Semua Bab แพทย์เทวดาสะท้านภพ: Bab 21 - Bab 30

40 Bab

บทที่ 21

“แน่นอนว่า คนที่สามารถท้าประลองกับยอดฝีมือทำเนียบมังกรได้ ส่วนใหญ่เป็นคนจากทำเนียบพยัคฆ์”“แต่บางครั้งก็มีกรณีที่ ผู้ท้าประลองเป็นบุคคลไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แต่ความสามารถแข็งแกร่งโผล่มาร่วมงานอยู่บ้าง”“แต่ว่าโอกาสที่จะท้าประลองสำเร็จมีอยู่น้อยมาก”“อันที่จริงแล้ว ทุกครั้งที่ทำเนียบมังกรมีการจัดอันดับใหม่ สิ่งที่พบเจอส่วนมากจะเป็นการท้าประลองกันเองของยอดฝีมือในทำเนียบมังกร”“ยอดฝีมือที่อยู่อันดับท้ายๆ ในทำเนียบมังกร จะขอท้าประลองกับยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าตนเอง”จ้าวอวิ๋นกล่าวว่า “สรุปแล้ว ยอดฝีมือทำเนียบมังกรแต่ละคนมีความแข็งแกร่งมาก เปรียบเสมือนยอดเขาสูงที่ไม่อาจปีนขึ้นไปได้ แข็งแกร่งจนชวนให้คนรู้สึกสิ้นหวังเลยล่ะ”“แล้วคนบนทำเนียบมังกรมีใครบ้างเหรอครับ?”เยี่ยชิวนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะต้องฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับไหน ถึงจะขึ้นไปอยู่บนทำเนียบมังกรได้จ้าวอวิ๋นตอบว่า “การจัดอันดับทำเนียบมังกรครั้งก่อน เจ้าสำนักเขาอู่ตังกับเจ้าสำนักเขาหลงหู่ได้อันดับสองและสาม”“อันดับที่สี่ตกเป็นของเจ้าอาวาสวัดต้าหลี่เทียนหลง”“อันดับที่ห้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนตระกูลมู่หรงจากกูซู”“แล้วอันดับหนึ่
Baca selengkapnya

บทที่ 22

เยี่ยชิวมาถึงห้องผู้ป่วยพิเศษพอเดินเข้าไปในห้องเขาก็ตกใจจนแทบผงะเพราะว่าหลินจิงจื้อถอดเสื้อตัวนอกออกผิวขาวเนียนดุจหยกเนื้อละเอียดจึงเปิดเผยสู่สายตาของเขาอย่างจังขอโทษที่เสียมารยาทครับ!เยี่ยชิวหมุนตัวกลับแบบอัตโนมัติและเตรียมจะออกจากห้องแต่ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเฉียนจิ้งหลันกำลังก้มหน้า มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างพยายามควานไปด้านหลังตัวเอง กระทั่งมีคนเข้ามาในห้องก็ยังไม่สังเกตเห็น“พี่หลิน ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”เยี่ยชิวอดสงสัยไม่ได้เลยถามออกไปพอได้ยินเสียงของเขาหลินจิงจื้อก็สะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้านวมขึ้นมาปกปิดร่างกายตัวเอง แต่พอเธอแหงนหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นเยี่ยชิว ดวงหน้ารูปไข่สวยสดก็ปรากฏความยินดีขึ้นมา รีบบอกว่า “นายกลับมาได้จังหวะพอดีเลย มาช่วยกันหน่อยสิ”“พี่เป็นอะไรไปเหรอครับ?” เยี่ยชิวถามหลินจิงจื้อบอกว่า “ผมมันไปพันกับตะขอชุดชั้นในน่ะสิ พยายามแกะอยู่นานแล้วก็ยังไม่หลุดสักที นายช่วยฉันทีสิ”“พี่หลินครับ เรื่องนั้น...ไม่น่าจะดีนะครับ?”ถึงเยี่ยชิวจะไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไร แต่เขาก็เข้าใจหลักการเรื่องชายหญิงไม่ควรใกล
Baca selengkapnya

