าของวันเกิดยิ้มจนปากแทบฉีกไปถึงแก้ม
วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดเลย เธอคิดในใจ
เด็กหญิงอาจลืมไปแล้วว่าเคยสัมผัสความสุขสนุกสนานแบบนี้ทุกปี ไม่แปลกหรอก เด็กอย่างเธอชอบงานปาร์ตี้ เค้ก และของขวัญ และเธอก็ไม่ได้ต่างจากเด็กคนอื่นเลย พ่อแม่จัดงานถูกใจเธอเสมอ ทั้งสองยังมอบของขวัญเป็นบ้านตุ๊กตาที่เพิ่งวางขายล่าสุด ของขวัญที่เด็กผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนยังไม่ได้ครอบครอง และมาร์กาเร็ตจะเป็นคนแรกที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ เด็กหญิงตัวน้อยคิดภาพเพื่อน ๆ รายล้อมดูของเล่นชิ้นใหม่ โดยลืมไปว่าเธอไม่มีทางขนของเล่นขนาดนี้ไปที่โรงเรียนได้ และที่สำคัญที่สุด โรงเรียนไม่อนุญาตให้เอาไปเสียด้วย แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของคนแรกจนลืมข้อเท็จจริงนี้ไป นอกจากพ่อแม่แล้ว มอลลี่ พี่สาวคนโตยังมอบสร้อยคอเจ้าหญิงให้เป็นของขวัญอีกหนึ่ง ซึ่งมันเข้ากับชุดเจ้าหญิงที่พ่อและแม่ให้เธอเมื่ออาทิตย์ก่อน มีเพียงคนเดียวที่ไม่ต้องให้ของขวัญแก่มาร์กาเร็ต นั่นคือ น้องน้อย แมรี่ น้องสาวที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี
ห่างจากโต๊ะรับประทานอาหารประมาณหนึ่งเมตร เสียงใส ๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากโทรทัศน์กรอบไม้ที่ตั้งอยู่ โดยมีเสาอากาศวางอยู่ด้านบน
“สวัสดียามเย็นค่ะท่านผู้ชม ขอต้อนรับสู่รายการนั่งคุยกับเซซิเลีย ช่วงรับประทานอาหารเย็นวันนี้ ดิฉันมั่นใจว่าผู้ชมทางบ้านคงนั่งไม่ติดเก้าอี้แน่ ๆ เลยค่ะ เพราะแขกรับเชิญในวันนี้ คือ ดร. แคลสเตอร์ ดีนส์ รองศาสตราจารย์จากโรงเรียนกฎหมายเฮมส์เวิร์ธ ผู้ที่ทำให้สถานการณ์การเมืองร้อนฉ่าอยู่ตอนนี้ สวัสดีค่ะ ดร. ดีนส์”
“สวัสดีครับ เซซิเลียที่รัก”
“ดร.คะ กล่าวถึงบทความของคุณที่ลงในวารสารเฮมส์เวิร์ธฉบับ122 หน้า 22 ถึง 25 คุณได้แถลงจุดยืนคัดค้านรัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมกลุ่มเสี่ยงภัยต่อมนุษยชาติ ปี 2966 หลายคนชื่นชมผลงานของคุณมากเลยค่ะ ดิฉันก็เช่นกัน (“ขอบคุณครับผม!” ดร.ดีนส์กล่าวพร้อมยืดตัวขึ้น ขณะที่เซซิเลียหันมาสบกับกล้อง) ท่านผู้ชมคะ บทความนี้กลายเป็นหัวข้อร้อนทันทีที่วารสารได้รับการตีพิมพ์ (เสียงไพเราะของเธอดึงดูดให้มาร์กาเรตสนใจ แต่พิธีกรสาวได้หันกลับไปหาแขกรับเชิญแล้ว) คุณกำลังบอกว่า คุณไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวที่ขัดแย้งกับหลักเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน...”
