Semua Bab นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ: Bab 61 - Bab 70

170 Bab

บทที่ 61

“หัวหน้าจางออกไปได้แล้ว แค่ลบคำค้นหายอดฮิตออกก็พอ” ฟู่อี้ชวนพูดขึ้นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ถึงกับชะงัก รู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อรอดชีวิตจึงก็รีบพยักหน้ารัวๆ“ผมขอรับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ” เขาพูดตอบรับ“ไม่ต้องจัดเวรกลางคืนหรอก เรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะจัดการเอง” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์จึงได้ถอยออกจากไป หลี่หยวนก็เตรียมจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่กลับถูกเสียงเจ้านายเรียกไว้“เรื่องที่ให้นายไปดูบ้านให้หาได้หรือยัง?” ฟู่อี้ชวนถามขึ้น“ตอนนี้เลือกไว้แล้วห้าหลังครับ ประธานฟู่จะสะดวกเลือกเมื่อไหร่ครับ” หลี่หยวนกล่าว“ตอนนี้เลย” ฟู่อี้ชวนตอบหลี่หยวนรีบส่งไฟล์เอกสารเข้าอีเมลให้เขาทันที จากนั้นถือแท็บเล็ตขึ้นมาเตรียมจะแนะนำบ้านแต่ละหลังให้เขาเลือกแต่ยังไม่ทันจะแนะนำบ้านหลังแรกเสร็จ ก็ได้ยินประธานฟู่บอกว่า“เอาหลังนี้แหละ”หลี่หยวนชะงักไปเล็กน้อย เขานึกว่าประธานฟู่จะเป็นคนช่างเลือก หรือไม่ก็ไม่ชอบสักหลังแล้วสั่งให้เขาหามาให้เลือกใหม่ แต่คิดไม่ถึงว่ายังฟังไม่ทันจบก็เลือกแล้ว ราวกับอยากให้ผู้หญิงคนนั้นย้ายออกไปเร็วๆ อย่างไรอย่าง
Baca selengkapnya

บทที่ 62

“อี้ชวน อย่าโกรธฉันเลยได้ไหม? ฉันไม่ได้เอ่ยถึงชื่อนายเลยนะ ฉันสาบานได้”ได้ยินคำขอโทษของเย่ซินหย่าแต่ละคำฟังดูน่าสงสาร ราวกับใจแตกสลาย ฟู่อี้ชวนสูดลมหายใจลึกๆ ในใจ แล้วพูดว่า“ถึงจะเป็นบัญชีรอง แล้วก็ไม่เอ่ยชื่อของฉัน แต่สร้อยกุหลาบนั่นมีแค่เส้นเดียว ก่อนหน้านี้พวกปาปารัสซี่ก็ตามไม่เลิกเพราะเรื่องงานเดินแบบ”“ขอโทษนะอี้ชวน ฉันผิดไปแล้ว ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดให้รอบคอบ...” เย่ซินหย่าก็ร้องไห้ออกมาฟู่อี้ชวนได้ยินเสียงร้องไห้ จึงกดริมฝีปากแน่น แล้วเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง…ช่างมันเถอะ ซินหย่าเป็นคนซื่อขนาดนั้น เธอก็แค่อยากแชร์เฉยๆ ก็เท่านั้นเองส่วนที่โพสต์กลางดึก เธอก็บอกแล้วว่าเมื่อคืนนอนดึก คงไม่ได้ตั้งใจจะเลือกเวลานั้นหรอก“อย่าร้องไห้เลย ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ต่อไปเธออย่าโพสต์อะไรตามใจอีกก็แล้วกัน เพราะมันจะทำให้พวกปาปารัสซี่เอาฉันกับเธอไปโยงกันได้ง่ายๆ” ฟู่อี้ชวนพูด น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเย่ซินหย่าสูดน้ำมูก ยังมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย แต่มุมปากกลับยิ้มเยาะเบาๆก็เพราะอยากให้โยงกันนั่นแหละถึงโพสต์ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเธอเป็นว่าที่สะใภ้ตระกูลเศรษฐีได้ยังไง?“ฉันเข้าใจแล้ว อี้ชวน
Baca selengkapnya