บทที่ 23

หลินจิงจื้อสวมเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน เธอใช้ดวงตากลมโตกระจ่างใสจ้องมองเยี่ยชิว แพขนตางอนยาวสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยอย่างเย้ายวนว่า “หนุ่มน้อย อยากดูไหม?”เยี่ยชิวแทบทนไม่ไหวหลินจิงจื้อตอนนี้ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้า เธอยกมือสองข้างขึ้นมาปิดแบบไม่ใส่ใจนัก เป็นภาพที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล มีเสน่ห์ชวนให้คนอยากจะรู้ว่าทิวทัศน์ภายใต้มือทั้งสองข้างของเธอเป็นยังไงดู หรือไม่ดูดีนะ?ปัญหาโลกแตกชัดๆ เลยเยี่ยชิวก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ เขาก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันถ้าหากดู เขาก็กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานถ้าหากไม่ดู งั้นก็เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานอีกน่ะสิ เพราะว่าหลินจิงจื้อเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ คงมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ใฝ่ฝันอยากจะได้ชมสักครั้งสุดท้ายเยี่ยชิวก็ทนความเย้ายวนไม่ไหว จึงพยักหน้าเบาๆ“อยากดูเหรอ?” หลินจิงจื้อถามเยี่ยชิวพยักหน้าอีกครั้ง“ฝันไปเถอะ คิกๆๆ...” หลินจิงจื้อหัวเราะคิกคักยกใหญ่บ้าชะมัด โดนหลอกจนได้“พี่หลิน พี่รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเถอะครับ!” เยี่ยชิวหมุนตัวกลับ หันหลังให้หลินจิงจื้อมุมปากของหลินจิงจื้อยกสูงขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นร
Baca selengkapnya

บทที่ 24

เวลาประมาณหนึ่งทุ่มเยี่ยชิวเลิกงานเขายืนอยู่หน้าประตูโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่วันนี้ต้องดูแลหลินจิงจื้อ ไม่ต่างอะไรกับการถูกทรมานสักนิด ผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนเหมือนปีศาจคนนั้น ดูจะชอบกลั่นแกล้งเขาเหลือเกินมีอยู่หลายครั้งที่อีกฝ่ายทำให้เยี่ยชิวหน้าแดงใจเต้นเร็วแต่เขากลับไม่กล้าทำอะไรที่ดูเป็นการเสียมารยาทและล่วงเกิน เพราะว่าเขาเป็นแค่ผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่ง หากเผลอทำให้หลินจิงจื้อไม่พอใจขึ้นมา มีหวังได้ตกงานแหงๆ“นางปีศาจที่ชอบเล่นกับใจคนคนนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่รับใช้เธอไปอีกนานแค่ไหน?”เยี่ยชิวบ่นอย่างท้อแท้ในใจ ก่อนจะเดินออกจากประตูโรงพยาบาลในตอนนั้นเอง รถคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง เร่งเครื่องอย่างดุดันราวกับไม่รักตัวกลัวตายเยี่ยชิวรีบกระโดดหลบไปข้างๆ กระจกรถคันนั้นเลื่อนลงเยี่ยชิวเห็นจ้าวอวิ๋นนั่งอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ อีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งขรึม“พี่จ้าว มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?” เยี่ยชิวถามด้วยความงุนงง“ขึ้นรถ”เยี่ยชิวเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา จ้าวอวิ๋นมาหาเขาแบบนี้ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของราชามังกรงั้นเหรอ?จ้าวอวิ๋นไม่พูดไม่จาอะไร ขับร
Baca selengkapnya