“พ่อคะ ปิดทีวีสักทีสิ เราจะร้องเพลงอวยพรให้เม็กนะคะ” พี่สาววัยสิบหกปีขอร้องเชิงตำหนิ แต่แทนที่จะปิดทีวี พ่อกลับลดเสียงให้เบาลงเท่านั้น ทำไงได้ เขาชื่นชอบรายการนี้มากและมักจะอวดว่าเซซิเลียซึ่งเป็นพิธีกรรายการเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขา “เธอเป็นคนฉลาดมาก” เพราะเหตุนี้เอง มอลลี่จึงชอบแหย่พ่อกับแม่ด้วยการพูดว่าเซซิเลียคือรักแรกของพ่อแน่ ๆ เลย และแม่จะหัวเสียทุกครั้งที่พี่พูดแบบนี้
มาร์กาเร็ตเลียซอสบนมุมปาก ตอนนี้ก็ยังได้ยินเสียงทีวีอยู่
“...ครับ เราต้องพิจารณาคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนเหล่านี้ก่อน ‘กลุ่มเสี่ยง’ ทำไมเราถึงเรียกพวกเขาแบบนั้น พวกเขาก็เหมือนกับพวกเรา เพียงแต่มีทักษะพิเศษที่น่าเหลือเชื่อเท่านั้นเอง แค่หลักการทางวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้ยังไม่สามารถหาที่มาของความพิเศษนี้ได้ อ้อ ใช่แล้ว เพราะการที่เราหาคำตอบไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดกฎหมายนี้ เพราะคำถามที่ว่าอะไรทำให้พวกเขาถึงพิเศษกว่าคนอื่นยังไม่มีคำตอบ เอาละ ๆ ผมจะไม่พูดถึงหลักศาสนาหรือผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอหรอกนะ มันฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ สำหรับผม การที่เราให้คุณค่ากับคนกลุ่มนี้ต่างหากที่ผมอยากจะเน้นย้ำให้ตระหนัก แม้เราไม่สามารถหาคำตอบได้ในตอนนี้ก็จริง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะลดคุณค่าของพวกเขาในฐานะมนุษย์ หากให้ขยายความ มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ที่มีพรสวรรค์หรือมีทักษะพิเศษในบางกิจกรรมที่อาจทำให้เราแปลกใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่ากลัวเลย คำถามของผมคือ ทำไมเรามองพวกเขาเหมือนเป็นตัวอันตราย ทำไมเราต้องปฏิบัติกับพวกเขาราวกับเป็นเชื้อโรคร้ายแรง ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่สิ่งน่ากลัว มันก็เหมือนกับเวลาคุณมีพรสวรรค์ในการวาดรูปหรือร้องเพลง หรือลองคิดถึงทักษะประหลาด ๆ ที่เรามักเห็นในรายการทีวีหรือคณะละครสัตว์สิ บางที นี่อาจจะเป็นวิวัฒนาการบางอย่างของมนุษย์ทางร่างกายและมันสมอง ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว พวกเราวิวัฒนาการอยู่เรื่อย ๆ หรือนี่อาจเป็นเพียงแค่พรสวรรค์พิเศษจริง ๆ”
“...แฮปปี้เบิร์ธเดยยย์ ทู—ยู” พวกเขาเกือบจบเพลงพร้อมกันแล้ว ถ้าหากพ่อหยุดมองจอโทรทัศน์สักนิด เขาถลึงตาจ้องหน้าจอ ส่วนปากฮัมเพลงอวยพรเธอด้วยเสียงเหมือนกับเครื่องดูดฝุ่นเก่า ๆ
“อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าคุณคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนป่วย พวกเขาเหมือนกับพวกเราและสมควรได้รับสิทธิในฐานะมนุษย์เหมือนกับคนปกติ”
“ใช่ครับ พวกเขาเป็นมนุษย์ปกติเหมือนพวกเรา มีสิทธิเช่นเดียวกับ...”