บทที่ 63

แต่ว่า เขากลับไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอย่างที่หวังไว้ แต่เป็นเสียงตอบรับจากระบบดังขึ้นแทนว่า[ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง]ฟู่อี้ชวนชะงักไปทันที ติดต่อไม่ได้?เขากดวางสายแล้วโทรใหม่อีกครั้ง หลายครั้งแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทันใดนั้น ความโมโมก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจก่อนหน้านี้โทรหาซูมั่วเป็นร้อยสายอย่างน้อยก็ยังไม่มีคนรับสาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นไม่สามารถติดต่อได้มันหมายความว่าไง? เธอบล็อกเขาแล้วงั้นเหรอ?ฟู่อี้ชวนกำหมัดแน่น กัดฟันหัวเราะ พูดด้วยความโกรธว่า“ดีมาก ซูมั่ว อุตส่าห์ให้ทางลงเธอกลับไม่ลง จะให้ฉันตามไปหาเธอถึงโรงพยาบาลหรือไง? ฝันไปเถอะ!”เรื่องแก๊สรั่วผ่านไปตั้งสี่วัน เขายังไม่ด่าเธอสักคำ แถมยังจะให้เย่ซินหย่าย้ายออกไปอีก สุดท้ายแล้วซูมั่วล่ะ?ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณไม่ว่า ยังอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นบล็อกเขาแบบนี้ฟู่อี้ชวนโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว รู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองตามใจเธอเกินไป ทั้งที่เมื่อก่อนแค่เขาบอกให้ไปทางซ้ายเธอไม่มีทางกล้าหันไปทางขวา และเชื่อฟังเขาทุกอย่างมาโดยตลอดเบอร์โทรศัพท์โดนบล็อกไปแล้ว เขาก็จ
Baca selengkapnya

บทที่ 64

หลีโย่วพยายามจะตรวจดูบาดแผลของเธอ แต่กลับถูกซูมั่วห้ามไว้ และบอกว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วเธอจึงโผเข้าไปกอดอีกครั้ง คราวนี้เป็นอ้อมกอดที่อ่อนโยน หลีโย่วพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอบาดเจ็บ ไม่เจอกันสองปีตื่นเต้นไปหน่อย เลยเผลอกอดแรงไป”“เป็นฉันเองที่ไม่ได้บอกเธอก่อน กลัวว่าเธอจะเป็นห่วง ฉันเองก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน” ซูมั่วพูดเจอกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ทั้งสองคนจูงมือกัน เดินเล่นไปตามถนนซูมั่วอยากเลือกซื้อเสื้อผ้า หลีโย่วก็ช่วยเธอพิจารณา จับคู่ชุดทำงานที่เหมาะสมให้อยู่หลายชุด“เลือกชุดลำลองไปอีกสักหน่อยเถอะ แบบที่ดูสดใส เข้ากับบุคลิกเธอ” หลีโย่วหยิบกระโปรงตัวหนึ่ง ส่งให้เธอซูมั่วมองดูชุดที่มีสไตล์แตกต่างกันไป ตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอในฐานะ “แม่บ้าน” แทบไม่ได้แต่งตัวเลย ชุดที่ใส่ประจำก็มีแค่เสื้อยืดกับกางเกงขายาวธรรมดาจริงๆ แล้วตอนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ เธอก็เคยใส่เสื้อผ้าสวยๆ เพราะอยากให้ฟู่อี้ชวนได้เห็นด้านสวยๆ ของตัวเอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงประโยคเดียวว่า[แต่งตัวเหมือนผู้หญิงขายบริการ ยั่วอะไรนักหนา น่ารังเกียจจริงๆ]เธอยังจำชุดกระโปรงตัวนั้นได
Baca selengkapnya