บทที่ 25

จ้าวอวิ๋นตอบว่า “ฉันส่งคนไปที่ทะเลทรายแล้ว ส่วนจะตามหาพระอรหันต์คนนั้นเจอไหม ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาแล้วล่ะ”“ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรฝากความหวังไว้กับแค่คนคนเดียวนะครับ”“นายหมายความว่ายังไง?”เยี่ยชิวตอบ “พระอรหันต์เดินทางสู่ทะเลทรายเพื่อตามหาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จะตามหาตัวเขาเจอหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ดังนั้น ผมคิดว่าพวกเราควรจะไปที่เขาอู่ตังหรือเขาหลงหู่ด้วย”“ลืมไปเถอะ สถานที่ทั้งสองแห่งนั้นคงไม่มีโอกาสหรอก” จ้าวอวิ๋นกล่าวต่อ “เจ้าสำนักเขาอู่ตังกับเจ้าสำนักเขาหลงหู่ต่างเก็บตัวฝึกฝนด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่ยอมพบทั้งนั้น อย่าว่าแต่ราชามังกรเลย ต่อให้กว้านจินโหวไปหา พวกเขาก็ไม่โผล่หน้าออกมาต้อนรับหรอก”“จริงสิ ทำไมพวกคุณไม่ลองไปหากว้านจินโหวดูละครับ?” เยี่ยชิวเอ่ย “เซียวจิ่วเป็นอันดับหนึ่งของทำเนียบมังกร ความสามารถของเขาเหนือกว่าเจ้าสำนักเขาอู่ตังกับเจ้าสำนักเขาหลงหู่ตั้งเยอะ เขาน่าจะมีวิธีรักษาไม่ใช่เหรอครับ?”“ไอ้น้องชาย นายยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเซียวจิ่วสินะ!” จ้าวอวิ๋นถอนหายใจ “เซียวจิ่วเป็นถึงกว้านจินโหวผู้สูงศักดิ์ มีกองทัพนับล้านอยู่ในมือ อำนาจล้นฟ้า คนระดับน
Baca selengkapnya

บทที่ 26

ผู้ชายทุกคน ตอนเด็กๆ ต่างก็เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่ อยากจะเป็นยอดฝีมือแห่งยุคกันทั้งนั้นแหละ ปล้นเงินจากคนรวยจุนเจือคนยากไร้ พิทักษ์คุณธรรมช่วยเหลือผู้คน โลดแล่นไปในยุทธภพร่วมกับสาวงามที่รู้ใจเหมือนอย่างจางอู๋จี๋ หยางกั้ว หลินสวินฮวน พวกนั้น....แต่เมื่อเวลาผ่านไปและคนเราเริ่มอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงได้พบกับความจริงว่า การเป็นฮีโร่นั้นอยู่ห่างจากตัวเองมากขึ้นทุกทีโดยเฉพาะความกัดดันในการใช้ชีวิต ที่บางครั้งหนักหน่วงถึงขั้นทำให้คนหายใจไม่ออก คนเราจะรู้สึกว่าความฝันเรื่องการเป็นฮีโร่นั้นช่างเลือนรางหรืออาจถึงขั้นรู้สึกว่ามันน่าขำเลยก็ได้แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนใด ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ไม่ว่าจะมีฐานะหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ทั้งที่รู้ว่าความฝันของการเป็นฮีโร่นั้นเลือนรางจนจับต้องไม่ได้ แต่ก็ยังอดวาดฝันถึงมันไม่ได้อยู่ดีถ้าหากว่า?ถ้าหากว่าวันหนึ่งได้รับโอกาสที่ไม่คาดฝัน กลายเป็นยอดฝีมือขึ้นมาจริงๆ ล่ะ?แบบนั้นก็เหมือนได้โบยบินขึ้นสู่ฟากฟ้า เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบัน ก้าวเดินสู่จุดสูงสุดของชีวิต!เยี่ยชิวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเขาใ
Baca selengkapnya