ทันใดนั้น มาร์กาเร็ตเหลือบเห็นหน้าจอโทรทัศน์ปรากฏข้อความแจ้งว่ารายการนี้ขัดต่อบทบัญญัติทางกฎหมาย แต่เวลานี้พ่อหันเหความสนใจทั้งหมดมาที่เธอแล้ว เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ารายการโปรดได้ถูกระงับออกอากาศเป็นที่เรียบร้อย
“ขอพรเลยเม็ก แต่ระวังพรที่ขอด้วยนะ”
เด็กหญิงเลิกจ้องทีวีแล้วก้มมองเค้กตรงหน้า
“ถ้าน้องขอให้พรุ่งนี้โรงเรียนประกาศหยุดละก็ ยังไงพรก็ไม่มีวันเป็นจริงหรอกจ้ะ” พอมอลลี่พูดจบ ทุกคนหัวเราะกันทันที เด็กหญิงทำหน้ามุ่ยที่พี่สาวรู้ทัน
เธอจะขอพรอะไรดี ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไปดีไหม มีพ่อ แม่ มอลลี่ และแมรี่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันขอให้มีความสุขและชีวิตราบรื่นเหมือนวันนี้ละกัน เด็กหญิงขอพรในที่สุด แต่โชคร้าย พรของมาร์กาเร็ตไม่มีวันเป็นจริง ไม่มีวัน...เพราะเงาดำย่างกรายมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เวลาแห่งความสุขของเธอกำลังจะจบลงในไม่ช้า
เสียงกริ่งดังขึ้น แม่ทำจมูกย่นแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจนัก คงนึกสงสัยว่าใครมาเยี่ยมในเวลาเย็นแบบนี้แน่เลย
“โธ่ ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้สิ พวกเขาระงับการออกอากาศแล้ว” นายสตีเว่นคร่ำครวญอยู่คนเดียว
“ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่รัก คุณต้องหาช่องโปรดช่องใหม่แล้วล่ะค่ะ บอกลาเซซิเลียที่รักของคุณได้เลย อาชีพการงานของเธอจบแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจจนออกนอกหน้า จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู
มาร์กาเร็ตวิ่งไปที่บ้านตุ๊กตา เธอเอาเศษกระดาษของขวัญมาถมทับไว้ก่อนจะหันไปมอง
แมรี่ “ยังเล่นไม่ได้นะ” แต่น้องเล็กหัวเราะแล้วจ้วงเค้กเข้าปาก ไม่สนใจคำพูดของพี่สาวเลย เด็กหญิงเท้าเอวขัดใจแล้วเดินกลับไปที่เก้าอี้ “มันเป็นของฉัน”“แบ่งให้แมรี่เล่นสิ อย่าไร้น้ำใจ” มอลลี่เอ็ด
“เดี๋ยวถึงวันเกิดแมรี่เมื่อไรก็จะได้เหมือนกัน!” เธอเถียง
“เราก็จะมีบ้านสองหลัง พวกเธอก็เล่นเป็นเพื่อนบ้านกันไง” พี่สาวแนะนำ แมรี่หันมาพยักหน้าหงึก ๆ ใบหน้าเปื้อนครีมสดเป็นที่เรียบร้อย
“เดี๋ยวนะคะ ลูกสาวของฉันทำอะไรผิดเหรอคะ!”