บทที่ 65

“ฉันไม่บังคับเธอหรอก รอให้เธอพร้อมจะเล่าค่อยบอกฉันก็ได้” หลีโย่วพูดพลางถอนหายใจ“อืม” ซูมั่วเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มพูดเบาๆเธอซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดที่ลองแล้วว่าใส่พอดี แล้วก็ไปเลือกซื้อรองเท้าส้นสูงอีก ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านทำผม“ช่วยตัดผมสั้นให้ฉันหน่อยค่ะ ประมาณไหปลาร้า” ซูมั่วนั่งอยู่หน้ากระจก พูดขึ้นช่างทำผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเริ่มลงมือตัดผม ส่วนซูมั่วก็นั่งเหม่อมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกช่างดูเศร้าและหดหู่ เหมือนไม่มีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่เลยเลิกกับฟู่อี้ชวนแล้ว ก็ควรจะใช้ชีวิตให้มีความสุขไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อหนีออกมาจากกรงขังมาแล้ว และจะไม่มีทางกลับไปอีกเธอยกมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมาค่อยๆ ปรับตัวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมาดูแลตัวเองใหม่อีกครั้ง“อย่าตัดตรงไปเลยนะ ให้ตัดเป็นเลเยอร์ ดัดปลายผม เกลียวออกนอก แล้วก็ดัดด้านบนตรงกลางหัวด้วย” หลีโย่วที่ยืนอยู่ข้างๆ อธิบายกับช่างตัดผมอย่างละเอียดหลังจากตัดผมเสร็จ ก็ล่วงเลยไปสองชั่วโมงแล้ว หลีโย่วมองทรงผมใหม่ของซูมั่วอย่างพอใจ พูดว่า“สุดยอด เหมือนเปลี่ยนหัวใหม่เลย ถ้าแต่งหน้าบางๆ ไปทำงานอีกนิด จะเพอร์เฟกต์สุดๆ”ซูมั่วลูบผมของตัว
Baca selengkapnya

บทที่ 66

ถ้าซูมั่วรับสายโทรศัพท์ของหลี่หยวนแต่กลับบล็อกเขาคนเดียว...หลี่หยวนแอบชำเลืองมองประธานฟู่อีกครั้ง พลังงานความมืดพลุ่งพล่านไปทั่ว จนเขารู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัย[ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาโทรใหม่อีกครั้งในภายหลัง]เสียงระบบอัตโนมัติดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟู่อี้ชวนถึงกับชะงักไปทันทีหลี่หยวน ‘โชคดี รอดตายแล้ว...’“ลองโทรอีกสักสองสามครั้งสิ” ฟู่อี้ชวนพูดหลี่หยวนเลยลองโทรอีกสองสามครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิมทุกครั้งฟู่อี้ชวน ‘ฮึ ที่แท้ก็เหมือนกันทุกคนสินะ’ความโมโหที่อัดแน่นค่อยๆ จางหายไป อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกดีขึ้น“พอแล้ว นายไปเถอะ เธอก็บล็อกนายเหมือนกัน” ฟู่อี้ชวนพูดหลี่หยวนชะงักไปชั่วครู่ แล้วก้มลงดูโทรศัพท์ ก่อนจะเข้าใจว่าประธานฟู่โกรธคุณนายที่บล็อกเขางั้นเหรอ?“ประธานฟู่ครับ อาจจะไม่ใช่การแจ้งเตือนว่าโดนบล็อก บางทีมันอาจจะเพราะโทรศัพท์ปิดเครื่องอยู่ก็ได้ครับ” หลี่หยวนพยายามช่วยอธิบายฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ยังไงเธออยู่โรงพยาบาลจะไม่ใช้โทรศัพท์ได้ยังไง ตอนเช้าฉันโทรไปหาเธอตั้งหลายรอบก็ได้ยินแต่เ
Baca selengkapnya