บทที่ 27

การฝึกฝนขอบเขตหลอมกายขั้นแรกคือการดูดซับพลังงานต้นกำเนิด เพื่อเปิดเส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตู ขั้นที่สองคือการรับรู้พลังปราณฟ้าดิน และใช้พลังปราณหล่อหลอมกายายิ่งสะสมพลังปราณมากขึ้นเท่าไหร่ พลังกายของผู้ฝึกฝนก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นตาม ยามที่พลังแขนทั้งสองข้างสูงถึงสามพันชั่ง ก็จะถือว่าฝึกฝนสำเร็จ สามารถฝึกฝนขอบเขตถัดไปได้ที่น่าแปลกก็คือ หลังจากเยี่ยชิวอ่านคำอธิบายและวิธีการฝึกฝนของวิถีแรกเรียบร้อย ตอนที่กำลังจะพลิกไปอ่านหน้าถัดไป กลับพบว่าไม่สามารถเปิดตำราหน้าต่อไปได้กระดาษแผ่นบางๆ กลับหนักอึ้งเหมือนภูเขาไท่ซานทั้งลูกเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?เยี่ยชิวใคร่ครวญอยู่สักพักจนในที่สุดก็เข้าใจ“ถ้าไม่สามารถขอบเขตแรกของเคล็ดวิชานี้ได้ ก็จะไม่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับขอบเขตถัดไปได้ เคล็ดวิชาฉบับนี้ เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย!”ช่างมันเถอะ ลองฝึกดูก่อนแล้วกันเยี่ยชิวลองฝึกฝนตามวิธีการที่ปรากฏในตำรา เขานั่งขัดสมาธิบนเตียง จากนั้นก็วางฝ่ามือไว้ที่เข่าทั้งสองข้าง หงายฝ่ามือขึ้นและปิดเปลือกตาลง พยายามรับรู้กระแสปราณที่ไหลเวียนในร่างกายตามคำอธิบายที่ปรากฏอยู่ในตำรา มนุษย์ทุกคนจะมี ‘ปราณ’ ซ่อ
Baca selengkapnya

บทที่ 28

เยี่ยชิวมาถึงโรงพยาบาลในตอนเช้า เขาไปรายงานตัวที่แผนกผู้ช่วยพยาบาลเป็นอย่างแรก ก่อนจะไปโรงอาหารเพื่อซื้ออาหารเช้าให้หลินจิงจื้อผู้ช่วยพยาบาล ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คืองานแม่บ้านนี่แหละ ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ หลังจากเขาซื้อข้าวเช้าเสร็จและกำลังเดินออกจากโรงอาหาร ก็บังเอิญพบจางลี่ลี่ที่ประตูทางออกเยี่ยชิวเลือกจะทำเป็นมองไม่เห็นและเดินผ่านไป“หยุดนะ!”จางลี่ลี่ตะโกนเรียกเขาเยี่ยชิวทำเป็นหูทวนลมและเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ“เยี่ยชิว นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” จางลี่ลี่ตะโกนเรียกเขาอีกครั้งเยี่ยชิวถึงได้ยอมหยุดเดินแล้วเอียงศีรษะกลับไปมองจางลี่ลี่ ถามว่า “เธอพูดกับฉันเหรอ?”จางลี่ลี่กล่าวด้วยความหงุดหงิด “ถ้าฉันไม่ได้พูดกับนาย ฉันจะพูดกับหมาที่ไหนล่ะ?”“มีอะไรก็ว่ามา!” เยี่ยชิวตอกกลับอย่างไม่เกรงใจจางลี่ลี่ใบหน้าบึ้งตึงทันที เธอกดเสียงต่ำ “เยี่ยชิว ฉันขอเตือนให้นายรีบไปขอโทษเส้าชงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นระวังนายจะตายไม่รู้ตัว”“เธอเป็นห่วงฉันหรือไง?” เยี่ยชิวน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย คิดไปว่าจางลี่ลี่เป็นห่วงกลัวว่ากัวเส้าชงจะมาแก้แค้นเขาแต่คำพูดถัดมาของจางลี่ลี่ก็ทำให้เขาตระห
Baca selengkapnya