เสียงแม่ดังมาจากด้านหน้า พ่อที่กำลังกุมหัวจ้องทีวีรีบกดปิดแล้วเดินอาด ๆ ตามแม่ไป “อะไรเหรอคุณ”
มอลลี่ได้ทีแอบขโมยมันฝรั่งทอดที่เธอปฏิเสธไปตอนแรกจากจานของพ่อ
“พี่บอกว่ากลัวอ้วนนี่นา” เด็กหญิงเลิกคิ้วถาม พี่สาวหันมาทำเสียงขู่ใส่
มาร์กาเร็ตหยิบช้อนสับเค้กในจานเล่น นึกสงสัยว่าทำไมพ่อกับแม่หายไปนาน แถมยังไม่พาแขกเข้ามา หรือว่าเป็นพวกขายของ แต่ว่าปกติแล้วพวกเขาไม่มาตอนเย็นแบบนี้นี่นา ความอยากรู้ของเด็กน้อยดึงความสนใจจากจานของหวานไปที่ประตู เธอกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งตรงไปยังทางเดินเข้าบ้าน ร่างเล็กหลบอยู่หลังตู้โชว์แจกันกระเบื้องเคลือบ เธอเห็นพ่อกับแม่คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาเป็นตำรวจแน่ ๆ เธอจำเครื่องแบบสีกรมท่าได้ แถมมากันสองคน
“...นี่เป็นหมายจับภายใต้อำนาจดำเนินการของกฎหมายที่พวกเราก็รู้ว่ามาจากข้อไหน คงไม่ต้องให้อธิบายมากความหรอกนะครับ โปรดให้พวกเราเข้าไปเถอะครับ เราต้องการพบกับมอลลี่ สตีเว่น” หนึ่งในนั้นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ยังแฝงว่ารีบร้อน
หมายจับ...จับใคร
“พ่อยังไม่กลับ และฉันกำลังจะไปรับชาร์ลี” เธอว่า จูนเพิ่งสังเกตเห็นว่าหญิงสาวสวมกระเป๋าสะพายเตรียมออกจากบ้าน ไบรซ์ไม่รอคำตอบ เธอปิดล๊อกบ้านแล้วลากจักรยานคันที่อเล็กซิสชอบใช้ออกมา พี่สาวของอดีตเพื่อนสนิทเดินผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะมองกลับ เหมือนเจสซี่ ครอบครัวเดวิสเกลียดเธอไบรซ์ขี่จักรยานออกไปอย่างรวดเร็ว จูนมองตามจนหญิงสาวหายไปจากสายตาจึงเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน มองผ่านหน้าต่างกระจกเห็นห้องรับแขกคุ้นตา ภาพของอเล็กซิสและตัวเองนั่งคุยกันบนโซฟาตัวนั้นคล้ายปรากฏให้เห็นตรงหน้าเหมือนกำลังดูโฮมวิดีโอ เธอคิดถึงวันเวลาที่จูนตัวน้อยสามารถวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เธอมีเพื่อน มีคุณลุงคุณป้าที่เอ็นดูเธอ เจสซี่และไบรซ์ที่ยังดีต่อเธอ ตั้งแต่กลับมายังซานโบซ่า เธอเห็นเงาของตัวเองและอเล็กซิสอยู่แทบทุกมุมเธอได้อ่านโน้ตแผ่นนั้นไหม เธอขยำมันทิ้งหรือเปล่า หลายครั้งพยายามคิดหาเหตุผลกับการกระทำของตัวเอง แต่นอกจากความสะใจที่ได้แล้ว เธอไม่ได้ภูมิใจกับมันเลย เธอไม่ได้ชอบเดวี่ด้วยซ้ำ เขามองเธอเหมือนที่ผู้ชายมอง เขาไม่ได้ชอบเธอเหมือนที่ชอบอเล็กซิส เธอไม่ไ