บทที่ 67

หลี่หยวน “...”สรุปพูดไปก็เปล่าประโยชน์? ประธานฟู่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี?พอเข้าลิฟต์ สีหน้าของฟู่อี้ชวนก็เคร่งขรึมขึ้นมาต่อให้ตอนนั้นซูมั่วอธิบายแล้วไง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดกับเขาโดยตรงอยู่ดี? แถมยังห้ามหลี่หยวนไม่ให้บอกเขาอีกในเมื่อคิดว่าเขาใส่ร้ายเธอ งั้นก็โทรมาพูดเองให้ชัดเจนเองสิเขาให้โอกาสเธอมาหลายครั้งแล้ว เธอจะเป็นฝ่ายยอมก่อนสักครั้งมันจะตายหรือไง?ฟู่อี้ชวนขับรถตรงไปยังร้านอาหารที่จองไว้ ด้วยความขุ่นเคืองเย่ซินหย่าไปถึงก่อนแล้ว กำลังนั่งเปิดเมนูดูอยู่แม้ว่าตอนเช้าจะมีเรื่องให้ไม่พอใจกันนิดหน่อย แต่ตอนที่เธอชวนฟู่อี้ชวนมากินข้าวกลางวันอีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างเต็มใจไม่ใช่เหรอ?แสดงว่าระหว่างพวกเขายังไม่มีรอยร้าวอะไร ขอแค่เธอเติมไฟอีกหน่อย ทำให้เขากลับมารักเธอเหมือนตอนสมัยเรียนมหาลัยก็พอแล้วอีกฝั่งจากโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ ตำแหน่งเฉียงไปด้านหน้า“รุ่นพี่” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เงยหน้าหันกลับไปโดยอัตโนมัติทันทีที่เห็นหญิงสาวหน้าตาสวยใสไร้เดียงสาเหมือนเช่นเคย โจวจิ่งอันก็ลุกขึ้นยืน มองไม่ละสายตา เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่แท้ คนที่เคยทำให้เราตกตะลึงในคว
Baca selengkapnya

บทที่ 68

ซูมั่วฟังแล้ว รู้สึกดีใจแทนรุ่นพี่ ที่ในที่สุดความฝันในตอนนั้นของเขาก็เป็นจริง“จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณซูมั่วเหมือนกัน ที่ตอนนั้นเธอเป็นคนหาเงินลงทุนจากนักลงทุนใจบุญได้ถึงห้าสิบล้าน” โจวจิ่งอันพูดพลางมองไปที่ซูมั่ว“ซูมั่วเจ๋งขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมไม่เคยบอกกันเลย?” หลีโย่วถามด้วยความประหลาดใจ “เพราะตอนที่เธอหานักลงทุนได้เธอก็ไปต่างประเทศแล้ว ตอนนั้นฉันซาบซึ้งใจมาก ถึงกับอยากให้ซูมั่วเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง แต่เธอกลับเดินทางไปอย่างกระทันหัน” โจวจิ่งอันถอนใจพูดซูมั่วฟังแล้ว ความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนจริงๆ แล้วตอนนั้นเธอวางแผนจะร่วมทำธุรกิจกับรุ่นพี่ แต่ใครจะรู้ว่าโชคชะตากลับมอบ “ลาภลอย” มาให้เธอเธอจึงยอมทิ้งหน้าที่การงานเพื่อความรัก และหายตัวไปอย่างเงียบๆ กลายเป็น “แม่บ้าน” ที่ถูกกักขัง“ถ้าเป็นการลงทุนแบบนักบุญ มั่วมั่วจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นได้ยังไง? แล้วยังได้ปันผลด้วย?” หลีโย่วเน้นประเด็นสำคัญ“เพราะต่อมานักลงทุนใจบุญเปลี่ยนเป็นลงทุนส่วนตัว เลยแบ่งปันผลกับซูมั่วคนละครึ่ง” โจวจิ่งอันอธิบาย “โอ้พระเจ้า เจอเจ้านายรวยมหาศาลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?” หลีโย่วพูดด้วยความประหลาดใจ“
Baca selengkapnya