บทที่ 29

“นายรังเกียจฉันชัดๆ เลย!” หลินจิงจื้อโมโหแล้ว ดวงตาคู่สวยของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ ราวกับจะร้องไห้ได้ตลอดเวลาเยี่ยชิวพูดอย่างร้อนรนว่า “พี่หลิน ผมไม่ได้รังเกียจพี่จริงๆ นะครับ...”“งั้นนายก็กินสิ” หลินจิงจื้อพูดต่อ “ถ้านายยอมกินเกี๊ยวใสที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งนั่น ฉันจะยอมเชื่อนาย”เยี่ยชิวยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย“ฉันป้อนนายเอง!” หลินจิงจื้อหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเกี๊ยวใสที่ถูกกัดไปครึ่งหนึ่ง แล้วยื่นไปจ่อปากของเยี่ยชิวเยี่ยชิวลำบากใจขึ้นมากินหรือไม่กินดีล่ะ? นี่มันปัญหาใหญ่เลยนะ“อ้าปากสิ” หลินจิงจื้อพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ราวกับภรรยาแสนดีที่กำลังป้อนข้าวให้สามีเยี่ยชิวจำต้องยอมอ้าปากหลังกินเกี๊ยวใสเข้าไปแล้ว หลินจิงจื้อก็ดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดบริเวณขอบปากของเยี่ยชิว เอ่ยถามว่า “อร่อยไหม?”“อืม”“งั้นนายอยากกินอีกไหม? เกี๊ยวใสที่เหลืออยู่ฉันกินครึ่งนาย นายกินอีกครึ่งหนึ่ง ดีไหมล่ะ?”“พี่หลินครับ...”“แค่กๆ!”ทันใดนั้น เสียงไอหนักๆ ก็ดังมาจากประตูห้องเยี่ยชิวหันหน้ากลับไปและพบว่าไป๋ปิงยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วย เธอสวมชุดกาวน์ที่ขับเน้นรูปร่างสูงโปร่ง ผมมัดรวบไปด้านหลัง ใบหน้าสวย
Baca selengkapnya

บทที่ 30

เยี่ยชิวเดินตามไป๋ปิงออกมาจากห้องผู้ป่วยพิเศษ จากนั้นก็เดินตามเธอไปจนกระทั่งถึงห้องทำงานของหัวหน้าแผนกหลังจากเข้าไปในห้องทำงาน ไป๋ปิงก็เดินไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ดวงหน้าสะสวยของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาเมื่อเห็นท่าทางของเธอเช่นนั้น เยี่ยชิวก็กระวนกระวายใจ ก่อนเอ่ยถามอย่างระวังว่า “หัวหน้าแผนกไป๋ คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”“ไม่มีธุระแล้วเรียกนายมาไม่ได้เหรอ?” ไป๋ปิงตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรเยี่ยชิวพยายามตีหน้าซื่อแล้วยิ้มให้อย่างประจบประแจง “หัวหน้าแผนกไป๋พูดเล่นแล้ว คุณเป็นหัวหน้าของผม อยากเรียกผมตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ”“ฉันถามหน่อย นายสนใจหลินจิงจื้อใช่ไหม?” ไป๋ปิงถามแบบตรงประเด็น“เปล่าครับ หัวหน้าแผนกไป๋คุณเข้าใจผิด...”“เข้าใจผิด? นายหมายความว่าฉันตาบอดงั้นสิ?” ไป๋ปิงตวาดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นนะ เธอป้อนเกี๊ยวให้นายกิน นายก็กินด้วยใบหน้าชื่นบาน”“หัวหน้าครับ เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่คุณเห็น ที่จริงแล้ว...”“เงียบไปเลย!” ไป๋ปิงเอ่ยตัดบทเยี่ยชิว “ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ หลินจิงจื้อคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ทางที่ดีนายอยู่ห่างๆ จากเธอไว้ ไม่งั้นระวังนายจะตายไม่รู้ตั
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1234
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status