เมื่อเธอละสายตาจากชายหนุ่มที่เดินออกไปก็สบตากับน้องชายของเขา นิโคไลมองเธอตาใส จากนั้นเผยอยิ้มนิด ๆ จูนยิ้มตอบแล้วรีบรับประทานให้หมด นิโคไลยังคงนั่งอยู่ แต่ไม่ลุกไปไหน“ขอโทษนะคะ เมื่อคืน...ฉันได้ยินคุณวลาดิเมียร์พูดถึงเรื่องคนที่ทำให้คุณ...เอ่อ ไม่ได้กลับไปเรียน ใช่หรือเปล่าคะ” เธอรู้ว่ามันเป็นคำถามของคนสอดรู้ แต่นั่นแหละ เธออยากรู้จริง ๆ ยิ่งเจสซี่ถูกจับไปแบบนี้ เธอต้องการรู้ทุกเรื่องนิโคไลยังคงยิ้ม “เมื่อคืนก่อนครับ คุณนึกว่าตัวเองหลับไปไม่กี่ชั่วโมงหรือ”จูนเอะใจ “เอ๋?”“คุณหลับทั้งวันเลย รู้สึกสดชื่นบ้างไหมครับ”เธอนึกถึงที่วลาดิเมียร์เล่า มิน่าเจสซี่ถึงถูกพากลับมาแล้ว “ฉันหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“เหมือนเจ้าหญิงนิทรา...จริง ๆ วลาดให้สาวใช้ขึ้นไปปลุก แต่คุณเขวี้ยงหมอนใส่เธอ”หญิงสาวหน้าร้อนไปหมด แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ได้บ่งบอกว่าตำหนิติเตียน แต่ขบขันมากกว่า “ฉันคงลืมไปไม่ใช่บ้าน...” เจสซี่ชอบแกล้งเวลาเธอนอน ดังนั้นเธอจึงติดนิสัยเขวี้ยงหมอนใส่เ
“มันจับเจสซี่เพราะต้องการเตือนพวกเรา”“ผมรู้!” แม้สีหน้าสงบ แต่น้ำเสียงของเขากร้าวขึ้น “เราดึงเขาเข้ามาทำงาน ผมเป็นห่วง ผมแค่ให้คนคอยดูว่าบราวน์เคลื่อนไหวอย่างไร พาเจสซี่ไปไหน หรือจัดการอย่างไร แต่ผมไม่ได้ให้พวกเขาเข้าไปช่วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร” วลาดิเมียร์ย้ำ “มันอาจจะขัดกับความคิดของพ่อ แต่เจสซี่ทำงานให้พวกเราแล้วเขาก็ตั้งใจ เขาเป็นคนของผม!”“เราตกลงแล้ว เจสซี่ยอมรับแล้ว ฉันเตือนเขาแล้วด้วยซ้ำ!” โวลคอฟวัยกลางคนยกมือห้ามไม่ให้บุตรชายพูด “ฟังนะ ฉันไม่ได้อยากจะใจร้ายอะไร แต่เราจะเสียทั้งหมดไปไม่ได้! สั่งให้พวกเขากลับมา ไม่ต้องไปเฝ้าบราวน์”จูนมองสลับไปมา แต่วลาดิเมียร์ยืนนิ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คนพวกนั้นเป็นคนของผม รับฟังผมคนเดียว”“แก...” ผู้เป็นพ่อกัดฟันกรอด ดูเหมือนท่าที่แข็งขืนของลูกชายทำให้เขาทำตัวไม่ถูก“พ่อ!” นิโคไลโพล่งออกมาดังลั่น เมื่ออีกฝ่ายหันมา เขาก็เหล่มาทางจูน หญิงสาวนั่งไหล่เกร็ง มือกำกระโปรงแน่น“คุณจอยซ์” วลา
จูนตื่นจากภวังค์ เธอคิดว่าจะใช้เวลานานกว่านี้ อาจเป็นเพราะยังดึกมาก ถนนโล่ง มีเพียงคันนี้คันเดียว รถแท็กซี่จอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ออกแบบแนวร่วมสมัย เนื่องจากรู้สึกผิดที่สงสัยว่าคนขับเป็นคนของรัฐบาล เธอจึงให้ทิปไปห้าเรล เขายิ้มหน้าบาน แถมยังอุ้มประคบประหงมกระเป๋าเดินทางของเธอราวกับลูก แต่กระนั้นเมื่อรถจากไป มันก็ถูกทิ้งให้เปียกปอนท่ามกลางสายฝน รวมทั้งผู้โดยสารคนนี้ฝนยังคงตกลงมา แต่เธอไม่สนใจ จูนมองหาสวิตช์สำหรับกดกริ่งแต่หาไม่เจอ จึงเอาแต่ชะเง้อมองผ่านประตูใหญ่ มองลอดไปเห็นตัวบ้าน บางห้องยังเปิดไฟอยู่ มันไม่มืดนักเพราะมีแสงไฟจากสวนและหน้าประตู สักพักมีเสียงออกมาจากอินเตอร์โฟน“มาหาใครครับ”“ฉันมาหาคุณวลาดิเมียร์ โวลคอฟ”“เรื่องด่วนหรือครับ จากไหนครับ เวลาแบบนี้ด้วย”“ฉันจูน จอยซ์ แฟนของเจสซี่ เดวิส เลขาของคุณวลาดิเมียร์ ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องด่วนมาก”ประตูเปิดออกอัตโนมัติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพาเธอไปนั่งรอในที่ร่ม มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้โล่ง ๆ เหมือนเป็นห้