บทที่ 69

บริเวณหน้าห้องอาหารฟู่อี้ชวนแจ้งว่าจองโต๊ะไว้แล้ว พนักงานจึงพาเขาเดินไปที่โต๊ะ ระหว่างทาง เขาหันไปมองด้านข้างโดยไม่ตั้งใจ แล้วกวาดสายตา จากนั้นเขาก็ชะงักเล็กน้อยสายตาจับจ้องไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านในโต๊ะหนึ่ง อีกฝ่ายก็ยกเมนูขึ้นมาบังใบหน้าไว้พอดีเมื่อครู่ เพียงเสี้ยววินาที เขารู้สึกเหมือนกับว่าเห็น...ซูมั่วจากนั้นเขาก็เดินตามพนักงานไป แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม และกำลังจะได้เห็นด้านข้างใบหน้าของอีกฝ่ายแต่กลับมีเสาต้นใหญ่บังสายตาของเขาไว้พอดีพอมองอีกที ก็เห็นเพียงแค่ด้านหลังศีรษะของหญิงสาวคนนั้นแล้วผมสั้น...ไม่ใช่ซูมั่ว เพราะซูมั่วไว้ผมยาวอีกอย่าง ตอนนี้เธอยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันฟู่อี้ชวนจึงละสายตากลับมา สีหน้าว่างเปล่า รู้สึกว่าตัวเองคงตาฝาดไปเองแล้วอีกอย่างก็คือ เพราะซูมั่วบล็อกเขา เขาเลยอารมณ์เสียมาตลอดทั้งเช้า แม้กระทั่งเอกสารก็ยังไม่ได้เซ็นเลย ดังนั้นตอนนี้เลยกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนนิดหน่อย เห็นใครก็คิดว่าเป็นเธอไปหมดโต๊ะที่นั่งใกล้กับประตูพอรู้สึกว่าเขาน่าจะเดินไปแล้ว ซูมั่วจึงค่อยๆ วางเมนูลง หัวใจที่เต้
Baca selengkapnya

บทที่ 70

เย่ซินหย่ายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ กับสิ่งที่เธอวางแผนอยู่ในใจ อาหารจานหลักถูกนำมาเสิร์ฟ แต่ฟู่อี้ชวนกินได้ไม่เยอะ แต่กลับดื่มไวน์แดงไปเกือบหมดขวด โดยเฉพาะขวดที่เปิดใหม่ในตอนหลัง ดีกรีค่อนข้างสูง“ไม่ดื่มแล้วซินหย่า ตอนบ่ายยังต้องทำงานอีก” ฟู่อี้ชวนเลื่อนแก้วไวน์ออก เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเทให้เขาอีก“ฉันว่านายดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ น่าจะเป็นเพราะทำงานเครียดเกินไป ดื่มอีกหน่อยแล้วไปงีบในห้องทำงานตอนเที่ยงสักพัก ตอนบ่ายจะได้สดชื่น” เย่ซินหย่าพูดด้วยน้ำเสียงโน้มน้าวอย่างอ่อนโยนฟู่อี้ชวนได้ยินที่เธอพูด เขายอมรับว่าอารมณ์ไม่ดีจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะเครียดจากการทำงาน แต่เป็นเพราะซูมั่วซูมั่วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมมาหาเขา โทรไปก็ไม่รับ มันทำให้เขาหงุดหงิดมาก โมโหมาก และ…อึดอัดใจมากสุดท้าย เขาก็ยอมวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอีกครั้งพร้อมกับเลื่อนไปข้างหน้า เย่ซินหย่าจึงเติมไวน์ให้เขาอีกจนเต็มแก้วตอนนี้ ทางด้านฝั่งของซูมั่วทั้งสามคนกินข้าวเสร็จแล้ว และกำลังจะลุกจากโต๊ะ โจวจิ่งอันเป็นคนไปจ่ายเงิน“ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำหน่อย มั่วมั่วเธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” หลีโย่วพูดขึ้นซูมั่วพยักหน้าตอบรับ แล้วเดินไป
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
56789
...
17
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status