ตีสามครึ่งว่ากันว่าเป็นเวลาของซาตาน ตอนเด็ก จูนหวาดกลัวช่วงนี้มาก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอมักตื่นนอนแล้วพบเข็มนาฬิกาชี้เลขนี้เสมอ มันมาพร้อมกับอาการปวดห้องน้ำถึงขีดสุด แต่ไม่กล้าพอเดินออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่ยื่นเท้าออกจากผ้าห่ม เด็กน้อยจูนมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจนหลับไปอีก และตื่นมาพร้อมกับที่นอนเปียกชื้นตีสามครึ่งในอีกสิบกว่าปีต่อมา จูนยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟ มันไม่น่ากลัวอีกต่อไปเมื่อมีคนพลุกพล่าน แม้จะดึกแค่ไหน แต่ฟิวเจอร์ริสติกไม่เคยหลับใหล ทว่าทุกย่างก้าวกลับทำให้หวนนึกถึงกลางดึกในวัยเด็ก ครั้งนี้จูนกล้าเดินออกจากผ้าห่มพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ แต่ตลอดเวลากลับรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้อง ปีศาจที่มีดวงตาสีฟ้า ไรลี่ย์ บราวน์มือขวาสั่นตลอด เธอจึงเปลี่ยนมือซ้ายลากกระเป๋า มีเด็กสาวสองคนแบกเป้เดินผ่าน เธอได้ยินทั้งสองคนซุบซิบกัน“นั่นจูน จอยซ์หรือเปล่า”“ใครอะ ไม่เห็นรู้จัก”“ดาราเด็กน่ะ”หญิงสาวรีบเดินไปหน้าสถานีรอแท็กซี่ ต่อคิวได้ไม่นานก็เรียกได้คันหนึ่ง พอปิดประตูรถฝนตกลงมาพอดี ผู้คนแถวนั้นแตกฮือรีบหนีเข้าที่ร่
ไมเคิลยืนกอดอกพักขาไว้ข้างหนึ่ง คอเอียงไปทางขวาเวลาใช้หมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัว พอเธอเดินออกมา เขาเงยหน้าขึ้นทันที“เธอเห็นเขาเหมือนฉันใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าทันที“เขามีตาสีแดง” น้องชายกอดอกแน่น “ฉันไม่เคยเห็นคนตาสีแดง แล้วเขา...เขายืนดูเฉย ๆ ฉันถามก็พูดไม่ออก แต่ได้ยินเสียงเขาในหัว...เวลานั้นจะขยับตัวไม่ได้จนกว่า...”“...จนกว่าจะมีคนช่วยดึงสติ”ทั้งสองพยักหน้าให้กัน อเล็กซิสจึงเฉลยเรื่องผิวของผู้ชายคนนั้น “ฉันคิดเว่าเขาเป็นคนผิวเผือก แล้วก็มีพลังจิตเอาไว้สื่อสารคน”“โทรจิตเหรอ แล้วผิวเผือกคืออะไร”ผู้เป็นพี่พยักหน้าก่อนจะอธิบายเรื่องผิวของชายคนนั้นก่อน “...แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่ฉันกับนายที่เห็น แล้วเขาเป็นใคร เขาไม่ทำร้ายพวกเรา แถมยังช่วยเหลือด้วย ถึงแม้จะแค่เสียงเตือนก็เถอะ”ทั้งสองไม่คิดว่าคนคนนั้นเป็นผีหรือวิญญาณ เธอเห็นเงา และสัมผัสได้ว่าเขามีตัวตน แต่ความสามารถของเขาคืออะไรกันแน่ และต้องการอะไรเย็นวันนั้น หลังจา
Comments